ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 19 สามขาดหนึ่ง
ตอนที่ 19 สามขาดหนึ่ง
เถาฮวาถลึงตา ใบหน้าโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง “นั่นมันใช่ที่ที่ให้คนอยู่ไหม? อยู่ห่างเมืองตั้งไกล ไม่รู้นานเท่าไรถึงจะได้กลับมาสักครั้ง? ทุกที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย เวลาอยู่ในเขตเหมืองถ้าไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรคอยติดตาม กระทั่งประตูก็ยังไม่กล้าก้าวออกมาเลย คนที่ไปที่นั่นส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นผู้ชายที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว มีผู้หญิงสักกี่คนที่จะไปที่นั่น เธออายุแค่นี้ ให้เด็กผู้หญิงอย่างเธอไปอยู่ที่นั่นตั้งห้าปี นี่ยังไม่เรียกรังแกอีกเหรอ?”
ฟังดูแล้วคล้ายจะมีปัญหาเล็กน้อย หลินยวนยังคงไม่เข้าใจ กล่าวถามว่า “เรื่องนี้เกี่ยวกับผมเหรอครับ?”
เมื่อเห็นว่าแม่กับพี่ชายคล้ายจะพูดกับคนผู้นี้ได้ กวนเสี่ยวชิงจึงเล่าเรื่องที่ผู้จัดการหวังมาตามหาตนทันที จากนั้นกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย ฉันเองก็ไม่เคยทำให้ผู้จัดการหวังไม่พอใจมาก่อน การที่ทำให้ผู้จัดการหวังออกหน้าย้ายฉันได้….คิดไปคิดมาแล้วก็มีแต่ตอนที่คุยกับคุณที่เป็นพนักงานระดับสูงของหอการค้าเมื่อตอนกลางวัน ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร?”
เถาฮวาจ้องมองหลินยวนอย่างโกรธแค้น
หลินยวนรู้สึกเหมือนคุณป้าผู้นี้พร้อมจะหยิบมีดมาฟันคอตัวเอง จึงถอนใจพลางกล่าวออกไปทันทีว่า “ฉันว่านะเสี่ยวชิง เธอคิดมากไปแล้ว นี่มันใส่ความฉันชัดๆ ฉันจะบอกเธออย่างนี้แล้วกัน วันนี้ฉันเองก็เพิ่งจะมาทำงานที่หอการค้าตระกูลฉินเป็นวันแรกเหมือนกัน กระทั่งคนยังไม่รู้จักเลย ผู้จัดการหวังอะไรนั่น หน้าตาเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ มาบอกว่าฉันรังแกเธอ ฉันไปรังแกเธอตอนไหน!”
กวนเสี่ยวชิงงุนงง “เพิ่งมาทำงานวันแรก?”
หลินยวนกล่าว “เธอคิดว่าไงล่ะ? นี่คุณหนูกวน ทำไมฉันต้องหลอกเธอด้วย?”
ทั้งแม่และลูกสาวต่างสบตากัน
กวนเสี่ยวไป๋มั่นใจแล้ว ก็ว่าแล้วไง พอเห็นหลินยวนเขาก็คิดอยู่แล้วว่ามันแปลกๆ หลินยวนไม่มีเหตุผลต้องมารังแกน้องสาวของเขาเลย จึงกล่าวทันทีว่า “หลินจึ นังเด็กนี่มันชอบเพ้อเจ้อ ไม่ต้องไปสนใจเธอ”
เถาฮวารีบหันไปถามลูกสาว “เสี่ยวชิง แกลองคิดดูดีๆ ว่าได้ไปทำให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า คิดออกแล้วบอกแม่ แม่จะไปที่ตระกูลฉินช่วยทวงความยุติธรรมให้แก”
“แม่” กวนเสี่ยวชิงกระทืบเท้า
กวนเสี่ยวไป๋เองก็รู้สึกเหนื่อยใจ “นี่แม่ แม่อย่าไปก่อเรื่องดีกว่า นั่นมันตระกูลฉินนะ ไม่ใช่เนินเขานี่ ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่แม่จะไปยืนตะโกนโหวกเหวกโวยวายได้ ขาข้างหน้าแม่ก้าวเข้าไป ขาข้างหลังอาจจะถูกผู้พิทักษ์เมืองจับไปก็ได้”
หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เสี่ยวชิง ถ้าไม่อยากไปเขตเหมืองจริงๆ เธอก็ลาออกก็ได้นี่ เมืองปู๋เชวี่ยใหญ่ขนาดนี้ หรือว่าจะหาที่อื่นทำงานไม่ได้?”
