ตอนที่ 205 พูดจาเหลวไหล
ฉินอี๋อยู่ในห้องพักผ่อนที่อยู่ด้านบนของห้องทำงาน กำลังแต่งตัวอยู่เช่นกัน ภายในงานที่เป็นทางการที่เธอกำลังจะไปเข้าร่วมไม่เหมาะที่จะแต่งตัวตามสบายมากเกินไป เพราะว่าลั่วเทียนเหอจะมาเข้าร่วมงานด้วย เธอจึงเปลี่ยนเป็นชุดโบราณ
ตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นประธานหอการค้าตระกูลฉิน เวลาออกไปข้างนอกเธอก็ไม่เคยแต่งตัวตามสบายมาก่อนเช่นกัน
ไป๋หลิงหลงที่เปลี่ยนเป็นชุดโบราณเช่นเดียวกันเดินขึ้นมาชั้นบน กล่าวกับฉินอี๋ที่หมุนตัวกลับไปกลับมาอยู่หน้ากระจกว่า “ท่านประธานคะ หลัวคังอันมาค่ะ บอกว่ามีธุระจะขอพบท่านประธาน”
ฉินอี๋หันหน้ากลับมา กางแขนทั้งสองข้างออกแล้วถาม “เป็นยังไงบ้าง?”
ไป๋หลิงหลงมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเดินวนดูรอบตัวเธออีกครั้ง จากนั้นพยักหน้ากล่าว “ดูดีมากค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลย”
ฉินอี๋หันกลับไปส่องกระจกจัดทรงผมอีกครั้ง “ให้เขาเข้ามาสิ”
“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงเดินลงไปชั้นล่าง เปิดประตูออกไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ผายมือเชิญหลัวคังอันที่รออยู่แล้วกล่าวว่า “รองประธานหลัว เชิญค่ะ”
“รบกวนด้วยครับ” หลัวคังอันพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเดินตามเธอเข้าไป
ส่วนหลินยวนนั้น เขาไม่ได้ตามมาที่นี่ด้วย เพราะกลัวว่าการปรากฏตัวของตนจะทำให้เสียเรื่อง
เขาไม่ได้พบหน้าฉินอี๋หลายวันแล้ว ลู่หงเยียนมาแล้ว เขาคิดว่าตนเองไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวอะไรกับฉินอี๋แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าถ้าตนเองตามไปแล้วจะทำให้ฉินอี๋ไม่พอใจจนปฏิเสธคำขอของหลัวคังอัน
เมื่อเข้าไปข้างใน ฉินอี๋ยังไม่ได้ลงมาจากชั้นบน ไป๋หลิงหลงเชิญให้หลัวคังอันรอสักครู่ หลัวคังอันย่อมต้องเอ่ยอย่างเกรงใจว่าไม่เป็นไรๆ
หลังจากนั่งรอไปสักพักหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงตึกๆๆ ลงบันไดมา ฉินอี๋ที่ดูงามสง่าเดินออกมาจากด้านหลังชั้นหนังสือ
หลัวคังอันรีบลุกขึ้นทักทาย “ท่านประธานครับ”
ฉินอี๋ผายมือเชิญนั่ง ตัวเองก็นั่งลงเช่นกัน เอ่ยถามว่า “คุณหลัวคะ เวลานี้แล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอคะ?”
หลัวคังอันยิ้มพลางกล่าว “ช่วงนี้ผมคอยติดตามงานทางแผนกโฆษณาของเรากับปู๋เชวี่ยวิดีโออยู่ตลอด ไม่กล้าปล่อยปละละเลย พิธีเปิดโรงงานก็ใกล้จะเริ่มแล้ว ไม่ทราบว่าท่านประธานต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ? ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ผมจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”
ฉินอี๋ “พวกคุณทำแผนงานเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
หลัวคังอันหยั่งเชิงกล่าว “อย่างนั้นผมจัดการงานทั้งหมดไปตามแผนที่เตรียมไว้เลยนะครับ?”
