ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 163 ว่าว
ตอนที่ 163 ว่าว
แต่ว่าในตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู จู่ๆ เขาพลันชะงักฝีเท้า คล้ายนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หันมายิ้มแล้วเอ่ยว่า “ครั้งนี้ผมพายอดฝีมือมาให้คุณสองคนด้วย ทวนในที่แจ้งป้องกันง่ายกว่าธนูในที่ลับ ตระกูลกงหู่กับตระกูลเซียงหลัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะไปปั่นหัวได้ง่ายๆ ระวังเอาไว้หน่อยจะดีกว่าครับ นี่เป็นความคิดของคุณพ่อ ทุกอย่างดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว คุณพ่อไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นเพราะเรื่องความปลอดภัยของคุณครับ”
ฉินอี๋ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ความหวังดีของหัวหน้าตระกูลหนานชี ฉินอี๋ขอ….”
นี่ไม่ได้ต่างอะไรกับการวางสายสืบเอาไว้ข้างกายเธอสองคนเลย พูดอีกอย่างคือเป็นการควบคุมและข่มขู่เธออย่างหนึ่ง ทันทีที่เธอไม่เชื่อฟัง ผู้คุ้มกันสองคนก็อาจจะกลายเป็นมือสังหารได้ การที่มีคนแบบนี้อยู่ข้างกายถึงสองคนนั้นค่อนข้างอันตราย
แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่เธอยังไม่ทันพูดจบ หนานชีหรูอันพลันยกมือขึ้นมาอีกครั้ง “ประธานฉินไม่ต้องคิดมากครับ ทั้งสองคนจะเชื่อฟังคำสั่งของคุณ รับผิดชอบเพียงเรื่องความปลอดภัยของคุณเท่านั้น ไม่มีทางแทรกแซงในเรื่องอื่น คุณลองดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้ครับ หากคิดว่าไม่สะดวก ก็สามารถบอกให้พวกเขาออกไปได้ทุกเมื่อ แต่ผมอยากจะบอกประธานฉินเอาไว้หน่อย สองคนนี้ไม่ใช่ว่าจ่ายเงินแล้วจะเชิญมาได้ พวกเขาช่วยป้องกันความปลอดภัยให้คุณได้ครับ หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธ”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้วฉินอี๋ก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธอีก หากยังยืนกรานปฏิเสธจะกลายเป็นความน่าสงสัยได้ จึงประสานมือเอ่ยว่า “น้ำใจยากปฏิเสธได้ ฉินอี๋รบกวนคุณชายขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูลแทนฉินอี๋ด้วยนะคะ”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะขอบคุณคุณพ่อแทนประธานฉินให้ ไปนะครับ” หนานชีหรูอันกล่าวทิ้งท้ายแล้วหมุนตัวเดินออกไป ครั้งนี้จากไปแล้วจริงๆ
ไป๋หลิงหลงยังคงรีบก้าวตามออกไปส่ง
เวลานี้ไม่มีคนนอก ฉินอี๋หันมาเผชิญหน้ากับเจียงอวี้ “คุณสามารถเปิดเผยตัวตนได้แล้ว แต่รออีกสักสองสามวันค่อยเปิดเผย ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่อีกเล็กน้อย เอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วฉันจะให้ไป๋หลิงหลงจัดการให้พวกคุณสองพ่อลูกได้เจอกัน”
เรื่องที่ต้องจัดการอีกเล็กน้อยที่เธอว่านั้นหมายถึงเรื่องระหว่างหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพาน ถ้าเจียงอวี้เปิดเผยตัวตนออกไปในตอนนี้ เธอกลัวว่ามันจะทำให้ทางฝั่งนั้นสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับตระกูลหนานชีได้
