ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 252 แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่ 252 แกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ?
ภายในใจของยายเฉ่าเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ อารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ แปรเปลี่ยนเป็นปั่นป่วนรุนแรงยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้คิดว่าคนเหล่านั้นมาแล้ว ต่อมาพบว่าเป็นตนเองที่คิดมากไป ขณะที่เพิ่งจะโล่งใจและคิดจะลงมือจัดการอีกฝ่าย ใครจะไปรู้ว่าผลลัพธ์จะกลายเป็นว่าคนที่เธอกลัวที่สุดเหล่านั้นจะมาแล้วจริงๆ
เธอที่ก้มหน้าอยู่ จิตใจเต็มไปด้วยความเศร้า หลบซ่อนมานานหลายปีขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงหลบไม่พ้นอยู่ดี!
นั่นมันบ้าอะไรกัน? สายตาของหลัวคังอันกรอกกลิ้งไปมาด้วยความตื่นตะลึง เขาค่อยๆ ขยับฝีเท้าเข้าไป อยากจะเห็นว่าที่หลินยวนถืออะไรไว้ตรงหน้าอกมันคืออะไรกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้คนที่ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งให้เป็นเทพหวาดกลัวจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เธอตกใจจนคุกเข่าลงไปกับพื้นได้
คลิก! เสียงหนึ่งดังขึ้น ภายในอากาศมีอะไรบางอย่างหดกลับเข้าไปในแขนเสื้อของหลินยวน
หลินยวนเองก็ไม่ให้หลัวคังอันได้สมหวัง ไม่ยอมให้เขาเห็นว่าของสิ่งนั้นมันคืออะไร หลินยวนพลิกฝ่ามือ ป้ายบัญชาเทพพลันหายวับไป
หลัวคังอันชะโงกหน้าไปอีกด้าน ก่อนจะมองเห็นความว่างเปล่า อดไม่ได้ที่จะแยกเขี้ยวใส่ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
หลินยวนหันไปมองเขา “แกลงไปเฝ้าข้างล่างไว้”
หลัวคังอันอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไป นี่มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ความลับอันยิ่งใหญ่จะเปิดเผยออกมาเลยนะ เขาอยากจะรู้นี่นา แต่เมื่อเห็นท่าทางน่ากลัวของหลินยวนแล้ว เขาก็ไม่กล้าสร้างความวุ่นวายอีก จึงรับคำ “อ้อ” จากนั้นหดหัวถอยออกไป
“ปิดประตู เอาหน้ากากของแกมาใส่ไว้ด้วย” หลินยวนตะคอกไปอีกทีหนึ่ง
หลัวคังอันรีบสะบัดหน้ากากหนังขึ้นมาแปะไว้บนหน้า ตอนที่ออกไปก็ปิดประตูให้ด้วย
ความจริงแล้วภายในใจเขาที่เดินลงบันไดไปเหมือนมีคลื่นกำลังโหมกระหน่ำอยู่ เขาไม่ได้โง่ ไม่ว่าหลินยวนจะเป็นใคร แต่คนที่สามารถทำให้เทพแห่งความฝันของราชวงศ์ก่อนคุกเข่ารับฟังคำสั่งได้ สถานะที่อยู่เบื้องหลังเขาคืออะไร นี่ยังต้องคิดมากอีกหรือ?
เขารู้อยู่แล้วว่าที่หลินยวนหลบๆ ซ่อนๆ จะต้องเป็นเพราะว่าตัวตนของเขาไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นคนพวกนั้นได้ ไม่คิดว่าคนที่ออกมาจากหน่วยผู้พิทักษ์เทพแห่งเมืองหลวงอย่างตนเองจะมาพัวพันอยู่กับคนพวกนี้
……
เมื่อได้ยินเสียงเดินลงบันไดไปแล้ว หลินยวนจึงหันมามองดูคนที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างเงียบๆ อีกครั้ง “สมแล้วที่เป็นเทพแห่งความฝัน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังที่สามารถหลอกเนตรทิพย์ได้แบบนี้ด้วย”
ยายเฉ่าที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ยิ้มขมขื่นพลางกล่าว “อยู่ในดินแดนแห่งความฝันมาตั้งนานหลายปีขนาดนั้น ก็พอรู้อยู่บ้าง”
หลินยวนว่า “ลุกขึ้นมาคุยกันเถอะ” ตัวเขาเองก็นั่งลงอีกครั้ง
ยายเฉ่าค่อยๆ ลุกขึ้นมา มองเขาด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน พลางเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา “ท่านเป็นใคร?”
