ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 145 ทุกคนรู้กันหมด
ตอนที่ 145 ทุกคนรู้กันหมด
การตระเวนแสดงจบลงแล้ว การตระเวนแสดงที่แรกเริ่มถูกปั่นกระแสจนยิ่งใหญ่อลังการจบลงไปอย่างเงียบๆ
มีคนใช้ประโยชน์จากการตระเวนแสดงเพื่อสอดมือเข้าไปยุ่งกับการประมูลเทพมหาวิญญาณของสภาเซียน เมื่อทางเมืองหลวงได้รับรายงานการสืบสวนที่ทางแคว้นเซียนคุนกว่างรายงานมา ก็ได้มีการสืบสวนผู้ที่ริเริ่มให้มีการจัดตระเวนแสดงขึ้นมา ด้วยคิดจะสืบหาตัวผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง
มาตรว่าตอนนี้จะยังสืบไม่ได้อะไรออกมา แต่เป็นเพราะเรื่องนี้ จึงไม่มีเมืองไหนที่อยากจะให้คณะแสดงไปจัดแสดงในเมืองของตนอีก พากันหลบหลีกปัญหา แล้วก็ไม่มีทางที่จะมีการแสดงจัดขึ้นอีก
การตระเวนแสดงสิ้นสุดลงไปอย่างเงียบๆ แต่คลื่นยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นมาจากเรื่องนี้กลับยังไม่ยอมหายไป
เมื่อจู่ๆ การตระเวนแสดงก็จบลงไป ย่อมมีคนบางคนไปเที่ยวตามสืบว่าเป็นเพราะเหตุใด ข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่ถูกส่งไปยังเมืองหลวงย่อมต้องรั่วไหลออกมาเช่นกัน
ภายใต้การปลุกปั่นของผู้ไม่หวังดี เรื่องของหลัวคังอันกับเสวี่ยหลานได้กลายเป็นข่าวซุบซิบที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนเซียน
หากเป็นเวลาปกติ ต่อให้เปลี่ยนเป็นเสวี่ยหลานมีข่าวกับผู้ชายคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นข่าวครึกโครมขนาดนี้ นี่เป็นเพราะว่าหลัวคังอันในเวลานี้ได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงไปทั่วดินแดนเซียนแล้ว อย่างน้อยก็มีชื่อเสียงกว่าเทพธิดาเสวี่ยหลานเมื่อในอดีต
จู่ๆ วีรบุรุษในสายตาของผู้คนจำนวนมากก็มีเรื่องราวเละเทะแบบนี้ถูกแฉออกมา มิน่าจู่ๆ แขนข้างนั้นของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินถึงได้ดูแปลกๆ ที่แท้เป็นเพราะเรื่องราวเจ้าชู้ของหลัวคังอันนี่เอง
เมื่อเรื่องดีและเรื่องเลวอย่างสุดขั้วมารวมอยู่ในตัวคนเดียวกัน มันจึงกลายเป็นประเด็นสนทนาที่คนจำนวนมากพากันพูดถึง
“เจ้าขี้ขลาดนี่สันดานไม่เปลี่ยนเลย”
“แล้วก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะกล้าพาผู้หญิงเข้าไปทำอะไรในห้องควบคุมเทพมหาวิญญาณ”
“จุ๊ๆ เสวี่ยหลานเลยนะ ดูหุ่นของเธอสิ แม่เจ้าโว้ย ไอหลัวคังอันนี่มันมีบุญจริงๆ”
“ทำไม? แกอยากซวยเพราะผู้หญิงด้วยว่างั้น?”
ภายในหน่วยหนึ่งของค่ายผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวง ผู้พิทักษ์เทพกลุ่มหนึ่ง หรือก็คือเพื่อนร่วมงานเก่าของหลัวคังอันกำลังพูดคุยซุบซิบถึงข่าวของหลัวคังอันอย่างสนุกสนาน
…..
