ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 223 ห้ามออกนอกบ้าน
ตอนที่ 223 ห้ามออกนอกบ้าน
“ถ้าเป็น ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ จริงๆ ถ้าเป็นฝีมือของ ‘เว่ยเต้า’ จริงๆ ก็ถือว่ายังดีที่เขาไม่ได้ใช้ของสิ่งนั้นภายในเมืองปู๋เชวี่ย ไม่อย่างนั้นผู้คนนับหลายสิบล้านคนที่อยู่ในเมืองขนาดใหญ่นี้คง…ผลที่ตามมาจะต้องเลวร้ายจนไม่อาจคาดคิดได้แน่!” ลู่หงเยียนคิดแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
หลินยวนกล่าว “คิดว่าเขาคงยังไม่มีความกล้าถึงขนาดเอาไปใช้ในเมืองที่มีคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากแบบนั้น เพราะถ้าเกิดหายนะแบบนั้นขึ้นล่ะก็ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากไปข้องแวะกับเขา ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่ต้องรังเกียจและอยากอยู่ห่างจากเขา ไม่ว่าจะราชวงศ์นี้หรือราชวงศ์ก่อนก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่!”
สิ่งที่ลู่หงเยียนกังวลในตอนนี้กลับไม่ใช่สิ่งนี้ เธอกล่าวอย่างลังเล “ถ้าเป็น ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ จริงๆ จากที่เหิงเทาบอกมา ท่านอ๋อง วันที่มีพิธีเปิดโรงงานของหอการค้าตระกูลฉิน พระองค์ก็ไปเหมือนกันนะเพคะ”
หลินยวน “คิดมากไปแล้ว ของสิ่งนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก คนยิ่งเยอะ อานุภาพที่ ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ สร้างขึ้นถึงจะยิ่งน่ากลัว หากเป็นคนจำนวนน้อย ผลของมันกลับไม่ได้รุนแรงอะไรนัก” เขาหันไปกล่าว “ฉันจะออกไปดูหน่อย เธอกับลุงเฉินอยู่ที่นี่”
ลู่หงเยียนเอ่ยถาม “ไปไหนเพคะ?”
หลินยวน “จะใช่ ‘เทพเจ้าแห่งโรคระบาด’ หรือไม่ ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน เคยได้ยินแค่ที่เขาบอกเล่าต่อๆ กันมา ฉันจะไปดูที่โรงงานสร้างข่ายพลังให้แน่ใจหน่อย”
ลู่หงเยียนเอ่ยห้ามปรามไว้ “ท่านอ๋อง เว่ยเต้าใช้กระทั่งของสิ่งนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าวางแผนจะฉวยโอกาสโจมตีในตอนที่การป้องกันของหอการค้าตระกูลฉินอ่อนแอ ถ้าพระองค์ไปที่โรงงานตอนนี้ มันอันตรายเกินไปนะเพคะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วพระองค์ต้องลงมือ แบบนั้นมันจะเป็นการเผยสภาวะให้คนอื่นสงสัยได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นแม้พระองค์จะไปก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้อยู่ดี อยู่ที่นี่จะปลอดภัยกว่านะเพคะ”
หลินยวนกล่าว “คอยติดต่อกับทางเหิงเทาเอาไว้ ถ้ามีเรื่องอะไรให้ติดต่อฉันทันที” กล่าวจบก็หันหลังออกไป
ลู่หงเยียนอึกอักคล้ายอยากพูดอะไร เธอยังอยากจะห้ามอยู่ แต่รู้ว่าเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ถึงห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์
……
“อะไรนะ? ไอเป็นเลือด?” จูลี่ที่อยู่ข้างโซฟาถือโทรศัพท์พลางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เธอเองก็ไอไม่หยุดเช่นกัน อาการไอแบบจะเป็นจะตายนี้มันทรมานเป็นอย่างมาก
เธอได้รับข่าวจากพนักงานในสถานีว่ามีหลายคนที่ไอจนกระอักเลือดออกมาแล้ว
