ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 244 วิธีของหลัวคังอัน
ตอนที่ 244 วิธีของหลัวคังอัน
ท้องฟ้าด้านนอกปรากฏเป็นสีขาว ฟ้าสว่างแล้ว ร้านค้าก็เปิดขายแล้วเช่นกัน
เทียบไม่ได้กับโลกภายนอก การเปิดร้านค้าที่นี่ไม่ได้มีงานเฉลิมฉลองรื่นเริงอะไรเลย เป็นการเปิดร้านอย่างเงียบๆ
จู่ๆ ก็มีร้านเครื่องหอมปรากฏขึ้นมา กลิ่นหอมหวนนั้นค่อนข้างดึงดูดความสนใจของผู้คน คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนท้องถนนที่เพิ่งพบร้านนี้เป็นครั้งแรกต่างอดหันมามองดูเล็กน้อยไม่ได้
ในเวลานี้ความแตกต่างของผู้ชายกับผู้หญิงปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ลูกค้าคนแรกที่เข้ามาในร้านเป็นผู้หญิง ลูกค้าคนที่สองยังคงเป็นผู้หญิง คนต่อๆ มาส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นผู้หญิง
ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายปรากฏมาบ้าง แต่ยังคงเข้ามาเป็นเพื่อนผู้หญิงอยู่ดี
แต่ก็มีผู้ชายคนอื่นๆ ที่เข้ามาในร้านคนเดียวเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาล้วนไม่เข้าใจอะไรเลย แค่มาถามว่าเครื่องหอมอันไหนดี อันไหนที่ว่าดีก็ซื้อเลย เรื่องอื่นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น คาดว่าสุดท้ายแล้วคงจะซื้อไปให้ผู้หญิงอยู่ดี
อันที่จริงแล้วหลินยวนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เรื่องค้าขายแบบนี้หลัวคังอันน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะเมื่อก่อนเขาเคยซื้อของพวกนี้ให้ผู้หญิงบ่อยๆ จะมากจะน้อยก็พอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง
แต่ถ้าจะให้มาขายดูจริงๆ หลัวคังอันเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน เพราะเครื่องหอมมากมายหลากหลายขนาดนี้ กระทั่งตัวเขาก็ยังมึนงงอยู่เหมือนกัน
แต่หลินยวนบอกว่าไม่เป็นไร เวลามีใครมาถามอะไร ก็ให้บอกราคาขายไปเลย ยิ่งไปกว่านั้นราคาที่บอกไปยังสูงมากอีกด้วย จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็ช่าง ที่นี่คือเมืองหมอก มีใครไม่รู้บ้างว่าที่นี่วางขายของอย่างหนึ่งแต่กลับขายอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีใครคิดว่าแปลกหรอก
มีคนเข้ามาดูเป็นจำนวนมาก แต่คนที่จ่ายเงินซื้อจริงๆ กลับมีไม่เท่าไหร่
หลัวคังอันสังเกตดูปฏิกิริยาของลูกค้าทุกคนที่ดมกลิ่นอย่างตั้งใจ หลินยวนที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเก็บเงินก็มองดูด้วยสายตาเยือกเย็นเช่นกัน
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ไม่มีคนที่มีพฤติกรรมการดมกลิ่นแบบที่หลินยวนอธิบายไว้ปรากฏตัวเลย คนที่เข้ามาดมกลิ่นทุกคนส่วนมากก็แค่ก้มหน้าดมดูเท่านั้น ถ้าชอบก็ดมมากหน่อย ไม่ชอบก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรมากกว่านั้น
ในช่วงเวลานี้เอง หลินยวนได้รับรายงานจากลู่หงเยียนว่าทางเมืองหมอกไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่ในดินแดนเซียนกลับเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
วังพิฆาตมารไม่เพียงแต่จะจับกุมหอการค้าตระกูลอู หอการค้าตระกูลฉวี่และหอการค้าตระกูลเผยไปทั้งหมด แต่ยังเคลื่อนกำลังพลจำนวนมากไปจัดการกับตระกูลผูซาง ตระกูลฉี่หลิงและตระกูลกู่มู่ที่อยู่ในร้อยตระกูลใหญ่ของดินแดนเซียนด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่หรือเด็กก็ล้วนแต่ถูกจับไปจนเกือบหมด มีเพียงคนบางส่วนเท่านั้นที่หนีรอดไปได้
ลูกหลานของทั้งสามตระกูลที่ทำงานอยู่ในสภาเซียนก็ไม่มีใครรอด ถูกจับไปด้วยเช่นกัน
จัดการหอการค้าทั้งสามแห่งยังพอว่า แต่ครั้งนี้กลับลงดาบกับตระกูลที่อยู่ในร้อยตระกูลใหญ่ด้วย ทั้งยังจัดการทีเดียวถึงสามตระกูล นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนเซียน
…..
หนานชีหรูอันเข้าไปในห้องหนังสือของหนานชีเหวิน มองซ้ายมองขวาอยู่สักพัก พบว่าหนานชีเหวินยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอกห้องหนังสือ เขาจึงเดินเข้าไปแสดงความเคารพทันที “คุณพ่อ”
หนานชีเหวินตอบอืม หันไปมองพลางกล่าว “สภาเซียนเปิดทางเข้าดินแดนแห่งความฝันให้ใหม่แล้ว แกไปบอกทางหอการค้าตระกูลฉินว่าให้เข้าไปลองเสี่ยงดวงดูได้”
ทางนี้ยังไม่รู้ว่าหลินยวนกับหลัวคังอันได้ออกเดินทางไปจัดการเรื่องนี้แล้ว หอการค้าตระกูลฉินไม่ได้บอก เพราะหลัวคังอันบอกเอาไว้ว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
ทั่วทั้งหอการค้าตระกูลฉิน นอกจากฉินอี๋ ฉินเต้าเปียน หลิ่วจวินจวินและไป๋หลิงหลงแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก
หนานชีหรูอันถอนหายใจโล่งอก “แบบนี้ก็ดีครับ หวังว่าหอการค้าตระกูลฉินจะทำสำเร็จ”
หนานชีเหวินเอามือไพล่หลังพลางพูดเสียงขรึม “การเปิดทางเข้าดินแดนแห่งความฝันครั้งนี้ต้องแลกมาด้วยเลือดของตระกูลผูซาง ฉี่หลิงและกู่มู่ สามตระกูลนี้พังพินาศไปเพราะหอการค้าตระกูลฉิน ตระกูลหนานชีของเราเกี่ยวพันกับหอการค้าตระกูลฉินมากกว่าตระกูลอื่นๆ ช่วงนี้แกต้องระวังหน่อย ทั้งตระกูลหนานชีจะต้องระวังหน่อย อย่าทำให้ความโกรธของฝ่าบาทพัวพันมาจนถึงตระกูลหนานชีได้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากพลาดไปครั้งเดียวก็คือหายนะที่ทำทั้งตระกูลล่มจมได้เลย”
หนานชีหรูอันกล่าวอย่างตกใจ “ไม่ใช่ว่ากำลังต่อว่าวังพิฆาตมารว่ากระทำการเหิมเกริมบ้าอำนาจเหรอครับ? ได้ยินว่าภายในราชสำนักกำลังวุ่นวายกันอย่างมาก คนจำนวนมากกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาวังพิฆาตมารของหยางเจินแขวนอยู่บนเส้นด้าย”
หนานชีเหวินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผลการตัดสินออกมาแล้ว ตระกูลผูซาง ฉี่หลิงและกู่มู่ล้วนสมรู้ร่วมคิดกับโจรกบฏ สมาชิกสำคัญๆ ของทั้งสามตระกูลใหญ่ถูกประหารชีวิตทั้งหมด ถูกส่งให้กลับไปเกิดใหม่เป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนคนอื่นๆ ถูกระงับการจัดหายาเซียน ผู้บำเพ็ญเพียรถูกทำลายสภาวะ ส่งไปอยู่ในโลกมนุษย์ที่ยังไม่พัฒนา ปล่อยให้ใช้ชีวิตและตายไปเองอยู่ในพื้นที่ป่าเถื่อน!”
หนานชีหรูอันตกใจเป็นอย่างมาก “ไหนบอกว่า ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ ก็เลยทำให้ทางวังพิฆาตมารสงสัยว่าหอการค้าทั้งสามแห่งนั้นสมรู้ร่วมคิดกับโจรกบฏไงล่ะครับ?”
หนานชีเหวิน “ไม่ใช่ว่าสงสัย หากแต่เป็นเรื่องจริง หอการค้าทั้งสามแห่งนั้นตกอยู่ในมือของวังพิฆาตมาร ด้วยวิธีการของวังพิฆาตมาร หอการค้าทั้งสามแห่งนั้นสารภาพทุกอย่างออกมาจนหมด วังพิฆาตมารบอกว่าจะลงโทษครอบครัวของประธานหอการค้าทั้งสามแห่งนั้นสถานเบา ทำให้ง้างปากประธานทั้งสามคนได้ ทั้งสามคนที่สมควรตายนั้นก็สารภาพทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด ทั้งเรื่องที่ว่าปรึกษาหารือกันยังไง หาคนกลางติดต่อกับโจรกบฏยังไง อธิบายต้นสายปลายเหตุทุกอย่าง ความจริงถูกเสนอต่อราชสำนัก ทำให้พิสูจน์ได้ว่าวังพิฆาตมารไม่ได้จับผิดตัว!”
หนานชีหรูอัน “แสดงว่า ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ นี้เป็นฝีมือพวกโจรกบฏจริงๆ เหรอครับ?”
หนานชีเหวิน “น่าจะใช่ ส่วนเรื่องใครที่เป็นคนทำ ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยัน วังพิฆาตมารมีการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ นี่เท่ากับเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว ถ้าหากรอให้ผลการไต่สวนออกมาก่อน แล้วค่อยไปตามหาคนกลางที่ลึกลับพวกนั้น เกรงว่าคนพวกนั้นคงจะหนีไปหมดแล้ว แต่เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว เรื่องที่สำคัญก็คือพิสูจน์ได้แล้วว่าหอการค้าทั้งสามแห่งสมรู้ร่วมคิดกับพวกโจรกบฏจริงๆ !”
หนานชีหรูอันมึนงง “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงเกี่ยวพันไปถึงสามตระกูลใหญ่ได้ล่ะครับ? ทำไมสามตระกูลใหญ่ถึงไม่ระวังถึงขนาดนี้ ปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันพัวพันมาถึงตนเองได้ยังไง?”
หนานชีเหวินทอดถอนใจพลางกล่าว “พวกเขาย่อมไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นคือถึงตายก็ไม่ยอมรับ! เรื่องที่ว่าสามตระกูลใหญ่เข้าไปพัวพันในเรื่องนี้หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่เรื่องสมรู้ร่วมคิดกับโจรกบฏกลับได้รับการยืนยันแล้ว หลังจากนั้นวังพิฆาตมารก็เอาหลักฐานที่แน่นหนาออกมา เป็นหลักฐานที่มัดแน่นว่าคนของสามตระกูลใหญ่ติดต่อกับโจรกบฏ!”
“จะว่าไปแล้ว กิจการใหญ่โตระดับนี้ มันจะไม่เคยมีการติดต่อกันบ้างเชียวหรือ? แต่ในตอนที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในตอนที่สามตระกูลใหญ่ปฏิเสธเสียงแข็ง ทางวังพิฆาตมารกลับเอาหลักฐานที่แน่นหนาออกมาแสดงให้เห็น ทั้งสามตระกูลใหญ่ต่างมึนงง ลนลาน หวาดกลัว พยายามอธิบาย แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ล้วนกลายเป็นการแก้ตัว ฝ่าบาททรงกริ้วเป็นมาก ตวาดกร้าวออกมาต่อหน้าทุกคนในราชสำนัก ถ้อยคำพูดจาไม่น่าฟัง กระทั่งคำว่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคาก็ยังตรัสออกมา!”
“เมื่อเผชิญหน้ากับหลักฐานที่มัดแน่นเช่นนี้ ในเวลาแบบนี้ใครยังจะกล้าไปช่วยพูดอะไรอีก ทุกคนต่างกลัวไฟจะลามมาถึงตัว พากันหลบหน้าไปกันหมด…ตระกูลผู่ซาง ฉี่หลิงและกู่มู่จบสิ้นแล้ว!”
หนานชีหรูอันกล่าวอย่างลังเล “ในเมื่อถูกทำลายไปเพราะเกี่ยวพันกับพวกโจรกบฏ อย่างนั้นทำไมเมื่อกี้คุณพ่อถึงบอกว่าเป็นเพราะสามตระกูลใหญ่เอาเลือดแลกมาจึงทำให้ทางเข้าดินแดนแห่งความฝันเปิดขึ้นอีกครั้งล่ะครับ?”
หนานชีเหวิน “ตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลเพิ่งจะร่วมมือกันกดดันให้สภาเซียนเปิดทางเข้าดินแดนแห่งความฝันอีกครั้ง ทั้งสามตระกูลใหญ่ก็ถูกทำลายไปพร้อมกันทันที ถูกขุดรากถอนโคน ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ นี่คือการที่ฝ่าบาทโต้กลับ เชือดไก่ให้ลิงดู ฝ่าบาทกำลังบอกทุกคนว่าอย่าคิดว่าเคยสร้างความดีความชอบแล้วพระองค์จะไม่กล้าทำอะไร! พระองค์กำลังเตือนแต่ละตระกูลว่าหากมีครั้งหน้าอีก ก็จะต้องลงเอยแบบนี้!”
หนานชีหรูอันเงียบไป ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เวลานี้ทำเขาถึงได้รู้ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้มันน่ากลัวขนาดไหน เขารู้สึกเหมือนว่ามีฟ้าผ่าลงมาในความเงียบ แล้วก็พอจะนึกภาพออกเลยว่าการลงมือของสภาเซียนในครั้งนี้คงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยตกใจกันอย่างมาก
……
ภายในห้องทำงาน ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงที่หนึ่งนั่งหนึ่งยืนยิ่งเงียบไปเป็นเวลานานหลังจากได้รับข่าวจากหนานชีหรูอัน
ถ้ามีแค่หอการค้าตระกูลอู หอการค้าตระกูลฉวี่และหอการค้าตระกูลเผยก็ยังพอว่า คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องครั้งนี้จะขยายวงกว้างไปถึงขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้สภาเซียนที่อยู่ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวขุดรากถอนโคนสามตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังหอการค้าทั้งสามแห่งไปด้วย เรียกได้ว่าน่าตกใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองเพิ่งจะรู้ในเวลานี้เอง ที่แท้ทางเข้าดินแดนแห่งความฝันถูกสภาเซียนปิดผนึกเอาไว้นานแล้ว คงไม่ดีถ้าสภาเซียนจะต้องแบกรับชื่อเสียงที่ว่าไม่สนใจความเป็นความตายของคนในดินแดนเซียน จึงเพิ่งจะเปิดทางเข้าดินแดนแห่งความฝันใหม่อีกครั้ง
มิน่าทางนี้ถึงได้ข่าวว่าคนที่ได้รับรางวัลหาไม่เจอว่าทางเข้าดินแดนแห่งความฝันอยู่ที่ไหน
หลังจากเงียบไปนาน ฉินอี๋กล่าวขึ้นมา “ไม่รู้ว่าทางหลัวคังอันรู้ข่าวนี้หรือเปล่า เธอบอกเรื่องนี้กับเขาหน่อยแล้วกัน”
“ค่ะ!” ไป๋หลิงหลงรับคำ ไปทำตามคำสั่ง
ณ เมืองหมอก ทันทีที่หลัวคังอันได้รับข่าวก็รีบบอกกับหลินยวนทันที
ทั้งสองคนไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก เรื่องที่พวกเขากังวลก็คือเรื่องที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ร้านเครื่องหอมเปิดมาได้หลายวันแล้ว แต่กลับไม่เห็นเป้าหมายปรากฏตัวขึ้นมาเสียที
หลังจากผ่านไปอีกหลายวัน ในที่สุดหลัวคังอันก็ทนไม่ไหว ฉวยโอกาสในตอนที่ว่างๆ เขยิบเข้าไปใกล้หลินยวนที่ตรวจสอบชั้นวางของ พลางกระซิบพึมพำ “มันแปลกๆ นะ นี่มันผ่านมากี่วันแล้วเนี่ย ทำไมคนคนนั้นถึงยังไม่ปรากฏอีก? ผมว่านะเถ้าแก่ เวลาเรามีจำกัด ถ้ายังรอต่อไปแบบนี้ เกรงว่าทางบ้านจะรอต่อไปไม่ไหวนะครับ”
หลินยวน “รออีกหน่อย”
หลัวคังอัน “ผมดูแล้วนะ จะรออยู่เฉยๆ แบบนี้ไม่ได้แล้ว เถ้าแก่ เถ้าแก่ลองดูสิ ตอนเราเปิดร้านก็เปิดเงียบๆ จะเป็นเพราะเราปล่อยให้มันเงียบเกินไปหรือเปล่า คนคนนั้นเลยไม่รู้ว่าที่นี่มีร้านเครื่องหอมเปิดอยู่?”
หลินยวนเงียบไปเล็กน้อย พลางกล่าวเรียบๆ “ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเอิกเกริกเกินไปมันก็ดูจะจงใจเกินไปหน่อย แบบนั้นกลับจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวได้ง่ายๆ ”
หลัวคังอันกล่าวเสียงเบา “ผมมีวิธี ไม่ต้องทำให้เอิกเกริกด้วย คนคนนั้นชอบกลิ่นหอมไม่ใช่เหรอ เราก็หากลิ่นหอมมาสักกลิ่น เดี๋ยวผมตระเวนเอาไปสาดไว้ทั่วๆ เมืองที่ละนิดที่ละหน่อย ถ้าคนคนนั้นอยู่ในเมืองหมอกจริงๆ แบบนั้นก็น่าจะดึงความสนใจของเธอได้”
ตระเวนกระจายกลิ่นไปทั่วทุกที่ เหลวไหล ถ้านี่ไม่เรียกว่าเอิกเกริก แล้วแบบไหนที่เรียกว่าเอิกเกริกได้? หลินยวนเหลือบมองเขา แต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดมาแบบนี้ เขาก็ได้แรงบันดาลใจขึ้นมา เขาหันมากล่าว “ปิดร้านก่อน!”
หลัวคังอันที่เป็นพนักงานได้แต่ต้องทำตามคำสั่ง เขาปิดประตูร้าน กระทั่งเขาขึ้นไปถึงข้างบน เห็นหลินยวนยืนดูแผนที่ใบหนึ่งอยู่หน้าโต๊ะ เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พลางเอ่ยถามว่า “นี่มันแผนที่อะไรกัน ภูมิประเทศดูแปลกจัง?”
หลินยวนตอบกลับ “แผนที่เมืองหมอก”
“…” หลัวคังอันเงียบ จ้องมองเขาด้วยท่าทางที่ยากจะเชื่อได้ เขาอยากจะพูดตะโกนใส่อีกฝ่ายจริงๆ เลยว่านายมีแผนที่อยู่แท้ๆ ยังจะให้ฉันจำเส้นทางไปทำไม?
แต่ก็แค่คิดอยู่ในใจ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป
หลังจากจ้องมองแผนที่และครุ่นคิดอยู่นาน หลินยวนก็เริ่มหยิบปากกาออกมาทำเครื่องหมาย
หลัวคังอันรู้สึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ทำอะไรอยู่น่ะ?”
หลินยวน “ไปโปรยกลิ่นหอมทั่วทุกที่มันไม่เหมาะสม จะทำให้คนสงสัยได้ง่าย เลือกแค่บางพื้นที่ ไปหยดน้ำหอมชนิดพิเศษไว้นิดหน่อยก็พอ ภายใต้กลิ่นที่ฟุ้งกระจายไปทั่วแบบนี้ ยังไงเป้าหมายก็ต้องได้กลิ่นบ้างแหละ นอกเสียจากเป้าหมายจะไม่ได้อยู่ในเมืองหมอก ขอแค่ดึงความสนใจของเป้าหมายเอาไว้ได้ เป้าหมายก็น่าจะรู้ว่าในเมืองหมอกมีร้านเครื่องหอมมาเปิด”
ที่ตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร เป้าหมายไม่ยอมปรากฏตัวขึ้นมาเสียที จึงได้แค่ลองใช้วิธีนี้ดู
………………………………………………………