ฉินอี๋พบว่าคนคนนี้ดูจะเอาใจใส่เรื่องงานถ่ายทำพิธีเปิดโรงงานมากจนเกินไป จึงมองดูเขาอย่างครุ่นคิดพลางกล่าวว่า“ถ้าแผนงานไม่มีปัญหาอะไรก็ทำตามแผนไปเถอะค่ะ ไม่ต้องทำอะไรวุ่นวายนอกเหนือแผนงาน”
สำหรับเธอแล้ว อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ถ้าเป็นเวลาปกติเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งกังวลอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย แต่เพราะหลัวคังอันผู้นี้มาหาเธอไม่จบไม่สิ้น เธอจึงไว้หน้ามอบหมายงานให้เขาไปทำเสียหน่อย
หลัวคังอันตบหน้าอก เอ่ยรับรองอย่างเต็มปากเต็มคำ “ท่านประธานวางใจได้ครับ ผมจะจับตาดูอย่างดี ถ้ามีปัญหาอะไร ผมรับผิดชอบเองครับ”
ฉินอี๋เอ่ยอย่างลังเล “เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้คุณที่เป็นรองประธานไปนั่งจับตาดูด้วยตัวเองหรอกค่ะ มอบหมายให้ลูกน้องไปทำก็ได้”
หลัวคังอันรีบกล่าว “ผมจับตาดูมาขนาดนี้แล้ว แผนนี้มันก็เกิดขึ้นได้เพราะผมคอยดูอยู่ ถ้าเกิดว่ามีอะไรผิดพลาดในระหว่างดำเนินการ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นว่าผมชี้นิ้วสั่งการผิดไป ผมจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดครับ จะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นครับ”
นี่เป็นแค่การบันทึกเทปเท่านั้น ไม่ใช่การถ่ายทอดสดเสียหน่อย ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็แก้ไขเพิ่มเติมเข้าไปก็ได้ แล้วมันจะไปผิดพลาดตรงไหนได้ล่ะ?
ฉินอี๋ไม่คิดว่ามันเป็นจะเรื่องใหญ่อะไร แต่สุดท้ายยังระแวงกับความใส่ใจจนเกินเหตุของคนคนนี้อยู่เล็กน้อย จึงกล่าวเตือนว่า “อย่าให้มีปัญหาอะไรที่ไม่จำเป็นก็แล้วกันค่ะ”
“ครับ วางใจได้เลย ผมจะจัดการทุกอย่างตามแผนครับ” หลัวคังอันลุกขึ้น เอ่ยถามว่า “ท่านประธานมีอะไรจะสั่งการเพิ่มไหมครับ?”
ฉินอี๋ส่ายหน้า
หลัวคังอันกล่าวลาแล้วเดินออกไป
ฉินอี๋ลุกขึ้นมองส่งเขาจากไป กระทั่งไป๋หลิงหลงกลับมาแล้ว เธอจึงเอ่ยกำชับว่า “บอกทางแผนกโฆษณาให้จับตาดูอย่างใกล้ชิด ถ้าเกิดปัญหาอะไรให้แจ้งเธอไปจัดการทันที”
ความกระตือรือร้นของแซ่หลัวคนนี้ทำให้เธอเกิดความสงสัย แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอก็ต้องระวังเอาไว้ก่อน
“รับทราบค่ะ ฉันจะไปกำชับให้ค่ะ” ไป๋หลิงหลงพยักหน้ารับคำ จากนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย “หัวหน้าเหิง…ค่ะ ได้ค่ะ ฉันจะรีบแจ้งท่านประธานให้ค่ะ”
หลังจากวางสายก็รีบกล่าวรายงานฉินอี๋ “ท่านประธานคะ หัวหน้าเหิงแจ้งมาว่าท่านเจ้าเมืองกำลังมาเจอพวกเราเพื่อออกเดินทางไปด้วยกันค่ะ”
สีหน้าฉินอี๋พลันจริงจังขึ้นมา ก้าวอาดๆ ออกไปทันที เดินไปพลางกำชับไปด้วยว่า “แจ้งผู้บริหารระดับสูงทุกคนที่จะไปเข้าร่วมพิธีว่าให้ออกไปต้อนรับท่านเจ้าเมืองที่หน้าประตูใหญ่ของหอการค้า”
“รับทราบค่ะ” ไป๋หลิงหลงเดินไปพลางต่อสายโทรศัพท์แจ้งแต่ละคนไปด้วย
จากนั้นไม่นาน ฉินอี๋ก็ปรากฏตัวขึ้นที่โถงใหญ่ของสำนักงานใหญ่หอการค้าตระกูลฉิน น้อยครั้งนักที่เธอจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพราะเวลาทำงานปกติเธอจะขึ้นลงลิฟต์ที่อยู่ทางด้านลานจอดรถเลย
