ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 259 วังเทพแห่งความฝัน
ตอนที่ 259 วังเทพแห่งความฝัน
ไป๋กุ้ยเหรินเอ่ยด้วยความลังเลเล็กน้อย “เผิงซีคนนี้อายุยังน้อย ความสามารถมีจำกัด อาศัยเพียงสภาวะของเขาเกรงว่าจะคุมคนที่กลับมาอยู่ด้วยกันเหล่านั้นไม่อยู่”
เหมยชิงหยากล่าว “ไอเรื่องความแข็งแกร่งเนี่ย ให้เขาได้เจอปาฏิหาริย์หน่อยแล้วกัน ให้เขาได้เจอวิชาบำเพ็ญเพียรดีๆ สักชุด ให้ยอดฝีมือสักสามสี่คนไปคอยช่วยเขา ช่วยจนถึงระดับหนึ่ง ส่วนเขาจะคุมคนเหล่านั้นอยู่หรือไม่ นั่นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว ถ้าคุมไม่อยู่จริงๆ ก็ช่วยไม่ได้ เป้าหมายของเราคือเงินในมือเขา”
“ตอนนี้เขากำลังร้อนใจรีบหาทางออก พวกเราต้องการใช้เขา ต้องการเอาเงินที่อยู่ในมือเขามาใช้จ่าย ทำให้คนที่กระจัดกระจายเหล่านั้นกลับมาอยู่ด้วยกัน ถ้าเขาคุมสถานการณ์ไม่อยู่จนถูกคนด้านล่างขึ้นมาแทนที่จริงๆ อย่างนั้นพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างน้อยพวกเราก็ไม่เสียอะไร เป้าหมายที่จะดึงคนกลับมารวมกลุ่มใหม่ก็บรรลุด้วย”
ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “หนึ่ง สอง สาม สี่ หก เจ็ด แปด สิบ สิบเอ็ด สิบสอง นี่มันคนจากสิบกลุ่มเลยนะคะ การจะเอาคนจากสิบกลุ่มที่กระจัดกระจายแยกย้ายไปแล้วกลับมารวมกันใหม่ นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะคะ จะให้เขาหมดเลยเหรอคะ?”
เหมยชิงหยากล่าว “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น จะให้ใหญ่เกินไปไม่ได้ จัดคนจากสิบกลุ่มนี้หน่อยแล้วแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม เธอลองดูหน่อย ถ้าเจอคนที่เหมาะสมก็ช่วยดันเขาให้ขึ้นมาแล้วกัน”
ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “ไม่ให้เขาไปอยู่กับท่านเก้าหรือคะ?”
“เอาเงินให้ท่านเก้าเหรอ? ดึงเขาออกมา ให้เขาตั้งกลุ่มขึ้นมาเอง!” เหมยชิงหยาให้คำแนะนำ จู่ๆ คล้ายนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยถามว่า “เออใช่ ยังมีลูกเขยของหอการค้าตระกูลพานที่ล้มละลายไปด้วยไม่ใช่เหรอ? ชื่ออะไรนะ?”
ไป๋กุ้ยเหรินว่า “ชื่อสวีเฉียนค่ะ”
เหมยชิงหยากล่าว “ในมือเขายังมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งไม่ใช่เหรอ เธอว่าถ้าให้เขาออกเงิน แล้วให้เขาดูแลคนกลุ่มหนึ่งเป็นยังไง?”