ภายในวังพิฆาตมาร หลังได้ฟังรายงานจากพี่ใหญ่จื๋อเวย หยางเจินก็ให้คนไปเปิดฉากแสงขึ้นมา หาข่าวซุบซิบที่ว่านั้นขึ้นมาดู
หลังได้ดู หยางเจินก็นิ่งเงียบไปเป็นเวลาครู่ใหญ่ ก่อนจะถามว่า “นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”
จื๋อเวยกล่าว “ไม่ใช่ข่าวลือ ผมขอรายงานการสืบสวนมาอ่านดูแล้ว แล้วก็เห็นคำให้การของหลัวคังอันแล้ว มีเรื่องนี้จริงๆ ในข่าวซุบซิบนี้แค่ไม่ได้พูดถึงค่ายผู้พิทักษ์เทพในเมืองปู๋เชวี่ยเท่านั้นครับ”
หยางเจินเงียบไป
จื๋อเวยลองถามว่า “ท่านสอง ยังจะให้คนไปติดต่อหลัวคังอันเพื่อให้เขากลับมาอีกไหมครับ?”
เดิมทีทางด้านนี้คิดว่าหลังจากที่การประมูลสิ้นสุดลงแล้ว หลังจากที่หลัวคังอันหมดหน้าที่ความรับผิดชอบจากทางหอการค้าตระกูลฉินแล้ว พวกเขาถึงจะส่งคนไปติดต่อ ไม่อย่างนั้นหากส่งคนไปติดต่อในระหว่างที่การประมูลยังไม่เสร็จเรียบร้อย มันจะถูกคนอื่นมองว่าเป็นการแทรกแซงการประมูลได้
หยางเจินส่ายศีรษะเล็กน้อย “ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป”
คนที่ทำผิดแบบนี้ สำหรับผู้พิทักษ์เทพแล้วนับว่าเป็นความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ ถ้าเกิดยังพาคนแบบนี้กลับเข้ามาในค่ายผู้พิทักษ์เทพอีก แบบนั้นมิกลายเป็นเรื่องเหลวไหลหรอกหรือ?
ตอนนี้มีเรื่องแบบนี้ถูกเปิดเผยออกมา การที่เตะหลัวคังอันออกไปจากค่ายผู้พิทักษ์เทพก่อนหน้านี้จึงกลับกลายเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดแทน ความกังวลใจก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีก
โอกาสหนึ่งที่อาจจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของหลัวคังอันไปได้อีกครั้งได้ถูกหลัวคังอันทำลายลงไปด้วยมือตัวเองอีกครั้ง
แต่แน่นอน โอกาสบางโอกาสพลาดไปแล้วก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องร้าย
…..
จูเก่อม่านที่อยู่ในแผนกข้อมูลของสำนักใหญ่ของหอการค้าตระกูลฉินกำลังตั้งใจทำงาน พยายามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้รับช่วงต่องานอย่างราบรื่น
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวเองที่คิดไปเองหรือเปล่า จูเก่อม่านถึงได้รู้สึกว่าไม่ว่าจะเดินไปทางไหน สายตาที่เพื่อนร่วมงานมองมาที่เธอถึงได้ดูแปลกไปจากปกติ
วันนี้ดูเหมือนคนอื่นจะหันมามองดูตัวเองเยอะผิดปกติ
ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวบางเรื่องมันก็มักจะเป็นแบบนี้ คนที่เป็นคู่กรณีของเรื่องราวอย่างเธอมักจะรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย ทุกคนพูดคุยซุบซิบกันไปทั่วแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าไปบอกเธอ
ตอนแรกจูเก่อม่านเพียงแค่รู้สึกสงสัย ภายหลังในตอนที่เดินผ่านประตูห้องทำงานห้องหนึ่ง เธอบังเอิญไปได้ยินคนในห้องกำลังพูดคุยซุบซิบกันอยู่ สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที
เธอรีบกลับมาในห้องทำงานของตัวเอง ปิดประตูหน้าต่าง เปิดฉากแสงขึ้นมา เจอข่าวซุบซิบที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ก่อนหน้านี้เธอกำลังยุ่งอยู่กับงาน ไม่มีเวลามานั่งสนใจเรื่องเหล่านี้ กระทั่งหลังจากได้ดูแล้ว ร่างทั้งร่างแทบจะพังทลายลง
เธอทุ่มทำลายข้าวของไปไม่น้อย ก่อนจะหลบอยู่ในห้องทำงานตามลำพัง หลั่งน้ำตาร่ำไห้ออกมา เธอไม่รู้จริงๆ ว่าหลังจากนี้ตัวเองจะมองหน้าเพื่อนร่วมงานอย่างไร กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวตลกของหอการค้าตระกูลฉิน
หลังร้องไห้จนเหนื่อย อารมณ์เย็นลงเล็กน้อย เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาหัวหน้าของตนเพื่อขอลา
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหัวหน้ารู้เรื่องอะไรมาหรือเปล่า จึงอนุญาตให้เธอลาหยุดได้ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ได้มีความลังเลใดๆ แม้แต่น้อย
เธอรีบออกไปจากหอการค้าตระกูลฉิน เวลาเจอใครก็เดินหลบไปด้านข้าง ไม่กล้าสบตาคนที่เดินผ่านมา
เหล่าหญิงสาวที่พากันอิจฉาริษยาเธอก่อนหน้านี้ต่างรู้สึกสะใจ จับกลุ่มล้อเลียนเสียดสีลับหลังเธอ
…..