มืออีกข้างหนึ่งของเธออยู่ในมือจิ้นเซียว จิ้นเซียวกำลังตรวจชีพจรให้เธออยู่ เขาขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ…พรูด!” จู่ๆ จูลี่ที่กำลังพูดคุยโทรศัพท์อย่างร้อนใจก็ไอออกมาเป็นเลือดคำหนึ่ง เลือดสดๆ ที่ไหลหยดออกมาที่มุมปากทำให้เธอตกตะลึง เธอยกมือขึ้นเช็ดปาก มองสีแดงเข้มบนฝ่ามือด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ
แต่พอกระอักเลือดออกมาแบบนี้ อาการไอที่แสนทรมานก็หยุดลงไป
จิ้นเซียวมองเธออย่างตื่นตะลึง หลังได้ตั้งสติกลับมาก็ใช้พลังตรวจสอบร่างกายเธออีกครั้ง พบว่าหลังจากที่ร่างกายกระอักเลือดออกมา เลือดลมที่ปั่นป่วนนั้นกลับคืนสมดุลไม่น้อย นี่คือสาเหตุที่เธอไม่ไออีก
จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกไปแย่งโทรศัพท์ของจูลี่มากดวางสาย กล่าวเตือนว่า “ไม่ต้องพูด แล้วก็ไม่ต้องคิดอะไรเหลวไหลด้วย พยายามสงบสติไว้ เดี๋ยวผมรีบพาคุณไปหาลั่วเทียนเหอ เขาสามารถติดต่อสภาเซียนได้ บางทีอาจจะมีวิธีช่วยรักษาคุณได้” กล่าวจบก็ดึงจูลี่ลุกขึ้นเดินไป
เดิมที หลังจากพบว่าจูลี่ผิดปกติ เขายังนึกว่าเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ นึกว่าพวกหลินยวนไม่รักษาคำพูด แอบลงมือทำอะไรจูลี่ ด้วยความโกรธเกรี้ยวจึงคิดจะไปคิดบัญชีกับพวกหลินยวน แต่ภายหลังเมื่อได้รับรู้ถึงอาการป่วยของคนอื่นๆ ที่สถานี เขาถึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่จูลี่คนเดียวที่เป็นแบบนี้ ยังมีอีกหลายคนที่เกิดปัญหาแบบเดียวกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ มันก็มีความเป็นไปได้ที่ตนเองจะเข้าใจผิดไป แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าปัญหามันเกิดขึ้นที่ไหน อาศัยประสบการณ์ของเขาแล้วก็ยังหาสาเหตุของอาการป่วยไม่พบ มันไม่คล้ายอาการป่วยทั่วไป แล้วก็ไม่คล้ายกับการถูกพิษ กระทั่งเห็นจูลี่กระอักเลือดออกมา เขาจึงทนไม่ไหว คิดจะไปขอความช่วยเหลือจากลั่วเทียนเหอ สภาเซียนที่อยู่เบื้องหลังลั่วเทียนเหอคือผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ พวกเขาจะต้องช่วยจูลี่ได้แน่นอน
แต่ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ออกจากบ้านก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตู ตามมาด้วยเสียงเคาะประตู “คุณจูลี่อยู่ไหมครับ?”
จิ้นเซียวรับรู้ได้ว่าคนที่อยู่ด้านนอกมีจำนวนไม่น้อย จึงเดินไปเปิดประตูอย่างระมัดระวัง เห็นผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก จึงเอ่ยถามทันทีว่า “มีอะไรครับ?”
หัวหน้าผู้พิทักษ์เมืองย้อนถาม “คุณจูลี่มีอาการผิดปกติใช่ไหมครับ?” กล่าวจบก็มองเห็นรอยเลือดที่มุมปากของจูลี่ จึงเปลี่ยนคำถามว่า “คุณจูลี่ไอไม่หยุด ไอจนกระอักเลือดออกมาแล้วเหรอครับ?”
จิ้นเซียวกล่าว “ใช่ พวกเรากำลังจะไปขอให้ท่านเจ้าเมืองช่วยรักษา”
หัวหน้าผู้พิทักษ์เมืองดันฝ่ามือห้ามไว้ “ท่านเจ้าเมืองมีคำสั่ง ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าเมือง พวกคุณจะออกไปไหนไม่ได้ครับ ทำได้แค่อยู่ในบ้านเท่านั้น และไม่อนุญาตให้ใกล้ชิดกับคนอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการป่วยแพร่กระจายไปหาคนอื่นครับ”
จิ้นเซียวกล่าว “แพร่กระจาย? หมายความว่ายังไง?”