ไป๋กุ้ยเหรินว่า “เกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ สวีเฉียนคนนี้ไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญเพียร อีกทั้งความสามารถมีจำกัด ที่ผ่านมาเป็นแค่ผู้ช่วยของประธานหอการค้าตระกูลพาน ยังไม่เคยจัดการอะไรด้วยตัวคนเดียว ความสามารถยังห่างชั้นจากเผิงซีคนนี้อยู่มาก ถ้าจู่ๆ ให้เขามาจัดการเรื่องใหญ่แบบนี้ เกรงว่าเขาน่าจะรับไม่ไหว เผลอๆ เงินทุนอาจจะไม่เหลือเลยด้วย อีกอย่างคือเขาไม่เหมือนเผิงซีที่ยังไม่ยอมแพ้ สวีเฉียนคนนี้ซ่อนตัวจนกระทั่งไม่เห็นแม้กระทั่งเงา ไม่มีร่องรอยอะไรให้ตามเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน”
เหมยชิงหยากล่าวว่า “ในเมื่อใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ อย่างนั้นก็ช่างเถอะ แต่ในมือเขายังมีเงินอยู่อีกหลายพันล้านใช่ไหมล่ะ? เงินที่มีที่มาที่ไปไม่สะอาด ถ้าไม่เอาก็เสียเปล่า พวกเรากำลังขาดเงินอยู่พอดี หาทางลากตัวเขาออกมา”
ไป๋กุ้ยเหรินกล่าว “ซ่อนตัวจนไม่มีร่องรอยอะไรให้ตาม ถ้าคิดจะหา เกรงว่าคงไม่ง่าย เพราะถ้าหาตัวเขาเจอได้ง่ายๆ จริง เกรงว่าคงจะตกอยู่ในมือคนอื่นไปนานแล้ว ท่านหมายตาเงินหลายพันล้านในมือเขา หรือว่าคนอื่นไม่หมายตาล่ะคะ? เนื้อชิ้นใหญ่ มีใครบ้างไม่อยากได้!”
เหมยชิงหยากล่าว “นอกเสียจากจะตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ต้องโผล่ออกมาหายใจบ้างหรือเปล่า? ถ้าจะซ่อนตัวจนคนหาไม่เจอ แบบนั้นก็ต้องมีการเตรียมการ เมื่อมีการเตรียมการก็จะต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ เธอไปหาทางจัดการมา”
“เฮ้อ!” ไป๋กุ้ยเหรินถอนใจออกมาอย่างจนปัญญา เอ่ยว่า “ถ้าดูจากตอนนี้แล้ว มันก็ยังมีวิธีโง่ๆ อยู่วิธีหนึ่งที่ลองใช้ได้ ตอนที่เขาฆ่าภรรยาของเขา ฉันลองไปตรวจสอบดูแล้ว เพราะอยากรู้ว่าจะโหดร้ายแค่ไหน กระทั่งภรรยาของตัวเองก็ยังฆ่าได้ลงคอ ผลปรากฏว่าเดิมทีความสัมพันธ์ของเขากับภรรยาของเขานั้นไม่เลวเลยทีเดียว ขอเพียงเขายังคิดถึงภรรยาของเขาอยู่บ้าง มันก็มีโอกาสที่เขาจะไปที่หลุมศพของภรรยาเขา ฉันจะส่งคนไปคอยจับตาดูไว้แล้วกันค่ะ ส่วนเรื่องเบาะแสของเขา เดี๋ยวค่อยเอาคนที่รู้จักกับเขามาตรวจสอบดูอย่างละเอียดอีกที ดูว่าพอจะหาเบาะแสอะไรที่จะใช้หาตัวเขาออกมาได้บ้าง”
“ตั้งหลายพันล้านเลยนะ หลบๆ ซ่อนๆ ก็เอาออกมาใช้ไม่ได้ ปล่อยให้อยู่ในมือเขาไปก็น่าเสียดาย เร็วหน่อยแล้วกัน” เหมยชิงหยากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
……
รถที่อยู่ในโหมดเครื่องบินคันหนึ่งกำลังบินวนไปวนมาเหนือเทือกเขาที่สูงชันแถบหนึ่ง คนที่ขับรถยังคงเป็นหลินยวน
ยังคงเหมือนที่เคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ จะแสดงละครก็ต้องแสดงให้มันแนบเนียน หลัวคังอันเป็นรองประธานหอการค้าตระกูลฉิน เขาเป็นผู้ช่วยของรองประธาน ถ้าให้หลัวคังอันมาเป็น ‘คนขับรถ’ ถ้าเกิดถูกคนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดี
“ผมว่านะ พวกเราบินกันมานานขนาดนี้แล้ว นั่นมันวังเทพของคุณเอง บ้านที่คุณอยู่มาตั้งหลายปีเลยนะ กระทั่งบ้านของตัวเองก็หาไม่เจอแล้วเหรอ?”