แต่เจียงอวี้กลับถอนใจแล้วกล่าวว่า “ช่างเถอะครับ”
“ช่างเถอะ?” ฉินอี๋ไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา
เจียงอวี้กล่าวอธิบายว่า “นับตั้งแต่ที่ท่านประธานเอ่ยถึงเรื่องนี้เมื่อครั้งที่แล้ว ผมก็นั่งคิดมาตลอด นึกถึงภาพที่ตัวเองได้พบกับลูกสาวในสถานการณ์ต่างๆ นับไม่ถ้วน แต่คิดไปคิดมา เรื่องที่ผมจะเปิดเผยตัวตนกับเรื่องที่ผมจะได้พบหน้าเธอมันสำคัญกับเธอจริงๆ หรือเปล่า? ตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ภาระในอดีตบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องให้เธอมาแบกรับด้วยเลย บางทีการอยู่แบบนี้มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้วก็ได้”
สิ่งที่เขาว่ามานั้นเป็นเหตุผลด้านหนึ่ง เหตุผลอีกด้านหนึ่งนั้นเป็นเพราะเรื่องที่อยู่ตรงหน้า ฉินอี๋มีบุญคุณต่อเขาอย่างมาก เขาไม่มีสิ่งใดจะใช้ตอบแทนได้ หากหอการค้าตระกูลฉินมีเรื่องอะไรล่ะก็ เขาก็ไม่อาจนั่งดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ การเปิดเผยตัวตนและการพบหน้าลูกสาวนั้นดีต่อลูกสาวจริงๆ หรือ? บางทีมันกลับจะเป็นการลากลูกสาวเข้ามาพัวพันกับปัญหาก็เป็นได้
ชีวิตในตอนนี้มันก็ดีอย่างมากแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าลูกสาวของเขาเป็นใคร ในแง่หนึ่งมันกลับจะเป็นการปกป้องลูกสาวของเขาอย่างอ้อมๆ
ฉินอี๋เข้าใจความหมายของเขา จึงพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยว่า “เรื่องนี้ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ คุณกลับไปค่อยๆ คิดก่อน คิดได้แล้วสามารถติดต่อไป๋หลิงหลงได้ทุกเมื่อ ฉันยังมีธุระต้องจัดการอีก เดี๋ยวคุณกลับไปได้เลย แล้วก็ของอันนี้ คุณเอาไปจัดการแล้วกัน” กล่าวพลางชี้ไปที่กล่องใบนั้น
เจียงอวี้พยักหน้า โน้มกายไปยกกล่องขึ้นมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ภาพเหตุการณ์ในอดีตพลันผุดขึ้นมาในหัวของเขา ใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะของภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วปรากฏขึ้นมา ในที่สุดวันนี้ก็ได้คลี่คลายความแค้นทั้งหมดไปเสียที ชายอกสามศอกแหงนหน้าหลั่งน้ำตา
เขาปาดน้ำตา ก้าวอาดๆ ออกไป ฉินอี๋มองเขาเดินจากไป
…….
ภายในร้านตัดเสื้อ เซี่ยงเต๋อเฉิงรีบเดินลงมาจากชั้นบน พยักหน้าให้กับลูกค้าผู้หญิงสองสามคนที่อยู่ในร้านเล็กน้อย จากนั้นกล่าวกับเหยียนฝูที่กำลังดูแลลูกค้าว่า “ของมาแล้ว เดี๋ยวผมไปเอาของก่อน”
เหยียนฝูเข้าใจความหมายของเขา นี่หมายความว่าโรงอีหลิวที่อยู่เยื้องๆ กับร้านตัดเสื้อมีความเคลื่อนไหวแล้ว จะตามไปดูหน่อย จึงพยักหน้าเล็กน้อย
แต่ในตอนที่เซี่ยงเต๋อเฉิงเพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู เขาพลันเห็นว่ารถที่แล่นออกมาจากโรงอีหลิวคันนั้นมาหยุดอยู่ตรงประตูของร้านตัดเสื้อ ลู่หงเยียนที่แต่งตัวประณีตงดงามลงมาจากรถ เดินตรงเข้ามาในร้านตัดเสื้อ เซี่ยงเต๋อเฉิงที่เดิมทีคิดจะสะกดรอยตามเธอจึงจำต้องฝืนเอ่ยทักทายเธอ!