เวลานี้ นอกจากผู้ที่เดินเปิดทางอยู่ข้างหน้าไกลๆ แล้ว ฉินอี๋ที่สายตามองตรงไปข้างหน้าพร้อมก้าวเท้าอย่างมั่นคงเรียกได้ว่าเดินนำอยู่หัวแถว ด้านหลังมีพนักงานชายหญิงกลุ่มหนึ่งเดินตาม แล้วก็มีกลุ่มคนที่กำลังเร่งตามมาไม่ขาดสาย บางคนวิ่งเหยาะๆ เพื่อรีบมาเข้าร่วมขบวน
หลัวคังอันกับหลินยวนก็อยู่ในกลุ่มนั้นเช่นกัน
ภายใต้การห้อมล้อมของผู้บริหารระดับสูงของหอการค้า บุคลิกท่าทางของฉินอี๋ในขณะที่ปรากฏตัวขึ้นมายิ่งสร้างความรู้สึกกดดันให้แก่พนักงานที่อยู่รอบๆ ทำให้รู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ เพราะมีผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งได้มาวางแนวป้องกันกั้นไว้ที่โถงใหญ่ล่วงหน้าแล้ว
พนักงานของหอการค้าตระกูลฉินที่อยู่รอบๆ ต่างพากันมองดูอย่างเงียบๆ ด้วยสายตาเคารพยำเกรง ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดัง ต่างมองไปทางกลุ่มคนเดินที่อาดๆ ออกจากประตูใหญ่ไป
ด้านนอกประตูใหญ่ได้ถูกผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งทำการเคลียร์พื้นที่ไว้จนเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ ภายในบริเวณถูกปิดล้อมเอาไว้ พื้นที่ตรงหน้าประตูใหญ่ไม่ให้ใครเข้าออกชั่วคราว
แล้วก็มีกำลังพลของผู้พิทักษ์เมืองจำนวนมากที่เดินทางมาทำการป้องกัน ส่วนด้านนอกนั้นยังมีเทพมหาวิญญาณอีกยี่สิบตนที่กำลังทำการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด
ระดับการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้มีความเข้มงวดเป็นอย่างมากจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นหรือไม่ แต่เรื่องที่ศัตรูสามารถคิดได้ ทางหอการค้าตระกูลฉินกับทางการของเมืองปู๋เชวี่ยก็สามารถคิดได้เช่นเดียวกันว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นในส่วนใหญ่บ้าง การเดินทางครั้งนี้จึงมีการใช้ผู้คุ้มกันเป็นจำนวนมาก
กลุ่มคนเดินไปจนถึงพื้นที่โล่ง ฉินอี๋หยุดรอ กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังเธอก็หยุดรอเช่นกัน ทุกคนรู้ว่าลั่วเทียนเหอกำลังจะมา จึงมองขึ้นไปยังท้องฟ้าที่อยู่ทางสำนักงานเจ้าเมืองเป็นครั้งคราว
ทางด้านซ้ายและด้านขวาของฉินอี๋ ยอดฝีมือระดับเซียนเทพสองคนที่ตระกูลหนานชีส่งมาเรียกได้ว่ากวาดมองไปรอบๆ ด้วยตาสายตาถมึงทึง
จู่ๆ ผู้คุ้มกันที่อยู่รอบนอกก็เปิดทางออก หนานชีหรูอันเดินเข้ามาอย่างสุขุมเยือกเย็น พิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินครั้งนี้เป็นงานใหญ่ ตระกูลหนานชีย่อมต้องส่งคนมาร่วมแสดงความยินดี
ฉินอี๋สังเกตเห็นว่านอกจากผู้ติดตามแล้ว ครั้งนี้หนานชีหรูอันเดินทางมาคนเดียวอีกแล้ว เทพธิดาฉิงชุ่ยที่ก่อนหน้านี้มักจะคอยตามติดเป็นเงาไม่ว่าจะโอกาสไหนเหมือนจะไม่ได้มาด้วยอีกแล้ว
ทั้งสองทักทายกันตามมารยาท หนานชีหรูอันกล่าวว่า “พิธีเปิดครั้งนี้ เดิมทีผู้นำตระกูลอยากจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตัวเอง แต่เพราะมีธุระติดพันปลีกตัวออกมาไม่ได้ จึงฝากให้ผมเป็นตัวแทนมากล่าวขอโทษและร่วมแสดงความยินดีแทนครับ” จากนั้นโบกมือเล็กน้อย หลีอู่ที่เป็นผู้ติดตามประคองกล่องของขวัญกล่องหนึ่งส่งให้ด้วยสองมือ
หนานชีหรูอันชี้ไปที่กล่องของขวัญพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่คือของขวัญแสดงความยินดีที่ผู้นำตระกูลเตรียมไว้ครับ เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าประธานฉินจะไม่รังเกียจครับ”
ฉินอี๋รีบเอ่ยขอบคุณ จากนั้นให้ไป๋หลิงหลงมารับเอาไว้ แต่ภายในใจกลับรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงคำพูดตามมารยาทของผู้นำตระกูลหนานชีเท่านั้น ด้วยสถานะของอีกฝ่ายแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาร่วมพิธีเปิดโรงงานสร้างข่ายพลังของหอการค้าตระกูลฉินเลย แค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้น การที่อีกฝ่ายส่งของขวัญมาร่วมแสดงความยินดีก็ถือเป็นการให้เกียรติกันแล้ว
ทุกคนรอกันอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็มองเห็นเงาดำกลุ่มหนึ่งบินมาจากทางสำนักงานเจ้าเมือง ผู้คุ้มกันที่อยู่รอบๆ ไม่ได้มีการขัดขวางใดๆ ปล่อยให้คนกลุ่มนั้นบินลงมา นำมาโดยลั่วเทียนเหอ แล้วก็มีพวกของจู่ลี่ติดตามมาด้วย
พวกฉินอี๋รีบเดินเข้าไปทำการคารวะ ฉินอี๋ย่อมต้องเป็นตัวแทนของหอการค้าตระกูลฉินเข้าไปกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายที่ให้เกียรติมาร่วมงานด้วยตัวเอง
เธอเองก็รู้ดี หากครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะว่าทางสภาเซียนให้ความสำคัญ ทั้งยังจัดกำลังทหารมาประจำการเป็นกรณีพิเศษ หากลั่วเทียนเหอไม่มาร่วมงานอาจจะทำให้ถูกมองว่าไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ได้ ไม่อย่างนั้นปกติแล้วลั่วเทียนเหอไม่มีทางมาร่วมงานประเภทนี้แน่นอน
ลั่วเทียนเหอกวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะเหลือบมองดูหนานชีหรูอันอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่เร่งร้อนว่า “ได้เวลาแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ”
ฉินอี๋รีบหันไปออกคำสั่ง ออกเดินทางทันที!
ทางด้านลานจอดรถ ขบวนรถที่เตรียมเอาไว้ก็เคลื่อนตัวมาถึง ทางหอการค้าตระกูลฉินได้เตรียมรถเอาไว้ให้ลั่วเทียนเหอแล้ว ฉินอี๋เป็นผู้เปิดประตูรถให้ลั่วเทียนเหอด้วยตัวเอง หลังเชิญเขาเข้าไปนั่งในรถแล้วก็ปิดประตูรถให้ลั่วเทียนเหอด้วยตัวเองด้วย
จากนั้นถึงจะก้าวอาดๆ ไปที่รถของตัวเอง
หลัวคังอันยืนคุยอยู่ข้างกายจูลี่ เมื่อเห็นว่าจูลี่ไม่ได้ไปขึ้นรถของลั่วเทียนเหอก็ลอบรู้สึกโล่งใจ ตัวเขาที่คอยหาโอกาสอยู่ตลอดรีบวิ่งเหยาะๆ ไล่ตามฉินอี๋ไป
ตอนที่ไล่ตามไปถึงตัวฉินอี๋ การพรวดพราดเข้ามาของเขาได้ทำให้ผู้คุ้มกันของฉินอี๋ยื่นมือมาขวางเอาไว้
“ท่านประธานครับ” หลัวคังอันร้องเรียกพลางมองอีกฝ่ายตาปริบๆ
ฉินอี๋เห็นว่าเป็นเขา จึงบอกให้ผู้คุ้มกันปล่อยเขาเข้ามา กระทั่งเขาเข้ามาใกล้แล้วจึงเอ่ยเสียงขรึมว่า “รองประธานหลัว ให้ท่านเจ้าเมืองรอนานมันจะดูไม่ดี มีเรื่องอะไรไว้ไปถึงที่นั่นแล้วค่อยคุยกัน”