ในที่สุดหลัวคังอันที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ทนไม่ไหว อดเอ่ยเร่งเยี่ยนอิงขึ้นมาไม่ได้
ดินแดนแห่งความฝันมีพระอาทิตย์สามดวง ทำให้ดินแดนแห่งความฝันแห่งนี้ไม่มีกลางคืน ตกอยู่ในช่วงเวลากลางวันตลอดกาล
เยี่ยนอิงเองก็มองหามาเป็นเวลานานแล้วจริงๆ เพียงแต่ในสถานที่ที่มีแต่กลางวันแห่งนี้ หากไม่ครุ่นคิดอย่างจริงจังล่ะก็ เกรงว่าคงจะไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลัวคังอันคาดว่าตอนนี้พวกเขาเสียเวลาตามหาวังเทพบ้าบออะไรนั่นมาวันสองวันแล้ว
ไม่ได้ทำอะไรเลย เอาแต่บินวนไปวนมาแบบนี้ การที่จู่ๆ คนที่เคยชินกับการที่มีช่วงเวลากลางคืนแทนที่ต้องมาเจอกับโลกที่มีแต่กลางวันเป็นเวลายาวนานแบบนี้ อารมณ์ย่อมต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิด
เยี่ยนอิงหันกลับมามองดูเขา เห็นความรู้สึกหงุดหงิดที่ยากจะปกปิดเอาไว้ได้ของหลัวคังอัน จึงกล่าวเตือนไปว่า “พวกคุณควรจะกินยาได้แล้ว”
เธอเอ่ยปาก หลินยวนไม่ได้พูดอะไร หยิบยาสีเขียวออกมาเม็ดหนึ่ง เอาใส่ปากแล้วกลืนลงไป
หลัวคังอันเองก็หยิบยาแบบเดียวกันออกมากิน
ในเวลาปกติ ดินแดนแห่งความฝันนั้นไม่เหมาะให้คนมาอาศัยอยู่เป็นเวลานาน สาเหตุไม่ใช่แค่เพราะที่นี่ไม่มีเวลากลางคืน หากแต่เป็นเพราะในสภาพแวดล้อมของที่นี่ยังมีสสารชนิดหนึ่งที่ทำให้ระบบประสาทของคนเกิดความผิดปกติ จำเป็นต้องกินยาแก้ในเวลาที่กำหนดเอาไว้
หลินยวนกล่าวว่า “เพื่อจะตามหาวังเทพของเธอ พวกเราเสียเวลามาเป็นวันๆ แล้ว เวลาของเราเหลือไม่มาก ก่อนหน้านี้เราเคยผ่านตรงนี้แล้ว ตอนนี้ยังวกกลับมาอีก ยังไม่แน่ใจอีกเหรอ”
เขานับว่าพยายามอดทนทำความเข้าใจเธอแล้ว จากบ้านไปนานขนาดนั้น ความรู้สึกที่อยากจะกลับบ้านไปดูหน่อยนั้นพอจะเข้าใจได้ เขาถึงได้ยอมเสียเวลามาเป็นเพื่อนเธอเช่นนี้ แต่จะปล่อยให้เสียเวลาต่อไปแบบนี้ก็ไม่ได้เช่นกัน
เยี่ยนอิงมองดูสภาพแวดล้อมด้านนอก กล่าวอย่างลังเลว่า “เราบินวนรอบใหญ่เพื่อดูสภาพภูมิประเทศรอบหนึ่งแล้ว อันที่จริงมันน่าจะอยู่ตรงแถบนี้ถึงจะถูก แต่สภาพภูมิประเทศมันดูไม่เหมือนเดิม หรือว่าหลายปีมานี้สภาพภูมิประเทศมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไป? เดี๋ยวฉันออกไปดูหน่อย” เธอเปิดประตูรถแล้วบินออกไป