เป้าหมายที่จะสะกดรอยตามมาหาถึงที่ แบบนี้ยังจะสะกดรอยตามอะไรอีก เซี่ยงเต๋อเฉิงจึงได้แต่ต้องกลับเข้ามาในร้าน
เมื่อเห็นลู่หงเยียนเข้ามา เหยียนฝูเองก็งุนงงไปเล็กน้อยเช่นกัน เขารีบส่งสายตาให้กับทางเซี่ยงเต๋อเฉิง อีกฝ่ายเข้าไปทักทายลู่หงเยียน
เมื่อลูกค้าผู้หญิงภายในร้านเห็นหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้เข้ามาในร้าน พวกเธอเองก็อดเหลือบมองดูไม่ได้
ลู่หงเยียนเดินดูเสื้อผ้าแถวแล้วแถวเล่า สุดท้ายเลือกเสื้อผ้าออกมาลองใส่จำนวนหนึ่ง หลังลองใส่เสร็จเรียบร้อย ชุดที่ไม่พอใจก็โยนไปไว้ด้านหนึ่ง ชุดที่พอใจก็ให้เซี่ยงเต๋อเฉิงช่วยเอาใส่ถุงให้
หลังใส่ถุงและจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย ลู่หงเยียนก็ยื่นเสื้อผ้าที่ใส่ถุงเสร็จเรียบร้อยให้เซี่ยงเต๋อเฉิง “ฉันพักอยู่ที่โรงอีหลิวที่อยู่เยื้องๆ กับที่นี่ วานคุณช่วยเอาไปส่งให้หน่อยได้ไหมคะ”
เซี่ยงเต๋อเฉิงตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกๆ “ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” กล่าวเสร็จก็รับถุงมา ก่อนจะวางเอาไว้ด้านหนึ่ง
ลู่หงเยียนจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยงเต๋อเฉิงงุนงงไม่เข้าใจ จากนั้นถึงจะรู้ตัวขึ้นมา รีบถือถุงเสื้อผ้าขึ้นมา “ผมจะเอาไปส่งให้เดี๋ยวนี้แหละครับ”
ก่อนจะรีบถือของเดินออกจากร้านไป
ลู่หงเยียนเดินเล่นอยู่ในร้านตัดเสื้ออีกรอบหนึ่ง จากนั้นถึงออกจากร้านไปขึ้นรถ ขับรถออกไป
ในตอนที่เซี่ยงเต๋อเฉิงเอาของไปให้จางเลี่ยเฉินและออกมาจากโรงอีหลิวอีกครั้ง เขาพบว่ารถของลู่หงเยียนที่จอดอยู่ตรงประตูร้านตัดเสื้อไม่อยู่แล้ว จึงเข้าไปในร้านตัดเสื้อแล้วสบตากับเหยียนฝู ท่าทางดูค่อนข้างหมดคำพูด
เป้าหมายไม่รู้ไปไหนแล้ว แล้วจะตามอย่างไร?
……
รถจำนวนหนึ่งแล่นไปบนถนน เหิงเทานั่งนิ่งๆ อยู่ในรถ สายตามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง
การเดินทางออกมาข้างนอกในครั้งนี้เป็นการลาดตระเวนนอกเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของผู้พิทักษ์เมืองปู๋เชวี่ยที่จัดขึ้นเดือนละครั้ง ทุกคนต่างสวมชุดลำลอง เดินทางไปในเมืองเพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่
ในตอนที่รถแล่นมาได้ครึ่งทาง ด้านหน้าพลันมีรถติด เดิมทีก็เป็นสถานที่ที่ดูคล้ายตลาดนัดอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีเด็กกลุ่มหนึ่งมาขวางทางเอาไว้อีก
ขบวนรถแล่นผ่านไปไม่ได้ บนรถที่คอยเปิดทางอยู่ด้านหน้ามีคนลงจากรถเพื่อไปทำการเคลียร์เส้นทางทันที
หลังเปิดเส้นทางเบื้องหน้าได้แล้วก็มีคนกลับมารายงานสถานการณ์ บอกว่าด้านหน้ามีหญิงชราคนหนึ่งทำว่าวกระดาษขึ้นมาหลายตัว เวลานี้กำลังแจกว่าวแบบไม่เก็บเงินอยู่ เพียงแต่แจกให้กับเด็กเท่านั้น แต่แน่นอน เด็กๆ ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเคยเรียนมาในโรงเรียนก่อน ถ้าตอบถูกถึงจะได้ว่าวไป
นี่ถือว่าเป็นเรื่องดี เหิงเทาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ขบวนรถแล่นไปข้างหน้าอีกครั้ง ในตอนที่แล่นผ่านหญิงชรา เหิงเทาอดเหลือบมองดูหญิงชราผู้ใจดีคนนั้นไม่ได้ ก่อนจะเห็นว่าบนแผงไม้ที่อยู่ข้างกายหญิงชรามีว่าวแขวนเอาไว้เป็นจำนวนมากจริงๆ
บนว่าวทุกตัวล้วนมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้อยู่ บนว่าวที่ใหญ่ที่สุดที่แขวนอยู่บนจุดสูงสุดของแผงไม้เขียนตัวหนังสือที่ดูสะดุดตาเอาไว้ : ปีนี้คือปีอะไร
สายตาของเหิงเทาเหลือบไปเห็นตัวหนังสือแถวนั้น หางคิ้วของเขากระตุกขึ้นมาอย่างแรง สายตามองไปทางด้านหน้ารถ ภายในใจบอกตัวเองว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ
แต่มันก็ช่างบังเอิญเสียจริง ว่าวตัวนั้นดันเป็นตัวที่ดูสะดุดตาที่สุด ตัวหนังสือแถวนั้นก็ดูสะดุดตาที่สุดด้วยเช่นกัน คนที่ไม่รู้อะไรอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับคนที่รู้ นั่นเป็นเรื่องยากที่จะมองข้ามไปได้
ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงเล็กน้อย จู่ๆ พลันเอ่ยว่า “เดี๋ยวหาที่จอดรถ”
คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับหันหน้ามาถาม “หัวหน้า?”