หลัวคังอันรีบกล่าว “ท่านประธานครับ คุณจูลี่อยากนั่งรถคันเดียวกับท่านประธานครับ”
ฉินอี๋หันไปมองทางจูลี่ทันที เอ่ยอย่างสงสัยว่า “นั่งรถคันเดียวกับฉัน? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หลัวคังอันกล่าว “อาจจะมีเรื่องอะไรที่อยากคุยกับท่านประธานระหว่างทางมั้งครับ ท่านประธานว่ายังไงครับ ถ้าไม่ได้ เดี๋ยวผมจะกลับไปปฏิเสธเธอให้ตอนนี้เลย”
กลับไปปฏิเสธ? ดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไรเหมือนกัน! ฉินอี๋กล่าว “ท่านเจ้าเมืองรออยู่ บอกให้เธอรีบมาแล้วกันค่ะ”
“ได้ครับ” หลัวคังอันรับคำ จากนั้นรีบหันหลังวิ่งกลับไป พอไปถึงตรงหน้าจูลี่ก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณจูลี่ครับ เมื่อครู่ท่านประธานบอกว่าให้คุณไปนั่งรถคันเดียวกับท่านประธานครับ คงจะไม่เหมาะหากให้ท่านเจ้าเมืองรอนาน ก็เลยบอกให้คุณเร็วหน่อยครับ”
ใบหน้าของจิ้นเซียวมีความรู้สึกสงสัยปรากฏแวบขึ้นมา
“…” จูลี่มึนงงไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก จะปฏิเสธก็ดูไม่ดีเช่นกัน จึงพยักหน้าทันทีแล้วรีบหันไปกำชับคนของทางสถานีว่าให้ทำตามแผนงานของทางหอการค้าตระกูลฉิน จากนั้นรีบสาวเท้าไปหาฉินอี๋ มีคนตั้งมากมายขนาดนี้รออยู่ เธอเองก็ไม่กล้าชักช้าเช่นกัน
หลัวคังอันตามไปด้วย จูลี่กระซิบถามขณะที่เดินว่า “คุณหลัว ท่านประธานมีอะไรจะสั่งเหรอคะ?”
หลัวคังอันกล่าว “ไม่ทราบครับ เวลานี้นอกจากเรื่องถ่ายทำพิธีเปิดแล้ว คิดว่าน่าจะไม่มีเรื่องอื่นนะครับ อาจจะถามอะไรอีกสักเล็กน้อย คุณก็ตอบไปตามความจริงก็พอครับ”
ฉินอี๋ให้ความสำคัญมากถึงขนาดนี้ ทำเอาจูลี่รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
จิ้นเซียวก็ตามมาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าตามติดข้างกายจูลี่ไม่ห่าง โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้
หลินยวนเฝ้ามองดูความเคลื่อนไหวของทางนี้อยู่ไม่ไกล เขาเองก็ไม่รู้ว่าหลัวคังอันใช้วิธีอะไรถึงทำให้ฉินอี๋ตอบตกลงได้ พบว่าตนเองมองคนไม่ผิดเลยจริงๆ หลัวคังอันคนนี้ถนัดเรื่องพูดจาเหลวไหลจริงๆ
แต่เขาหารู้ไม่ว่าหลัวคังอันเองก็หมดหนทางแล้วจริงๆ ไปพูดจาเหลวไหลกับฉินอี๋จริง ๆ
ฉินอี๋เข้าไปนั่งรอในรถแล้ว หลังจากปิดประตูเสร็จเรียบร้อย ไป๋หลิงหลงก็เดินไปยังประตูหลังอีกด้านหนึ่งแล้วเปิดประตูรถรอจูลี่
ในเวลานี้ จิ้นเซียวที่ตามอยู่ด้านหลังสุดไม่สามารถผ่านผู้คุ้มกันมาได้ ถูกผู้คุ้มกันขวางเอาไว้
จิ้นเซียวค่อนข้างร้อนใจ จึงตะโกน “ผอ.ครับ พาผมไปด้วย”
จูลี่หันกลับไปมอง ไป๋หลิงหลงจับประตูรถไว้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “คุณจูลี่คะ รถของท่านประธานจะให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องนั่งไปด้วยไม่ได้ค่ะ ด้านหลังมีรถเตรียมเอาไว้ให้ผู้ช่วยของคุณแล้วค่ะ”
“อย่าวุ่นวาย รีบกลับไป” จูลี่ถลึงตาพลางเอ่ยตำหนิ เธอโกรธแล้ว รู้สึกไม่พอใจแล้วจริงๆ สถานการณ์แบบนี้ไหนเลยจะใช่ที่ที่จิ้นเซียวจะมาทำอะไรวุ่นวายได้ ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ
…………………………………………………….
MANGA DISCUSSION