ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 187 อาสา
ตอนที่ 187 อาสา
จูลี่? ลู่หงเยียนลองถามว่า “พระองค์คิดจะทำอะไรหรือเพคะ?”
หลินยวนไม่ได้ตอบคำถาม จ้องมองไปด้านหน้าแล้วขับรถของตัวเองไป
ลู่หงเยียนเองก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพียงแต่ภายในใจมีความรู้สึกงุนงงสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย รู้สึกว่าการทำอะไรอ้อมค้อมไม่จำเป็นเช่นนี้ดูไม่คล้ายนิสัยของท่านอ๋องเมื่อในอดีตเลย หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน เกรงว่าท่านอ๋องคงไปหาจิ้นเซียวแล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้จิ้นเซียวมาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นานสองนานแบบนี้
คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวก็คือที่นี่คือเมืองปู๋เชวี่ย มีคนที่ท่านอ๋องให้ความสำคัญอยู่ ท่านอ๋องไม่อยากทำให้เรื่องนี้มันวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมา จึงทำอะไรระมัดระวังขึ้น
….
ภายในลานบำเพ็ญเพียร หลัวคังอันร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ “อย่า…” เขาตกใจจนวิญญาณเกือบจะหลุดออกจากร่าง
ทวนที่อยู่ในมือของหลินยวนจ่ออยู่ตรงหน้าอกของเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังจ่ออยู่ที่ตำแหน่งหัวใจของเขา
ตามปกติแล้ว ทวนนี้จะต้องแทงทะลุเข้ามาในร่างของเขาอย่างไร้ซึ่งความปราณีใดๆ นี่ถ้าแทงทะลุเข้าไปในหัวใจของเขาจริงๆ เขาจะต้องตายลงตรงนี้ทันทีแน่นอน ไหนเลยจะยังมีชีวิตอยู่ได้
แต่ครั้งนี้ทวนกลับไม่ได้แทงทะลุเข้าไป ปลายทวนอันแหลมคมเพียงแค่ทิ่มอยู่ตรงหน้าอกของเขา
ลูกกระเดือกของหลัวคังอันขยับขึ้นลง พลันพุ่งตัวหลบไปด้านหลัง หลบภัยคุกคามอันร้ายแรงนี้ไปได้ เมื่อเห็นหลินยวนเก็บทวน เขาถึงจะรู้สึกโล่งใจ ความรู้สึกตกใจของเขาเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งที่คนนอกยากจะเข้าใจได้ เรียกได้ว่าตกใจจนเกือบจะช็อกตายจริงๆ
หลังสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าวันนี้อีกฝ่ายจะไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส
ทว่าอันที่จริงวันนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติตั้งแต่เริ่มแล้ว
ปกติทั้งสองจะนัดหมายมาเจอกันที่ลานบำเพ็ญเพียรในช่วงเวลาหนึ่งก่อนเลิกงาน หลังฝึกเสร็จเรียบร้อยก็จะเลิกงานกลับบ้าน แต่วันนี้หลังจากเข้างานได้ไม่นาน เขากลับถูกอีกฝ่ายเรียกออกมา แล้วตอนนี้ยังออมมือให้เช่นนี้อีก เห็นได้ชัดว่าไม่ปกติ
“วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน” หลินยวนสะบัดทวน เก็บเข้าไปในแหวนสารพัดนึก
หลัวคังอันมองดูบนร่างของตัวเองอีกครั้ง พบว่าบาดแผลในวันนี้น้อยลงอย่างมากเช่นเดียวกัน สำหรับเขาแล้ว บาดแผลเพียงเท่านี้ไม่อาจเรียกว่าได้รับบาดเจ็บได้
เขาเองก็เก็บทวนแล้วเดินเข้ามา ขยับเข้ามาใกล้ๆ แล้วลองถามว่า “ผ่านเกณฑ์แล้วเหรอ ไม่ต้องฝึกแล้วเหรอ?”
หลินยวนไม่คุยเรื่องนี้กับเขา “จนถึงตอนนี้ทางหอการค้ายังไม่มอบหมายหน้าที่อะไรให้แกทำเหรอ?”
