ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 196 แค่แสร้งปล่อยเพื่อจับเท่านั้น
ตอนที่ 196 แค่แสร้งปล่อยเพื่อจับเท่านั้น
“เจออู๋จื่อ…” เซียวอวี่เหยียนพึมพำกับตัวเอง จู่ๆ ย้อนถามเขาว่า “นายคิดว่ามันคืออะไร”
เจิงอิงฉางลองตอบว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราลองวิเคราะห์ดูแล้ว หอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางเอาชะตาชีวิตของหอการค้าไปฝากไว้ที่ตัวเจออู๋จื่อเพียงคนเดียวแน่ จะต้องมีการสำรองข้อมูลเคล็ดลับในการสร้างข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณเอาไว้แน่ หรืออาจจะเป็นสิ่งนี้ครับ?”
เซียวอวี่เหยียนกวาดมองดูเนื้อหาที่อยู่ในเอกสารอีกครั้ง “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ได้ข้อมูลนี้มายังไง?”
เจิงอิงฉางตอบว่า “คนของเราคนหนึ่งที่ชื่อคุนหลานเป็นคนสืบมาได้ครับ เขามีหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์เมืองในพื้นที่หนึ่งของเมืองปู๋เชวี่ย เมื่อผมเห็นข้อมูลนี้ ผมก็ได้เรียกเขามาสอบถามต่อหน้าอีกครั้ง เขาบอกว่าโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ที่เขารับผิดชอบเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น…” เจิงอิงฉางบอกเล่ารายละเอียดที่ทำการสอบถามออกมา ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
เซียวอวี่เหยียนปิดเอกสาร โยนลงบนโต๊ะหินที่อยู่ด้านข้าง “บังเอิญเหรอ?”
เจิงอิงฉางกล่าวว่า “จะเรียกว่าบังเอิญก็ได้ครับ แต่ความบังเอิญนี้มันมีสาเหตุอยู่ เดิมทีเขาก็มีหน้าที่คอยจับตาดูผู้พิทักษ์เมืองอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาไล่ตามสิ่งผิดปกติไปจนได้ผลลัพธ์เช่นนี้ออกมาก็นับเป็นเรื่องปกติ เรียกได้ว่าคิดไม่ถึงว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าครับ”
เซียวอวี่เหยียนกล่าว “ฟังดูแล้ว คล้ายว่าเขาไปเจอเรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร”
เจิงอิงฉางฟังออกถึงความกังวลที่แฝงอยู่ในคำพูด “ท่านประธานกังวลว่าจะเป็นหลุมพรางหรือครับ?”
เซียวอวี่เหยียนยืนมือไพล่หลัง มองดูป่าไผ่เขียวขจีทางด้านนอก “เหล่าเจิง ศึกในเมืองหลวงครั้งนั้นเราพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ฉันเกือบจะเอาชีวิตรอดออกมาไม่ได้ แม้จะบอกว่าความพ่ายแพ้ในศึกครั้งนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะสถานที่ที่เราบุกเข้าไปโจมตีคือสถานที่ที่มีกองทัพจำนวนมหาศาลของสภาเซียนคอยรักษาการณ์อยู่ แต่ลึกๆ แล้วฉันรู้สึกว่ามันไม่ชอบมาพากลสักเท่าไร ทั้งๆ ที่เราบุกโจมตีอย่างกะทันหัน แต่กองกำลังของสภาเซียนกลับดูไม่ได้ตื่นตระหนกลนลานอะไรเลย เรียกรวมกำลังกันอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย เรื่องนี้มันจะมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า? เราจำเป็นต้องระวังเอาไว้ก่อน!”
เจิงอิงฉางถามว่า “อย่างนั้นเจ้าหลัวคังอันนี่ จะปล่อยไปไหมครับ?”