หลินยวน “ฉันเป็นใครยังสำคัญอีกเหรอ? ต่อไปเธอจะรู้เอง”
ยายเฉ่า “ท่านไม่คล้ายคนที่ฉันรู้จักเลย ได้ยินว่าในตอนนี้มีกำลังพลสิบสามฝ่ายที่ต่อต้านราชวงศ์ปัจจุบันอยู่ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
หลินยวน “เช่นเดียวกับพลังของเธอ สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยินมาไม่แน่ว่าจะเป็นไปตามนั้น ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
เมื่อถามไม่ได้คำตอบอะไร ยายเฉ่าก็มองไปทางประตูที่ปิดสนิทเล็กน้อย เอ่ยออกมาอย่างเศร้าๆ ว่า “คงไม่ใช่หลงซืออวี่สินะ ฉันก็ว่าแล้วเชียว หลงซืออวี่เย่อหยิ่งแบบนั้น เขาจะมาสนใจฉันได้ยังไง ถ้าหากว่าเขามีใจ ฉันจะถูกขังอยู่ในดินแดนแห่งความฝันตั้งหลายปีขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ”
หลินยวน “ตัวตนของเขาไม่ได้มีปัญหา และฉันเองก็ไม่ได้โกหกเธอ เขาเป็นลูกศิษย์ของหลงซืออวี่จริงๆ ทั้งยังเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายด้วย”
ยายเฉ่าอึ้งไปเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความคาดหวัง “อย่างนั้นก็แสดงว่าได้วิธีที่ตามหาฉันมาจากหลงซืออวี่จริงๆ หรือคะ?”
ในใจมีความรู้สึกยินดีที่อธิบายไม่ถูกปรากฏขึ้นมา หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นไม่เท่ากับภายในใจของหลงซืออวี่นั้นมีตัวเองอยู่หรอกหรือ?
แต่หลินยวนก็ได้ทำลายความรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ของเธออย่างไร้ซึ่งความปราณี “เธอคิดมากไปแล้ว แค่ยืมชื่อเขามาใช้เท่านั้นเอง”
มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรเธออีก เพราะไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องแบบนี้มาหลอกอีกฝ่ายจนโกรธอีก
สายตาของยายเฉ่าฉายแววเศร้าใจขึ้นมาทันที “ในเมื่อพวกท่านสามารถหาฉันเจอ ทำไมยังต้องยืมชื่อของหลงซืออวี่มาหลอกฉันด้วยล่ะคะ?”
หลินยวนกล่าว “ฉันไม่ได้อยากจะหลอกเธอ เธอคิดว่าเธอซ่อนตัวแล้วจะไม่มีใครตามหาเธอเจอเหรอ? พวกกบฏพวกนั้น มีคนไหนบ้างที่สามารถหนีรอดไปได้? เธอคิดว่าเธอจะโชคดีรอดไปได้เหรอ?”
“คนที่ไม่ยอมปรากฏตัวออกมาก็ยังมีอยู่อีก แต่ร่องรอยของทุกคนล้วนอยู่ในการกำมือของพวกเรา เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่ได้มีพฤติกรรมทรยศก็ปล่อยไป ไม่ได้ฝืนบังคับอะไร”
“ในเมื่อรู้ร่องรอยทุกอย่างอย่างละเอียด แล้วยังจะหนีไปไหนได้อีก? ไม่ว่าเธอจะหลบไปอยู่ที่ไหน พวกเราก็ตามหาเธอจนเจอ ในตอนที่เธอตัดการติดต่อไป อันที่จริงเรารู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่าหาเธอไม่เจอ หากแต่เป็นเพราะเห็นว่าเธอไม่เคยมีพฤติกรรมทรยศมาก่อน ไม่อยากให้มีปัญหาเพิ่ม จึงคิดที่จะปล่อยเธอไป”
“เออกูจื่อ ไม่ใช่ว่าเราหาเธอไม่เจอ แต่เป็นเพราะเราไม่อยากตามหา เธอคิดว่าที่เมืองหมอกไม่มีคนรู้จักเก่าๆ ของเธอเลยเหรอ?”
