ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 154 เป็นเรื่องจริงหรือนี่
ตอนที่ 154 เป็นเรื่องจริงหรือนี่
ระหว่างทางที่กลับมาจากงานเลี้ยงต้อนรับในบ้านตระกูลกวน หลินยวนยังคงเป็นคนขับรถ จางเลี่ยเฉินที่นั่งอยู่ด้านหลังมีสีหน้าอิ่มเอมหลังจากได้กินข้าวอิ่ม
รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของลู่หงเยียนที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับแทบจะไม่เลือนหายไป ตอนนี้เธอยิ่งแน่ใจแล้วว่าบ้านตระกูลมีความสำคัญต่อหลินยวนขนาดไหน
โดยเฉพาะเถาฮวาคนนั้น จุ๊ๆ เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆ นอกจากจางเลี่ยเฉินที่กล้าต่อปากต่อคำกับเธอเล็กน้อยแล้ว คนอื่นๆ ในโต๊ะอาหารเรียกได้ว่าไม่มีใครกล้าต่อกรกับเธอเลย ท่าทางเหมือนจะบอกว่าบ้านนี้ฉันใหญ่สุด!
ขนาดหลินยวนพูดอะไรผิดไปเพียงเล็กน้อยก็ยังถูกเถาฮวาสั่งสอนจนไม่กล้าหืออือใดๆ ได้แต่ต้องรับฟังอย่างว่านอนสอนง่าย
คนที่กล้าสั่งสอนท่านอ๋องแบบนี้ คนที่ทำให้ท่านอ๋องเชื่อฟังได้ขนาดนี้ วันนี้เธอลู่หงเยียนนับว่าได้เห็นแล้ว แล้วก็ยิ่งรู้แล้วว่าควรจะเอาใจใคร
เมื่อคิดถึงสีหน้าที่ดูกระอักกระอ่วน ทั้งจนปัญญา แล้วก็เชื่อฟังอย่างว่านอนสอนง่ายของท่านอ๋อง ภายในใจลู่หงเยียนก็ยิ่งมีความสุข กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยากที่จะปกปิดเอาไว้ได้
หลังกลับมาถึงโรงอีหลิว จางเลี่ยเฉินเอ่ยว่า “หงเยียน ห้องของเธอฉันเก็บกวาดให้เธอแล้วนะ”
แต่ลู่หงเยียนกลับเอ่ยว่า “ลุงเฉิน ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ห้องเดียวก็พอค่ะ”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยมาเช่นนี้ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว จางเลี่ยเฉินร้องอ้อๆ เขาเข้าใจแล้ว แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก
หลังพูดคุยกันเล็กน้อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน จางเลี่ยเฉินเองก็เห็นแล้วว่าลู่หงเยียนเข้าไปนอนในห้องของหลินยวน
เมื่อภายในสวนไม่มีใคร จางเลี่ยเฉินเงยหน้ามองท้องฟ้า ส่ายศีรษะเล็กน้อย หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
…..
ลู่หงเยียนที่อาบน้ำเสร็จเดินผมเผ้ายุ่งเหยิงออกมา นั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ตัวเธอหลังจากที่เอาเครื่องสำอางออกแล้วยังคงดูสดใสน่ารัก มองดูกระจกแล้วคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา จู่ๆ พลันเอ่ยถามว่า “บ้านที่ตระกูลกวนอยู่มันไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่าเพคะ จะให้ช่วยเปลี่ยนให้ไหมเพคะ?”
หลินยวนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนิ่งเงียบไปครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าฉันเปลี่ยนมันจะไม่ค่อยเหมาะ แต่ถ้าเธอเปลี่ยนมันไม่เหมือนกัน บ้านเธอมีเงินสามารถทำได้ เรื่องนี้เธอจัดการแล้วกัน”
ลู่หงเยียนเข้าใจความหมายของเขา จึงยิ้มพลางเอ่ยว่า “ได้เพคะ เดี๋ยวระหว่างที่อยู่ที่นี่หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเรียบร้อย คุณป้าจะต้องพอใจแน่นอนเพคะ” กล่าวจบก็ลูบผมพร้อมลุกขึ้นยืน
ค่อยๆ เดินเยื้องย่างมาข้างเตียง ยกขาข้างหนึ่งปีนขึ้นไปบนเตียง คลานเข้าไปด้านหลังหลินยวน ยกแขนโอบไหล่ของเขา กระซิบข้างหูเขาด้วยความรู้สึกโหยหาว่า “ท่านอ๋องเพคะ หงเยียนคิดถึงพระองค์เพคะ”
หลินยวนยกมือแกะแขนที่โอบไหล่ของเธอออก “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ ไปคอยเฝ้าไป!”
วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จริงๆ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ภายในหัวมีภาพของฉินอี๋ผุดขึ้นมาเป็นระยะ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีภาพของฉินอี๋เมื่อครั้งที่ยังรักใคร่อยู่กับเขาปรากฏขึ้นมาด้วย
ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ กลับไม่มีอารมณ์อย่างนั้นเหรอ? สีหน้าของลู่หงเยียนแข็งทื่อไป แต่สุดท้ายก็ยังเชื่อฟัง ไปคอยเฝ้าอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เพียงแต่สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน
หลินยวนเข้าสู่สภาวะนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญเพียร
….
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉัน พวกแกคิดจะทำอะไร?”
หานชิงเอ๋อร์ที่ถูกลากลงมายังห้องลับใต้ดินแล้วถูกมัดเอาไว้ส่งเสียงตะโกนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว แต่คนที่ลากเธอลงมาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว หมุนตัวเดินออกไป
เมื่อประตูปิดลง ภายในห้องก็เหลือเธอเพียงคนเดียว จมดิ่งอยู่ในความหวาดกลัว ตะโกนออกมาเสียงดัง “ปล่อยฉันออกไป ปล่อยฉันออกไป!”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
ด้านบนห้องลับคือบ้านหลังหนึ่ง ตรงหน้าประตูบ้าน เผิงซียืนอยู่ใต้ชายคาด้วยใบหน้าที่คร่ำเคร่ง
โจวหม่านอวี้ที่มีสีหน้าตื่นกลัวดึงแขนเสื้อของลูกชาย “ซีเอ๋อร์ จะไม่เป็นอะไรจริงเหรอลูก?” เธอเห็นภาพที่หานชิงเอ๋อร์ที่เป็นผู้หญิงของพี่ชายถูกลูกชายตัวเองสั่งให้คนจับตัวเอาไว้
หานชิงเอ๋อร์ถูกเธอหาข้ออ้างล่อมาที่นี่ แน่นอนว่าเป็นแผนการของลูกชายเธอ ทันทีที่หานชิงเอ๋อร์มาถึง ลูกชายของเธอก็ลงมือ
เผิงซีเอ่ยด้วยใบหน้าเยียบเย็น “แม่ครับ แม่กลับไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โจวหม่านอวี้จะยังมีใจพักผ่อนได้อย่างไร
ในเวลานี้เอง เซียนกระบี่เชอมั่วก็เข้ามา โยนศีรษะที่อาบชโลมไปด้วยเลือดสองสามศีรษะลงมาที่ด้านล่างบันได ล้วนเป็นศีรษะของผู้บำเพ็ญเพียรที่คอยติดตามอยู่ข้างกายหานชิงเอ๋อร์
โจวหม่านอวี้ตกใจจนเอามือปิดปากตัวเอง เบือนหน้าหนีไปไม่กล้ามอง
เผิงซีหมุนตัวมาเอ่ยปลอบว่า “เรื่องนี้ลูกจะจัดการเองครับ คุณแม่ออกไปก่อนเถอะครับ” จากนั้นเรียกคนเข้ามาพยุงโจวหม่านอวี้ออกไป เสร็จแล้วถึงจะหันไปถามเชอมั่วว่า “จัดการหมดแล้ว?”