เซียวอวี่เหยียนตอบว่า “ไม่ใช่ว่าจะให้ปล่อยไป แต่ฉันต้องการเหตุผลที่ทำให้ฉันเชื่อได้! ทำไมหอการค้าตระกูลฉินถึงต้องมอบของที่สำคัญขนาดนั้นไว้กับหลัวคังอันด้วย? เพียงเพราะเขาควบคุมเทพมหาวิญญาณเอาชนะการประมูลมาได้ เลยให้เขาเป็นคนดูแลสิ่งสำคัญของหอการค้าตระกูลฉินอันนี้เอาไว้น่ะเหรอ? ถ้าหอการค้าตระกูลฉินมอบสิ่งนี้ให้หลัวคังอันดูแลจริงๆ อย่างนั้นรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหลัวคังอันคนนี้จะต้องไม่ได้มีแค่ที่พวกเราเห็นอย่างแน่นอน ในตัวหลัวคังอันคนนี้จะต้องมีอะไรบางอย่างที่ควรค่าแก่การที่หอการค้าตระกูลฉินจะมอบความไว้วางใจให้เขาอยู่เป็นแน่”
เจิงอิงฉางลังเล “ตอนนี้หลัวคังอันจะไปไหนมาไหนก็มีคนคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายอย่างแน่นหนา ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้ให้ความสนใจกับสถานที่เล็กๆ อย่างเมืองปู๋เชวี่ยแห่งนี้มากนัก ไม่เคยวางกำลังคนเอาไว้เลย เราเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก การจะไปสืบเรื่องอะไรคงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไรครับ”
เซียวอวี่เหยียนเอ่ยอย่างใจเย็น “อย่ามัวแต่ไปทำเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ มัวแต่ไปจดจ่ออยู่กับวิธีวิธีเดียวมันย่อมต้องยากลำบาก บางทีถ้าใช้วิธีอื่นอาจจะง่ายกว่า”
“เอ่อ…” เจิงอิงฉางไม่เข้าใจ ประสานมือพลางเอ่ยว่า “ท่านประธานโปรดชี้แนะด้วยครับ”
เซียวอวี่เหยียนเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะหิน ยกพู่กันจุ่มหมึก เขียนอักษรแถวหนึ่งลงบนกระดาษขาวแล้วจึงวางพู่กันลง หยิบกระดาษแผ่นนั้นส่งให้เขา
เจิงอิงฉางรับมาไว้ในมือ อ่านออกเสียงว่า “หอการค้าตระกูลโจว หอการค้าตระกูลพาน?” น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความไม่เข้าใจและสงสัย
เซียวอวี่เหยียนอธิบายว่า “หอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพานสู้กับหอการค้าตระกูลฉินมานานขนาดนี้ ต่างฝ่ายต่างก็น่าจะรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายมากกว่าคนทั่วๆ ไป การประมูลพ่ายแพ้ไปแล้ว มีหรือที่พวกเขาจะไม่สืบหาสาเหตุ? ดูแล้วพวกเขาคงจะไปสืบเรื่องหลัวคังอันที่จู่ๆ ก็โผล่มาแสดงอิทธิฤทธิ์คนนี้แต่แรกแล้ว ด้วยอิทธิพลในสภาเซียนของสองตระกูลใหญ่ที่หนุนหลังหอการค้าทั้งสองแห่งนี้อยู่ พวกเขาน่าจะสืบได้อะไรมาบ้าง นายลองหาวิธีดูว่าจะหาคำตอบจากหอการค้าทั้งสองแห่งนี้ได้หรือเปล่า บางทีอาจจะง่ายกว่าการไปนั่งสืบเองก็ได้”
เจิงอิงฉางพลันเข้าใจทันที “ท่านประธานปราดเปรื่อง ถูกต้อง ไม่ใช่แค่หอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานเท่านั้น แต่หอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลฉวี่และหอการค้าตระกูลอูก็พ่ายแพ้ในการประมูลเช่นกัน หากไม่ได้คำตอบจากหอการค้าตระกูลโจวและหอการค้าตระกูลพาน พวกเราก็ลองไปสืบจากหอการค้าทั้งสามแห่งนั้นดูด้วยก็ได้ครับ”
เซียวอวี่เหยียนโบกมือเล็กน้อย “ฉันไม่เชื่อใจหอการค้าตระกูลเผย หอการค้าตระกูลฉวี่กับหอการค้าตระกูลอู หนึ่งหมื่นล้านมุกอย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่าจากสถานการณ์ของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวในตอนนี้ พวกเขาจะมีปัญญาควักเงินจำนวนนี้ออกมาได้เหรอ? ถ้ามีปัญญาทำแบบนั้นจริงๆ พวกเขาคงจะไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก เป็นไปได้สูงว่าคนที่เป็นออกเงินจ้างวานในครั้งนี้จะเป็นหอการค้าทั้งสามแห่งนี้นี่แหละ และถ้าหากหอการค้าทั้งสามแห่งนี้เป็นผู้จ้างวาน พวกเขาก็ย่อมต้องรู้ว่าจะมีการลงมือโจมตี หากว่ามีหลุมพรางอยู่จริงๆ นายจะมั่นใจได้ยังไงว่าข้อมูลที่หอการค้าทั้งสามแห่งนี้ให้มามันน่าเชื่อถือ? ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าพยายามไปสืบอะไรจากหอการค้าทั้งสามแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานในตอนนี้เต็มไปด้วยจุดอ่อน แบบนี้มันไม่สะดวกแก่การสืบมากกว่าเหรอ?”