หลัวคังอันกล่าว “ไม่มี ถ้ามีฉันก็บอกนายไปแล้วสิ? แต่จะว่าไปแล้ว ไม่ต้องทำงานแล้วยังได้เงิน ดีจะตายไป” แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหลือบมองมาด้วยสายตาเย็นชา เขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที “แค่สำหรับฉันน่ะ สำหรับฉันแล้วดีมาก” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ จึงเปลี่ยนคำพูดอีกครั้งว่า “ความหมายของฉันคือ นายจะให้ฉันบรรลุไปสู่สภาวะขั้นเซียนเทพภายในหนึ่งปี ถ้าไม่มีอะไรทำล่ะก็ ฉันก็มีเวลาให้ฝึกฝนได้พอดีไง”
นิสัยที่ทำตัวเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสีพลิกลิ้นไปมาของเขาอันนี้มันยากจะแก้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็หาเหตุผลมาอ้างได้เสมอ
หลินยวนกล่าว “แกเป็นถึงรองประธาน แต่กลับไม่มีงานอะไรให้ทำเลย ไม่กลัวจะโดนคนดูถูกเอาเหรอ?”
หลัวคังอันคิดในใจ ทำไมฉันต้องหาเรื่องวุ่นวายให้ตัวเองด้วยล่ะ? แต่ปากกลับหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยว่า “มันก็ไม่ขนาดนั้น สถานการณ์ของฉันเป็นยังไงทุกคนต่างรู้ดี หน้าที่ของฉันคือควบคุมเทพมหาวิญญาณ พวกงานด้านการบริหารของหอการค้าฉันเองก็ไม่เข้าใจ อีกอย่างตอนนี้งานด้านการสร้างเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินก็ยังไม่เริ่ม ที่ฉันว่างงานมันก็ถือเป็นเรื่องปกติ”
ไม้ผุยากจะแกะสลักได้ หลินยวนไม่พิรี้พิไรอะไรกับเขาอีก เอ่ยสั่งการไปว่า “เดี๋ยวกลับไปที่หอการค้าแล้วแกไปหาฉินอี๋ ให้เธอแบ่งงานอะไรมาให้แกทำหน่อย”
หลัวคังอันมึนงง “ไปเสนอตัวทำงาน? จะให้ทำอะไร?”
หลินยวนกล่าว “พวกงานด้านประชาสัมพันธ์ของหอการค้าตระกูลฉิน พวกเรื่องที่ต้องติดต่อกับทางปู๋เชวี่ยวิดีโอ แกไปคิดหาทางเข้าไปทำให้ได้ซะ”
หลัวคังอันสงสัย “ฉันควบคุมเทพมหาวิญญาณ จะให้ฉันไปทำงานประชาสัมพันธ์อะไรนั่น มันจะดีเหรอ?”
หลินยวนกล่าว “ฉันเห็นเวลาอยู่หน้ากล้องแกก็พูดเก่งไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ใช่ว่าจะให้แกทำงานนี้ไปตลอด แค่ชั่วคราวเท่านั้น เข้าไปทำให้ได้ก่อน ฉันมีงานจะให้แกทำหน่อย”
หลัวคังอันประหลาดใจระคนสงสัย “ทำอะไร?” เขากังวลว่าหลินยวนจะให้เขาไปทำงานที่เสี่ยงอันตรายอะไร
หลินยวนกล่าว “เดี๋ยวถึงเวลาแล้วฉันค่อยบอกแก ไปจัดการตัวเองแล้วกลับไปทำงานซะ”
หลัวคังอันกล่าว “ไม่ใช่ น้องหลิน เรื่องติดต่อกับสื่อ ทางหอการค้าตระกูลฉินเขามีคนรับผิดชอบอยู่แล้ว ฉันจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้ยังไง อีกอย่าง จู่ๆ จะให้ฉันไปเอ่ยปากขอท่านประธาน แล้วท่านประธานจะรับปากฉันเหรอ!”
หลินยวนว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คนที่ทำความดีความชอบให้กับหอการค้าอย่างแกเอ่ยปากทั้งที ขอเพียงมีเหตุผลเหมาะสม ฉินอี๋ก็น่าจะไม่ปฏิเสธแก ส่วนแกจะใช้เหตุผลอะไร นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องสนใจ การหาข้ออ้างเป็นเรื่องถนัดของแกอยู่แล้ว แกจัดการเอาเอง อีกเดี๋ยวถ้ากลับไปแล้วเอางานมาไม่ได้ พวกเราค่อยกลับมาตั้งใจฝึกกันใหม่” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไป
“…..” แก้มของหลัวคังอันกระตุกขึ้นมา ภายในใจนึกด่าไปถึงโคตรเหง้าของหลินยวน
ทั้งสองคนออกไปจากลานบำเพ็ญเพียร กลับไปยังสำนักงานใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินอีกครั้ง
……
ภายในห้องของประธาน ฉินอี๋กำลังก้มหน้าอ่านเอกสารอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบไว้ข้างหู “มีอะไร?”
