ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 137 เลื่อนตำแหน่งสามขั้นติด
ตอนที่ 137 เลื่อนตำแหน่งสามขั้นติด
ฉินอี๋นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หลิ่วจวินจวินเลยกล่าวต่อว่า “น้ารู้ว่าหนูมีความต้องการและมาตรฐานของตัวเองในการบริหารหอการค้าอยู่ แล้วก็ไม่มีทางใช้เส้นสายให้ใครง่ายๆ แต่ก่อนหน้านี้หอการค้าตระกูลฉินลงทุนกับเทพมหาวิญญาณไปไม่น้อย ตอนนี้แร่หินวิญญาณกำลังจะหมดแล้ว หลังจากนี้หากเปลี่ยนไปทำอุตสาหกรรมเทพมหาวิญญาณได้อย่างราบรื่น เราก็ต้องใช้เงินลงทุนอีกก้อนใหญ่ หนูคงรู้ดีกว่าน้าว่าในความเป็นจริงแล้ว การเงินของหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้เหลือเฟือขนาดนั้น สำหรับหอการค้าตระกูลฉินในตอนนี้แล้ว เงินพันล้านมุกนั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย”
“ก่อนหน้านี้ที่หนูรับปากหลัวคังอันไว้มากขนาดนั้น มันก็เหมือนจะมากไปหน่อย แต่พ่อของหนูกับน้าก็เข้าใจเจตนาของหนูในตอนนั้นเหมือนกัน หากเราแพ้การประมูล ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเป็นอย่างมาก ดังนั้นที่หนูสัญญาว่าจะมอบรางวัลก้อนใหญ่ให้ก็เพื่อให้หลัวคังอันสู้อย่างเต็มที่ ตอนนี้หลัวคังอันปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่ต้องการเงินก้อนนี้ สำหรับหอการค้าตระกูลฉินแล้วนี่นับว่าเป็นการลดภาระไปได้ส่วนหนึ่ง เงินพันล้านมุกแลกกับการดูแลจูเก่อม่านนับว่าคุ้มค่า นี่ไม่ถือว่าเป็นการใช้เส้นสาย เราสามารถมองว่าเป็นการทำธุรกิจอย่างหนึ่งได้นะ”
อันที่จริงฉินเต้าเปียนได้ตอบตกลงหลัวคังอันไปเรียบร้อยแล้ว แต่หลิ่วจวินจวินไม่มีทางพูดเช่นนี้ เพราะเธอทราบถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างพ่อลูกคู่นี้ แล้วก็รู้ด้วยว่าฉินอี๋ไม่พอใจที่ฉินเต้าเปียนสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องบุคลากรในหอการค้า
ถ้าเป็นฉินเต้าเปียนมาพูด ฉินอี๋ไม่แน่ว่าจะยอม แต่เมื่อเป็นหลิ่วจวินจวินที่มาพูดแบบนี้ เธอก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธจริงๆ หลังจากลังเลเล็กน้อยก็กล่าวว่า “หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
หลิ่วจวินจวินยิ้มออกมา เธอรู้ว่า “ลูกสาว” คนนี้ขอแค่รับปากออกมาแล้วจะไม่มีวันกลับคำ หลิ่วจวินจวินที่ยืนอยู่ด้านหลังยื่นมือไปประคองใบหน้าของฉินอี๋ “เอาล่ะ เหนื่อยมานานขนาดนี้ สภาพดูไม่ได้แล้วเนี่ย วันนี้เข้านอนเร็วหน่อย พักผ่อนเยอะๆ นะ”
ฉินอี๋จะลุกขึ้นเพื่อไปส่งเธอ แต่ก็ถูกเธอกดไหล่ให้นั่งกลับลงไป
……..
ค่ำคืนเงียบสงัด ทว่าภายในเมืองปู๋เชวี่ยกลับมีเสียงแตกตื่นฮือฮาดังขึ้นมาจากทั่วทุกสารทิศ ในข่าวที่ออกอากาศโดยปู๋เชวี่ยวีดีโอได้รายงานว่าหอการค้าตระกูลฉินได้กลับมาจากการเข้าร่วมการประมูลแล้ว
“หลัวคังอัน” ชื่อนี้ถูกคนจำนวนมากกล่าวถึงด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง หลายคนอยากจะเห็นหลัวคังอันคนนี้จริงๆ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่?
