ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 162 ทำตามคำสัญญา
ตอนที่ 162 ทำตามคำสัญญา
เมื่อเห็นศีรษะคนศีรษะนี้ ฉินอี๋กับไป๋หลิงหลงสบตากัน เข้าใจในทันที ของขวัญชิ้นนี้คือคำสัญญาที่หนานชีหรูอันทำให้กลายเป็นจริง
ศีรษะของเฉินซาน หนานชีหรูอันนำมาให้แล้ว
ฉินอี๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย อันที่จริงเธอยังเป็นผู้หญิงอยู่ การที่นำเอาของแบบนี้มาที่ห้องทำงานของเธอ มันยังคงดูน่าสะอิดสะเอียนไปหน่อย
กระทั่งหลีอู่นำเอาหัวคนวางกลับลงไปในกล่อง หนานชีหรูอันจึงยิ้มพลางกล่าวถามว่า “เฉินซานได้รับโทษอย่างที่สมควรแล้ว ประธานฉินจะไม่ให้เจียงอวี้มาตรวจสอบหน่อยหรือครับ?”
ฉินอี๋เข้าใจความหมายของเขา อีกฝ่ายทำตามสัญญาแล้ว ตอนนี้ถึงตาเธอทำตามสัญญาแล้ว จึงพยักหน้าให้ไป๋หลิงหลงทันที
ไป๋หลิงหลงที่ติดตามเธอมาเป็นเวลาหลายปีรู้ดีว่าเธอต้องการให้ทำอะไร จึงรีบก้าวอาดๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเธอก็กลับมาอีกครั้ง กล่าวรายงานว่า “ท่านประธานคะ แจ้งทางเจียงอวี้ไปแล้วค่ะ อาจจะใช้เวลาเดินทางเล็กน้อย”
ฉินอี๋รีบกล่าวกับทางหนานชีหรูอัน “คุณชายรอสักครู่นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ รอมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว รอแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกครับ” หนานชีหรูอันกวาดตามองไปรอบๆ ห้องทำงาน เดินมือไพล่หลังไปยังริมหน้าทาง ทอดตามองออกไป “มองลงไปจากบนนี้ ทิวทัศน์นับว่าไม่เลวทีเดียวนะครับ เพียงแต่…ประธานฉินไม่มีอะไรกังวลใจหรือครับ?”
ฉินอี๋เดินมาข้างกายเขา ยืนเคียงข้างเขาแล้วเอ่ยว่า “คุณชายหมายถึงเรื่องอะไรหรือคะ?”
หนานชีหรูอันกล่าว “เนื้อหาสัญญาที่หอการค้าตระกูลฉินเซ็นกับทางสภาเซียน ผมพอจะรู้อยู่บ้าง นี่ไม่เหมือนกับการสร้างเทพมหาวิญญาณขึ้นมาสักตัวเพื่อเข้าร่วมการประมูลนะครับ ตอนนี้คือการผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อส่งให้กับทางสภาเซียน เงินทุนที่หอการค้าตระกูลฉินต้องใช้ในการเริ่มผลิตพอหรือครับ? นี่เป็นการค้าที่ทำกับทางสภาเซียนโดยตรง ไม่อาจมีข้อผิดพลาดได้! หากผิดสัญญา ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรับผิดชอบไหวนะครับ แล้วหลายๆ คนก็จะมีข้ออ้างให้โจมตีหอการค้าตระกูลฉินได้นะครับ”
ฉินอี๋กล่าว “น่าจะไม่มีปัญหาค่ะ ในสัญญาระบุเอาไว้แล้ว ในการผลิตสินค้าแต่ละชุด ทางสภาเซียนจะจ่ายเงินมัดจำมาก่อนสิบเปอร์เซ็นต์ค่ะ”
หนานชีหรูอันส่ายศีรษะ “นั่นพอแค่สำหรับการผลิตนิดหน่อยครับ ก่อนหน้านี้ทางหอการค้าตระกูลฉินของคุณได้ลงทุนไปกับการประมูลครั้งนี้เป็นจำนวนมาก เงินทุนที่เหลืออยู่ในมือมีไม่มากพอ การเปิดสายการผลิตให้กับทางสภาเซียน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อที่ จ้างผู้คุ้มกันและผู้บำเพ็ญเพียรต่างๆ ก็ล้วนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย ทางผมได้ลองให้คนช่วยคุณคำนวณดูแล้ว ตอนนี้หอการค้าตระกูลฉินยังขาดเงินทุนอยู่อีกประมาณหมื่นล้านมุก ไม่รู้ว่าทางผมคำนวณผิดหรือเปล่า?”