“ส่วนหลงซืออวี่ เขาตายไปแล้ว เดิมทีคิดว่าจะหลอกแค่เพียงนิดหน่อยแล้วก็ปล่อยผ่านไป เพียงแค่จะหยิบยืมความสามารถของเธอ จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันด้วยดี ไม่ต้องรบกวนกันอีก แล้วทุกคนจะผ่านเรื่องนี้ไปอย่างงุนงง เป็นที่เธอวู่วามเอง กระทั่งความเป็นความตายของอาเซียงก็ไม่คิดจะตรวจสอบ ยังไม่ทันได้เริ่มเจรจาก็ล้มโอกาสที่จะเจรจากันต่อไปเสียแล้ว ในเมื่อตอนนี้เธอรู้ตัวตนของฉันแล้ว อย่างนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว ซ่อนตัวมานานขนาดนี้ ไม่ต้องหลบอีกต่อไปแล้ว ทำตามคำสาบานของเธอ ออกมาปฏิบัติตามคำสั่งซะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ยายเฉ่าเรียกได้ว่านึกเสียใจเป็นอย่างมาก ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรก ไม่วู่วามลงมือเสียก็ดี ตอนนี้ทำให้อีกฝ่ายเปิดเผยตัวตนมาแล้ว ถ้าตนเองไม่ร่วมด้วย เกรงว่าคงจะมีแต่ต้องถูกฆ่าปิดปากเท่านั้น
ซ่อนตัวมานานขนาดนี้ ก็เพราะไม่อยากจะเข้าไปอยู่ท่ามกลางวังวนการต่อสู้ฆ่าฟันพวกนั้น ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจหนีพ้นได้
เรื่องราวมาถึงตอนนี้ ไม่มีทางเลือกแล้ว นอกเสียจากว่าต้องหนีไป แต่ถ้าหนี อาเซียงก็คงไม่มีชีวิตรอด ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่แน่ว่าจะหนีไปได้ด้วย ไม่มีใครรู้ว่าข้างนอกนั่นยังมีใครที่รอลงมือกับเธออยู่อีกหรือเปล่า
วิธีการของคนเหล่านั้น ถ้าถูกจับขึ้นมา เธอรู้เลยว่าตนเองจะลงเอยอย่างไร นั่นคงจะเป็นความรู้สึกที่อยากจะอยู่ก็ไม่ได้ อยากจะตายก็ไม่ได้!
ยายเฉ่ากล่าว “ไปตามหาดวงตาแห่งความฝันให้หอการค้าตระกูลฉินจริงๆ ใช่ไหมคะ?”
หลินยวนว่า “ใช่”
ยายเฉ่า “อย่างนั้นพวกท่านเคยคิดหรือไม่ว่าของที่แม้แต่ราชวงศ์ปัจจุบันต้องเสียกำลังพลไปมากมายก็ยังยากจะหาพบได้ ถ้าหากฉันช่วยพวกท่านหาเจอแล้ว พวกท่านจะอธิบายกับคนอื่นว่าอย่างไร?”
หลินยวนกล่าว “ฉันขอแก้สักหน่อยนะ ไม่ใช่ ‘พวกท่าน’ แต่เป็น ‘พวกเรา’”
ยายเฉ่า “ตกลง พวกเราจะอธิบายกับคนอื่นกว่ายังไง? ไม่กลัวว่าจะทำให้ราชวงศ์ปัจจุบันเกิดความสงสัยเหรอคะ?”
หลินยวน “ก็มีชื่อหลงซืออวี่อยู่ไม่ใช่เหรอ? เรามีลูกศิษย์ของหลงซืออวี่อยู่ อาศัยความรู้ที่กว้างขวางของหลงซืออวี่ผู้เป็นหนึ่งในสามอธิการบดีของหลิงซาน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถยกชื่อเขามาอ้างได้ทั้งนั้น ยังมีเกราะกำบังไหนที่ใช้ได้ดีกว่านี้ไหมล่ะ?”
ยายเฉ่าหมดคำพูดไปทันที นี่คือจะเอาหลงซืออวี่ที่ตายไปแล้วมาเป็นเกราะกำบังโดยเฉพาะเลยใช่ไหม?