เมื่อจูลี่กลับมา ประสิทธิภาพในการทำงานของปู๋เชวี่ยวีดีโอก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ตอนที่จูลี่ไม่อยู่ เรื่องบางเรื่องคนอื่นก็ไม่กล้าตัดสินใจ อะไรที่สามารถออกอากาศได้ อะไรที่ไม่สามารถออกอากาศได้ พวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องนั้นได้ บางเรื่องก็มีแค่เพียงจูลี่เท่านั้นที่สามารถทำได้จริงๆ
ตอนที่มวลชนยังคงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ หลัวคังอันที่กลับมาจากงานเลี้ยงในคฤหาสน์ตระกูลฉินก็ได้นั่งลงหน้ากล้องเรียบร้อยแล้ว
หลังจากจูลี่ออกมาจากคุกได้ไม่นานก็ติดต่อไปหาหลัวคังอันเพื่อนัดสัมภาษณ์
หลัวคังอันไปเข้าร่วมงานเลี้ยง จูลี่ที่พาคนมาจึงรออยู่ในบ้านของหลัวคังอัน รอจนกระทั่งหลัวคังอันกลับมา ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มทำการสัมภาษณ์ทันที
ทั้งสองคนหนึ่งถามหนึ่งตอบ จูลี่พูดคุยด้วยรอยยิ้มสดใสมีชีวิตชีวา หลัวคังอันเองก็บอกเล่าอย่างเป็นธรรมชาติ ดูฉะฉานลื่นไหล
การสร้างภาพคือสิ่งที่เขาชำนาญ ส่วนเรื่องฝีปากการพูดจานี่เขายิ่งเชี่ยวชาญเข้าไปใหญ่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าจูลี่เลย
หากตัดเรื่องเสวี่ยหลานที่น่าขยะแขยงนั่นไป จูลี่ต้องยอมรับเลยว่าหลัวคังอันคือผู้ให้สัมภาษณ์ที่ดีคนหนึ่งจริงๆ เขาพูดคุยสนุกสนาน การสัมภาษณ์คนแบบนี้ คุณภาพของรายการจะต้องออกมาดีมากแน่ๆ
บนโซฟาที่อยู่ไม่ไกลออกไป จูเก่อม่านกำลังนั่งมองหลัวคังอันที่กำลังพูดคุยยิ้มแย้มอย่างเป็นธรรมชาติอยู่หน้ากล้อง ความรักและความชื่นชมที่อยู่ภายในดวงตาของเธอยากที่จะปกปิดเอาไว้ได้ แล้วก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจ
เธอยอมรับเลยว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเธอล่ะก็ เธอจะต้องประหม่าในตอนที่อยู่หน้ากล้องแน่ๆ ไม่มีทางผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติแบบนี้ได้
ตัวเธอในตอนนี้ ภายในใจเต็มไปด้วยความสุข จมอยู่ในภวังค์ความหลงใหลที่มีต่อภาพลักษณ์ภายนอกที่สง่างามของหลัวคังอัน
…….
ภายในสำนักงานเจ้าเมือง ลั่วเทียนเหอที่อยู่ใต้แสงไฟกำลังพลิกอ่านข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในเมืองปู๋เชวี่ยในช่วงระหว่างที่เขาไม่อยู่
เหิงเทาก้าวเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว มอบกระดาษแผ่นหนึ่งให้ “ท่านเจ้าเมืองครับ นี่คือข้อมูลอย่างละเอียดของหลัวคังอันที่ท่านต้องการครับ ทางท่านเจ้าแคว้นส่งมาให้ครับ”
ลั่วเทียนเหอเงยหน้า ยื่นมือออกไปรับกระดาษมาตรวจดู หลังอ่านเนื้อหาบนกระดาษจบก็ดูคล้ายประหลาดใจเล็กน้อย “หลงซืออวี่เป็นคนแนะนำเขาเข้าไปในค่ายผู้พิทักษ์เทพเมืองหลวงอย่างนั้นเหรอ?”