เสียงของไป๋หลิงหลงดังลอดออกมาจากในโทรศัพท์ “รองประธานหลัวมาค่ะ บอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่านประธาน”
ฉินอี๋มึนงง สายตาละออกจากกองเอกสาร ไม่รู้ว่าจู่ๆ หลัวคังอันมาหาตนทำไม จึงบอกไปว่า “เชิญเขาเข้ามา”
ไม่นานนัก ประตูเปิดออก ไป๋หลิงหลงพาหลัวคังอันเข้ามา
ฉินอี๋ฉีกยิ้ม วางงานที่อยู่ในมือลง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปตรงโซฟา พร้อมกับผายมือเชิญหลัวคังอันให้นั่งลง
หลัวคังอันเอ่ยขอบคุณตามมารยาท นั่งลงไปพร้อมกันกับเธอ
ฉินอี๋รอให้เขาเอ่ยปาก แต่เขากลับเอ่ยอึกๆ อักๆ ไม่รู้กำลังพูดอะไรอยู่ คล้ายมาที่นี่เพื่อคุยเล่นอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลานี้ฉินอี๋กำลังยุ่งเป็นอย่างมาก ยุ่งจนกระทั่งเวลาพักผ่อนก็ยังไม่มี ไหนเลยจะมีเวลาว่างมาคุยเล่นกับเขาได้ จึงช่วยอีกฝ่ายให้เข้าประเด็นทันที “คุณหลัวมีอะไรก็ว่ามาได้เลยค่ะ อีกเดี๋ยวฉันยังมีงานสำคัญที่ต้องไปทำ เวลามีจำกัดค่ะ”
“แหะๆ” หลัวคังอันหัวเราะแห้งๆ อิดๆ ออดๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างลังเลว่า “ท่านประธาน ไม่มีงานอะไรจะให้ผมทำบ้างเหรอครับ?”
ฉินอี๋เอ่ยอย่างไม่ลังเล “คุณเหนื่อยมามากแล้วในการประมูล พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวเอาไว้โรงงานสร้างข่ายพลังที่อยู่ด้านนอกเมืองก่อสร้างเสร็จแล้ว จะต้องมีงานให้คุณหลัวทำแน่นอนค่ะ”
หลัวคังอันกล่าว “มันก็ยังอีกพักใหญ่กว่าจะสร้างเสร็จไม่ใช่เหรอครับ”
ฉินอี๋กล่าว “ได้ยินว่าคุณหลัวกำลังขยันฝึกบำเพ็ญเพียร คุณเป็นรองประธานของหอการค้าตระกูลฉิน การที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้ มันก็ถือเป็นการทำงานแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่ได้ๆ อย่างนั้นมันไม่เท่ากับว่าผมอ้างชื่อหอการค้ามาหาประโยชน์ส่วนตัวหรอกหรอครับ” หลัวคังอันรีบโบกมือ
ฉินอี๋ฟังออกแล้ว เขาอยากจะมาหาอะไรทำ เธอเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนกำแพง ไม่อ้อมค้อมอะไรอีก เอ่ยถามตรงๆ ว่า “คุณหลัวอยากจะหาอะไรทำเหรอคะ?”