เชอมั่วกล่าว “จัดการหมดแล้ว”
เผิงซีหมุนตัวทันที กลับเข้าไปในบ้าน เข้าไปในทางลับ ตรงไปยังด้านนอกห้องลับใต้ดิน ผลักประตูเดินเข้าไป
ทันทีที่หานชิงเอ๋อร์ที่ถูกมัดอยู่บนเสาไม้มองเห็นเขา เธอก็ตะโกนเสียงดังออกมาทันทีว่า “เผิงซี เธอกล้าดีถึงขนาดนี้ น้าเธอไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่! รีบปล่อยฉันไปนะ แล้วฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
เพียะ! เผิงซีสะบัดมือตบไปที่หน้าของเธอ
หานชิงเอ๋อร์ถูกตบจนมึนงง มุมปากมีเลือดไหลซึมออกมา เธอส่ายศีรษะเล็กน้อย ถึงจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาจากความมึนงงได้
ในมือของเผิงซีถือเหล็กแหลมเอาไว้แท่งหนึ่ง ค้ำเอาไว้บนพื้น “ทำก็ทำไปแล้ว จะคิดว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นได้ยังไง ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เอาไว้คุณน้ากลับมาแล้ว ด้วยความสามารถในการสังเกตของคุณน้า ไม่มีทางที่จะปิดคุณน้าเอาไว้ได้แน่”
หานชิงเอ๋อร์กล่าวอย่างโมโห “เธอจะกล้าดีเกินไปแล้ว!”
เผิงซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่มีอะไร เธอเป็นใคร? ก็แค่ผู้หญิงที่นอนเป็นเพื่อนคุณน้าของฉันเท่านั้น ด้วยสถานะอย่างคุณน้าไม่มีทางขาดแคลนผู้หญิงแน่ แต่ฉันไม่เหมือนกับเธอ ฉันเป็นหลานชายแท้ๆ ของเขา เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของเขา เป็นผู้สืบทอดในอนาคตของหอการค้าตระกูลโจว ต่อให้ฉันฆ่าเธอไปแล้ว คุณน้าก็คงไม่ว่าอะไรฉันหรือเปล่า? อย่างมากก็แค่เปลี่ยนผู้หญิงใหม่ โลกนี้สิ่งที่มีอยู่เยอะที่สุดก็คือผู้หญิงอย่างเธอเนี่ยแหละ ปกติเห็นฉันดีด้วยหน่อย เลยคิดว่าตัวเองสำคัญจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?”
หานชิงเอ๋อร์ตะคอกเสียงดัง “เผิงซี ฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น เธอกล้าดีแบบนี้ น้าของเธอไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่! ตอนนี้เธอปล่อยฉันซะ แล้วเดี๋ยวฉันจะช่วยพูดให้เธอ อย่าหลงผิดซ้ำซากเลย”
เผิงซีร้องอ้อ “ไม่เหมือนกันยังไงเหรอ ไหนเลยว่ามาหน่อยสิ ฉันเองก็อยากฟังเหมือนกัน”
หานชิงเอ๋อร์อ้าปาก แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปาก เธอก็กลืนมันลงไปใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนคำพูดพร้อมผ่อนน้ำเสียงลงเล็กน้อย “เผิงซี ฉันกับเธอไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ด้วย? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไหนเธอลองว่ามาซิ มันต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่ๆ ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ถ้าเข้าใจผิดอะไรก็แก้ไขซะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ฟิ้ว! เหล็กแหลมที่อยู่ในมือเผิงซีพลันแทงออกไป แทงทะลุแขนของหานชิงเอ๋อร์ดังสวบ ปักลงไปบนเสาไม้ที่เป็นรูปไม้กางแขน
“อ๊าก….” หานชิงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาทันที
เผิงซีปล่อยมือ เหล็กแหลมยังคงปักอยู่ “พูดมา ไม่เหมือนกันยังไง?”
หลังจากหานชิงเอ๋อร์ติดตามโจวหม่านเชา เธอก็ได้รับความรักความเอ็นดูจากโจวหม่านเชาเป็นอย่างมาก ประกอบหน้าตาที่สวยงามเป็นทุนเดิม ไม่อย่างนั้นโจวหม่านเชาไม่มีทางมองเธออยู่ในสายตาแน่ เคยต้องมาถูกทรมานอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เวลานี้เรียกได้ว่าเจ็บปวดจนร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมา เจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก
เผิงซีมีความอดทน กระทั่งเธอดีขึ้นมาหน่อยแล้ว เขาจึงเอ่ยว่า “พูดมา ขอเพียงเธอพูดออกมาว่าไม่เหมือนกันตรงไหน ฉันจะปล่อยเธอไป”
หานชิงเอ๋อร์ส่ายศีรษะอย่างยากลำบาก “แกคอยก่อนเถอะ น้าของแกไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”
“งั้นเหรอ?” เผิงซีคว้าแท่งเหล็กเอาไว้ ดึงออกมา แต่กลับไม่ยอมดึงออกมาทีเดียว หากแต่ค่อยๆ ดึงออกมา
ความเจ็บปวดเช่นนี้มันโหดร้ายเสียยิ่งกว่าการแทงทะลุแขนไปในทีเดียวเสียอีก ร่างกายที่สั่นสะท้านของหานชิงเอ๋อร์หลั่งเหงื่อเยียบเย็นออกมา บนใบหน้าที่งดงามมีเหงื่อที่ใหญ่เท่าเม็ดถั่วไหลออกมาไม่หยุด
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ถึงแม้สมองจะเริ่มพร่าเลือนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา
แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ สีหน้าของเผิงซีจึงค่อยๆ บิดเบี้ยวขึ้นมา เรื่องอะไรถึงทำให้ผู้หญิงคนนี้ยอมตายแต่ไม่ยอมพูดออกมา? ความแตกต่างอะไรถึงทำให้ผู้หญิงคนนี้ยอมตายแต่ไม่ยอมพูดออกมา?
เขาเริ่มตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว หลังความโกรธเกรี้ยวบนสีหน้าค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เขาพลันดึงแท่งเหล็กออกมา
“อ๊าก!” หานชิงเอ๋อร์ส่งเสียงร้องโหยหวนอีกครั้ง
แท่งเหล็กแหลมที่เปื้อนเลือดปักลงพื้นดังตึง เผิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เธอคิดว่าเธอไม่พูดแล้วฉันจะไม่รู้เหรอ? ก็แค่มีลูกชายให้คุณน้าไม่ใช่เหรอ?”
หานชิงเอ๋อร์ที่กำลังจมอยู่ในความเจ็บปวดพลันเงยหน้าขึ้นมาเพราะคำพูดนี้ มองดูเขาด้วยสีหน้าตกใจกลัว แต่กลับพูดออกมาว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร”
ปฏิกิริยาของเธอทำให้ใจของเผิงซีหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ตอนนี้เธอน่าจะรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงจับเธอมา? เธอไม่ยอมพูดไม่เป็นไร กงหู่จ้าวเรียกเมิ่งซู่กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลโจวแล้ว ตอนที่ฉันจับเธอมานี่ เมิ่งซู่คงจะถูกกงหู่จ้าวจับตัวเอาไว้แล้ว”
นี่คือความจริง หลังเขาติดต่อกับสวีเฉียน เขาก็รีบลงมือทันที ไปหากงหู่จ้าว อ้างเซียงหลัวเซ่อเป็นตัวอย่างในการเกลี้ยกล่อมกงหู่จ้าว ขอให้กงหู่จ้าวจับตัวเมิ่งซู่เอาไว้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ทำอะไรวุ่นวายหลังเขาตอบตกลงเงื่อนไขของกงหู่จ้าว
เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยาก กงหู่จ้าวหาข้ออ้างเรียกตัวเมิ่งซู่กลับมาจากเมืองปู๋เชวี่ยทันที หลังเจอหน้าก็ควบคุมตัวอีกฝ่ายเอาไว้
หานชิงเอ๋อร์ตกใจจนหน้าถอดสี ร้องตะโกนว่า “แกจะทำอะไร?”
เมื่อเห็นท่าทีของเธอ เผิงซีพลันขบกรามแน่น “เธอไม่พูดก็ไม่เป็นไร ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเมิ่งซู่จะทนรับการทรมานได้หรือไม่ ถ้าเขายังไม่พูด ฉันก็จะฆ่าเขาซะ จัดการให้สิ้นซาก!”
หานชิงเอ๋อร์ตะโกนเสียงดัง “อย่า! อย่า! เขาไม่รู้เรื่องอะไร เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร” เธอกล่าวพลางร่ำไห้ออกมา
เผิงซีเอ่ยด้วยใบหน้าตึงเครียด “เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นใคร?”
หานชิงเอ๋อร์ร่ำไห้น้ำตานองหน้า กล่าวว่า “นี่เป็นความคิดของน้าเธอ บอกว่าเขายังเด็กอยู่ กลัวเขารู้ความจริงแล้วจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ บอกว่าเธอฉลาดเกินไป กลัวจะเผยพิรุธให้เธอเห็นได้”
ลูกกระเดือกของเผิงซีขยับขึ้นลง “เมิ่งซู่เกิดเมื่อไร?”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยน้ำตานองหน้า “หลังฉันอยู่กับน้าเธอได้ไม่กี่ปี ตอนที่ฉันออกไปเที่ยวไม่ได้กลับมาเป็นเวลาปีกว่าครั้งนั้น หลังเขาเกิด น้าเธอก็ฝากคนที่ไว้ใจได้ให้ช่วยเลี้ยงเขาเอาไว้…” เธอไหนเลยจะหลอกเผิงซีได้ มีโจวหม่านเชาอยู่ คนอื่นไม่กล้าทำอะไรเธอ แต่เผิงซีกลับลงมือกับเธอจริงๆ แค่หลอกล่อเล็กน้อยก็ปิดอะไรไม่อยู่แล้ว “เป็นความผิดฉันเอง เผิงซี เธอปล่อยเขาไปเถอะนะ ปล่อยพวกเราสองแม่ลูกไปเถอะ พวกเราสองแม่ลูกรับปากว่าจะไปจากหอการค้าตระกูลโจวไม่กลับมาอีก”
เผิงซีไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆ หมุนตัวไป มือที่กำเหล็กแหลมเอาไว้สั่นเทาขึ้นมา แขนทั้งสองข้างกำลังสั่นเทา! ร่างกายที่ก้าวเดินออกไปก็กำลังสั่นสะท้าน ใบหน้าดูแย่เป็นอย่างมาก คล้ายถูกสูบเอาพลังชีวิตออกไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น
ไม่ได้หลอกเขา! ฉินอี๋คนนั้นไม่ได้หลอกเขา ที่เธอพูดมาเป็นความจริง!
เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากระทั่งตัวเขาที่อยู่ในหอการค้าตระกูลโจวมานานขนาดนี้ก็ยังไม่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติใดๆ เขายังเคยจงใจสืบประวัติของเมิ่งซู่ดูแล้ว แต่ก็ไม่พบอะไรเช่นกัน แล้วฉินอี๋รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ผู้หญิงคนนั้นรู้ความลับที่สำคัญอย่างมากของหอการค้าตระกูลโจว ถูกหอการค้าตระกูลโจวรังแกมาเป็นเวลานานขนาดนี้ แต่กลับอดทนเอาไว้ไม่ยอมใช้ออกมา รอจนถึงตอนนี้ถึงจะเปิดเผยมันออกมา
เขายิ่งรู้ซึ้งในความน่ากลัวของฉินอี๋แล้ว!
ทว่าแน่นอน ต่อให้สิ่งที่ฉินอี๋พูดมาไม่ใช่เรื่องจริง แต่ทันทีที่เขาลงมือเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางให้ถอยแล้วเช่นกัน
“เผิงซี พวกเราผิดไปแล้ว เธออย่า….”
“พวกแกย่อมต้องผิดอยู่แล้ว!” เผิงซีไม่เหลียวหน้ากลับมา สะบัดแขนไปด้านหลัง
สวบ! เหล็กแหลมแทงทะลุหน้าอกของหานชิงเอ๋อร์ ปักลึกลงไปในเสาไม้
ริมฝีปากของหานชิงเอ๋อร์สั่นเทา โลหิตสดๆ ไหลทะลักออกมาจากในปาก
“โจวหม่านเชา…” เผิงซีพลันกำหมัดขึ้นมา เงยหน้าส่งเสียงคำราม เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่สามารถปิดบังความเศร้าเสียใจที่แฝงอยู่ภายในนั้นได้
………………………………………………………………..