เนื้อหาที่อยู่บนกระดาษ เหิงเทาเองก็ได้อ่านแล้วเช่นกัน เลยกล่าวอย่างทอดถอนใจเล็กน้อยว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ ครับ ไม่คิดเลยว่าหลัวคังอันจะเป็นนักเรียนของอาจารย์หลงตอนอยู่ที่หลิงซาน”
อาจารย์หลงคือคำเรียกขานที่คนนอกใช้เรียกหลงซืออวี่ นอกจากนี้อาจารย์หลงยังเป็นหนึ่งในสามอธิการของหลิงซาน คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่อยู่หลิงซาน หลัวคังอันจะเป็นนักเรียนที่อยู่ในการดูแลของอาจารย์หลงโดยตรง ภูมิหลังไม่ธรรมดาขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้ทั้งสองคนประหลาดใจได้อย่างไร
ลั่วเทียนเหอเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว “มิน่าเล่า เป็นถึงคนที่อาจารย์หลงแนะนำ จะให้ธรรมดาได้ยังไง”
เหิงเทากล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เป็นผู้น้อยที่ทำงานไม่เรียบร้อย ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียด”
ลั่วเทียนเหอโบกมือไปมา “เรื่องนี้จะโทษนายก็ไม่ได้ อาจารย์หลงไม่ใช่คนที่ชอบใช้ประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีทางยอมให้หลัวคังอันเอาเรื่องนี้ไปเที่ยวโอ้อวดแน่ ในนี้ก็บอกเอาไว้ว่าตอนที่แนะนำหลัวคังอันก็ไม่ได้อึกทึกครึกโครมอะไรนัก คนที่รู้มีอยู่ไม่มาก หลังจากแนะนำหลัวคังอันไปได้ไม่นาน อาจารย์หลงก็ถูกจับลงไปสังหารในนรก ในสถานการณ์แบบนี้ เห็นได้ชัดว่าหลัวคังอันเองก็คงไม่อยากพูดถึงภูมิหลังของตัวเองกับอาจารย์หลงอีก เกรงว่าเรื่องที่ในอดีตอาจารย์หลงเป็นคนแนะนำเขาเข้าไปในค่ายผู้พิทักษ์เทพก็คงไม่อยากพูดถึงเช่นกัน เรื่องแบบนี้นายคงจะสืบจากช่องทางปกติไม่ได้หรอก”
ถึงแม้ข้อมูลที่อยู่ในมือตอนนี้จะเป็นทางเจ้าแคว้นหนานหรูที่ส่งมาให้ แต่มันก็ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากช่องทางปกติเช่นกัน เป็นหนานหรูที่ไปสอบถามมาจากคนในวังเซียน
เหิงเทากล่าว “ภูมิหลังพัวพันไปถึงอาจารย์หลง มิน่าหลัวคังอันถึงได้พยายามแอบซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้เพื่อจะได้ใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพ”
“นักเรียนของอาจารย์หลง…” ลั่วเทียนเหอครุ่นคิด จู่ๆ พลันทอดถอนใจออกมา “ตาแก่นั่นในอดีตฉันก็เคยพบปะพูดคุยอยู่เหมือนกัน นับเป็นคนหน้าตาดีมาแต่กำเนิด บุคลิกท่าทางสง่างาม ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวมากน้อยเท่าไรที่ตกหลุมรักเขา คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเสียท่าด้วยน้ำมือของผู้หญิง ผู้หญิงคนนั้นเองก็นะ…ช่างเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องกังวล นายรีบไปจัดการเรื่องของนายเถอะ” กล่าวพลางโบกมือเล็กน้อย
เหิงเทากล่าว “ท่านเจ้าเมืองครับ ที่ท่านให้ติดตามสถานการณ์การประมูลของหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจว มีความเคลื่อนไหวแล้วครับ หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวได้ถอนตัวออกจากการประมูลในรอบที่สองแล้ว นับว่ายอมแพ้ในการประมูลครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้วครับ”
ลั่วเทียนเหอแค่นเสียงเหอะออกมา “นั่นไง! เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้เลย พอไม่สามารถแข่งกับหอการค้าตระกูลฉินได้ พวกเขาก็จะถอนตัวออกไปเอง”
เหิงเทาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงให้ความสนใจเรื่องความคืบหน้าในการประมูลของหอการค้าทั้งสองแห่งขนาดนั้น