หลินยวนกล่าวต่อ “ดูเหมือนเธอจะเคยมีความรักกับหลงซืออวี่สินะ?” ขนาดเขาไม่เก่งเรื่องรักใคร่ของชายหญิงก็ยังมองออกถึงอะไรบางอย่าง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ยายเฉ่าก็กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “มันก็แค่เรื่องในอดีต ไม่อาจเรียกว่าความรักอะไรหรอกค่ะ เป็นฉันเองที่รักเขาข้างเดียว ได้อยู่ข้างกายเขาช่วงเวลาหนึ่ง เขาเป็นคนถือตน ไม่ได้เห็นฉันอยู่ในสายตาเลย พูดไปแล้วก็น่าขัน อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ”
หลินยวน “อย่างนั้นก็ถูกแล้ว ด้วยความสามารถในการตรวจสอบของสภาเซียน ขอเพียงพวกเขาคิดจะตรวจสอบ ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้เรื่องที่หลงซืออวี่กับเธอเคยมีความสัมพันธ์ต่อกัน หลงซืออวี่มีวิธีตามหานางพญาหนอนแห่งความฝันได้ แบบนั้นมันก็สมเหตุสมผลดี!”
ยายเฉ่าถอนใจ “แม้ว่าฉันจะเคยอยู่ที่ดินแดนแห่งความฝันมานาน แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะหานางพญาหนอนแห่งความฝันเจอเหมือนกัน”
หลินยวนเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “ไม่มั่นใจจริงๆ หรือว่าไม่อยากออกแรงกันแน่?”
ยายเฉ่าส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดค่ะ”
หลินยวน “ช่วยเทพเจ้าแห่งโรคระบาดหาเจอได้ แต่ครั้งนี้หาไม่เจอแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ยายเฉ่ากล่าว “ท่านเข้าใจผิดแล้วค่ะ จากที่ฉันรู้มา ในดินแดนแห่งความฝันตอนนั้นมีนางพญาหนอนแห่งความฝันอยู่ทั้งหมดหกตัว ฉันหาให้เทพเจ้าแห่งโรคระบาดแล้วหนึ่งตัว ส่วนทางราชวงศ์ปัจจุบันก็เหมือนจะหาอีกห้าตัวที่เหลือออกมาหมดแล้ว”
หลินยวนขมวดคิ้ว ดูท่าแล้วทางสภาเซียนก็เหมือนจะไม่ธรรมดาเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะหานางพญาหนอนแห่งความฝันอีกห้าตัวที่เหลือออกมาได้จนหมด ไม่ใช่ว่าหาไม่เจออย่างที่อาจารย์หลางบอก หากแต่ถูกสภาเซียนหาจนเจอหมดแล้ว เพียงแต่ทางสภาเซียนไม่รู้เท่านั้นเองว่ามันมีอยู่เท่านั้น เขาจึงอดกล่าวอย่างสงสัยลังเลไม่ได้ว่า “เธอหมายความว่านางพญาหนอนแห่งความฝันไม่มีแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงล่ะก็ อย่างนั้นก็ยุ่งแล้ว อย่างนั้นก็คงทำได้แค่ต้องคิดหาวิธีช่วยหอการค้าตระกูลฉินรวบรวมเงินจำนวนมหาศาลไปซื้อยาเซียนแก้พิษแล้ว แต่การรวบรวมเงินกลับไม่ใช่สิ่งที่ยากที่สุด สิ่งที่ยากที่สุดก็คือจะอธิบายเส้นทางของเงินจำนวนมหาศาลนั้นอย่างไรให้สมเหตุสมผล
ยายเฉ่าไม่อยากจะวุ่นวาย อยากจะบอกว่ามันไม่มีแล้ว แต่ของแบบนี้หลอกกันไม่ได้ นอกเสียจากจะมั่นใจได้ว่านางพญาหนอนแห่งความฝันจะไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ไม่อยากนั้นหากถึงเวลานั้นเธอคงจะอธิบายไม่ได้
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยตอบไปว่า “มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเช่นกันค่ะ ที่จริงแล้วหนอนแห่งความฝันก็มีการสืบพันธุ์คล้ายๆ กับพวกผึ้งหรือพวกมด เมื่อนางพญาหนอนตาย ในฝูงของมันก็จะมีนางพญาตัวใหม่เกิดขึ้นมา ขอแค่ในดินแดนแห่งความฝันยังมีฝูงหนอนแห่งความฝันอยู่ มันก็จะต้องมีนางพญาหนอนอยู่อย่างแน่นอน นับจากตอนที่ราชวงศ์ปัจจุบันตามหานางพญาหนอนแห่งความฝัน นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว พญาหนอนตัวใหม่น่าจะเกิดขึ้นมาแล้ว เกรงว่านางพญาหนอนที่เข้ามาแทนที่น่าจะเปลี่ยนไปหลายรุ่นแล้ว”
“เพียงแต่หนอนแห่งความฝันไม่ใช่แมลงที่โง่เขลา หากแต่มีสติปัญญา นางพญาหนอนถูกจับไปถึงหกตัวแล้ว พวกฝูงหนอนแห่งความฝันเรียกได้ว่าเจอกับหายนะ นางพญาของพวกมันไม่มีทางอยู่ที่เดิมต่อไปแน่ พวกมันจะต้องตามหาที่หลบซ่อนอื่นแน่ ฉันออกมาจากดินแดนแห่งความฝันตั้งนานแล้ว ไม่เคยได้สัมผัสกับหนอนแห่งความฝันมานานมากแล้ว แม้ว่าจะไปที่นั่น แต่ก็ต้องเริ่มใหม่อยู่ดี ไม่แน่ว่าจะหาเจอทันในช่วงเส้นตายของเทพเจ้าแห่งโรคระบาด”
ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง หลินยวนกล่าว “อย่างน้อยเธอก็คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของดินแดนแห่งความฝัน ถ้ามีเธอนำทางไป มันก็ดีกว่าหลับหูหลับตาไปแบบไม่รู้อะไรเลย เวลาของพวกเรามีจำกัด ก่อนหน้านี้เราต้องเสียเวลาไปหลายวันเพื่อตามหาเธอ ดังนั้นฉันจะให้เวลาเธอหนึ่งวันในการเตรียมตัว เราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เวลานี้!”