รถลอยอยู่กลางอากาศ เยี่ยนอิงบินไปบินมาอย่างรวดเร็วระหว่างภูเขาที่สูงชัน สุดท้ายก็บินลงไปยังยอดเขาแห่งหนึ่ง หมุนตัวสะบัดแขนเสื้อกวาดออกไปรอบด้าน
หลินยวนและหลัวคังอันที่กำลังนั่งมองอยู่ในรถพลันตกตะลึงไปทันที เห็นทิวทัศน์ที่อยู่รอบๆ ยอดเขาที่เยี่ยนอิงยืนอยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงคล้ายระลอกคลื่น ภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีถอยห่างออกไปเหมือนดั่งเกลียวคลื่น
เทือกเขาที่สูงต่ำต่างกันไม่มากค่อยๆ กลายเป็นหน้าผาสูงชันที่น่าหวาดกลัว เพียงแต่พื้นที่หน้าผาส่วนใหญ่ล้วนถูกไม้เถาที่มีใบเป็นรูปใบหน้ายิ้มชนิดหนึ่งปกคลุมเอาไว้อยู่
หลินยวนรีบขับรถออกไปทันที ร่อนลงไปบนยอดเขาแห่งนั้น จอดลงข้างกายเยี่ยนอิง
ทั้งสองคนที่อยู่ในรถทยอยลงจากรถ หลินยวนเอ่ยถามเธอว่า “ที่นี่หรือ?”
ปลายเท้าข้างขวาของเยี่ยนอิงเคาะลงไปบนพื้นเบาๆ “ใช่ค่ะ อยู่ใต้นี้นี่แหละ เถาลวงตาที่อยู่ที่นี่ฉันเป็นคนปลูกมันเอาไว้เอง คิดไม่ถึงว่าผ่านมานานขนาดนี้มันจะขยายตัวออกไปกว้างขนาดนี้ กระทั่งฉันก็ยังถูกผลของภาพลวงตาที่มันสร้างขึ้นมาหลอกเอาได้”
เถาลวงตา? หลินยวนกับหลัวคังอันมองดูไม้เถาที่มีใบเป็นรูปใบหน้ายิ้มที่อยู่รอบๆ นับว่าได้เปิดหูเปิดตา
“ตามฉันมาค่ะ” เยี่ยนอิงบินออกไป ตรงไปยังใต้หน้าผาที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
ทั้งสองคนบินตามออกไป ในตอนที่บินไปถึงตรงกึ่งกลางหน้าผาแห่งนั้น พวกเขาก็หยุดตามร่างของเยี่ยนอิงที่หยุดชะงัก
เบื้องหน้าคือผาสูงชันแห่งหนึ่ง แล้วก็ไม่รู้ว่าเยี่ยนอิงกำลังมองดูอะไร จากนั้นเห็นเยี่ยนอิงสะบัดแขนเสื้อซัดพลังออกไปสายหนึ่ง
เมื่อพลังสัมผัสเข้ากับหน้าผาที่สูงชัน บนหน้าผาพลันมีรอยปริแตกปรากฏขึ้นมา ภาพลวงตาสลายหายไป ปรากฏเป็นแมลงสีม่วงที่มีขนาดใหญ่ประมาณกำปั้นฝูงหนึ่งกำลังปีนป่ายหนีออกไป จากนั้นก็มีประตูถ้ำขนาดใหญ่บานหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ขอบหลังคาที่ถูกเจาะขึ้นมาเผยโฉมออกมา ด้านบนประตูที่อยู่ใต้ขอบหลังคามีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนเอาไว้ว่า : วังเทพแห่งความฝัน!