ฉินอี๋กล่าว “คุณชายสายตาเฉียบแหลมมากค่ะ ใช่ค่ะ ทางหอการค้าตระกูลฉินยังขาดเงินอยู่ไม่น้อยเลย”
หนานชีหรูอันกล่าว “เรื่องนี้ผมได้ปรึกษากับทางตระกูลแล้ว ทางตระกูลให้หอการค้าตระกูลฉินยืมเงินได้ เรื่องดอกเบี้ยก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ไม่มีทางทำให้หอกาค้าตระกูลฉินลำบากแน่นอน แค่คืนตรงเวลาก็พอ สรุปแล้วคือขอเพียงหอการค้าตระกูลฉินสามารถบริหารงานไปอย่างราบรื่นได้ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายครับ”
ฉินอี๋กล่าว “เรื่องนี้ฉันเคยคิดดูแล้วค่ะ หากหาเงินมาเติมในส่วนที่ขาดอยู่ไม่ได้ก็คงได้แต่ต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือกับทางตระกูลหนานชีนั่นแหละค่ะ”
หนานชีหรูอันหันหน้ามามองเธอเล็กน้อย ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ในเมื่อมีคิดเอาไว้อยู่ แล้วทำไมถึงไม่เอ่ยปากเร็วหน่อยล่ะครับ? เงินหมื่นล้านมุกไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ถ้าจะให้เอาออกมา ทางตระกูลหนานชีก็ต้องใช้เวลารวบรวมนิดหน่อยเหมือนกัน”
ฉินอี๋กล่าว “ใช้เท่าที่หอการค้าตระกูลมีก่อนแล้วกันค่ะ ที่เหลือเอาไว้ค่อยว่ากัน บางทีอาจจะไม่ต้องให้ตระกูลหนานชีออกเงินจำนวนนี้ หอการค้าตระกูลฉินก็จะได้ประหยัดเงินก้อนนี้ไปด้วย”
หนานชีหรูอันมึนงง “หมายความว่ายังไงครับ?”
ฉินอี๋กล่าว “ถ้าใช้เงินของตระกูลหนานชีมากขนาดนี้ ต่อไปถ้ามีคนในตระกูลหนานชีเอาเรื่องนี้มาพูด กลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อสภานะพิเศษภายในตระกูลหนานชีของคุณชายได้ ถ้าเลี่ยงได้ ทางหอการค้าตระกูลฉินก็จะพยายามไม่รบกวนตระกูลหนานชี เรื่องที่คุณชายสามารถจัดการด้วยตัวเองได้ก็พยายามอย่าไปรบกวนทางตระกูลเช่นกันค่ะ แบบนี้ทุกคนก็จะได้สบายใจ ตระกูลหนานชีมีธุรกิจมากมาย เรื่องน้ำใจมันคุยกันง่าย แต่เรื่องผลประโยชน์มันพูดกันลำบากค่ะ”
หนานชีหรูอันไม่เข้าใจ “เพราเหตุผลนี้แค่นั้นเหรอครับ? แล้วเงินส่วนที่ขาดอยู่จะเอามาจากไหนครับ?”
