ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 124 กลับตัวกลับใจแล้ว
ตอนที่ 124 กลับตัวกลับใจแล้ว
หลัวคังอันเหลียวหน้ากลับมา กล่าวถามอย่างตกใจว่า “ฆ่าปิดปาก?”
หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “มีแต่นายเท่านั้นที่สนใจเสวี่ยหลาน ในสายตาของหอการค้าใหญ่ๆ เหล่านั้น แค่เทพธิดาระดับล่างไม่มีอะไรให้ต้องสนใจเลย หายไปแล้วก็หายไป ถ้าไม่ฆ่า จะให้เก็บไว้เป็นช่องโหว่ที่สืบสาวมาถึงตัวเองในภายหลังหรือ?”
หลัวคังอันรีบก้มศีรษะ ค้นหาข่าวเกี่ยวกับเสวี่ยหลาน ผลที่ปรากฏออกมาทำให้มุมปากของเขากระตุกขึ้นมา
ข่าวล่าสุดที่เกี่ยวกับเสวี่ยหลานสะดุดตาเป็นอย่างมาก ‘เทพธิดาเสวี่ยหลานขึ้นไปเที่ยวเล่นบนเขา พลัดตกหน้าผาตาย!”
เมื่อเปิดเนื้อหาข่าวอ่านอย่างละเอียด ในนั้นบอกว่าเสวี่ยหลานไปเที่ยวบนเขาในระหว่างที่ทำการตระเวนแสดง ในขณะที่กำลังเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน เธอได้แยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน ภายหลังพลัดตกหน้าผา ผู้พิทักษ์เมืองในท้องที่รีบส่งคนออกตามหา สุดท้ายพบศพเธออยู่ที่ด้านล่างหน้าผา เมื่อวิเคราะห์จากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว น่าจะเป็นการพลัดตกลงมาตายอะไรทำนองนั้น
สาวงามคนหนึ่ง จู่ๆ นึกจะตายก็ตายไปเลยอย่างนั้นเหรอ? หลัวคังอันไม่กล้าเชื่อ เปิดข่าวอื่นๆ อ่านดูอีกครั้ง ผลปรากฏว่าส่วนใหญ่ข่าวออกมาทำนองเดียวกัน แล้วก็มีคนเอ่ยเรื่องทฤษฎีสมคบคิดขึ้นมาเช่นกัน บอกว่าเทพธิดาแบบนี้จะออกจากกลุ่มไปเที่ยวเล่นคนเดียวบนภูเขาได้ยังไง แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บอกว่าเป็นฝีมือคนทำ จึงทำได้เพียงตั้งข้อสงสัยเอาไว้
เมื่อไม่มีหลักฐาน ตอนนี้จึงทำได้เพียงตั้งสมมติฐานว่าพลัดตกลงมาตาย
ถึงแม้จะเป็นเทพธิดาระดับล่าง แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นสาวงามคนหนึ่ง มีหลายๆ คนที่แสดงความรู้สึกเสียดาย
ทางผู้จัดงานตระเวนแสดงก็ได้ออกมาแสดงความรู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลเหล่านักแสดงให้ดี
มีแค่เพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก
หลัวคังอันที่ก้มหน้าอ่านข่าวซ้ำไปซ้ำมาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา กล่าวพึมพำกับตัวเองเหมือนคนที่สูญเสียอะไรไป “ตายแล้ว ตายจริงๆ เหรอเนี่ย?”
หลินยวนกล่าว “แผนการใหญ่ขนาดนี้ หากดำเนินการขึ้นมา คนที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ได้มีแค่เสวี่ยหลานคนเดียวแน่ คนที่ถูกฆ่าปิดปากก็น่าจะไม่ได้มีเธอแค่คนเดียวเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาล้วนแต่เหมือนกับเธอ ล้วนแต่ตายอย่างไม่คาดคิด”
หลัวคังอันค่อยๆ มองมาทางเขา สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น กล่าวว่า “น้องหลินเหมือนจะมีประสบการณ์ทางนี้ทีเดียวนะ”
หลินยวนไม่ได้ยอมรับแล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาย่อมต้องมีประสบการณ์ เรื่องราวทำนองนี้เขาทำมาไม่น้อยแล้ว รวมไปถึงคนที่เรียกเขาว่า ‘น้องหลิน’ ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็เกือบจะถูกเขาฆ่าปิดปากเช่นเดียวกัน
ความจริงที่หลัวคังอันพูดเช่นนี้เพราะมีจุดประสงค์อื่น “น้องหลินรู้ว่าฆาตกรเป็นใครเหรอ?”