หัวหน้าผู้พิทักษ์เมือง “พวกคุณถูกกักบริเวณแล้ว! ในระหว่างที่ทางสำนักงานเจ้าเมืองกำลังตรวจสอบหาความจริง พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป และไม่อนุญาตให้ใกล้ชิดกับคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างนอกครับ!” เขาย้ำแล้วย้ำอีก
จิ้นเซียวกล่าวเสียงขรึม “การช่วยคนมันเป็นเรื่องเร่งด่วน จะมัวชักช้าได้ยังไง เธอกระอักเลือดออกมาแล้ว จะเสียเวลาอีกไม่ได้ ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา คุณรับผิดชอบไหวเหรอ?”
หัวหน้าผู้พิทักษ์เมืองตอบกลับเสียงแข็ง “ใครขัดขืนฆ่าได้ไม่เว้น! นี่คือคำสั่งที่ท่านเจ้าเมืองสั่งมาโดยตรงครับ!”
จิ้นเซียวกล่าวด้วยความโกรธ “ถอยไป!”
หัวหน้าผู้พิทักษ์เมืองโบกมือทีหนึ่ง อาวุธที่อยู่ในมือผู้พิทักษ์เมืองกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านนอกก็ยกขึ้นมาทันที เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
จินเซียวได้ยินเสียงวิ่งที่ดังขึ้นมารอบด้าน รู้ว่ากำลังพลของผู้พิทักษ์เมืองได้ปิดล้อมที่นี่เอาไว้แล้ว
จิ้นเซียวมีสีหน้าดุร้าย แววตาสะท้อนความคิดสังหารออกมา
โชคดีที่จูลี่วิ่งเข้ามาได้ทันเวลา ดึงเขาเอาไว้ “อย่ามีเรื่อง เดี๋ยวฉันโทรไปถามหัวหน้าเหิงเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
จิ้นเซียวทำได้เพียงนั่งรอด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง
จูลี่หยิบมือถือมาติดต่อหาเหิงเทา บอกเล่าเรื่องราวทางนี้ให้เขารู้
เหิงเทาถอนใจพลางกล่าว “จูลี่ พวกเขาก็ทำตามคำสั่งเหมือนกัน คุณให้ความร่วมมือเถอะ ไม่ใช่แค่คุณหรอกนะ แต่ตอนนี้พนักงานทุกคนของทางสถานีที่ไปงานพิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินในวันนั้นก็น่าจะถูกผู้พิทักษ์เมืองไปกักตัวเอาไว้แล้วเช่นกัน ไม่ใช่แค่พวกคุณ แต่คนทางหอการค้าตระกูลฉิน แล้วคนจำนวนมากที่อยู่ในโรงงานก็มีอาการแบบเดียวกันหมด”
จูลี่ตกใจมาก “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้คะ?”
จิ้นเซียวเข้ามาฟังการคุยโทรศัพท์ใกล้ๆ ได้ยินดังนั้นก็ตกใจไม่น้อย
เหิงเทากล่าว “ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่กระจ่าง แต่ดูแล้วคล้ายจะเป็นโรคระบาด ก่อนที่จะตรวจสอบจนแน่ชัดว่าเป็นโรคระบาดหรือไม่ ไม่มีใครกล้าประมาทเลินเล่อ ดังนั้นพวกคุณจำเป็นต้องกักตัวไว้ ต่อให้ไม่คิดถึงตัวเอง พวกคุณก็ต้องคิดถึงประชาชนหลายสิบล้านคนในเมืองหน่อยนะ ถ้าเกิดเป็นโรคระบาดแพร่กระจายออกไป ผลที่ตามมามันจะเลวร้ายจนไม่อาจคาดคิดได้เลย!”
“ถ้าเกิดการแพร่ระบาดจากเมืองปู๋เชวี่ยไปที่เมืองอื่น ถ้าการระบาดแพร่กระจายออกไปไม่หยุด ถึงเวลานั้นต่อให้คิดจะควบคุมก็คงไม่ง่ายแล้ว คุณลองคิดดูสิว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง? นั่นมันหายนะนะ! ท่านเจ้าเมืองมีคำสั่งฆ่าทุกคนที่ขัดคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถ้ากล้าขัดคำสั่งก็ฆ่าได้ไม่มีการยกเว้น! อย่าขัดคำสั่งในช่วงเวลานี้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไม่ว่าใครก็ปกป้องคุณไม่ได้!”