กวนเสี่ยวชิงกล่าวพึมพำ “พูดน่ะมันง่าย แต่เงินเดือนเจ็ดพันมุก ในเมืองนี้จะมีสักกี่บริษัทที่ให้ได้”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “หลินจึ เรื่องนี้แกไม่ต้องไปพูดกับเธอ ฉันให้เธอแปดพันมุก ให้เธอมาช่วยงานที่ร้านฉัน แต่เธอกลับไม่ยอม รังเกียจว่าในร้านรับซื้อของเก่าของฉันมีแต่ขยะ บอกว่าเป็นผู้หญิงไปทำงานที่นั่นมันดูไม่ดี ไม่สวยสง่ามีราศีเหมือนอย่างทำงานที่ตระกูลฉิน”
เมื่อพูดเรื่องนี้กับคนนอก กวนเสี่ยวชิงเริ่มหน้าเสียขึ้นมา ฝืนกล่าวแก้ตัวว่า “นั่นมันใช่เรื่องเงินไหมล่ะ? ตระกูลฉินมีอำนาจเงินทองมากมายอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ย ถ้าพนักงานในบริษัทมีปัญหา หรือที่บ้านของพนักงานมีปัญหา ขอเพียงเป็นเรื่องที่เหมาะสม ตระกูลฉินก็ช่วยออกหน้าช่วยเหลือทุกครั้ง ฉันอยากทำงานที่ตระกูลฉินก็เพื่อครอบครัวของเราหรอก”
หลินยวนไม่ได้เห็นการถกเถียงกันภายในครอบครัวแบบนี้มานานแล้ว จึงฟังอย่างสนุกสนาน ภายในใจคล้ายกำลังดูเรื่องสนุกอยู่
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เถาฮวาตะคอกบอกให้กวนเสี่ยวชิงหยุดพูด จากนั้นพลันยิ้มไปทางหลินยวน “เสี่ยวหลินจึ ได้ยินเสี่ยวชิงบอกว่าตำแหน่งในตระกูลฉินของเธอสูงมาก….จะว่าไปแล้ว เสี่ยวชิงมันก็ถือเป็นน้องสาวของเธอเหมือนกัน เธอช่วยออกหน้าไปพูดให้น้องหน่อยได้ไหม?”
“เอ่อ…” หลินยวนกระอักกระอ่วน เรื่องบางเรื่องเขาไม่สามารถพูดกับคนในครอบครัวนี้ได้ จึงอ้ำๆ อึ้งๆ กล่าวว่า “ผมเองก็เพิ่งจะเข้าไปทำงานที่ตระกูลฉิน เกรงว่าคงจะช่วยอะไรไม่ได้ครับ”
กวนเสี่ยวชิงมุ่ยปาก “ฉันเห็นชัดๆ ว่าคุณเข้าไปคุยกับท่านประธานได้ ขอเพียงคุณยอมช่วยคุยกับท่านประธานให้ ฉันจะอยู่หรือไป ท่านประธานแค่พูดออกมาคำเดียวก็ช่วยได้แล้ว”
สายตาของทั้งสามคนต่างจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินยวน
หลินยวนกระอักกระอ่วนพูดไม่ออก ยากจะอธิบายความลำบากใจออกไปได้ จะให้เขาไปพูดกับฉินอี๋นั้นไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ประเด็นคือเขาไม่อยากไปหาฉินอี๋
อีกอย่าง เขาเองก็ทำงานใช้หนี้เหมือนกัน พูดไปแล้วจะช่วยได้หรือเปล่าเขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน
ในเวลานี้เอง กวนเสี่ยวไป๋เอ่ยปากออกมา “หลินจึ ไม่ใช่ว่าฉันจะเข้าข้างครอบครัวตัวเองนะ แกเองก็ไม่ต้องลังเล ได้ก็บอกว่าได้ ถ้ามันลำบากแกจริงๆ ก็ช่างมัน พูดมาเลย!”