ฉินอี๋กล่าว “หอการค้าตระกูลฉินไม่มีเงินก้อนนี้ ไม่ได้หมายความว่าหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวไม่มีค่ะ”
สายตาของหนานชีหรูอันเผยความหวาดระแวงออกมาทันที “คุณจะให้สองตระกูลนั่นมามีส่วนแบ่งจริงๆ หรือครับ?”
ฉินอี๋ส่ายศีรษะ “คุณชายเข้าใจผิดแล้วค่ะ พานชิ่งกับโจวหม่านเชาบริหารหอการค้าทั้งสองแห่งนั้นมาเป็นเวลานาน นั่นเป็นหอการค้าที่ทั้งสองคนปั้นขึ้นมากับมือ รากฐานหยั่งลึก เผิงซีกับสวีเฉียนไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของทั้งสองคนค่ะ”
หนานชีหรูอันสงสัย “หมายความว่ายังไงครับ?”
ฉินอี๋กล่าว “ตอนนี้ยังไม่สะดวกพูดเรื่องนี้เท่าไรค่ะ แต่ถ้าเกิดมีความจำเป็นจริงๆ ถึงตอนนั้นคงต้องให้คุณชายลงมือ เดี๋ยวถึงตอนนั้นคุณชายก็จะเข้าใจเองค่ะ ตอนนี้เราต้องจัดการกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้าก่อน ผลการประมูลออกมาแล้ว เกรงว่าตระกูลกงหู่กับตระกูลเซียงหลัวคงจะไม่อยู่เฉยแน่”
หนานชีหรูอันมองดูผู้หญิงคนนี้ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ภายในแววตามีความรู้สึกประหลาดใจและสงสัยวูบไหวไปมาไม่นิ่ง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร
จากที่เขารู้มา ผู้หญิงคนนี้แค่ยื่นมือลงไปกวนเพียงเล็กน้อย ภายในหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวก็ปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมา สวีเฉียนและเผิงซีกำลังกวาดล้างคนเก่าคนแก่ในหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวอยู่ การทำแบบนี้จะทำให้ภายในหอการค้าทั้งสองแห่งเกิดความเสียหายอย่างหนัก
ตระกูลกงหู่และตระกูลเซียงหลัวเองก็ถูกผู้หญิงคนนี้เล่นงานจนสับสนมึนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งๆ ที่ลืมตากลับคล้ายว่าตาบอด มองอะไรไม่เห็น หอการค้าทั้งสองแห่งเองก็ถูกเล่นงานจนตื่นตระหนก ปั่นป่วนวุ่นวายเป็นอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้คล้ายมิได้ลงแรงอะไรเลย แต่กลับปั่นหัวสองตระกูลใหญ่และหอการค้าใหญ่ทั้งสองแห่งให้เต้นอยู่ในฝ่ามือของตนเอง
ทั้งวิธีการ สติปัญญาและความสามารถนี้ กระทั่งพ่อบุญธรรมของเขา หรือก็คือหนานชีเหวินผู้เป็นหัวหน้าตระกูลหนานชีก็ยังต้องตกตะลึง
จะไม่ให้ตกตะลึงก็ไม่ได้ เพราะความเคลื่อนไหวบางอย่างของทางฉินอี๋นั้นจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทางตระกูลหนานชีด้วย
นับจากที่หนานชีเหวินเริ่มถามเรื่องฉินอี๋ไม่หยุด หนานชีหรูอันก็รู้แล้วว่าครั้งนี้พ่อของเขาให้ความสนใจฉินอี๋ผู้นี้อย่างแท้จริงแล้ว บอกว่า ‘เมืองเล็กๆ อย่างเมืองปู๋เชวี่ยกลับมีมังกรซ่อนตัวอยู่’