“พวกคุณต้องให้ความร่วมมือในการกักตัวกับทางผู้พิทักษ์เมือง! อีกอย่าง พวกคุณต้องให้ความร่วมมือในการสอบสวนของผู้พิทักษ์เมืองด้วย รายงานเขาไปให้หมดว่าวันนี้พวกคุณพูดคุยใกล้ชิดกับใครบ้าง อย่าให้ตกหล่นนะ ถึงตอนนี้คุณจะอยากพบท่านเจ้าเมืองก็พบไม่ได้หรอก ท่านเจ้าเมืองไปตรวจสอบสถานการณ์ที่โรงงานหอการค้าตระกูลฉินด้วยตัวเองแล้ว พวกคุณวางใจได้ ถ้าเกิดตรวจสอบทุกอย่างแล้วมีวิธีการที่จะช่วยรักษาโรคได้ ผมจะติดต่อคุณทันที อยู่ที่บ้านให้สบายใจเถอะ เรื่องทางสถานี ผมจะส่งคนไปรับช่วงดูแลให้ก่อน”
จูลี่กล่าว “ฉันเข้าใจความหมายของหัวหน้านะคะ หัวหน้าเหิง ฉันรับรองว่าจะไม่ไปใกล้ชิดกับคนอื่นอีก เอาแบบนี้ดีไหมคะ ถึงยังไงฉันก็ได้รับเชื้อโรคร้ายนี้มาแล้ว คนของทางสถานีหลายคนก็ติดเชื้อไปแล้วเหมือนกัน ถ้ายังไงให้พวกเราไปดูที่โรงงานของหอการค้าตระกูลฉินอีกครั้งดีกว่า พวกเราจะได้ถือโอกาสถ่ายทำและสัมภาษณ์ตรงสถานที่นั้นด้วยเลย”
เหิงเทาตวาดทันที “เหลวไหล! เวลาแบบนี้คุณยังคิดเรื่องถ่ายทำนั่นอีก แค่นี้มันยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ? นี่มันใช่สิ่งที่คุณนึกจะถ่ายก็ถ่าย นึกจะออกอากาศก็ออกได้ยังงั้นเหรอ? ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผมจะระงับอำนาจทุกอย่างของคุณในปู๋เชวี่ยวิดีโอเอาไว้ชั่วคราว เรื่องของทางสถานี ผมจะจัดคนไปดูแลให้ก่อน!” กล่าวจบก็วางสายไป
จูลี่มุ่ยปากบ่นพึมพำสองสามประโยค ข่าวใหญ่แบบนี้ ข่าวที่น่าตกตะลึงแบบนี้ เดิมทีปู๋เชวี่ยวิดีโอควรจะได้ออกอากาศก่อนแท้ๆ แต่กลับถูกห้ามไม่ให้ถ่ายเสียได้!
จิ้นเซียวมองเธอ ไม่รู้ว่าควรจะว่าเธอยังไงดี ไม่ห่วงชีวิตตัวเอง กลับเอาแต่คิดถึงเรื่องงานเนี่ยนะ!
คราวนี้เขาพอจะเข้าใจแล้ว สำหรับผู้หญิงคนนี้ งานที่เธอรักสำคัญเป็นอย่างมาก สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก!
นับแต่นี้เป็นต้นไป เรื่องที่จะให้จูลี่หนีไปกับเขา เขาจะไม่เอ่ยถึงอีกแล้ว!
เขาหันหลังเดินไปที่หน้าประตู เผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์เมืองที่ยืนขวางอยู่ ยื่นมือไปปิดประตู ให้คนที่ขวางหูขวางตาไปอยู่ข้างนอกประตู
เขายืนอยู่หลังประตู มือหนึ่งยันประตูเอาไว้ นิ่งเงียบอยู่นานไม่ขยับไปไหน
จู่ๆ โรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาเข้าใจแล้ว เรื่องที่กังวลมาตลอดในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว ในที่สุดก็มีคนลงมือ ก่อนหน้านี้ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงไม่ลงมือในจังหวะที่ควรลงมือที่สุด ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่าที่แท้อีกฝ่ายใช้วิธีแบบนี้นี่เอง
การที่ทางเหิงเทาไม่ให้จูลี่ไปที่โรงงานของหอการค้าตระกูลฉิน เขาคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะว่ามีความเป็นไปได้ที่คนที่ซุ่มรออยู่อาจจะฉวยโอกาสลงมือในคืนนี้ นี่คือโอกาสลงมือที่อีกฝ่ายจงใจสร้างขึ้นมา
……
ที่หน้าประตูเมือง หลินยวนจอดรถแอบตรงข้างทาง เปิดประตูลงจากรถ มาเจอกับหลัวคังอันที่รออยู่หน้าประตูเมือง
เมื่อเจอหน้าอีกฝ่าย หลินยวนก็เอ่ยถามว่า “พวกท่านประธานล่ะ?”
