ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 227 ผมถูกชะตาผบ.เว่ยตั้งแต่แรกเจอ
ตอนที่ 227 ผมถูกชะตาผบ.เว่ยตั้งแต่แรกเจอ
หลินยวนมองตามไป จากนั้นหันกลับมามองพวกฉินอี๋อีกครั้ง ไม่รู้ว่าตนเองควรจะไปทางไหนดี ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้แค่เพียงเดินไปทางพวกเขา ไปยืนอยู่ข้างๆ เจียงอวี้อย่างเงียบๆ
“นิสัยของผบ.เว่ยนี่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ” ฉินอี๋ที่ยืนอยู่ข้างๆ ลั่วเทียนเหอทอดถอนใจ
ลั่วเทียนเหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ดินแดนหมิงเป็นศูนย์กลางแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เขาเคยเป็นถึงทวารบาลแห่งดินแดนหมิง เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่ร้ายกาจ แต่ต้องถูกลดตำแหน่งมาเป็นคนเฝ้าโรงงานให้หอการค้าตระกูลฉินของเธอแบบนี้ การที่เขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์บ้างมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
หนานชีหรูอันกระพริบตา เขาย่อมรู้ดีว่าทำไมเว่ยผิงกงถึงถูกส่งมาอยู่ที่นี่ เป็นเพราะฉินอี๋ร้องขอ จากนั้นตระกูลหนานชีก็แอบดำเนินการให้อย่างลับๆ
แต่ตอนนี้เขากลับนึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย หากไม่ส่งตาแก่คนนี้มาที่นี่ เขาก็คงไม่ต้องหวาดกลัวแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายแบบเมื่อกี้ด้วย
ฉินอี๋เอ่ยอย่างสงสัยใคร่รู้ “ไม่ทราบว่าทำไมผบ.เว่ยถึงถูกลดขั้นเหรอคะ?”
ลั่วเทียนเหอส่ายหน้า “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรรู้ เธอก็อย่าถามมากเลย เรื่องบางเรื่องอาจจะดีกว่าถ้าไม่รู้ อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่า”
“ค่ะ” ฉินอี๋รับคำ เห็นได้ชัดว่าอาการไอของเธอดีขึ้นมากแล้ว เธอมองไปรอบๆ พื้นที่โรงงานที่มีเปลวไฟลุกโชน “ดูเหมือนว่าคนของโรงงานจะมีอาการเร็วกว่าคนข้างนอกนะคะ”
ลั่วเทียนเหอ “พวกเขาทำงานอยู่ในพื้นที่ที่มีเชื้อที่มองไม่เห็นนี้ตลอดเวลา ร่างกายจึงรับได้เชื้อเข้าไปมากกว่า ย่อมต้องแสดงอาการเร็วกว่าคนข้างนอกอยู่แล้ว”
ฉินอี๋พยักหน้าเงียบๆ สื่อว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นเอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฟังจากที่ผบ.เว่ยพูดมา คืนนี้อาจจะมีคนมาโจมตีเหรอคะ?”
ลั่วเทียนเหอกล่าว “ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายกันอย่างมากแน่นอน”
ฉินอี๋ “ใครกันที่กล้าโจมตีพื้นที่ที่มีกองทัพของสภาเซียนประจำการอยู่?”
ลั่วเทียนเหอเหล่มอง เอ่ยอย่างเรียบเฉย “เธอคิดว่าไงล่ะ?”
ฉินอี๋อึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกตกใจขึ้นมาทันที “หรือว่าจะเป็น…เศษเดนแห่งราชวงศ์ก่อน?” นอกจากพวกนี้แล้ว เธอก็คิดไม่ออกแล้วว่าใครจะมีความกล้ามากขนาดนี้
ลั่วเทียนเหอกล่าว “ว่ากันว่า ‘เว่ยเต้า’ ที่เป็นหนึ่งในสิบสามมารสวรรค์มี ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ อยู่ในมือ และ ‘เว่ยเต้า’ ก็คือหนึ่งในคนที่หนีไปได้ในศึกที่เมืองหลวง”
ฉินอี๋ฟังแล้วตกใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าหอการค้าตระกูลฉินจะถูกสิบสามมารสวรรค์หมายตาอยู่ สำหรับเธอแล้ว สิบสามมารสวรรค์คือกลุ่มคนที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก คนที่กล้าโจมตีศูนย์กลางของดินแดนเซียน แค่คิดก็รู้แล้วว่าน่ากลัวแค่ไหน
ลั่วเทียนเหอไม่พูดเรื่องพวกนี้กับเธออีก หันไปสั่งให้คนติดต่อทางเหิงเทา ให้สอบถามถึงสถานการณ์ของคนที่คอยจับตาดูอยู่ก่อนหน้านี้ สั่งว่าหากมีอะไรผิดปกติให้รีบรายงานทันที
ทางเขากำลังทำการป้องกันอย่างแน่นหนา เตรียมพร้อมรับการโจมตีอยู่ตลอดเวลา
……
ภายในถ้ำบนหน้าผา หลังจากหลัวคังอันเดินตามขึ้นมา สุดท้ายก็เดินตามเว่ยผิงกงมาถึงที่นี่
ภายในถ้ำไม่มีคนอื่น ส่วนโม่ซินที่ติดตามขึ้นมาก็ถอยออกไปเฝ้าอยู่ด้านนอกถ้ำเมื่อเว่ยผิงกงขยิบตาส่งสัญญาณให้
หลัวคังอันมองสำรวจสภาพภายในถ้ำ พบว่าดูเรียบง่ายซอมซ่อเป็นอย่างมาก จึงอดกล่าวไม่ได้ “ผบ.เว่ย ท่านผบ. พักอยู่ในนี้มาโดยตลอดเลยเหรอครับ!”
เว่ยผิงกงนั่งลง ยกไหสุราขึ้นมาดื่ม “อืม นายไม่พอใจ?”
“อื้ม” หลัวคังอันพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง
ปัง! ไหสุราถูกกระแทกลงบนโต๊ะ เว่ยผิงกงยิ้มเยาะ “นายเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของฉัน?”
หลัวคังอันกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “ผบ.เว่ยเข้าใจผิดแล้วครับ นี่เป็นความผิดของทางหอการค้าเราเอง ให้ผบ.เว่ยมาอยู่ในถ้ำซอมซ่อแบบนี้ได้ยังไง เดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะรีบให้คนมาจัดการให้ครับ ทางเราจะจัดที่พักที่ดีที่สุดให้ผบ.เว่ยครับ” กล่าวจบก็อดไอขึ้นมาอย่างแรงไม่ได้ อาการไอค่อยๆ รุนแรงขึ้น
พล่ามมาตั้งนาน ที่แท้ก็กำลังประจบประแจง เว่ยผิงกงรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา กวาดตามองเขาขึ้นลง สำรวจหลัวคังอันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ช่างเถอะ อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว”
หลัวคังอันส่ายหน้า “ได้ยังไงล่ะครับ คนเบื้องล่างทำงานได้ไม่ดี ผบ.เว่ยอย่าไปถือสาอะไรพวกเขาเลยครับ”
เว่ยผิงกงแค่นเสียงเหอะออกมา “นายจะไปเข้าใจอะไร? การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแผ่นดินต่างหากถึงจะทำให้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติได้ดียิ่งขึ้น ความเคลื่อนไหวที่อยู่ไกลออกไป ถ้าไปอยู่ข้างนอกไม่แน่ว่าจะได้ยิน แต่การกระจายเสียงภายในถ้ำนี่แหละที่ดีที่สุด ฉันมาอยู่ที่นี่ นายคิดว่าฉันแค่มานั่งกินเหล้าไปวันๆ เรอะ?”
หลัวคังอันอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีจริงจังอีกครั้งว่า “อย่างนี้นี่เอง ผบ.เว่ยสละความสบายของตนเองเพื่อส่วนรวม ผู้น้อยรู้สึกนับถือเป็นอย่างยิ่งครับ เพียงแต่ในถ้ำนี้มันดูซอมซ่อเกินไป หากท่านผบ.ต้องการอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ ผมจะรีบจัดการให้อย่างเต็มที่เลยครับ”
เว่ยผิงกงแสยะยิ้ม จากนั้นกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันต้องการชีวิตนาย นายให้ได้ไหมล่ะ?”
“เอ่อ…” หลัวคังอันพูดไม่ออกไปทันที อันนี้จะให้ได้ยังไงกันล่ะ จนปัญญาที่ก่อนหน้านี้พูดประจบประแจงไปเสียเต็มที่ จึงกล่าวเสียงอ่อนว่า “ผบ.เว่ยล้อกันเล่นเสียแล้ว”
เว่ยผิงกงหน้าบึ้ง เอ่ยขู่เขา “นายว่าฉันดูเหมือนพูดล้อเล่นเหรอ?”
หลัวคังอันใจตุ้มๆ ต่อมๆ ขึ้นมาทันที เขารู้อยู่แล้วว่าคนคนนี้ไม่ชอบขี้หน้าตัวเอง จึงไม่อยากตามมาด้วย สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย เขาฝืนยิ้มแล้วกล่าวไปว่า “ชีวิตของผมมันไม่มีค่าอะไรหรอกครับ มีแต่จะทำให้สถานที่ของท่านผบ.สกปรกเปล่าๆ ”
เว่ยผิงกงยิ้มเยาะ กล่าวว่า “ลูกศิษย์ของหลงซืออวี่ รองประธานหอการค้าตระกูลฉิน คุ้มค่าเงินอยู่นะ ไม่นับว่าไร้ค่า”
หลัวคังอันทอดถอนใจกล่าว “ผบ.เว่ยครับ มันไม่ได้ดีอย่างที่ท่านคิดหรอกครับ ตำแหน่งรองประธานหอการค้าอะไรนี่อาจจะฟังดูดี แต่ความจริงแล้วต้องเอาชีวิตไปแลกมา ท่านผบ. ก็รู้ว่าอาจารย์ของผมคืออาจารย์หลง ท่านผบ. น่าจะเคยได้ยินเรื่องของอาจารย์ของผมมาบ้างแล้ว เห้อ ผมไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากสถานะและบารมีของอาจารย์เลย หลังเกิดเรื่องกับกลับกลายเป็นว่าผม…”
“ท่านไม่รู้หรอกว่าผมต้องใช้ชีวิตอย่างไรตอนอยู่ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง ต้องอยู่เงียบๆ ไม่ทำตัวโดดเด่น คอยนอบน้อมทำตัวเป็นผู้น้อยอยู่ตลอดเวลา เป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น เรียกได้ว่าต้องพยายามหาทางเอาตัวรอด ความทุกข์ทรมานในช่วงเวลาหลายปีนั้น คนนอกไม่มีทางเข้าใจได้หรอกครับ ได้แต่ต้องทนใช้ชีวิตอย่างนั้นไป”
“แต่ต่อให้ผมจะทำตัวเชื่อฟังยังไงก็ไม่มีประโยชน์ แสร้งปั้นหน้ายิ้มไปก็ไม่มีประโยชน์ ยังไงก็มีคนอยากจะเล่นงานผมอยู่ดี สุดท้ายก็เตะผมออกมาจากหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง”
“ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มาทำงานหาเลี้ยงตัวเองที่หอการค้าตระกูลฉิน ผมเองก็แค่คิดจะทำงานหาเลี้ยงตัวเองเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่าจะถูกคนกลุ่มหนึ่งรุมเล่นงานในการประมูลอีก ทั้งๆ ที่ผมยอมแพ้แล้วก็ยังไม่ยอมรามือ อยากจะเอาชีวิตผมให้ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ? หลายปีมานี้ผมไม่เคยกล้าบอกคนนอกเลยว่าผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลง ผมไม่อยากจะโอ้อวด แล้วก็ไม่กล้าโอ้อวดด้วย แต่ก็ช่วยไม่ได้ ชีวิตผมต่อให้มันจะไร้ค่าแค่ไหนมันก็ยังเป็นชีวิต ขนาดมดปลวกมันยังรักชีวิตของมันเลย ผมไม่มีทางเลือก ก็เลยต้องทำตัวเด่นเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเป็นรองประธานแบบนี้”
เขาถนัดเรื่องการพลิกลิ้นไปเรื่อยอยู่แล้ว เพื่อจะรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ เรียกได้ว่ายิ่งพูดด้วยท่าทางที่ดูจริงใจ หวังว่าจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกเห็นใจได้
เว่ยผิงกงตกอยู่ในความเงียบ สีหน้าเขาดูนิ่งเฉยผิดปกติ จับไหสุราขึ้นมาเทกรอกใส่ปากอีกสองสามคำแล้วจึงวางลง ยกแขนเสื้อเช็ดคราบสุราที่มุมปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อย่ามาทำตัวน่าสงสารที่นี่เลย คนอย่างนายเนี่ย แค่มองดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดีอะไร ได้ยินว่าพาเทพธิดาไปทำเรื่องอย่างว่าที่ห้องควบคุมเทพมหาวิญญาณด้วยนี่ คนอย่างนายน่ะเหรอจะยอมทำให้ตัวเองลำบาก?”
“ท่านผบ. หมายถึงเทพธิดาเสวี่ยหลานใช่ไหมครับ? โธ่ เข้าใจผิดแล้ว เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ครับ” หลัวคังอันโอดครวญออกมา
เว่ยผิงกงหัวเราะเหอะๆ กล่าวว่า “ทำไม หรือว่าเรื่องที่สภาเซียนตรวจสอบออกมามันไม่ใช่เรื่องจริง? ฉันเคยเจอคนกล้านะ แต่ไม่เคยเจอคนอย่างนายเลย ถึงกับกล้าพาผู้หญิงเข้าไปทำเรื่องอย่างว่าในเทพมหาวิญญาณเนี่ยนะ ฉันเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนายคนแรกเนี่ยแหละ!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น หลัวคังอันก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา แต่ภายนอกกลับเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าใจว่า “เรื่องนั้นผมไม่อาจแก้ตัวได้ ใช่ครับ ผมยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมถูกคนใส่ร้ายครับ เสวี่ยหลานคนนั้นเนี่ย อันที่จริงผมรู้จักกับเธอมานานแล้ว ผมรู้จักเธอตั้งแต่ก่อนที่เธอจะกลายเป็นเทพธิดาเมื่อสมัยอยู่ที่เมืองหลวงครับ”
“ตอนนั้นเธอเป็นแฟนของผม ผมเองก็คิดว่าเธอเป็น แต่ใครจะไปรู้ว่ามีคนจ่ายเงินให้เธอมาใส่ร้ายผม เบื้องหลังของเธอคือลั่วเหมี่ยวที่เป็นหลานของลั่วชิงอวิ๋นผู้เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำครับ ตอนนั้นผมเกือบจะถูกลั่วเหมี่ยวฆ่าตายไป ถ้าท่านผบ.ไม่เชื่อก็ไปถามคนที่เกี่ยวข้องในตอนนั้นได้เลยครับ”
เว่ยผิงกงขมวดคิ้ว “นายจะบอกว่าเรื่องแย่ๆ ที่นายทำในเทพมหาวิญญาณนั่น หลานของเทพเจ้าแห่งน้ำมีส่วนรู้เห็นอย่างนั้นเหรอ? อย่างนั้นทำไมนายถึงไม่พูดเรื่องนี้ไปตอนที่ให้การล่ะ?”
ภายในใจหลัวคังอันคล้ายมีสัตว์ประหลาดนับหมื่นกำลังวิ่งแตกตื่น คิดไม่ถึงว่าตาแก่ที่ถูกลดขั้นมาคนนี้จะรู้เรื่องคำให้การที่ตนเองถูกสอบสวนด้วย นี่ตนเองเคยถูกเพ่งเล็งมาก่อนหรือยังไงกัน? มิน่าล่ะเขาถึงไม่ชอบขี้หน้าตนเอง คิดจะหาเรื่องตนเองอยู่เรื่อย
เขาตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นรีบถอนใจพลางกล่าว “ผมรู้ว่ามีปัญหา แต่ผมไม่มีหลักฐาน ท่านผบ. ลองคิดดูสิครับ ต่อให้ผมกล้าหาญแค่ไหน ผมก็ไม่กล้าพาผู้หญิงเข้าไปทำเรื่องอะไรแบบนั้นในเทพมหาวิญญาณหรอกครับ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้า จู่ๆ ก็พาเสวี่ยหลานคนนั้นเข้าไปในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณ ผมคิดว่าผมน่าจะถูกวางยาครับ”
“ถูกวางยา?” เว่ยผิงกงอึ้งไปเล็กน้อย
หลัวคังอันกล่าว “ใช่ครับ ไม่อย่างนั้นต่อให้ผมจะเลอะเลือนยังไงก็ไม่มีทางทำเรื่องนี้แบบนี้แน่ ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีอะไร แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอผู้หญิงด้วย ผมจะไปทำเรื่องแบบนี้ได้เหรอครับ? ท่านผบ. ลองคิดดูนะครับ เป็นใครไม่เป็น ทำไมถึงต้องเอาเสวี่ยหลานคนนี้มาใกล้ชิดผมด้วย ถ้าไม่ใช่คนที่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเสวี่ยหลานแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะครับ? จะไม่ให้ผมนึกสงสัยว่าลั่วเหมี่ยวมีส่วนรู้เห็นก็คงจะยาก แต่เรื่องนี้ไม่มีหลักฐานเลยจริงๆ จะให้ผมไปเที่ยวกล่าวหาโดยที่ไม่มีหลักฐานก็คงทำไม่ได้ เทพเจ้าแห่งน้ำดูแลเรื่องสายน้ำของทุกดินแดนมีอำนาจอิทธิพลมากแค่ไหน เขาใช่คนที่ผมจะไปหาเรื่องโดยที่ไม่มีหลักฐานได้เหรอครับ? ถ้าไม่มีหลักฐานผมย่อมไม่กล้าพูดอะไรส่งเดชอยู่แล้ว”
เว่ยผิงกง “อย่างนั้นทำไมตอนนี้นายถึงกล้าพูดแล้วล่ะ?”
หลัวคังอันถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ผบ.เว่ยเป็นคนมีเหตุผล ผมถูกชะตากับผบ.เว่ยตั้งแต่แรกเจอ ภายในใจรู้สึกชื่นชม เสียดายที่พบกันช้าไป น่าจะได้เจอกันเร็วกว่านี้ ก็เลยไม่กล้าปิดบัง ได้พูดออกมาแล้วก็รู้สึกสบายใจครับ”
มุมปากของเว่ยผิงกงกระตุกขึ้นมาอย่างแรง ชี้หน้าเขาแล้วกล่าวว่า “ไอหนุ่มเอ๋ย วันนี้นับว่าฉันได้รู้จักนายแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันเห็นนายแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ออกมาเพื่อยาแก้พิษ ไม่ได้มีความสำรวมเลยแม้แต่น้อย เห็นๆ อยู่ว่าเป็นคนรักตัวกลัวตาย แล้วยังจะกล้าพูดจาเรื่อยเปื่อยอีก นายนี่มันหน้าไม่อายเลยจริงๆ! เอาสิ นายแต่งเรื่องต่อไปสิ ฉันเองอยากจะรู้เหมือนกันว่านายจะพูดอะไรออกมาได้อีก!”
หลัวคังอันกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าใจว่า “ผบ.เว่ยครับ ผู้น้อยพูดออกมาจากใจจริงนะครับ เรื่องที่ลั่วเหมี่ยวใส่ร้ายผม ท่านผบ. ไปสืบดูก็ได้…”
“หุบปากซะ!” เว่ยผิงกงพูดตัดบท “คิดว่าฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง? ขืนฟังนายพูดเหลวไหลต่อไป ฉันคงจะได้เวียนหัวตายแน่!” กล่าวจบ เขาก็หยิบยาออกมาเม็ดหนึ่งแล้วโยนไป
หลัวคังอันรีบรับไว้ทันที เขาไอแรงๆ สองครั้ง กล่าวด้วยความสงสัยว่า “นี่คือ?”
เว่ยผิงกงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นายอยากได้ยาแก้พิษไม่ใช่หรือไง? ฉันยังมีอีกหนึ่งเม็ด กินซะสิ”
“…” หลัวคังอันสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เมื่อครู่ยังบอกว่าจะฆ่าเขาอยู่เลย ตอนนี้กลับบอกว่าให้เขากินยาแก้พิษ ประกอบกับเรื่องที่อีกฝ่ายมีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับเขามาโดยตลอด ถ้าเขาเชื่อก็แปลกแล้ว แต่ภายนอกก็ยังคงกล่าวขอบคุณ กำยาเม็ดนั้นเอาไว้ในมืออย่างเงียบๆ
เว่ยผิงกงเลิกคิ้วพลางกล่าว “ฉันให้นายกิน นายจะเก็บไว้ทำไม เก็บไว้รอมันออกลูกเหรอ?”
หลัวคังอันจนปัญญา ในใจก็นึกกลัว กังวลว่าจะเป็นยาพิษ แต่ภายนอกกลับฝืนกล่าวไปว่า “ผบ.เว่ยยังมีอีกไหมครับ? ขายให้ผมอีกเม็ดได้หรือเปล่าครับ?”
เรื่องเงิน เขาสามารถไปขอจากหอการค้าตระกูลฉินได้ เขาเตรียมจะเอายาอีกเม็ดไปให้หลินยวนกิน ให้หลินยวนได้ลองก่อน ถ้ามั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้วตนเองค่อยกินก็ยังไม่สาย
เว่ยผิงกงกล่าวด้วยสีหน้าโมโห “สมองนายนี่วันๆ คิดอะไรบ้าง? เห็นฉันเป็นคนขายยาหรือไง? ลำพังแค่ยาให้ลูกน้องฉันยังมีไม่พอเลย เห็นแก่ที่นายตามฉันมาช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ก็เลยตั้งใจเก็บไว้ให้นายเม็ดหนึ่ง นายยังไม่รู้ค่าอีกเหรอ?”
…………………………………………………..