พูดอีกอย่างคือมันสมองและความสามารถที่ฉินอี๋แสดงออกมาได้รับการยอมรับจากพ่อของเขา
พ่อของเขายังพูดอีกว่า หอการค้าตระกูลฉินรอคอยโอกาสมานานหลายปี เพียงเพื่อจะเอาชนะในครั้งเดียว ผู้หญิงแบบนี้หายาก ยามปกติดูไม่มีพิษภัย แต่พอลงมือกลับทำให้ทุกคนตกตะลึง ถือเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยม แต่ผู้หญิงแบบนี้จะต้องมีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะยอมสยบต่อผู้ชายหน้าไหนง่ายๆ บอกให้เขารักษาความสัมพันธ์กับเธอเอาไว้ หากเธอมีอะไรให้ช่วยเหลือ ก็ให้เขาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หากต้องการให้ทางตระกูลช่วยอะไรก็เอ่ยปากมาได้เลย
ในสายตาของพ่อเขา ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนรักในชื่อเสียงเงินทอง ชอบแข่งขันกันว่าใครสวยกว่าใคร ไม่มีประโยชน์อะไร คิดว่าผู้หญิงเกิดมาเป็นแบบนี้ ไม่อาจทำงานใหญ่อันใดได้ ค่อนข้างดูแคลนผู้หญิง เรียกว่าให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงก็ว่าได้ เพียงแต่พยายามไม่แสดงออกมาในยามปกติก็เท่านั้น
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หนานชีหรูอันได้ยินพ่อของเขาชื่นชมผู้หญิงคนหนึ่งด้วย แล้วก็ฟังออกถึงความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปที่แฝงอยู่ในคำพูด…..
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ของไป๋หลิงหลงดังขึ้นมา ไป๋หลิงหลงหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก่อนจะรีบก้าวเข้าไปหาฉินอี๋ กระซิบเบาๆ ว่า “เซียงหลัวเซ่อค่ะ”
ฉินอี๋ชะงักไปเล็กน้อย ยื่นมือไปขอโทรศัพท์มา หางตาเหลือบมองดูหนานชีหรูอันที่กำลังมองมาที่ตน จึงเปิดลำโพงแล้วกดรับสาย “ฉินอี๋พูดค่ะ”
เสียงหัวเราะฮ่าๆ ของเซียงหลัวเซ่อดังลอดออกมา “ได้ยินว่าตัวแทนเจรจาที่ทางสภาเซียนส่งมาเดินทางออกจากหอการค้าตระกูลฉินไปแล้ว อนาคตของหอการค้าตระกูลสดใสทีเดียวนะครับเนี่ย ผมคงต้องขอแสดงความยินดีกับประธานฉินด้วย”
คนที่อยู่ในห้องต่างได้ยินคำพูดของเขา หนานชีหรูอันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คอยสังเกตดูท่าทีของฉินอี๋
ฉินอี๋ว่า “ท่านเสมียนใหญ่ ทางสภาเซียนให้ความสำคัญก็นับว่าเป็นเกียรติของหอการค้าตระกูลฉิน ตอนนี้ฉันมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ จึงไม่มีเวลามาอ้อมค้อมกับท่านเสมียนใหญ่แล้ว รบกวนท่านเสมียนใหญ่แจ้งทางท่านเสมียนใหญ่กงหู่ด้วย มะรืนนี้รบกวนทั้งสองท่านมาหาฉันอย่างลับๆ เพื่อทำการเซ็นสัญญากับหอการค้าตระกูลฉินอย่างเป็นทางการ ทางฉันจะรอต้อนรับอย่างเงียบๆ ค่ะ!”