หลัวคังอันกระแอมเล็กน้อยพร้อมจัดท่าทาง เอ่อด้วยท่าทีจริงจังว่า “หากผมรับเงินเดือนแล้วไม่ทำอะไร กลัวว่าจะถูกคนเอาไปนินทาเอาได้ครับ”
การที่คนที่ชอบสำมะเลเทเมาอย่างเขาสามารถเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ นับว่าหาได้ยากจริงๆ ฉินอี๋เลิกคิ้วเล็กน้อย เธอเองก็รู้ว่าช่วงนี้คนผู้นี้สงบเสงี่ยมลงไปไม่น้อยแล้ว คงจะเบื่อแย่แล้วล่ะมั้ง? จึงหันหน้าไปทางไป๋หลิงหลง “ถ้าใครพูดอะไรไม่ดี คุณบอกให้หลิงหลงไปจัดการได้เลยค่ะ”
หลัวคังอันโบกมืออีกครั้ง “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นครับ ท่านประธาน คือแบบนี้ครับ ความสามารถผมมีจำกัด พวกงานด้านการค้าการบริหารของหอการค้าผมเองก็ไม่รู้เรื่อง ผมไม่เข้าไปยุ่งอะไรตรงนั้นแล้วกัน แต่ถ้ามีเรื่องที่ไม่สำคัญอะไร ผมก็พอจะช่วยแบ่งเบาภาระได้นะครับ”
ฉินอี๋จ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “อย่างนั้นคุณอยากจะทำอะไรกันแน่คะ?”
หลัวคังอันกล่าว “ท่านประธานครับ คือแบบนี้ ก่อนหน้านี้ผมจำได้ว่ามีสื่อไม่น้อยที่จะมาสัมภาษณ์ผม เพื่อเรื่องนี้แล้ว ผมถึงขนาดไปฝึกซ้อมพูดหน้ากระจกอยู่เป็นประจำ เพราะกลัวว่าจะทำให้หอการค้าตระกูลฉินขายหน้า แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ถึงไม่มีสื่อมาหาผมอีกเลย อย่างนี้ไม่เท่ากับว่าการฝึกพูดหน้ากระจกของผมต้องเหนื่อยเปล่าเหรอครับ ผมก็เลยอยากจะถามท่านประธานว่าผมทำอะไรไม่ถูกตอนที่ให้สัมภาษณ์หรือเปล่า หรือว่าแผนกที่ทำหน้าที่ติดต่อกับสื่อของหอการค้าตระกูลฉินมีอะไรไม่พอใจผมหรือป่าวครับ?”
ทันทีที่เอ่ยคำพูดนี้ออกไป ภายในใจเขาก็สบถด่าขึ้นมาทันที ด่าหลินยวนที่ให้เขามาทำเรื่องที่น่าไม่อายแบบนี้ เพื่อจะหาข้ออ้างนี้ เขาถึงกับต้องทำให้ตัวเองขายหน้า
ฉินอี๋เงยหน้าขึ้นมา มองหน้าไป๋หลิงหลงที่ยืนอยู่ด้านข้าง เรียกได้ว่าสบตากันโดยไม่รู้จะพูดอะไร
ทั้งสองคนนับว่ายอมใจคนผู้นี้จริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะแอบไปฝึกพูดหน้ากระจกเพื่อเตรียมตัวสำหรับออกกล้องด้วย
แต่ทั้งสองคนได้ดูการให้สัมภาษณ์ของหลัวคังอันแล้ว พบว่าคนผู้นี้เป็นคนที่ชอบแสดงออกเวลาอยู่หน้ากล้องจริงๆ เพียงแต่คิดไม่ถึงตนเองจะประเมินความชอบแสดงออกของอีกฝ่ายต่ำเกินไป
มุมปากของฉินอี๋เม้มขึ้นมา อมยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “คงไม่มั้งคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ล้วนแต่มีขึ้นมีลง คุณคงจะนึกภาพออก พอเวลาผ่านไปนานเข้า ความสนใจที่สื่อมีต่อคุณมันก็อาจจะลดลงได้ค่ะ”
หลัวคังอันกล่าว “ผมเข้าใจครับ ท่านประธานครับ คือแบบนี้ ผมคิดว่าผมค่อนข้างมีพรสวรรค์ทางด้านนี้ แล้วก็ค่อนข้างสนใจเรื่องการติดต่อกับสื่อ อย่างไรซะตอนนี้ผมก็อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ท่านประธานพอจะให้ผมได้เข้าไปทำงานในส่วนนี้ได้หรือเปล่าครับ ผมจะได้ถือโอกาสเรียนรู้ด้วย หากมีงานอะไรที่ต้องออกกล้อง ผมก็ยินดีที่จะก้าวออกมาทำงานให้หอการค้าของพวกเราครับ”
ไป๋หลิงหลงเม้มปากแน่น พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมา
สีหน้าของฉินอี๋เองก็ค่อนข้างขบขัน พยายามจะกลั้นหัวเราะเอาไว้เช่นกัน เธอไม่รู้จะว่าอะไรคนผู้นี้ดี พบว่าตนเองมองคนผู้นี้ไม่ค่อยออกเท่าไร บางครั้งก็ชอบคุยโวโอ้อวด บางครั้งก็ดูสงบเสงี่ยมไม่ทำตัวโดดเด่น
อย่างเช่นเวลาอยู่หน้ากล้อง เรียกได้ว่าพูดน้ำไหลไฟดับ ในด้านการใช้ชีวิตเองก็ชอบทำตัวเป็นจุดเด่น วุ่นวายเละเทะไม่มีความน่าเชื่อถือ แต่ในด้านความแข็งแกร่งของตัวเองกลับเก็บเงียบเอาไว้อย่างมิดชิด หากไม่เป็นเพราะการประมูลครั้งนั้น ก็คงไม่มีใครรู้ว่าคนผู้นี้จะมีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น
สรุปแล้วก็คือเธอมองคนผู้นี้ไม่ออกจริงๆ บอกได้เพียงว่าบนโลกนี้มีคนแปลกๆ อยู่เยอะแยะเต็มไปหมด
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร การที่คนที่ทำความดีความชอบให้กับหอการค้าตระกูลฉินผู้นี้บากหน้ามาพูดถึงขนาดนี้ ฉินอี๋ก็ต้องไว้หน้าเขาบ้าง อีกทั้งเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร อะไรที่ให้เขาได้ก็ให้ไป จึงพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วเอ่ยว่า “ค่ะ การที่คุณหลัวยินดีทำงานให้หอการค้านับเป็นเรื่องดี ฉันว่าเอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ คุณลองไปที่แผนกโฆษณาในฐานะผู้ดูแลดูไหมคะ ลองไปดูว่าพวกเขามีอะไรที่ยังทำได้ไม่ดีพอหรือเปล่า คุณสามารถชี้แนะพวกเขาได้เลยค่ะ คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ไม่รังเกียจครับๆ ผมจะพยายามเต็มที่ครับ” หลัวคังรีบลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยรับรอง
ฉินอี๋เองก็ลุกขึ้นยืน “หลิงหลง ไปจัดการให้หน่อย”
“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรับคำสั่ง
ฉินอี๋กล่าวกับหลัวคังอันอีกว่า “คุณหลัวยังมีอะไรอีกไหมคะ?”
มีหรือที่หลัวคังอันจะฟังไม่ออกว่าเธอกำลังส่งแขก จึงรีบกล่าวว่า “ไม่มีครับๆ เชิญท่านประธานทำงานต่อได้เลยครับ ผมไม่รบกวนแล้วครับ” กล่าวจบก็ขอตัวลา ไป๋หลิงหลงออกไปส่งด้วยตัวเอง
ฉินอี๋ส่ายศีรษะ เดินกลับมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะทำงาน
จากนั้นครู่หนึ่ง ไป๋หลิงหลงที่ส่งแขกแล้วก็กลับมา กล่าวอย่างเป็นกังวลเล็กน้อยว่า “ท่านประธานคะ ให้เขาไปที่แผนกโฆษณาแบบนี้ จะไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือคะ?”
ฉินอี๋พลิกเอกสารพลางกล่าวว่า “เธอไปบอกกับทางนั้นเอาไว้ ให้พวกเขาจับตาดูไว้หน่อย ถ้าเห็นหลัวคังอันทำอะไรเหลวไหล บอกทางนั้นว่าไม่ต้องไปยุ่งอะไร จะได้ไม่ทำให้เขาเสียหน้า เพราะอันที่จริงเขายังเป็นรองประธานอยู่ ให้ทางนั้นรีบติดต่อเธอทันที ให้เธอออกหน้าจัดการแทน”
“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงพยักหน้า
หลัวคังอันที่กลับมายังห้องทำงานของตัวเองเห็นหลินยวนกำลังรอตัวเองอยู่ จึงถอนใจพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “จัดการเรียบร้อยแล้ว”
หลินยวนรู้ว่าเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ อาศัยหน้าหนาๆ ของหลัวคังอันจะต้องจัดการได้ไม่ยากเย็นอะไร “รีบติดต่อทางปู๋เชวี่ยวิดีโอซะ”
หลัวคังอันนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที “น้องหลิน นายจะให้ฉันทำอะไรกันแน่?”
หลินยวนกล่าว “งานที่แกชอบ ตามจีบจูลี่!”
………………………………………………………