หลัวคังอันถอนใจกล่าว “ไปแล้ว เพิ่งไปเมื่อกี้นี้เอง พวกเขาทิ้งฉันไว้แล้วก็ไป เรื่องนี้นายจะโทษฉันไม่ได้นะ ท่านเจ้าเมืองก็เดินทางไปด้วย ฉันไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะให้พวกเขารอฉัน นายเองก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะให้พวกเขารอนาย เอ่อ ตอนนี้เหลือแค่พวกเราสองคน ข้างนอกน่าจะไม่ค่อยปลอดภัย ยังจะไปอยู่ไหม?”
เขาคิดว่าใช้เหตุผลที่คนพวกนั้นไปแล้วมาเป็นข้ออ้าง บางทีอาจจะทำให้หลินยวนล้มเลิกความคิดได้ เขาไม่อยากไปจริงๆ
หลินยวนว่า “อย่ามัวชักช้า ไปเถอะ” ว่าแล้วก็เดินนำไปที่รถของหลัวคังอัน รถของอีกฝ่ายระดับสูงกว่า สามารถบินได้
ยังจะไปอีกเหรอ? หลัวคังอันจนใจจริงๆ ทำได้เพียงเดินตามไป
หลินยวนขับรถด้วยตัวเอง หลังจากขับรถออกไปทางประตูของข่ายพลังค้ำนภา เขาก็เปิดโหมดเครื่องบิน ทะยานขึ้นไปในอากาศ หายเข้าไปในความมืดมิดยามค่ำคืน
ทั้งสองเพิ่งเดินทางไปไม่นาน จู่ๆ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลประตูเมืองก็ตะโกนเสียงดัง “ปิดประตูเมือง หากไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้าออก ใครฝ่าฝืนฆ่าได้เลยไม่มีการยกเว้น!”
เสียงดังกึกก้องทั้งสี่ด้าน ประตูทั้งสี่ด้านของข่ายพลังค้ำนภาที่คอยปกป้องเมืองปู๋เชวี่ยค่อยๆ ปิดลงทุกบาน ยังดีที่หลินยวนกับหลัวคังอันออกไปเร็ว ถ้าช้ากว่านี้อีกหน่อย ถึงอยากจะออกก็คงออกไปไม่ได้แล้ว
……
“ทุกคนกลับบ้านให้หมด ห้ามทุกคนออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอก ทันทีที่ถึงยามไฮ่ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งทันที ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกจับกุม! ใครขัดขืนฆ่าได้ไม่เว้น!”
เสียงตะโกนเตือนของผู้พิทักษ์เมืองดังไปทั่วทุกที่ในเมืองปู๋เชวี่ย ประชาชนที่เดินเตร่กันตามท้องถนนอย่างคึกคักต่างถามกันอย่างแปลกใจ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
ปู๋เชวี่ยวิดีโอก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์เช่นกัน ผู้บัญชาการของผู้พิทักษ์เมืองออกมาประกาศแจ้งประชาชนในเมืองปู๋เชวี่ยด้วยตัวเองผ่านทางการถ่ายทอดสดของปู๋เชวี่ยวิดีโอ เนื้อหาในการถ่ายทอดสดสอดคล้องกับเสียงประกาศตามท้องถนน คือขอให้ทุกคนกลับเข้าบ้านก่อนยามไฮ่ นี่คือคำสั่งห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลที่ไม่ได้มีมานานมากแล้ว!
ที่มีคำสั่งห้ามออกนอกบ้านก็เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเป็นวงกว้างของโรคระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้!
ภายในร้านเสื้อผ้า คนสองคนนั่งอยู่บนโซฟา ดื่มเหล้าและดูการถ่ายทอดสดในฉากแสง
เซี่ยงเต๋อเฉิงกล่าว “เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงห้ามออกนอกบ้านล่ะ?”
เหยียนฝูว่า “เราไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมายที่นี่ ไม่เกี่ยวอะไรกับเราหรอก คนที่บอกว่าจะมาหาพวกเราคนนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นได้ข่าวอะไรเลย นี่ต่างหากที่เป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่!”
เซี่ยงเต๋อเฉิงเงียบไป…
……………………………………………………………………….