เจิงอิงฉางพยักหน้า “ทราบแล้วครับ ท่านประธาน แล้วยังจะให้จับตาดูหลัวคังอันอยู่หรือเปล่าครับ?”
เซียวอวี่เหยียนเอ่ย “จัดไว้ในเป้าหมายที่ต้องสังเกตการณ์ก่อน ทันทีที่ยืนยันแล้วว่าข้อมูลเป็นความจริง เราจะได้ไม่ต้องรีบร้อนลนลาน อีกอย่าง คุมตัวคุนหลานที่เป็นคนได้ข้อมูลมาคนนั้นเอาไว้ก่อน เราต้องทำการตรวจสอบข้อมูลของเขาซ้ำๆ เขาบอกไม่ใช่เหรอเห็นผู้พิทักษ์เมืองสองคนที่อาจจะมีส่วนพัวพันกับทรัพย์สินในคดีฆาตกรรม? ให้เขาบอกรายละเอียดรูปพรรณสัณฐานของผู้พิทักษ์เมืองทั้งสองคนนั้นออกมาอย่างละเอียด จากนั้นนายหาวิธีหาตัวสองคนนั้นมา หาโอกาสตรวจสอบข้อมูลจากสองคนนั้น ถ้าตรวจสอบแล้วว่าเป็นความจริง เราสามารถใช้ประโยชน์จากสองคนนั้นได้”
เจิงอิงฉางกล่าว “ได้ครับ!”
เซียวอวี่เหยียนยืนขึ้นอีกครั้ง “เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว การก่อสร้างของหอการค้าตระกูลฉินคืบหน้าไปเร็วมาก เรามีเวลาอย่างมากแค่เดือนเดียว ภายในหนึ่งเดือนนี้ เราต้องตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ชัดเจน ข้อมูลที่ผู้ว่าจ้างให้มา เราเอามาใช้ยืนยันได้เท่านั้น ข้อมูลที่เถ้าแก่เหมยให้มา เราเอามาใช้วิเคราะห์ได้เท่านั้น แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้มากที่สุดคือตัวเราเอง อย่าไปหวังพึ่งคนนอก!”
“ครับ” เจิงอิงฉางตอบ
……
“คุณหลัว คุณลองดูแผนนี้อีกครั้งนะคะ ดูว่ามีอะไรจะเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า?”
ณ ปู๋เชวี่ยวิดีโอ พนักงานของแผนกโฆษณาของหอการค้าตระกูลฉินกำลังประชุมกับพนักงานของทางปู๋เชวี่ยวิดีโออยู่ในห้องประชุม จูลี่มอบแผนการล่าสุดที่ทางปู๋เชวี่ยวิดีโอจัดทำขึ้นมาให้หลัวคังอันอย่างเกรงอกเกรงใจ อีกทั้งยังสังเกตดูปฏิกิริยาของหลัวคังอันอย่างระมัดระวัง
หลัวคังอันรับเอาแผนการไปแล้ววางลงบนโต๊ะ มือข้างหนึ่งวางทับเอาไว้ เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ผมได้ฟังรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูแล้วครับ ผมไม่มีความเห็นอะไร” กล่าวจบก็ปัดมือทีหนึ่ง แผนการฉบับนั้นไถลไปตรงหน้าผู้จัดการแผนกโฆษณา พร้อมกับชี้อีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “ท่านประธานอยากดูแผนการนี้ รีบเอาไปให้ท่านประธานดูด้วย”
สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้ค่อนข้างผ่อนคลาย เพราะเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาเรื่องนี้ทำให้เขาได้รับความทุกข์ทรมานในลานบำเพ็ญเพียรน้อยลงไปไม่น้อย เพราะหลินยวนต้องการเก็บร่างกายเขาเอาไว้ให้เขาทำงาน เขาอยากจะให้มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ
โชคดีที่แผนกโฆษณากับปู๋เชวี่ยวิดีโอยังมีเรื่องอื่นๆ ให้ติดต่อกันอีก เขาจึงยังใช้ชีวิตสบายๆ แบบนี้ต่อไปได้
ผู้จัดการรับเอาแผนการมาไว้ในมือ พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ได้ครับ รองประธานหลัว”
ความจริงนี่เป็นเพียงการถ่ายทำพิธีเปิดธรรมดาๆ เท่านั้น เป็นเรื่องง่ายๆ แค่มอบให้ทางปู๋เชวี่ยวิดีโอรับผิดชอบจัดการไปก็พอ ตอนนี้ที่ต้องวุ่นวายกันถึงขนาดนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องขนคนมามากมายขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหลัวคังอันเข้ามายุ่งวุ่นวาย ดึงดันจะให้ฉินอี๋ออกปากสั่งการให้ได้
ท่านประธานจะดูแผนการ? จู่ๆ ท่านประธานก็สนใจเรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดถึง แผนกโฆษณาจะไม่ทำงานเต็มที่ก็คงไม่ได้
หอการค้าตระกูลฉินเป็นลูกค้ารายใหญ่ของปู๋เชวี่ยวิดีโอ พวกเขาจึงย่อมต้องวุ่นวายไปด้วยเช่นกัน
“เอาล่ะ อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ คุณจูลี่ ขอบคุณมากครับ” หลัวคังอันลุกขึ้น ยิ้มพลางยื่นมือไปจับมือกับจูลี่
จิ้นเซียวที่อยู่ข้างๆ จ้องเขม็งทันที
ส่วนหลินยวนนั้นกำลังสังเกตดูปฏิกิริยาของจิ้นเซียว เขาโยนเหยื่อออกไปแล้ว จุดประสงค์ก็เพื่อจะสังเกตดูท่าทีของจิ้นเซียว
ประการแรกคือเขาต้องการตรวจสอบว่าที่จิ้นเซียวมาอยู่กับจูลี่นั้นจะเป็นเพราะโชคชะตาอย่างที่จิ้นเซียวว่ามาจริงหรือเปล่า ประการที่สองคือเรื่องที่จิ้นเซียวปรากฏตัวขึ้นที่นี่หลังจบการประมูล เขาต้องการตรวจสอบว่าจิ้นเซียวมาที่นี่เพราะพุ่งเป้ามาที่หอการค้าตระกูลฉินหรือเปล่า หรือพูดอีกอย่างคือพุ่งเป้ามาที่เคล็ดลับการสร้างข่ายพลังของเทพมหาวิญญาณหรือเปล่า
เขาต้องการดูว่าในตอนที่หลัวคังอันใกล้ชิดกับจูลี่ จิ้นเซียวจะปฏิเสธหรือว่ายอมรับ
จูลี่ยิ้มพร้อมยื่นมือไปจับมือกับหลัวคังอัน หลัวคังอันจับมือเธอเพียงเล็กน้อยแล้วปล่อยออก พยักหน้าอย่างสุภาพเรียบร้อยแล้วเอ่ยว่า “ขอตัวก่อนครับ” กล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป
หลินยวนเองก็เดินตามออกไปเช่นกัน
จูลี่มึนงงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เร่งฝีเท้าเดินตามไป เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉิน เธอจำเป็นต้องไปส่งเขา
เธอส่งหลัวคังอันจนขึ้นรถไป มองดูหลัวคังอันจากไป ภายในใจรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไร
ความเปลี่ยนแปลงของหลัวคังอันในช่วงนี้ การที่เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อเธออีก การพูดคุยสื่อสารกับทางนี้อย่างจริงจัง ท่าทางการทำงานที่ดูเป็นมืออาชีพ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความหวาดระแวงของเธอทั้งหมดล้วนสูญเปล่า การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เธอไม่ค่อยชินจริงๆ
“รู้สึกไหมว่าเขาเปลี่ยนไป” จู่ๆ จูลี่ก็หันไปถามจิ้นเซียวที่ยืนอยู่ข้างๆ
จิ้นเซียวตอบอย่างเย็นชา “คุณไม่รู้หรือว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าสันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก คุณเชื่อหรือว่าจู่ๆ คนคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยไม่มีเหตุผล?”
จูลี่ถามว่า “หมายความว่ายังไง?”
จิ้นเซียวกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงกลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ คุณระวังตัวไว้ด้วย”
ใช่เหรอ? จูลี่ถามตัวเองในใจ
…..