ทั้งสามคนบินลงมายังด้านนอกประตูวัง เยี่ยนอิงยื่นมือข้างหนึ่งผลักออกไป ประตูหินอันหนักอึ้งส่งเสียง ‘ครืดๆ’ พลางเปิดแยกออก เผยให้เห็นพื้นที่ด้านในวังที่ดำมืด
เยี่ยนอิงเข้าไปก่อน หลินยวนกับหลัวคังอันค่อยๆ เดินตามเข้าไป ใต้ฝ่าเท้าคือฝุ่นที่จับตัวหนา เห็นได้ว่าไม่มีใครเข้ามาที่นี่เป็นเวลานานแล้ว
ทั้งสามคนหยุดฝีเท้าลงที่ตำหนักด้านหน้า ใช้เนตรทิพย์ มองเห็นข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากหินล้มกระจัดกระจาย คล้ายเคยถูกอะไรบางอย่างทำให้เสียหาย แต่ก็มีฝุ่นหนาๆ จับตัวอยู่เช่นกัน เห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
เยี่ยนอิงกวาดตามองไปรอบๆ เห็นว่าอัญมณีที่ใช้สำหรับให้ความสว่างที่อยู่รอบๆ ล้วนหายไปหมดแล้ว จึงถอนใจพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนหลังจากฉันไปแล้ว คนของราชวงศ์ปัจจุบันคงจะเคยมาที่นี่”
ขนาดของตำหนักหน้าไม่ใหญ่นัก ทั้งสามคนมายังตำหนักหลัง มีขนาดไม่ใหญ่เช่นเดียวกัน มีแค่ห้องหินแค่ไม่กี่ห้อง
หลัวคังอันที่เดินสำรวจดูรอบๆ เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “วังเทพแห่งความฝันใหญ่แค่นี้เองเหรอ?”
เยี่ยนอิงที่ยืนเงียบๆ ตอบกลับมาว่า “นายคิดว่าตำแหน่งเทพแห่งความฝันของฉันนี่มีอำนาจมากอย่างนั้นเหรอ? วังหินนี่ฉันเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง”
หลินยวนไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าพอจะรู้ถึงเรื่องราวของเธออยู่บ้าง นามเทพแห่งความฝันนี้ฟังแล้วเหมือนได้รับการแต่งตั้งมา แต่ความจริงแล้วกลับถูกคนกลั่นแกล้งให้มาอยู่ที่นี่ ตั้งใจทำให้เธอทรมาน ด้วยคิดอยากจะให้เธอยอมจำนน
หากเป็นวิมานอันงามวิจิตรที่ยิ่งใหญ่อลังการล่ะก็ นั่นต่างหากกลับจะผิดปกติ
หลัวคังอันยิ่งรู้สึกแปลกใจ “วังใหญ่แค่นี้ คุณได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพแห่งความฝัน หรือว่าไม่มีบริวารอยู่คอยรับใช้เลย?”