เหิงเทาไม่ได้รู้เลยว่าลั่วเทียนเหอกำลังรอคอยมาโดยตลอด เขากำลังรอให้สองตระกูลนั่นถอนตัวออกจากการประมูล เพราะถ้าสองตระกูลนั่นไม่ถอนตัวและยังทำการประมูลต่อไป เขาก็ไม่สะดวกที่จะทำอะไร การรบกวนการประมูลของสภาเซียนนั้นไม่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
……
หลัวคังอันที่มายืนส่งจูเก่อม่านไปทำงานอยู่ตรงหน้าประตูคฤหาสน์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้
เขาเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่าเขามีรถที่บริษัทให้มาใช้หลายคัน อีกทั้งยังมีทีมอารักขาอีกหนึ่งทีม
ตอนนี้ผลการประมูลยังไม่ประกาศออกมา สวัสดิการของรองประธานหอการค้าตระกูลฉินก็นำมามอบให้เขาแล้ว
เมื่อครู่จูเก่อม่านได้รับโทรศัพท์จากหอการค้าว่าให้รีบกลับไปทำงาน ในตอนที่ใช้รถเขาถึงได้พบว่ารถทุกคันและคนงานทุกคนในคฤหาสน์หลังนี้ล้วนแต่ให้เขาใช้งานได้ตามสะดวก เขาจึงอ้างนามบริษัทอีกครั้ง ให้รถส่วนตัวของเขาพาจูเก่อม่านไปส่งที่หอการค้า
สวัสดิการนี่ดีจริงๆ จูเก่อม่านที่นั่งอยู่ในรถเองก็ทั้งตกใจระคนดีใจไปตลอดทางเช่นกัน
หลังมาถึงหอการค้าก็ถูกคนพาไปเข้าประชุมทันที การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นโดยผู้บริหารระดับสูงที่คอยรับผิดชอบงานด้านต่างๆ ในหอการค้าในแต่ละวัน ผู้บริหารระดับสูงคนนั้นประกาศแต่งตั้งตำแหน่งงานใหม่ให้แก่จูเก่อม่าน โดยเลื่อนตำแหน่งให้จูเก่อม่านเป็นผู้จัดการแผนกข้อมูล
ฉัน? ผู้จัดการ? จูเก่อม่านที่ไม่รู้มาก่อนล่วงหน้ามึนงงเล็กน้อย
หลังจากเลิกประชุม พนักงานที่เข้าร่วมการประชุมกลุ่มหนึ่งก็มาเข้าแสดงความยินดีกับจูเก่อม่าน จูเก่อม่านขอบคุณไปอย่างงุนงง
ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอก็ถูกอดีตผู้จัดการของแผนกข้อมูลลากไปประชุมอีกครั้ง
อดีตผู้จัดการเรียกรวมหัวหน้าทีมของแต่ละทีมในแผนกข้อมูล ทำการสั่งการหัวหน้าทีมแต่ละทีมก่อน
จากนั้นก็ตรงไปยังสถานที่ทำงานของแผนกข้อมูล เรียกรวมทุกคนที่อยู่ที่นั่นมาแล้วแนะนำให้รู้จักกับจูเก่อม่านที่จะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่
พนักงานในแผนกข้อมูลตกใจและงุนงง ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรมาก่อนเลย การแต่งตั้งในครั้งนี้ปุบปับกะทันหันเกินไป แต่ละคนมองหน้ากันไปมาพลางปรบมือต้อนรับ
ตำแหน่งของอดีตผู้จัดการถูกคนมาแทนที่ แต่เขากลับไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว กลับรู้สึกตื่นเต้นเสียด้วยซ้ำ การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เบื้องบนได้มาพูดคุยกับเขาก่อนแล้ว บอกว่ามีตำแหน่งใหม่ที่มีความท้าทายมากกว่าเก่าจะให้เขาทำ ถือได้ว่าเป็นตำแหน่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม เมื่อเทียบกับการอยู่ในแผนกข้อมูลซึ่งเป็นสถานที่น่าเบื่อแบบนี้แล้ว ที่นั่นนับว่าสนใจกว่ามาก
และหัวหน้าทีมชุดเดิมเขาก็จะพาไปด้วย ส่วนหัวหน้าทีมชุดใหม่ของแต่ละทีมก็ให้จูเก่อม่านเป็นคนแต่งตั้งเอาเอง
การเลื่อนขั้นจูเก่อม่านเป็นการตัดสินใจของฉินอี๋ ส่วนควรจะจัดการอย่างไรก็เป็นผลจากการครุ่นคิดอย่างละเอียดของไป๋หลิงหลง การปรับโครงสร้างของแผนกข้อมูลเช่นนี้นับว่าเป็นการปูทางให้แก่จูเก่อม่าน ย้ายเอาคนที่อาจจะไม่พอใจจูเก่อม่านออกไป ทั้งยังมอบอำนาจการแต่งตั้งให้จูเก่อม่าน เพื่อให้จูเก่อม่านที่เพิ่งมาใหม่สามารถดูแลจัดการแผนกข้อมูลได้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ทีมผู้จัดการชุดเดิมก็ไม่ได้จากไปในทันที ตอนที่เบื้องบนเรียกผู้จัดการคนเดิมไปพบก็ได้แจ้งอย่างชัดเจนแล้วว่าจะให้เวลาส่งมอบงานครึ่งเดือน โดยภายในครึ่งเดือนนี้จะต้องทำให้จูเก่อม่านคุ้นเคยกับงานในแผนกให้ได้ หากทำไม่ได้ พวกเขาจะถูกย้ายไปไหนก็ยังไม่อาจตอบได้ หอการค้าตระกูลฉินจะรับพวกเขาเอาไว้ได้หรือไม่ก็ตอบได้ยากแล้ว