เหิงเทากล่าว “เหมือนพวกเราจะไม่เคยสนใจสถานที่แบบนี้มาก่อน เดี๋ยวลงรถไปดูหน่อยแล้วกัน”
ในเมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้แล้ว ขบวนรถก็หาที่จอดรถอย่างรวดเร็ว เหล่าเจ้าหน้าที่ทยอยลงจากรถ
เหิงเทาไม่ได้ให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน เพราะคิดว่าสะดุดตาเกินไป จึงให้ทุกคนแยกย้ายกันไปดู
เขาเองก็ไม่ได้ให้ใครตามมา เดินไปตามถนนที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คนตามลำพัง ค่อยๆ ก้าวเดินพร้อมกวาดมองไปรอบๆ ท่าทางดูคล้ายกำลังลาดตระเวนอยู่
ใช้เวลาไม่นาน เขาก็เดินกลับมายังสถานที่ที่ทำการแจกว่าวอยู่ เดินเข้าไปในกลุ่มเด็กน้อยที่กำลังส่งเสียงเอะอะวุ่นวาย
หญิงชราเห็นเขาแล้ว ยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า
สีหน้าเหิงเทาเรียบเฉย สายตามองไปยังว่าวที่ใหญ่ที่สุดตัวนั้น
หญิงชราเห็นเขาดูคล้ายอยากได้ จึงยื่นมือไปหยิบว่าวตัวนั้นลงมาทันที กล่าวกับเหิงเทาว่า “แจกให้เด็กเท่านั้น ถ้าผู้ใหญ่อยากได้ต้องจ่ายเงิน ตัวนี้สิบมุก คุณลองดูฝีมือสิคะ แล้วก็ตัวหนังสือนี่อีก : ปีนี้คือปีอะไร!” เจตนาเอ่ยเตือนที่อยู่ในประโยคสุดท้ายค่อนข้างชัดเจน
เหิงเทายื่นมือรับว่าวมา พลิกดูไปมา กวาดตามองดูเด็กๆ ที่อยู่รอบกาย เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ที่ไหนมีขายโคมแดง?”
หญิงชรายิ้มพลางเอ่ยว่า “นี่มันไม่ใช่เทศกาลอะไรสักหน่อย จะไปมีโคมแดงขายได้ยังไง แต่ถ้าจะซื้อล่ะก็ : บนโลกมนุษย์!” ประโยคสุดท้ายคล้ายจงใจเน้นย้ำ
เหิงเทาใจสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง มาแล้ว มาจริงๆ แล้ว
เขาส่ายศีรษะ คล้ายไม่สนใจจะซื้ออะไร ยื่นว่าวคืนกลับไป จากนั้นหมุนตัว สองมือไพล่หลังเดินลาดตระเวนต่อไปบนถนน
เด็กมีจำนวนเยอะมาก ว่าวไม่พอแจกให้ทุกคน สุดท้ายผ่านไปไม่นาน หญิงชราก็แจกว่าวไปจนหมด กระทั่งว่าวตัวที่ใหญ่ที่สุดก็แจกไปด้วย จากนั้นเข็นแผงไม้เดินกะโผลกกะเผลกออกไป
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ เธอก็ได้พบกับเหิงเทาที่ก้าวเดินอย่างไม่เร่งร้อนโดยบังเอิญอีกครั้ง เหิงเทายิ้มพลางเอ่ยถามว่า “แจกหมดแล้วเหรอ?”
หญิงชรากล่าวพึมพำ คล้ายกำลังพูดกับตัวเอง “แจกหมดแล้ว แต่ว่าวต่อให้บินสูงสักเท่าไร ขอเพียงยังมีเชือกอยู่ สุดท้ายก็ยังเก็บกลับมาได้ ถ้าเก็บกลับมาไม่ได้ ว่าวก็จะตกลงมาจนแหลกเป็นชิ้นๆ”
เหิงเทาฉวยโอกาสที่ข้างกายไม่มีคนอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถามว่า “จะให้ทำอะไรครับ?”
หญิงชราเอ่ย “หอการค้าตระกูลฉิน เรื่องในหอการค้าตระกูลฉินที่คนนอกไม่รู้ นายรู้เท่าไร บอกฉันมาให้หมด เร็วที่สุดด้วย!”
หอการค้าตระกูลฉิน? เหิงเทาประหลาดใจระคนสงสัย เอ่ยถามว่า “จะติดต่อคุณได้ยังไงครับ?”
หญิงชราเอ่ย “บนกำแพงบ้านต้นไม้ที่อยู่ตรงหัวมุมข้างหน้ามีเบอร์โทรศัพท์ของร้านขายโคมแดงติดเอาไว้อยู่” กล่าวจบก็เข็นแผงไม้ต่อไปข้างหน้า เดินผ่านเหิงเทาไป
เหิงเทาหันหน้าไปมองดูแผ่นหลังของเธอที่เดินห่างออกไป ในเวลานี้มีลูกน้องเขาเดินเข้ามา เอ่ยถามว่า “หัวหน้าครับ มีอะไรหรือครับ?”
เหิงเทาตอบปัดไป “คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาแจกของฟรีๆ ก็เลยถามอะไรไปนิดหน่อย หญิงชราคนนี้ พวกนายเคยเจอหรือเปล่า?”
ลูกน้องยิ้มพลางกล่าว “เมืองปู๋เชวี่ยมีคนเยอะแยะขนาดนี้ จะไปจำได้ยังไงล่ะครับ แต่ถ้าหัวหน้าอยากจะตรวจสอบล่ะก็ เดี๋ยวผมเรียกคนที่รับผิดชอบพื้นที่นี้มาถามดูได้ครับ”
เหิงเทากล่าว “ช่างเถอะ” ยกมือไพล่หลังแล้วเดินหน้าต่อไป
ในตอนที่เดินมาถึงหัวมุมด้านหน้า เขามองไปยังบ้านต้นไม้ที่อยู่ตรงหัวมุม เห็นว่าบนกำแพงมีป้ายประกาศของร้านขายโคมแดงติดอยู่จริงๆ เขาแอบจำเบอร์โทรศัพท์ที่ติดอยู่บนนั้นเอาไว้เงียบๆ สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง
หลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีใครติดต่อตัวเองมาก่อน เขาเกือบจะเผลอคิดไปแล้วว่าตัวเองจะอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ได้ แต่สุดท้ายก็ยังมา
คำพูดที่หญิงชราเอ่ยเตือนชัดเจนเป็นอย่างมาก ว่าวที่ปล่อยออกไปหากเก็บกลับมาไม่ได้ ว่าวก็จะตกจนแหลกเป็นชิ้นๆ!
และเขาก็คือว่าวที่ถูกปล่อยไปตัวนั้น!
แล้วก็คิดไม่ถึงว่าคนที่มาดึงเขาเอาไว้จะพุ่งเป้าไปที่หอการค้าตระกูลฉินทันทีที่ติดต่อกับตัวเองได้
ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจในความกังวลของลั่วเทียนเหอแล้ว หลังจากหอการค้าตระกูลฉินเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ เสือสิงห์กระทิงแรดต่างๆ ก็โผล่ออกมาเต็มไปหมด กระทั่งคนที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังเขามาเป็นเวลานานหลายปีก็ยังปรากฏตัวออกมา
………………………………………………………………….