ในใจหลินยวนอยากจะพูดออกไป ทำไมกวนเสี่ยวชิงถึงต้องดึงดันที่จะทำงานอยู่ที่ตระกูลฉินด้วย นี่ไม่เท่ากับทำให้เขาลำบากหรอกหรือ? แต่ว่าทั้งครอบครัวเอ่ยปากมาแล้ว เขาปฏิเสธได้ลำบาก ทว่าตอนนี้เขาก็ไม่สะดวกที่จะช่วยกวนเสี่ยวชิงทำอะไร จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนพลางกล่าวว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผมจะไปลองพูดกับฉิน…ท่านประธานฉินให้ แต่ผลเป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเพิ่งจะเข้ามาทำงานในตระกูลฉิน ยังไม่รู้เรื่องอะไร บอกได้แค่ว่าผมจะลองพยายามดู”
“ได้ เอาตามนี้” กวนเสี่ยวไป๋ตบแขนเขาไปทีหนึ่ง เหลียวหน้ากลับมาพูดว่า “แม่ ได้ยินหรือยัง หลินจึบอกว่าจะลองพยายามดู”
ในเวลานี้เถาฮวายิ้มแป้นแล้ว กล่าวว่า “ฉันก็ว่าแล้วไง เสี่ยวหลินจึไม่ใช่คนไม่มีหัวใจแบบนั้น คนกันเองจะไม่ช่วยกันได้อย่างไร ถ้าไปพูดกับท่านประธานได้ ขอเพียงพยายาม เรื่องนี้จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”
ดวงตาของกวนเสี่ยวชิงเต็มไปด้วยความหวัง
กวนเสี่ยวไป๋ประสานมือขอร้อง “แม่ หลินจึเพิ่งเลิกงานมา เขายังไม่ได้กินข้าวแน่ กับข้าวที่ผมซื้อมาพวกนั้น แม่รีบไปจัดการเถอะ”
“ได้สิ ได้สิ รู้ว่าเสี่ยวหลินจึจะมา เลยเตรียมเอาไว้แล้ว แค่ลงหม้อก็เสร็จแล้ว นังเด็กนี่ ยังไม่มาช่วยอีก” เถาฮวาดึงหูของลูกสาวแล้วลากออกไป กวนเสี่ยวชิงไม่พอใจอย่างมาก รู้สึกว่าขายหน้า
“ฟู่ว!” หลินยวนถอนใจออกมา วันนี้ถือว่าเขาได้เรียนรู้แล้วอะไรคือ ‘ขุนนางยุติธรรมก็ยังยากจะตัดสินเรื่องราวในครอบครัวได้’ เรื่องในครอบครัวนี่มันจัดการได้ยากกว่าเรื่องฆ่าคนหรือว่าขโมยของเสียอีก
กวนเสี่ยวไป๋หัวเราะฮ่าๆ ออกมาอย่างมีความสุข สะกิดเขาเล็กน้อย กวักมือบอกให้เขาออกไปนั่งข้างนอก เพราะข้างในบ้านมันอุดอู้ ข้างนอกหายใจหายคอได้สะดวกกว่า
ทั้งสองคนนั่งลงบนบันไดด้านนอกบ้าน กวนเสี่ยวไป๋เปิดเหล้าขวดหนึ่งส่งให้เขา “พอมาถึงก็เจอเรื่องแบบนี้ ปวดหัวใช่ไหมล่ะ? ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้แกไปเจอเสี่ยวชิงล่ะ ถือว่าแกซวยไป เอ่อ จากที่ฉันรู้มา โรงอาหารในหอการค้าตระกูลฉินมีการแบ่งระดับเอาไว้ไม่ใช่เหรอ แกที่เป็นพนักงานระดับสูง ทำไมถึงไปเจอเสี่ยวชิงที่โรงอาหารชั้นมนุษย์ได้ล่ะ?”
“ฉันเป็นพนักงานระดับสูงอะไร…” หลินยวนกล่าวเย้ยหยันตัวเอง ก่อนจะเล่าเรื่องที่สามารถเล่าได้ออกมา รวมไปถึงเรื่องที่ไปเจอกวนเสี่ยวชิงด้วย แต่ขณะที่เหลียวหน้ากลับมาก็พบว่าสีหน้าของกวนเสี่ยวไป๋ดูคร่ำเคร่งขึ้น จึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ทำไมเหรอ?”
กวนเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า “นังเด็กนี่มันเที่ยวไปหว่านเสน่ห์อีกแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าแกจะดูไม่ออก เธอไปนั่งโต๊ะเดียวกับพวกแก เห็นๆ อยู่ว่าอยากจะเกาะพวกแก คิดไม่ถึงว่าตอนที่ไปโปรยเสน่ห์จะไปเจอกับแกได้ แค่คิดๆ ดูก็รู้แล้วว่าปกติเธอเป็นยังไง ตอนนี้ฉันรู้สึกขายหน้าจะแย่แล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปจัดการเธอเสียหน่อย ให้เธอได้เรียนรู้ซะบ้าง!” กล่าวจบก็ลุกขึ้นด้วยความโกรธ
หลินยวนดึงเขาเอาไว้ กดเขาให้นั่งลง กล่าวยิ้มๆ กับเขาว่า “มันไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่แกว่าหรอก ขอเพียงไม่ไปทำร้ายคนอื่น การที่ใครสักคนจะปรารถนาชีวิตที่ดี มันไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นจะมีปัญหาเสียหน่อย”
กวนเสี่ยวไป๋จ้องมองดูเขาอีกครั้ง กล่าวออกมาด้วยความหมายลึกซึ่งว่า “หลินจึ แกต่างไปจากเมื่อก่อนจริงๆ นะ”
หลินยวนเปลี่ยนประเด็น กล่าวว่า “เออใช่ ทำไมถึงไม่เห็นพ่อแก?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กวนเสี่ยวไป๋ก็ถอนใจออกมา “ถ้าแกกลับมาเร็วกว่านี้สักสิบกว่าปีก็อาจจะได้เจอเขา พ่อสิ้นอายุขัย เสียไปแล้ว พวกเราไม่มีสิทธิ์ได้รับยาอายุวัฒนะจากสภาเซียน ทำได้เพียงมองดูพ่อจากไป อีกร้อยกว่าปีแม่ฉันก็คงตามพ่อฉันไปเหมือนกัน แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ พ่อกับแม่กลัวว่าฉันต้องอยู่คนเดียวหลังจากที่พวกเขาจากไป ก็เลยพยายามมีเสี่ยวชิงออกมาอีกคน…” กวนเสี่ยวไป๋ค่อยๆ กรอกเหล้าเข้าปาก บอกเล่าเรื่องราวออกมาอีกยืดยาว
หลินยวนเองก็ดื่มเหล้าอย่างเงียบๆ
หลังทอดถอนใจ กวนเสี่ยวไป๋ก็วกกลับมาพูดเรื่องเขาอีกครั้ง “หลินจึ ตอนนั้นจู่ๆ แกก็หายตัวไป ไม่บอกไม่กล่าวสักคำ แกไปไหนมา? ฉันจำได้ว่าก่อนไปแกก็ดูลับๆ ล่อๆ”
หลินยวนได้ฟังก็รู้ว่าลุงเฉินไม่ได้เล่าให้พวกเขาฟัง แล้วก็ไม่มีเรื่องลับๆ ล่อๆ อะไร จะมีก็แค่เรื่องที่เขาไปอยู่กับฉินอี๋นั่นแหละ และตอนนั้นเป็นเพราะเชื่อคำแนะนำโง่ๆ ของจางเลี่ยเฉินนั่นแหละ เขาถึงไม่กล้าพูดอะไรออกไป กลัวว่าจะถูกฉินเต้าเปียนรู้เข้า “ไปเมืองหลวง สอบเข้าหลิงซาน เป็นนักเรียนของหลิงซาน”
“….” กวนเสี่ยวไป๋หันกลับมามองเขาอย่างงุนงง “นักเรียนของหลิงซาน? ตอนนี้แกเป็นผู้บำเพ็ญเพียร?”
หลินยวนพยักหน้า
กวนเสี่ยวไป๋ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คนที่เติบโตมาด้วยกัน จู่ๆ หายตัวไปแล้วก็ไปสอบเข้าหลิงซาน ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ” อย่างนั้นแกได้เข้าไปอยู่บัญชีรายชื่อเซียนของสภาเซียนแล้ว?”
หลินยวนส่ายศีรษะ “ยังเรียนไม่จบ พักการเรียนออกมาหาประสบการณ์สักพักแล้วค่อยว่ากัน”
กวนเสี่ยวไป๋สงสัย “หลังแกออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยก็ไปสอบเข้าหลิงซานเลย?”