หลินยวนกล่าว “นายอยากล้างแค้นให้เสวี่ยหลาน?” “
“ล้างแค้นเหรอ?” หลัวคังอันสับสน ว่ากันว่าสามีภรรยาร่วมเตียงเพียงคืนเดียวก็มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน สำหรับเขาแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ได้รู้สึกถึงขนาดนั้น แต่การที่เสวี่ยหลานมาถูกคนฆ่าตายไปแบบนี้ อย่างน้อยภายในใจก็มีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่
ภายในใจเขามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้บางอย่าง มีความรู้สึกคิดถึงสาวงามเพราะยังเล่นไม่เบื่อ
แล้วก็มีความรู้สึกโล่งใจ เพราะถ้าเสวี่ยหลานตายไป พยานก็จะน้อยลงไปคนหนึ่ง
ความรู้สึกภายในใจของเขาตอนนี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก กล่าวพึมพำกับตัวเองว่า “ล้างแค้นอย่างนั้นเหรอ?” กล่าวจบก็อดส่ายศีรษะพลางยิ้มเจื่อนขึ้นมาไม่ได้ “ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าตอนนี้ฉันรู้สึกอย่างไร ตอนนี้ฉันเพียงแค่อยากรู้ว่าฆาตกรเป็นใครเท่านั้น”
หลินยวนกล่าว “ยังต้องเดาอีกเหรอ?” ถ้าไม่ใช่หอการค้าตระกูลโจวก็ต้องเป็นหอการค้าตระกูลพานนั่นแหละ”
หลัวคังอันนิ่งเงียบไป คิดๆ แล้วก็พบว่าจริงดังว่า ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากเลย ถ้าไม่ใช่หอการค้าตระกูลโจวก็ต้องเป็นหอการค้าตระกูลพาน
หลินยวนกล่าว “ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะต้องแก้แค้นแน่นอน”
หลัวคังอันประหลาดใจ “เธอปั่นหัวฉัน แล้วยังมาเล่นงานฉันอีกครั้งอีก ฉันต้องแก้แค้นให้เธอด้วยเหรอ?”
หลินยวนกล่าว “ถ้าเป็นฉัน ไม่ว่าเสวี่ยหลานจะเข้ามาใกล้ฉันด้วยจุดประสงค์อะไร ขอเพียงอยู่ด้วยกันแล้ว จะจัดการอย่างไรนั่นมันเป็นเรื่องของฉัน คนอื่นไม่มีสิทธิ์ยุ่ง คนที่กล้าดีสอดมือเข้ามา ตาย!”
ความรู้สึกเผด็จการที่แฝงอยู่ในคำพูดนี้ทำให้หลัวคังอันหวาดกลัวขึ้นมา มองเขาอย่างตกตะลึง ในใจเอ่ยพึมพำว่าคนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
หลินยวนเปลี่ยนประเด็น “แต่แน่นอน ต่อให้นายอยากจะล้างแค้นก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน นายมีสิทธิ์อะไรไปล้างแค้น? กระทั่งตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะเอาอะไรไปล้างแค้น? นายเป็นแค่คนที่ไร้ค่า คนไร้ค่าที่ปล่อยให้คนอื่นมาสั่งให้ทำโน่นทำนี้ อย่างน้อยในสายตาฉันนายก็ไม่ได้มีประโยชน์เลย มีสิทธิ์อะไรไปล้างแค้น? ถ้าอยากจะล้างแค้นก็ได้ นายลองเอาตัวรอดให้ได้ก่อน ถ้าอยากจะมีชีวิตรอด ถ้าอยากทำให้ตัวเองมีความสามารถที่จะล้างแค้น นายก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน เป็นคนไร้ค่าต่อไปแบบนี้ไม่มีประโยชน์ ถ้าอยากจะมีชีวิตรอดต่อไป สิ่งที่นายต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก ค่อยๆ เรียนรู้ซะ ไม่ต้องรีบ!”