“ตกลง!” น้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้นและความชื่นชมเป็นอย่างมากของเซียงหลัวเซ่อดังลอดออกมาจากในโทรศัพท์ “ประธานฉินเป็นคนตรงไปตรงมาอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ได้ ตกลงตามนี้ มะรืนนี้ผมกับกงหู่จ้าวจะต้องไปหาคุณตรงเวลาแน่นอน ตอนนี้ประธานฉินคงจะกำลังยุ่งอยู่ อย่างนั้นผมไม่รบกวนล่ะ มะรืนนี้เจอกัน”
ฉินอี๋กล่าว “ได้ค่ะ มะรืนนี้เจอกัน” หลังเอ่ยคำพูดตามมารยาทเสร็จเรียบร้อยก็วางสายไป ในตอนที่คืนโทรศัพท์ให้ไป๋หลิงหลงก็เอ่ยกำชับไปด้วยว่า “ไปจับตาดูทางสำนักงานเจ้าเมืองหน่อย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าช่วงนี้ท่านเจ้าเมืองจะยังอยู่ในสำนักงานเจ้าเมือง ไม่ออกไปไหน แล้วรีบมาแจ้งฉันทันที”
“ค่ะ” ไป๋หลิงหลงรับคำ จากนั้นรีบเดินออกไปจัดการตามที่สั่ง
หนานชีหรูอันที่อยู่ข้างๆ คอยสังเกตดูทุกความเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้ พบว่าเป็นผู้หญิงที่ทำอะไรรวดเร็วและกล้าตัดสินใจจริงๆ ด้วย ค่อนข้างคล้ายผู้ชายทีเดียว
ฉินอี๋หมุนตัวกลับมา ผายมือเชิญหนานชีหรูอันให้นั่งลง “ทำไมไม่เห็นเทพธิดาฉิงชุ่ยเลยล่ะคะ?”
“มาคุยเรื่องงาน ไม่เหมาะให้เธอมาด้วยครับ”
หลังเจ้าบ้านและแขกผู้มาเยือนนั่งคุยกันอยู่พักหนึ่ง ไป๋หลิงหลงก็กลับเข้ามาอีกครั้ง แล้วก็ยังพาชายที่รูปร่างซูบผอมเข้ามาด้วยอีกคนหนึ่ง เป็นเจียงอวี้
ทันทีที่เดินเข้ามา เจียงอวี้ก็มองเห็นชายหนุ่มที่ดูสง่างามอยู่ในชุดโบราณที่นั่งอยู่ในห้อง ม่านตาพลันหดเล็กลงทันที เห็นได้ชัดว่าในอดีตเขาเคยพบหนานชีหรูอันมาก่อน
ฉินอี๋ลุกขึ้นยืนทันที แล้วก็ไม่เอ่ยอ้อมค้อมใดๆ “เจียงอวี้ ท่านนี้คือคุณชายหรูอันแห่งตระกูลหนานชี คุณชายมาที่นี่เพื่อพบคุณ นอกจากนี้ยังมีของขวัญมาให้คุณด้วย” กล่าวพลางชี้ไปยังกล่องใบนั้น “คุณลองดูของในนั้นสิว่ารู้จักหรือเปล่า”
เจียงอวี้ทั้งประหลาดใจระคนสงสัย ค่อยๆ เดินไปยังกล่องใบนั้น เปิดกล่องออกอย่างช้าๆ พบว่าด้านในเป็นศีรษะคนศีรษะหนึ่ง จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นจับเส้นผมแล้วค่อยๆ ยกขึ้นมาตรวจดูอย่างช้าๆ กระทั่งได้เห็นใบหน้าของศีรษะนั้นอย่างชัดเจน เขาพลันหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจ “เฉินซาน!”
เขารีบหันกลับไปมองหนานชีหรูอันกับฉินอี๋อย่างรวดเร็ว สีหน้ายิ่งดูประหลาดใจและสงสัย
ฉินอี๋ยืนกอดอก “ฉันรับปากคุณเอาไว้แล้วว่าจะช่วยสลายความแค้นของคุณกับตระกูลหนานชี ตอนนี้ตระกูลหนานชีกำจัดเฉินซานทิ้งแล้ว คุณชายหรูอันก็นำเอาหัวของเฉินซานมามอบให้ด้วยตัวเองแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไป ความแค้นของคุณกับตระกูลหนานชีนับว่าหายกัน ตระกูลหนานชีเองก็จะไม่มาสร้างปัญหาใดๆ ให้คุณอีก คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองได้แล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก”
ใบหน้าของเจียงอวี้เต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เขาหิ้วศีรษะของเฉินซานขึ้นมาดูอีกครั้ง สุดท้ายค่อยๆ วางศีรษะกลับลงไปในกล่อง
หนานชีหรูอันที่ลุกขึ้นยืนเดินมาตรงหน้าเขา ไพล่มือไว้ด้านหลังพลางเอ่ยว่า “นี่น่าจะไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงของนายใช่ไหม?”