หลินยวนกล่าว “ประมาณนั้น”
“สามร้อยปียังเรียนไม่จบ…” กวนเสี่ยวไป๋ชะงักไป เข้าใจอะไรขึ้นมา จึงยกมือขึ้นตบหลังของเขา กล่าวปลอบใจว่า “อย่างน้อยก็เก่งกว่าพวกฉันมากแล้ว มีร่างกายที่ผ่านการบำเพ็ญเพียรมา จะทำอะไรมันก็ง่ายขึ้นเยอะ ตอนนี้แกก็ได้ทำงานอยู่ในตระกูลฉินแล้วไม่….” เขาชะงักไปอีกครั้ง รู้สึกไม่เข้าใจ “ทำไมพอกลับมาถึงไปเข้าตระกูลฉินได้ล่ะ?”
หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อธิบายยากน่ะ อย่าพูดเรื่องนี้เลย เออใช่ ไม่ได้เรียกสวี่สยงมาเหรอ?”
สวี่สยง หนึ่งในเพื่อนซี้แน่นปึ้กของพวกเขา เมื่อก่อนสนิทสนมกันมาก
กวนเสี่ยวไป๋กล่าว “หลังแกไปไม่นาน ร้านที่สวี่สยงมันทำงานอยู่ก็เปลี่ยนเจ้าของ เจ้าของคนใหม่นั่นนิสัยค่อนข้างแย่ สวี่สยงแค่ไปเถียงนิดหน่อย ถึงกับถูกตีจนลงไปนอนกองกับพื้น มันนอนร้องไห้อยู่บนเตียง คิดว่าชีวิตแบบนี้มันไร้ความหมาย มันบอกว่าจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ฉันก็นึกว่ามันแค่พูดเล่นไปอย่างนั้น ที่ไหนได้หลังมันหายดีแล้ว มันก็ถือกระเป๋าเสื้อผ้ามาบอกลาฉัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรอยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ที่ไหนด้วย แต่ฉันรู้ว่าสวี่สยงมันเคยกลับมา เพียงแต่ไม่ได้มาเจอฉันเท่านั้น”
หลินยวนร้องโอ้ ก่อนกล่าวว่า “รู้ได้ยังไง
กวนเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนมั้ง จู่ๆ ฉันก็ได้รับเงินมาก้อนหนึ่ง สองล้านมุก หลังจากนั้นเจ้าของร้านที่ทำร้ายสวี่สยงจนบาดเจ็บก็ถูกคนฆ่าตาย ทั้งบ้านหกคนถูกฆ่าตายหมดเลย ทั้งชายหญิงลูกเด็กเล็กแดงไม่มีใครรอด ตายหมดทั้งบ้าน! ฆ่ากันในเมืองนี่แหละ ตอนนั้นเรื่องนี้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองปู๋เชวี่ย แต่ก็หาตัวฆาตกรมาไม่ได้ ฉันจำได้ว่าก่อนสวี่สยงจะไป มันเคยบอกว่าขอเพียงมันรอดชีวิตกลับมาได้ มันจะต้องมาคิดบัญชีกับครอบครัวนั้นให้ได้ ตอนนั้นฉันก็เลยรู้ว่าสวี่สยงกลับมาแล้ว”
หลินยวนเลิกคิ้วเล็กน้อย
กวนเสี่ยวไป๋กรอกเหล้าเข้าปาก “หลังจากนั้นฉันก็ใช้เงินนั่นเปิดร้านรับซื้อของเก่าขึ้นมา ความจริงฉันอิจฉาพวกแกสองคนมากนะ ชั่วชีวิตนี้ฉันไม่เคยออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ยเลย ฉันเองก็เคยมีความคิดว่าจะออกไปลองใช้ชีวิตข้างนอกเหมือนกัน แต่ฉันไม่เหมือนพวกแก พวกแกตัวคนเดียวไม่มีภาระผูกพัน ที่นี่ฉันมีพ่อมีแม่ต้องดูแล”
หลินยวนกล่าว “แบบนี้ก็ดีมากแล้ว”
กวนเสี่ยวไป๋หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา สายตามองไปยังเจ้าลาน้อยของเขาคันนั้น กล่าวว่า “เออใช่ พูดถึงร้านของฉัน ร้านฉันอยู่ข้างล่างเนินนี่เอง อีกสักพักกว่าข้าวจะเสร็จ ปะ ฉันพาแกไปดูร้านฉันหน่อยดีกว่า” กวนเสี่ยวไป๋ลุกขึ้นแล้วดึงหลินยวน จะลากเขาไปดูให้ได้
หลินยวนตามใจเขา ทั้งสองคนเดินถือขวดเหล้าลงไปจากเขา
……………………………………………………………