เยี่ยนอิงกล่าว “ไม่มี มีแค่สาวใช้คนสนิทสองคนที่คอยติดตามฉันอยู่ตลอด ตอนที่ออกไปจากดินแดนแห่งความฝัน ฉันไล่พวกเธอไป เพราะอยู่ด้วยกันมันสะดุดตาเกินไป แบบนั้นจะไม่ปลอดภัย ฉันเองก็ไม่อยากทำให้พวกเธอต้องลำบากด้วย พอคิดดูแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธอยังอยู่หรือเปล่า ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธอเป็นยังไงบ้าง” กล่าวจบก็ถอนใจออกมาเงียบๆ
หลัวคังอันผายมือไปทางหลินยวน ท่าทางดูเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก คล้ายกำลังบอกว่าที่นี่มีอะไรน่าดูกันล่ะเนี่ย เสียเวลามาที่นี่ทำไม
เยี่ยนอิงเหลือบมองเขา ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับเดินไปยังบันไดหินแห่งหนึ่งที่ตรงไปทางด้านล่าง ทางด้านนั้นมีเสียงน้ำไหลดังแว่วมา
หลินยวนเดินตามไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันขวับกลับไปทางด้านหลัง เพราะเขาพบว่าจู่ๆ หลัวคังอันก็หยุดชะงักฝีเท้า เยี่ยนอิงเองก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หันกลับไปเช่นเดียวกัน
หลัวคังอันที่จู่ๆ พลันเงียบลงไปหลับตาทั้งสองข้างลง เห็นได้ชัดว่ากำลังเพ่งสมาธิรับรู้อะไรบางอย่าง
หลินยวนกับเยี่ยนอิงไม่ได้รบกวน ต่างมองออกว่าเขากำลังรับข้อความอะไรบางอย่างอยู่
จากนั้นเห็นสีหน้าของหลัวคังอันพลันเปลี่ยนไป ทั้งสองคนอดสบตากันไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลัวคังอันลืมตาขึ้นมา พอเอ่ยปากก็สบถด่าออกมา “แม่งเอ้ย ใครมันจ้องจะเล่นงานฉันวะเนี่ย!”
หลินยวนเอ่ยถาม “มีอะไร?”
หลังคังอันกล่าว “ทางท่านประธานส่งข่าวมา บอกให้ฉันระวังหน่อย บอกว่ามีคนตั้งขึ้นรางวัลจะเอาชีวิตฉัน พันล้านมุก! ถ้าใครสามารถเอาชีวิตฉันได้ภายในกำหนดเส้นตายแก้พิษก็จะได้เงินรางวัลพันล้านมุกไป ฉันไปทำให้ใครไม่พอใจล่ะเนี่ย อยู่ดีๆ จะมาฆ่าฉันทำไม?”
หลินยวนขมวดคิ้วพลางกล่าว “ใครตั้งเงินรางวัล?”
หลัวคังอันเอ่ยด้วยสีหน้าโมโห “ไม่รู้ แอบตั้งขึ้นมา ทางท่านประธานเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉันเองก็อยากรู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน ฆ่าใครไม่ฆ่า จะมาฆ่าฉันทำไม? เพื่อจะฆ่าฉันแล้ว ถึงกับยอมจ่ายพันล้านมุก ฉันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เยี่ยนอิงกลับเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ น่าจะมีค่าอยู่ หลงซืออวี่เป็นหนึ่งในสามอธิการบดีของหลิงซาน ดูแลหลิงซานมาหลายปี ไม่รู้ว่าสร้างลูกศิษย์มาแล้วมากมายเท่าไร อาศัยเพียงเส้นสายตรงนี้ก็มีค่าอย่างมากแล้ว เงินพันล้านมุกซื้อชีวิตลูกศิษย์ของเขา นั่นกลับไม่แพงเลย!” น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหยอกล้อเล็กน้อย
“คุณ..” หลัวคังอันกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่เมื่อคิดถึงว่าตัวเองสู้อีกฝ่ายไม่ได้ จึงกลืนคำพูดนั้นกลับลงไปอีกครั้ง ถอนใจพลางกล่าวว่า “ผมว่านะท่านเทพแห่งความฝัน คุณยังจะอยู่ที่นี่อีกนานหรือเปล่า?”
“นายคิดว่าฉันมาเดินเล่นอย่างนั้นเหรอ?” เยี่ยนอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังปากทางบันไดที่มืดมิด “ฉันซ่อนของดีอย่างหนึ่งเอาไว้ที่นี่ ถ้าอยากจะหานางพญาหนอนแห่งความฝันก็ต้องใช้มัน ขอให้มันยังอยู่ที่นี่ ไม่ได้ถูกทำลายไปก็แล้วกัน”
………………………………………………………