เจียงอวี้พยักหน้าอย่างเงียบๆ เขาย่อมไม่มีทางใช้ใบหน้าที่แท้จริงเข้าออกที่นี่ เขาปล่อยพลังออกมา กระแทกให้ฝุ่นผงชั้นหนึ่งหยุดลอกออกมาจากใบหน้า จากนั้นสะบัดมือกวาดเอาฝุ่นผงที่ลอยฟุ้งเหล่านั้นมาเก็บไว้ เพื่อจะได้ไม่ทำให้ห้องทำงานของฉินอี๋สกปรก เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมา ยืนตัวตรงประสานมือเอาไว้ด้านหน้า
หนานชีหรูอันสำรวจดูอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ใช่จริงๆ ด้วย ดูค่อนข้างคุ้นตา เมื่อก่อนเราน่าจะเคยเจอกันมาก่อน ศีรษะของเฉินซานนั้น จะบอกว่าเป็นของขวัญที่ฉันมอบให้นายก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว หากแต่เป็นเงื่อนไขที่ฉันทำการตกลงกับประธานฉินเอาไว้ ที่ฉันมาพบนาย ฉันเพียงแค่อยากจะดูว่านายเป็นคนอย่างไร ถึงขนาดทำให้ประธานฉินยอมสละผลประโยชน์ในการประมูลหนึ่งส่วนให้กับทางตระกูลหนานชี เพื่อแลกกับการเอาหัวของเฉินซานมาสลายความแค้นในใจนาย”
อะไรนะ? เจียงอวี้มองไปทางฉินอี๋อย่างตกตะลึง ฉินอี๋ยอมสละผลประโยชน์จากการประมูลหนึ่งส่วนให้ตระกูลหนานชีเพื่อเขาอย่างนั้นเหรอ?
ต่อให้เขาจะไม่รู้เรื่องแค่ไหน แต่เขาก็ยังรู้ว่าผลประโยชน์หนึ่งส่วนที่ว่านี้มันเป็นจำนวนเงินที่มากมายมหาศาลขนาดไหน
หนานชีหรูอันเอ่ยต่อว่า “แต่พอดูแล้วก็ไม่เห็นว่ามีอะไร มองไม่เห็นข้อดีข้อเสียอะไรของนาย ก็ได้แต่หวังว่านายจะไม่ทำให้ประธานฉินต้องผิดหวัง นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องเตือนนายหน่อย เรื่องในอดีตถือว่าแล้วกันไป แต่ถ้าครั้งหน้านายยังกล้าไปก่อเรื่องในตระกูลหนานชีอีก ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปแน่!”
เจียงอวี้ขบกรามแน่น นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หนานชีหรูอันหันไปยิ้มกับทางฉินอี๋พร้อมเอ่ยว่า “เอาล่ะ ประธานฉินกำลังยุ่งอยู่ เหมือนว่ายังมีอีกหลายเรื่องต้องไปจัดการ อย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วกันครับ เอาไว้มีเวลาแล้วค่อยนัดกันใหม่ ขอลาครับ!” เมื่อเห็นว่าฉินอี๋จะออกไปส่ง หนานชีหรูอันพลันยกมือห้าม ก่อนจะนำหลีอู่ที่เป็นผู้ติดตามออกไป การก้าวเดินดูสบายๆ แต่กลับเผยให้เห็นถึงความสง่าผ่าเผย
………………………………………………………..