ยายเฉ่าไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแค่ลองหยั่งเชิงดู “อาเซียงไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น หวังว่าท่านทูตจะไม่ทำให้เธอลำบาก”
หลินยวนกล่าว “วางใจได้ เธอจะไม่เป็นไร หลังจากเสร็จเรื่องแล้วฉันจะให้เธอได้เจออาเซียง ส่วนอาเซียงจะปลอดภัยหรือไม่นั้น นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
ยายเฉ่ากล่าว “เวลานี้ของพรุ่งนี้ฉันจะมาหาท่านค่ะ”
หลินยวนพยักหน้าเล็กน้อย
ยายเฉ่าโค้งคำนับเล็กน้อย จากนั้นเปิดประตูเดินลงไปชั้นล่าง
ในร้านค้าชั้นล่าง เมื่อเห็นหลัวคังอันที่รีบลุกขึ้นมาด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน ยายเฉ่าถลึงตาใส่เขาด้วยสายตาเย็นชา อาจารย์บอกว่าคุณงดงามอย่างมากกับผีสิ เธอกัดฟันกรอดด้วยความคับแค้นใจ พบว่าตนเองถูกเจ้าหมอนี่เอาเรื่องราวความรักที่เก็บเอาไว้นานหลายปีของเธอมาหลอกปั่นหัวเธอ ถ้าหากไม่เป็นเพราะกลัวว่าจะมีปัญหาอะไรขึ้น เกรงว่าเธอคงจะสั่งสอนเขาให้รู้สำนึกไปแล้ว
เธอไม่พูดอะไรมาก หยิบไม้เท้าของตนเองแล้วเดินออกไปจากร้าน
เธอยืนค้ำไม้เท้าอยู่บนถนนที่มีหมอกหนาทึบใหม่อีกครั้ง แหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ในใจนึกทอดถอนใจ หลบอยู่ในเมืองหมอกมาตั้งหลายปี สุดท้ายก็หลบไม่พ้น จบแล้ว ในที่สุดก็ต้องออกไปแล้ว
เมื่อเห็นร่างหญิงชราที่เดินค้ำไม้เท้าค่อยๆ หายลับไปในสายหมอก หลัวคังอันก็ปิดประตูร้านแล้วนึกโล่งใจ หันหลังวิ่งตึงตังขึ้นไปชั้นบน
พอเห็นหลินยวนที่นั่งเงียบอยู่ตรงโต๊ะน้ำชา หลัวคังอันก็ไปด้อมๆ มองๆ ซ้ายทีขวาที
“เป็นอะไรของแก?” หลินยวนช้อนตาขึ้นมอง
ในที่สุดก็เรียกความสนใจจากเขาได้ หลัวคังอันกระแอมเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้ พลางกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “เถ้าแก่ เถ้าแก่เป็นใครกันแน่?”
หลินยวน “แกคิดว่าไงล่ะ?”
หลัวคังอันกล่าวอย่างระมัดระวัง “เถ้าแก่คงไม่ใช่เศษเดนราชวงศ์ก่อนที่ว่านั่นใช่ไหม?”
หลินยวนย้อนถาม “แล้วแกคิดว่าแกไม่ใช่เหรอ?”
…………………………………………………………………