ดูพูดเข้าสิ หลัวคังอันไม่หลงกลลูกไม้นี้ ไม่ถูกการกระตุ้นของเขาทำให้หวั่นไหว คนที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวงด้วยภาพลักษณ์ของคนไร้ค่ามาได้นานขนาดนั้น อีกทั้งยังมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ เช่นนั้น เดิมทีก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบถือสาหาความอะไรอยู่แล้ว ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยอะไรมากนัก
เขายิ้มแห้งๆ พลางกล่าวว่า “ฉันไม่มีความทะเยอทะยานอะไรหรอก ไม่อยากใช้ชีวิตให้เหนื่อยมากนัก”
หลินยวนกล่าว “นายมีสิทธิ์เลือกเหรอ? นายทำให้คนพวกนั้นเสียหายขนาดนั้น ขอเพียงมีโอกาส พวกนั้นไม่มีทางปล่อยนายไปแน่ ขอเพียงความจริงทั้งหมดเปิดเผยออกมา นายก็ลองออกไปจากหอการค้าตระกูลฉินดูสิ นายคิดว่านายจะอยู่รอดไปได้กี่วัน? ฉันบอกแล้ว ชีวิตนายเป็นของฉัน นายไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ เดินผ่านน้ำโคลนแล้ว ยังคิดว่าจะเดินออกไปโดยไม่เปื้อนอย่างนั้นเหรอ นายคิดว่าเป็นไปได้เหรอ?”
“……” หลัวคังอันพูดไม่ออก ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงออกมาว่า “อย่างนั้นเงินพันล้านมุกนั่นฉันไม่เอาแล้ว ให้น้องหลินหมดเลยเป็นยังไง?” มีความรู้สึกว่าอยากจะเจรจา
หลินยวนเหลือบมอง “นายยังคิดจะเอาเงินพันล้านนั่นอีกเหรอ? นายมีสิทธิ์อะไรเอาเงินพันล้านนั่น? เรื่องอื่นนายรับเอาไว้ได้ แต่เงินพันล้านนี่ ปฏิเสธไปซะ”
หลัวคังอันตกตะลึง “อย่าทำอย่างนี้สิน้องหลิน นั่นมันตั้งพันล้านมุกเลยนะ ใช้ทำอะไรได้ยังเยอะตั้งแยะ คนเขายินดีให้ ถ้าไม่รับไว้ก็น่าเสียดายนะ!”
หลินยวนเองก็บอกไม่ถูกเช่นกันว่าทำไมตัวเองถึงไม่เอาเงินนั่น สรุปแล้วก็คือเขาไม่มีทางเอาเงินของฉินอี๋เพราะเรื่องเหล่านี้ แล้วก็นึกเสียใจที่ตอนเด็กๆ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไปเอาเงินของฉินอี๋มาหนึ่งล้านมุก แต่ปากเขากลับพูดออกไปอีกอย่างว่า “นายคิดว่าฉันไม่มีเงินเหรอ?”
“ฉัน…” หลัวคังอันกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ภายในใจมีสัตว์ประหลาดนับหมื่นกำลังวิ่งห้อตะบึงออกมาทักทายท่านหลินยวน
เขาอยากจะพูดจริงๆ ว่านั่นมันพันล้านมุกเลยนะ นายมีแต่ฉันไม่มีนี่นา!
แต่สำหรับตัวเขาในตอนนี้แล้ว เรื่องนี้วางเอาไว้ก่อนได้ เขารู้สึกหวาดกลัวหลินยวน คนที่พอลงมือก็หักกระดูก คนที่แค่ไม่ถูกใจก็จะฆ่าทิ้ง หากอยู่ข้างกายคนแบบนี้ ชีวิตมันก็ออกจะอันตรายและไร้รสชาติไปเสียหน่อย ได้เงินพันล้านมุกมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร? มันก็ต้องมีชีวิตให้อยู่ใช้ด้วยสิ!”
เขาจึงเปลี่ยนคำพูด กล่าวหยั่งเชิงอีกว่า “น้องหลิน เงินฉันไม่เอาแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันจะเปลี่ยนชื่อแซ่แล้วหายตัวไป รับรองว่าจะไม่พูดเรื่องของนาย หากฉันทำไม่ได้ก็มาเอาชีวิตฉันได้ทุกเมื่อเลย ว่ายังไง?”
หลินยวนกล่าว “นายจะไปอยู่ที่ไหน? นายคิดว่าตอนนี้นายสามารถหายตัวไปได้ง่ายