ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 159 ภาพกล้องวงจรปิดที่ถูกกู้คืนมา
ตอนที่ 159 ภาพกล้องวงจรปิดที่ถูกกู้คืนมา
ของที่เกือบแตกละเอียดยังสามารถซ่อมกลับมาเป็นแบบนี้ได้ ที่สำคัญคือสิ่งที่อยู่ภายในก็ยังกู้กลับคืนมาได้ ฝีมือนี้ช่างไร้ที่ติจริงๆ
แต่เธอก็ฉุกได้ถึงอะไรบางอย่าง อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าคุณภาพภาพและคุณภาพเสียงข้างในนั้นเสียหายไปเล็กน้อย จูลี่หมุนตัวกลับไปถามว่า “คุณดูข้างในแล้วเหรอ?”
จิ้นเซียวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดูแล้วสิ”
จูลี่ถลึงตาเล็กน้อย “ใครให้คุณดู?”
“เอ่อ…” จิ้นเซียวพูดด้วยสีหน้ามึนงงว่า “ถ้าไม่ดูแล้วผมจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าข้อมูลข้างในกู้กลับมาเป็นอย่างไรบ้าง?”
จะว่าไปมันก็ถูก จูลี่อึกอักเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นว่า “คุณเห็นอะไรบ้าง?”
จิ้นเซียว “ก็ภาพจากมุมที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ นี่น่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ภายในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณใช่ไหม?”
พอได้ยินคําพูดนี้ จูลี่ก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นแล้วจริงๆ จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันทันทีว่า “ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนนะ เรื่องนี้ห้ามรั่วไหลออกไปเด็ดขาด ห้ามเอาไปบอกใครทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นถ้าหากมีคนมาหาเรื่องคุณ ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้นะ”
นี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เธอเองก็เคยได้รับคำเตือนจากเหิงเทามาเหมือนกัน เรื่องที่แอบติดตั้งกล้องวงจรปิดในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินนั้นจะปล่อยให้รั่วไหลออกไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นจะทำให้คนหลายคนทำตัวลำบาก เพราะนี่อาจจะถูกสงสัยว่าเป็นการสอดแนมความลับทางธุรกิจของหอการค้าตระกูลฉินได้ พอถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่ท่านเจ้าเมืองเองก็ยากที่จะอธิบายกับทางหอการค้าตระกูลฉินได้
จิ้นเซียวพยักหน้า “คุณสบายใจได้ เรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพของผม คุณลองไปถามเหล่าโม่ดูได้”
“ดี” จูลี่เขย่าหินผลึกที่อยู่ในมือ “ไปตรวจดูกัน!”
จิ้นเซียวตอบตกลง ก่อนจะพาเธอไปที่ห้องของตัวเองทันที งานชิ้นนี้เขาอุดอู้ทำอยู่ในห้องตัวเองจนเสร็จ
จูลี่ที่เดินไปถึงหน้าประตูเห็นภายในห้องมืดสนิท มีพวกผ้าม่านอะไรต่อมิอะไรมาปิดหน้าต่างเอาไว้จนหมด ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย อดไม่ได้ที่จะชะงักฝีเท้าพร้อมลองถามไปว่า “นี่คุณเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเหรอ?”
อันที่จริงเธออยากจะถามเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่หลังจากที่คนคนนี้รับงานไปแล้วก็อุดอู้อยู่ในห้องแทบจะตลอดเวลา ไม่เคยออกมาข้างนอกเลย พอมาเคาะประตูถามก็บอกว่ากำลังทำงานอยู่ ทั้งสองคนแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันอีก เธอถึงกับสงสัยว่าในหลายวันนี้คนคนนี้ไม่ได้กินอะไรเลยเหรอ
จิ้นเซียวเปิดไฟในห้อง แล้วตอบว่า “ใช่ครับ”
จูลี่ “สภาวะเป็นยังไงบ้าง?”
จิ้นเซียว “ก็พอได้”
จูลี่ “อะไรคือก็พอได้?”
จิ้นเซียว “พอป้องกันตัวเองได้”
“ขี้คุยจริงๆ” จูลี่หัวเราะเยาะ จากประสบการณ์ของเธอ เธอรู้สึกได้ว่าคนคนนี้ไม่คล้ายจะเป็นคนทำเรื่องเลวร้าย หลายวันมานี้ก็ไม่เคยเห็นเขาทำอะไรที่ผิดปกติเลย จึงรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปในห้องของเขา เหลียวซ้ายแลขวาอยู่พักหนึ่ง
จิ้นเซียวเดินไปที่โต๊ะเพื่อจัดเก็บอุปกรณ์ของเขาเล็กน้อย จากนั้นเอาเครื่องฉายฉากแสงมาวางตั้ง ก่อนจะหันกลับไปขอหินผลึกที่อยู่ในมือของจูลี่แล้วเสียบเข้าไปในเครื่องฉายฉากแสง
เมื่อเครื่องฉายฉากแสงถูกปรับและเปิดเครื่องขึ้น ฉากแสงแถบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา เผยให้เห็นภาพเคลื่อนไหวภาพหนึ่ง มีหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขยับไปขยับมาอยู่หน้ากล้อง จากนั้นถึงจะหายออกไปจากภาพอย่างลับๆ ล่อๆ
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นตัวจูลี่เอง จิ้นเซียวอดหันกลับไปมองจูลี่เล็กน้อยไม่ได้
จูลี่ย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คือตอนที่ตัวเธอติดตั้งกล้องวงจรปิดในตอนแรก
ไม่นานนัก หลัวคังอันกับหลินยวนก็เข้ามา แล้วก็พูดอะไรไร้สาระบางอย่าง หลังจากนั้นหลัวคังอันก็ทำการควบคุมเทพมหาวิญญาณให้เปิดประตูโรงเก็บเทพมหาวิญญาณ ก่อนจะกระโดดลงไปในหุบเหวเพื่อทำการทดสอบเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน
ภาพที่ฉายออกมาก็เป็นเหมือนที่จิ้นเซียวว่าไว้จริงๆ บางภาพมีอาการค้างปรากฏให้เห็น หรือไม่ก็อาการกระตุกไปมา ส่วนคุณภาพเสียงก็มีเสียงที่ทำให้แสบแก้วหูหรือเสียงแทรกบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ความสมบูรณ์ของการกู้คืนมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของวิดีโอที่จะดูมากนัก
กระทั่งหลินยวนและหลัวคังอันออกไปจากห้องควบคุมแล้ว ไม่นานห้องควบคุมก็ตกอยู่ในความมืด เมื่อถึงตอนนี้จูลี่ก็จะบอกให้จิ้นเซียวเร่งความเร็วของวิดีโอ
คนที่เข้าๆ ออกๆ ในห้องควบคุมมีอยู่แค่ไม่กี่คน นอกจากหลัวคังอันกับหลินยวนแล้ว ที่เหลือก็จะเป็นพวกเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงที่เข้าไปซ่อมแซมเทพมหาวิญญาณ
ความสนใจของจิ้นเซียวไม่ได้อยู่ที่วิดีโอที่ฉายอยู่ หากแต่หันกลับไปจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของจูลี่อย่างเงียบๆ อยู่เป็นระยะ
เนื่องเพราะการประมูล หลังจากติดตั้งกล้องวงจรปิดไปไม่นาน เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินก็เดินทางออกไปจากเมืองปู๋เชวี่ย
ภาพต่อมาคือภาพของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่เดินทางไปถึงค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่างแล้ว เมื่อถึงเมืองคุนกว่าง หลัวคังอันน่าจะไม่สามารถทำอะไรวุ่นวายได้อีก
จูลี่ไม่เห็นภาพเหตุการณ์ที่หลัวคังอันพาผู้หญิงคนอื่นเข้าไปในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณ จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ส่วนหลินยวนคนนั้นก็ดูเหมือนผู้ช่วยของหลัวคังอันจริงๆ ไม่มีความผิดปกติใดๆ ดูธรรมดาจนไม่สามารถธรรมดาไปมากกว่านี้ได้แล้ว ทำอะไรก็ทำแบบขอไปที
จนกระทั่งเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเข้าไปในแดนแมงมุมสวรรค์อีกครั้ง จูลี่ก็ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง รู้ว่าภาพการต่อสู้ระหว่างเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกับหอการค้าต่างๆ กำลังจะปรากฏขึ้นมาแล้ว
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าในขณะที่ภาพการต่อสู้ยังไม่ทันจะปรากฏขึ้นมา บทสนทนาที่น่าสนใจท่อนหนึ่งก็ได้ดึงดูดความสนใจของจูลี่เอาไว้เสียก่อนแล้ว
“จดหมาย”
“อะไร?”
“จดหมายที่ให้พี่เปิดอ่านหลังเข้ามาในแดนแมงมุมสวรรค์ไง”
ดวงตาจูลี่เป็นประกาย จดหมายอะไร?
“โอ้!” หลัวคังอันที่อยู่ในวิดีโอหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาเปิด เมื่ออ่านเสร็จก็เอ่ยพึมพำว่า “หอการค้าตระกูลอู๋…” จากนั้นเก็บจดหมายแล้วเดินไปโอบไหล่หลินยวน “น้องหลิน ผู้ช่วยแค่คนเดียวมันจะมีประโยชน์สักเท่าไรเชียว ในใจพวกเราไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงมันก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้าร่วมการประมูลแบบนี้ ไม่มีทางที่จะมีเจตนาดีแน่นอน มีคำพูดบางอย่างที่ฉันอยากจะพูดตรงๆ ถูกต้อง จริงอยู่ที่พวกเรารับเงินเดือนจากหอการค้าตระกูลฉิน แต่เงินเดือนแค่นี้มันไม่คุ้มค่าพอให้พวกเราเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงได้”
“จริงอยู่ที่รางวัลที่ท่านประธานบอกว่าจะให้มันมากมายมหาศาล แต่พวกเราก็ต้องมีปัญญาไปเอารางวัลนั้นมาด้วย แล้วก็ต้องมีชีวิตอยู่ใช้รางวัลนั้นด้วย ก่อนหน้านี้ในเมืองปู๋เชวี่ยเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นติดๆ กัน นายเองก็เห็นแล้วนี่ เพื่อการประมูลครั้งนี้แล้ว กระทั่งผู้พิทักษ์เมืองก็ยังกล้าฆ่า มีอะไรที่คนพวกนั้นมันไม่กล้าทำบ้าง?”
“น้องหลิน นายมีความสามารถแค่ไหน ตัวนายเองรู้ดี ฉันเองก็รู้ดี ก่อนหน้านี้ที่ไม่พูดเพราะเห็นแก่หน้านาย วันนี้พวกเรามาเปิดอกกัน นายเรียนอยู่ที่หลิงซานมาสามร้อยปียังเรียนไม่จบ นายมาทำงานหาเลี้ยงตัวเองที่หอการค้าตระกูลฉิน ฉันเองก็เหมือนกัน”
“ด้วยความสามารถของพวกเรา ทันทีที่คนเหล่านั้นเปิดฉากโจมตีใส่กัน ตอนนั้นจะอันตรายอย่างมาก ฉันเองก็ไม่ปิดบังนายแล้วกัน ทันทีที่เกิดเรื่องอะไรที่อันตรายขึ้น ฉันเตรียมจะหนีออกไป เห็นแก่ที่พวกเราเป็นเหมือนพี่น้องกัน ฉันไม่อยากจะทิ้งนายเอาไว้โดยไม่สนใจ เราหนีไปด้วยกัน ดูแลซึ่งกันและกัน นายว่ายังไง?”
“พี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว กระทั่งป้าหวังคนนั้นพี่ยังเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสได้เลย พี่จะกลัวพวกเขาได้ยังไง?”
“ฉัน…นายโง่หรือเปล่า ถ้าฉันไม่พูดแบบนั้น หอการค้าตระกูลฉินจะให้เงินเดือนฉันสูงขนาดนี้เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สายตาของจูลี่วูบไหวไปมาไม่หยุด
“ถ้าหลบอยู่ในเทพมหาวิญญาณแล้วยังไม่ปลอดภัย แล้วพี่มั่นใจได้ยังไงว่าหนีออกไปข้างนอกแล้วจะปลอดภัย?”
“น้องชาย นี่เป็นการประมูลเทพมหาวิญญาณ ทุกคนต่างก็คิดจะเล่นงานเทพมหาวิญญาณอยู่แล้ว ถ้าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินพังไปแล้ว ก็เท่ากับเป้าหมายของคนพวกนั้นบรรลุแล้ว อีกทั้งพวกนั้นยังมีเรื่องอื่นให้ต้องไปทำ ไม่มีความจำเป็นต้องมาไล่ฆ่าพวกเราเลย”
“เอาเงินเขามา แต่กลับไม่ทำงาน มันไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่าพี่?”
“เฮ้อ ดูนายพูดเข้าสิ ฉันต้องพยายามทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ พวกเราเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? น้องหลิน ฉันพูดขนาดนี้แล้ว หรือว่านายยังคิดจะเสี่ยงชีวิตคนเดียวอีก?”
“ตกลง ผมว่าตามพี่”
จูลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะคำพูดนี้ของหลัวคังอัน ยังไม่ทันจะเริ่มก็เตรียมจะหนีแล้ว ไหนเลยจะเหมือนชายชาตรีที่ควบคุมเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินบดขยี้ศัตรูอยู่ในแดนแมงมุมสวรรค์คนนั้นได้?
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์ดังขึ้นมา จูลี่หยิบโทรศัพท์ออกมาดู เป็นเพื่อนร่วมงานที่ปู๋เชวี่ยวิดีโอ เธอรับสายแล้วยกขึ้นมาแนบหู “ว่าไง? โอ้ ได้ เข้าใจแล้ว พวกเธอจัดการกันไปก่อนเลย ฉันกำลังยุ่งนิดหน่อย เอาไว้ฉันกลับไปแล้วค่อยว่ากัน”
หลังจากวางสายก็วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ แต่ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจ้องมองไปที่ภาพในฉากแสง ตอนนี้ใจของเธอไม่ได้อยู่ที่ปู๋เชวี่ยวิดีโอแล้ว
จากมุมมองภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินจะเห็นได้ว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าต่างๆ เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเองก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน
ทันใดนั้นพลันมีเสียง “ตู๊ดๆ” ดังขึ้นภายในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน หลัวคังอันกดรับสาย
เสียงของชายคนหนึ่งดังออกมา “หลัวคังอันจากหอการค้าตระกูลฉิน?”
หลัวคังอันส่งเสียงประหลาดใจ “นายเป็นใคร?”
“หวงอวี่จากหอการค้าตระกูลอู๋!”
“ที่แท้ก็พี่หวงนี่เอง ได้ยินชื่อมานานแล้ว”
“หลัวคังอัน นายจะทำอะไร?”
“ทำอะไรอะไร?”
“ฉันได้รับคำสั่งมาว่าให้ช่วยพวกนายอย่างลับๆ แต่นายมาตามฉันตั้งแต่เริ่มอย่างนี้มันหมายความว่ายังไง กลัวคนอื่นไม่รู้ว่าเราเป็นพวกเดียวกันเหรอ?”
“พี่หวง อย่าเพิ่งโมโหสิ คนอื่นจะรู้ช้ารู้เร็วมันจะต่างกันตรงไหนล่ะ? ถ้าเกิดคลาดกันขึ้นมาจะทำยังไง? พี่น้องร่วมมือกันตั้งแต่เริ่ม จะได้มีคนคอยดูแลซึ่งกันและกัน หรือพี่ว่าไม่จริง?”
“ดูแลกับผีสิ! ฉันต้องแอบช่วยอย่างลับๆ ต้องลงมืออย่างลับๆ ต่างหากถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด นายพาคนแห่กันมาแบบนี้ เทพมหาวิญญาณยี่สิบกว่าตัวรุมโจมตี แล้วฉันจะช่วยยังไง? แบบนี้ต่อให้ฉันอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้หรอก! เร็วๆ เลย รีบหนีไปทางอื่นเลย อย่ามาตามฉันอีก อีกเดี๋ยวฉันค่อยหาวิธีไปช่วยนายเอง”
“พี่หวง พี่ไม่ต้องพูดแล้ว พี่ดูข้างหลังผมโน่น พี่บอกให้ผมหนีไปทางอื่น พี่จะให้ผมหนียังไง? ถ้าผมหนีไป พวกเขาก็อาจจะมาล้อมโจมตีผม ถึงตอนนั้นเหลือพี่คนเดียว แล้วพี่จะช่วยผมยังไง?”
“ฉันมีวิธีของฉัน นายไม่ต้องตามฉันมาแล้ว”
“พี่หวง ผมหวังดีกับพี่นะ ถ้าผมหนีไปแล้ว เกิดพวกนั้นมันไม่ไล่ตามผม แต่ไปไล่ตามพี่แทน พี่จะทำยังไง?”
“ไม่ต้องมายุ่ง ไสหัวไปซะ! ฉันขอเตือนนายนะ ห้ามตามฉันมาอีก!”