ไม่นานแผนการอย่างเป็นทางการฉบับนี้ก็ปรากฏอยู่บนโต๊ะของฉินอี๋
ฉินอี๋หยิบเอกสารฉบับนี้ออกมาจากในกองเอกสารแล้วเปิดออกอ่าน ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ยกหูโทรศัพท์โทรไปหาไป๋หลิงหลง ถามว่า “ทำไมเอกสารจากแผนกโฆษณาถึงส่งมาให้ฉัน ไม่มีคนจัดการเหรอ?” น้ำเสียงฟังดูค่อนข้างเคร่งขรึม
เดิมทีเธอก็ยุ่งมากอยู่แล้ว มีเรื่องให้ต้องจัดการไม่หมดไม่สิ้น ตอนนี้กระทั่งเรื่องเล็กๆ แค่นี้ก็ยังส่งมาให้เธอ ถ้าทำแบบนี้ทั้งหมดล่ะก็ เรื่องราวตั้งมากมายในหอการค้าตระกูลฉินเธอจะจัดการหมดได้อย่างไร? แผนกต่างๆ ในหอการค้าตระกูลฉินจะจ้างคนตั้งมากมายขนาดนั้นไปทำไม?
ไป๋หลิงหลงที่อยู่ในสายรีบตอบว่า “ท่านประธานคะ ท่านประธานลืมไปแล้วเหรอคะ? ครั้งที่แล้วรองประธานหลัวมาหาท่านประธานเพราะเรื่องนี้ ท่านประธานบอกให้เขาไปเอาแผนการมาให้ท่านประธานดูค่ะ”
ฉินอี๋นึกขึ้นมาได้ น้ำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย ส่งเสียงอืมทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เข้าใจแล้ว” จากนั้นวางสายไป
ไป๋หลิงหลงเองก็รีบเข้ามาในห้องทำงาน ดูว่ามีเรื่องอะไรหรือไม่
ฉินอี๋อ่านดูแผนงานเล็กน้อย หลังอ่านจบก็ยกปากกาขึ้นมาเซ็นว่าตรวจเรียบร้อย ให้พวกเขาไปจัดการกันเอง ไม่ได้เสนอความเห็นใดๆ ก่อนจะโยนเอกสารลงบนกองเอกสารที่ตรวจเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “หลัวคังอันยังตามจีบจูลี่อยู่อีกเหรอ?”
เหมาร้านอาหารหรูเอาไว้ทั้งร้านเพื่อทานอาหารเย็นด้วยกันอย่างนั้นเหรอ? เรื่องแบบนี้ปิดบังทางนี้ไม่ได้ ไม่นานทางนี้ก็รู้เรื่องที่หลัวคังอันพุ่งเป้าไปที่จูลี่ ฉินอี๋คอยจับตาดูอยู่ห่างๆ
ไป๋หลิงหลงตอบว่า “เขายังคงติดต่อจูลี่ผ่านทางแผนกโฆษณาค่ะ แต่ว่า…”
ฉินอี๋จ้องมองเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอึกอักลังเล
ไป๋หลิงหลงอดไม่ได้ที่จะเกาหนังศีรษะที่อยู่ภายใต้ผมที่จัดทรงอย่างเรียบร้อย “จากที่ได้รับรายงานมา ตอนนี้เขาติดต่อกับทางจูลี่แค่เฉพาะเรื่องงานตามปกติ ไม่ได้มีการติดต่อกันเป็นการส่วนตัวใดๆ ค่ะ เหมือนจะคิดแต่เรื่องงานเพียงอย่างเดียว ท่าทางการทำงานก็ดูจริงจังเป็นอย่างมาก ตอนนี้ยังไม่เห็นเจตนาที่ไม่ดีอะไรค่ะ”
ฉินอี๋วางปากกาลง เอนหลังพิงเก้าอี้ จมอยู่ในความคิด เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าหลัวคังอันกำลังทำอะไรอยู่
….
ภายในป่าไผ่ ใบไม้โปรยปลิว เซียวอวี่เหยียนก้าวเดินอย่างช้าๆ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สองมือไพล่ไว้ด้านหลัง
เจิงอิงฉางผู้ช่วยของเขารีบก้าวเข้ามา เมื่อมาถึงข้างกายเขาก็กล่าวรายงานว่า “ท่านประธาน สืบได้แล้วครับ ที่แท้จริงเจ้าหลัวคังอันนั่นมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยครับ”
“โอ้!” เซียวอวี่เหยียนหยุดฝีเท้า เอ่ยถามว่า “เบื้องหลังอะไร?”
เจิงอิงฉางตอบ “เป็นอาจารย์หลงครับ! อาจารย์ของหลัวคังอันตอนที่อยู่หลิงซานคือหลงซืออวี่ครับ!”
………………………………………………..