ความจริงหลัวคังอันที่อยู่ในบ้านเพียงคนเดียวรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก หากได้หยุดแบบนี้ สู้ไม่หยุดเสียยังจะดีกว่า เขาอยากจะออกไปสำมะเลเทเมา แต่ก็กลัวจะกระทบภาพลักษณ์ เพราะตอนนี้เขาไม่เหมือนกับในอดีตแล้ว
ประกอบกับหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวอาจจะกำลังดิ้นเหมือนหมาจนตรอก เขาจึงต้องคิดถึงเรื่องความปลอดภัย ไม่เหมาะที่จะเที่ยววิ่งเล่นไปไหนส่งเดช
เนื่องจากเนื้อหาของงานก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับความลับ เขาจึงไม่มีเพื่อนอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ยสักคน อยากจะไปหาหลินยวน หลินยวนก็ปฏิเสธเขา บอกให้เขาอยู่บ้านบำเพ็ญเพียรไป
บำเพ็ญเพียร? ก็ได้ เบื่อจนทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงได้แต่ต้องไปบำเพ็ญเพียร
ด้วยเหตุนี้ ตัวเขาจึงไม่ได้เห็นข่าวซุบซิบที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
ระหว่างที่นั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรก็รับรู้ได้ถึงเสียงเปิดประตูจากทางด้านนอก จึงรวบรวมสมาธิเงี่ยหูฟัง จากเสียงฝีเท้าที่ฟังดูคุ้นเคยจึงฟังออกว่าจูเก่อม่านกลับมาแล้ว จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย ทำไมกลับมาแล้วล่ะ?
เขาไม่มีอารมณ์ที่จะบำเพ็ญเพียรต่อ ขณะที่เพิ่งจะลุกขึ้นไปเปิดประตู เขาก็เจอกับจูเก่อม่านที่กำลังเปิดประตูเข้ามาพอดี
ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เพียะ! หลัวคังอันโดนตบไปที่หน้าโดยไม่ทันได้ระวังตัว โดนตบจนรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
พริบตานั้นเอง จูเก่อม่านก็กลายเป็นเหมือนคนบ้า กระโจนเข้าใส่เขาแล้วดึงทึ้งทุบตี คล้ายจะแลกชีวิตกับหลัวคังอันอย่างไรอย่างไร
แต่เธอไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้หลัวคังอันได้ หลัวคังอันที่ได้สติกลับมารีบคุมตัวเธอเอาไว้ กดตัวเธอลงไปบนเตียง จับแขนของเธอไพล่เอาไว้ด้านหลัง เข่าข้างหนึ่งกดทับอยู่บนเอวของเธอ จะไม่ฝืนคุมตัวเอาไว้ก็ไม่ได้ จูเก่อม่านคลุ้มคลั่งเหมือนคนบ้า ส่งเสียงตะโกนกรีดร้องพร้อมดิ้นรนขัดขืน
หลัวคังอันทั้งตกใจทั้งโมโห กล่าวตะคอกว่า “จูเก่อม่าน เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”
“ใช่ ฉันบ้า ฉันถูกคุณทำให้กลายเป็นบ้า” จูเก่อม่านร่ำไห้เสียงดัง ใช้ศีรษะโขกลงไปบนเตียงไม่หยุด “ฉันถูกคุณบีบให้กลายเป็นบ้า ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้คุณ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย? อ๊ากกก….” ศีรษะกระแทกไปบนเสียง ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนอย่างโศกเศร้าออกมาไม่หยุด
ความรู้สึกโศกเศร้าจนดูน่าสังเวชนั้นทำให้หนังหัวของหลัวคังอันชาหนึบขึ้นมา ขนลุกไปทั่วทั้งร่าง เขาพอจะรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น จึงลองถามหยั่งเชิงไปว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”
จูเก่อม่านร่ำไห้ออกมา “ยังจะเสแสร้งอีกเหรอ เรื่องงามหน้าที่คุณกับเสวี่ยหลานทำเอาไว้ ยังคิดจะปิดฉันอีกเหรอ ยังคิดจะหลอกฉันอีกเหรอ ทั่วทั้งดินแดนเซียนเขารู้กันหมดแล้ว มีฉันคนเดียวที่เป็นเหมือนคนโง่ คนตั้งมากมายหัวเราะนินทาฉันลับหลัง ทุกคนรู้กันหมด มีแต่ฉันเท่านั้นที่ไม่รู้ ฉันต้องไปแอบฟังคนอื่นเขาคุยกันถึงได้รู้ คุณว่าฉันโง่หรือเปล่าล่ะ?”