สรุปแล้วคือต้องการให้แผนกข้อมูลทำให้การเลื่อนตำแหน่งในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงอย่างที่เบื้องบนต้องการ
สำหรับผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ในเวลานี้เรื่องบางเรื่องไม่ได้เป็นความลับอะไรอีกต่อไปแล้ว ตอนที่ฉินอี๋เรียกผู้บริการระดับสูงมาประชุมก็ได้ทำการมอบหมายงานให้เรียบร้อยแล้ว
หอการค้าตระกูลฉินกำลังจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจอย่างเต็มตัว ผลสรุปแบบคร่าวๆ น่าจะมีการยืนยันออกมาในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เมื่อถึงเวลานั้นภายในหอการค้าตระกูลฉินจะมีการปรับโครงสร้างบริษัทขนานใหญ่ การปรับเปลี่ยนพนักงานบางส่วนจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งยังจะมีการเพิ่มตำแหน่งใหม่ๆ จำนวนหนึ่งด้วย ทีมผู้จัดการชุดเดิมถูกให้ไปเตรียมการเรื่องนี้ล่วงหน้าแล้ว
การที่ไป๋หลิงหลงจัดให้จูเก่อม่านไปอยู่ที่นั่นก็นับว่าผ่านการไตร่ตรองมาอย่างหนักเช่นกัน ก่อนอื่นเลยคือจูเก่อม่านเป็นพนักงานระดับล่างมาโดยตลอด จู่ๆ จะให้เลื่อนตำแหน่งไปที่อื่นเกรงว่าเธอจะไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้ แล้วยังอาจจะทำให้เสียการเสียงานอีกด้วย การทำงานในแผนกข้อมูลค่อนข้างง่าย แค่รวบรวม สรุปและดูแลจัดเก็บข้อมูล เวลาที่แผนกต่างๆ ต้องการข้อมูลอะไรก็ส่งข้อมูลนั้นไปให้ ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดได้
ในขณะเดียวกันยังสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ จำนวนมากได้ นี่ทำให้สะดวกต่อการทำความเข้าใจรายละเอียดงานต่างๆ เพื่อให้เธอได้ฝึกฝนงานในระดับหนึ่งก่อน เผื่อว่าในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานอีกครั้ง
อดีตผู้จัดการเริ่มแนะนำสถานการณ์ภายในแผนกข้อมูลให้จูเก่อม่านฟัง แล้วก็ยังแนะนำพนักงานที่อยู่ในแผนกด้วย
ในเวลานี้จูเก่อม่านย่อมต้องรู้ตัวแล้ว การเลื่อนตำแหน่งแบบรวดเดียวสามขั้นอย่างนี้จะต้องไม่ใช่เพราะยอมรับในความสามารถการทำงานของเธออย่างแน่นอน แต่ต้องเป็นเพราะเห็นแก่หน้าหลัวคังอันแน่ๆ
แม้จะบอกว่าแผนกข้อมูลไม่ใช่แผนกที่สำคัญอะไร ในสำนักงานใหญ่เองก็มีคนประมาณสามสิบคน รวมกับพนักงานที่กระจายอยู่ในที่อื่นแล้ว รวมทั้งหมดก็มีเกือบร้อยคน
แต่เธอกลับได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นพนักงานระดับผู้จัดการ กลายเป็นผู้บริหารระดับกลางของหอการค้าตระกูลฉิน เงินเดือนเองก็เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า บัตรพนักงานที่แขวนอยู่บนคอก็ปรับเป็นระดับปฐพี นี่หมายความว่าเธอหลุดพ้นจากระดับมนุษย์แล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็ต้องไปกินข้าวที่โรงอาหารชั้นปฐพีของผู้บริหารระดับกลางแล้ว
ความตื่นเต้นและความดีอกดีใจที่อยู่ภายในใจย่อมไม่สามารถบรรยายออกมาได้ เธอกล่าวทักทายคนที่จะกลายมาเป็นลูกน้องของตัวเองในเร็วๆ นี้อย่างยินดีปรีดา และประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเย็นวันนี้หลังเลิกงานเธอจะเลี้ยงข้าวทุกคน กล่าวจบก็มีเสียงโห่ร้องยินดีต้อนรับแบบขอไปทีดังขึ้นมา
………………………………………………………………………