“ตอนนี้พวกเราเป็นพันธมิตรกัน จะให้ผมทิ้งพี่ไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบของพี่ไม่ได้หรอก! ไม่ว่าพี่จะพูดยังไง แซ่หลัวก็ไม่มีทางทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมแบบนั้นเด็ดขาด”
“ตู๊ด…”
“พี่หวง พี่หวง…ไอคนแซ่หวงทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ช่วยแบบนี้เหรอ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมถึงหาคนที่พึ่งพาไม่ได้แบบนี้มานะ เดี๋ยวกลับไปฉันต้องต่อว่าให้ท่านประธานฟังแล้ว”
จู่ๆ หลัวคังอันก็ส่งเสียงแปลกๆ ออกมาว่า “ว้าว แซ่หวงจะทำอะไรล่ะนั่น? ”
ในมุมมองของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน จู่ๆ เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอู๋ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน พุ่งลงไปยังภูเขารูปร่างแปลกประหลาดที่มีเส้นใยสีขาวปลิวไสวไปมาทางด้านล่าง
เห็นได้ชัดว่าหลัวคังอันควบคุมเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินพุ่งตามลงไป
ในเวลานี้เอง จู่ๆ หลัวคังอันก็ส่งเสียงอุทานตกใจขึ้นมาอีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้น?”
ไม่รู้ว่ามีเสียง “ปั้ง” ดังขึ้นมาจากตรงส่วนไหนของเทพมหาวิญญาณ สถานการณ์ของหลัวคังอันดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ความเคลื่อนไหวดูไม่อิสระแล้ว
จิ้นเซียวและจูลี่ต่างก็จ้องมองไปที่ฉากแสงอย่างใจจดใจจ่อ มองดูภาพที่หมุนไปมาภายในห้องควบคุม มองดูภาพเทพมหาวิญญาณที่สูญเสียการควบคุมกำลังพุ่งลงไปยังภูเขาเบื้องล่าง ดูวุ่นวายไปหมด
จิ้นเซียวยังดีหน่อย เพียงแค่จ้องมองอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่เคยดูวิดีโอทั้งหมดอย่างละเอียดแบบนี้ เพียงแค่ตรวจดูคุณภาพของภาพแบบเร็วๆ เท่านั้น
จูลี่ที่เหมือนได้ไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเองสัมผัสได้ถึงความเร่งด่วนและความอันตรายของสถานการณ์ในตอนนั้น นิ้วมือทั้งสิบเกี่ยวกันแน่นด้วยความวิตกกังวล
หลัวคังอันที่อยู่ในวิดีโอทำการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง คล้ายพยายามจะหยุดไม่ให้เทพมหาวิญญาณกระแทกลงไปกับพื้น
ในมุมมองของเทพมหาวิญญาณมีเส้นใยสีขาวปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทะลุเข้าไปในเชือกสีขาว แล้วก็มีเสียงแทกกับพื้นดังตูมขึ้นมา ภาพภายในฉากแสงสั่นสะเทือนอย่างแรง
หลัวคังอันพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต จู่ๆ ก็สบถขึ้นมาว่า “ใยแมงมุมสวรรค์พวกนี้นี่ทั้งเหนียวแล้วก็แข็งแรงจริงๆ แขนซ้ายขยับไม่ได้แล้ว ไอพนักงานซ่อมบำรุงพวกนั้นมันทำงานยังไงของมันวะเนี่ย”
เสียงตะโกนด้วยความร้อนใจของหลินยวนดังขึ้นมา “หนีเร็ว!”
หลัวคังอันพยายามดิ้นรนอยู่สักพัก จู่ๆ พลันเหวี่ยงทวนออกไป จากมุมมองจะเห็นได้ว่าเทพมหาวิญญาณได้ทะลวงฝ่าฝุ่นควันและใยแมงมุมออกมาแล้ว ทว่ากลับมีแมงมุมสวรรค์ฝูงหนึ่งถาโถมเข้าใส่อย่างดุร้าย บดบังทัศนวิสัยทางด้านนอกเป็นชั้นๆ
หลัวคังอันสังหารแมงมุมสวรรค์อย่างต่อเนื่อง แต่แมงมุมสวรรค์มีจำนวนเยอะมากจริงๆ คล้ายว่าฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด
“กัดไม่เข้าก็ยังจะกัดอีก” หลัวคังอันส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด ร่างกายบิดหมุน เหวี่ยงมือเหวี่ยงเท้าสังหารอย่างคลุ้มคลั่ง
…………………………………………………………