“จู่ๆ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งสามขั้น ตอนนี้กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น แล้วต่อไปคุณจะให้ฉันทำงานอยู่ในหอการค้าตระกูลฉินยังไง ต่อไปคุณจะให้ฉันเจอหน้าผู้คนยังไง ต่อไปคุณจะให้ฉันอยู่ในหอการค้าตระกูลฉินยังไง ต่อไปคุณจะให้ฉันอยู่ในเมืองปู๋เชวี่ยยังไง ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย? ฆ่าฉันเลย ฉันไม่อยากอยู่แล้ว หลัวคังอัน คุณฆ่าฉันซะเลยเซ่!” เธอกล่าวพลางส่งเสียงร่ำไห้ออกมาด้วยความปวดใจ
อะไรคือสิ่งที่เรียกว่ายิ่งปีนสูงยิ่งตกลงมาเจ็บ ครั้งนี้เธอนับว่าได้รู้ซึ้งแล้ว หากเธอไม่รู้จักหลัวคังอัน หากเธอยังเป็นเพียงพนักงานธรรมดาระดับล่างคนหนึ่ง ต่อให้เกิดเรื่องแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นขึ้น มันก็ไม่มีทางที่จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มากขนาดนี้ได้
หลัวคังอันที่กดร่างเธอเอาไว้นิ่งเงียบไป ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อน เขาเพียงแต่อยากจะอยู่กันง่ายๆ เลิกกันง่ายๆ เขาทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
บางทีเขาอาจจะรู้สึกผิดต่อจูเก่อม่านมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย แต่เขาก็ช่วยให้จูเก่อม่านได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว คิดว่าจูเก่อม่านไม่ได้เสียเปรียบอะไร
ตอนนี้เมื่อเห็นสภาพคลุ้มคลั่งของจูเก่อม่านเช่นนี้แล้ว เขาถึงได้รู้ว่าด้วยนิสัยที่เกรี้ยวกราดดุร้ายของจูเก่อม่าน ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าเธอจะฆ่าตัวตายหรือเปล่า เกรงว่าเรื่องได้เลื่อนตำแหน่งสามขั้นนี้ จูเก่อม่านก็คงไม่รู้สึกยินดีกับมัน ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกยินดี แต่เธอยังอาจจะทิ้งงานในหอการค้าตระกูลฉินด้วย
หรืออาจจะทนรับความกดดันไม่ไหว ถูกบีบคั้นจนต้องออกไปจากบ้านเกิด เดินทางออกจากเมืองปู๋เชวี่ย!
หลัวคังอันถอนใจ “เธอใจเย็นก่อน”
จูเก่อม่านส่งเสียงคำราม “ฉันใจเย็นไม่ไหวแล้ว หลัวคังอัน คุณมันไม่ใช่คน คุณมันเดรัจฉาน!”
ภายในใจเรียกได้ว่าสิ้นหวัง เมื่อคืนตอนที่ทั้งสองคนกำลังโอบกอดกันอยู่ที่นี่ คนบางคนยังเอ่ยคำหวานเอาใจเธอจนมีความสุขล้นปรี่อยู่เลย บอกว่ารักเธอที่สุด โกหก โกหกทั้งเพ
เป็นเพราะหลินยวนแท้ๆ! หลัวคังอันเรียกได้ว่าแค้นใจเป็นอย่างมาก เขาขบกรามแน่น กล่าวว่า “เสี่ยวม่าน เธอเข้าใจฉันผิดแล้ว เรื่องของฉันกับเสวี่ยหลาน ใช่ มีเรื่องนั้นจริง ข่าวลือด้านนอกนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่นี่มันเป็นแค่ข่าวลือ แต่กลับไม่ใช่ความจริงในเรื่องนี้ ความจริงเรื่องนี้ฉันกำลังช่วยรับผิดแทนคนอื่นอยู่ต่างหากล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จูเก่อม่านที่กำลังกรีดร้องโวยวายก็เงียบเสียงลงไปไม่น้อยทันที เสียงร้องไห้ก็เบาลงเช่นกัน กลายเป็นสะอึกสะอื้นเบาๆ คล้ายอยากจะฟังเขาพูดให้จบ
หลัวคังอันกล่าว “เสี่ยวม่าน ฉันกดเธอเอาไว้แบบนี้ เธอเองก็เจ็บ เธอใจเย็นก่อนนะ อย่าเพิ่งวู่วาม เดี๋ยวฉันปล่อยเธอ แล้วเธอฟังฉันค่อยๆ อธิบายให้เธอฟังนะ ตกลงไหม?”
จูเก่อม่านไม่ตอบ ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ
หลัวคังอันลองปล่อยมือ ค่อยๆ ปล่อยตัวเธอ เมื่อเห็นว่าเธอไม่กระโดดขึ้นมาทุบตีอีก จึงแอบรู้สึกโล่งใจ
หลัวคังอันกระโดดลงจากเตียง ไปหาผ้าเช็ดหน้ามาผืนหนึ่ง นั่งลงข้างๆ แล้วซับน้ำตาให้เธอ “อย่าร้องนะ เธอสวยขนาดนี้ ถ้ายังร้องไห้อีกเดี๋ยวหน้าเหี่ยวนะ”
ไม่ต้อง! จูเก่อม่านปัดมือของเขาทิ้ง บิดตัวขึ้นมานั่ง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงเหมือนคนบ้า เสียงสะอึกสะอื้นยังคงมีประปราย แต่เห็นได้ชัดว่ายินดีฟังหลัวคังอันพูดจนจบ กำลังรอให้เขาพูดอยู่
หลัวคังอันย่อมต้องเข้าใจ จึงถอนใจออกมาทันที “ข่าวลือเรื่องฉันกับเสวี่ยหลานเนี่ย ความจริงคนที่มีอะไรกับเสวี่ยหลานไม่ใช่ฉัน ความจริงแล้วเป็นไอหลินยวนนั่นต่างหาก ฉันรับผิดแทนเขาอยู่”
จูเก่อม่านเหลียวหน้ามาทันที ใบหน้าที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย ตะโกนขึ้นมาว่า “ไอชั่ว ยังจะหลอกฉันอีกเหรอ!”
เธอส่งเสียงกรีดร้องพร้อมกระโจนเข้าไป ฉีกกระชากทุบตี
หลัวคังอันที่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากรีบลงมือ ควบคุมตัวเธอเอาไว้อีกครั้ง กดเธอลงไปอีกครั้ง จูเก่อม่านพยายามดิ้นรน ร้องไห้คร่ำครวญออกมาอย่างปวดใจ
หลัวคังอันที่รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยตะโกนด้วยความโมโห “เธอจะเอายังไงกันแน่? นี่ฉันพยายามจะคุยดีๆ นะ ถ้าเธอยังโวยวายแบบนี้ อย่างนั้นก็เลิกกันไปเลย ต่อไปไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก!”
จูเก่อม่านคร่ำครวญออกมา “ไอเดรัจฉาน แกยังจะหลอกฉันอีกเหรอ! ก่อนหน้านี้แกแขวนภาพเสวี่ยหลานเอาไว้ในห้อง เห็นๆ อยู่ว่าแกชอบเธอ หลินยวนเป็นผู้ช่วยแก แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอว่าช่วยหลินยวนรับผิด แกคิดว่าฉันโง่เหรอ?” เธอปวดใจและสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดแล้ว
หลัวคังอันจนปัญญา แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี แต่เพียงพริบตาก็เจอเรื่องที่จะเอามาใช้เป็นข้ออ้างได้ “เธอจะไปรู้อะไรล่ะ! เธอคิดว่าฉันอยากรับผิดแทนเขาเหรอ? แต่จะไม่รับก็ไม่ได้ เธอรู้หรือเปล่าว่าจริงๆ แล้วหลินยวนกับประธานฉินเป็นอะไรกัน? พวกเขาแอบคบกันอย่างลับๆ อยู่!”
………………………………………………………………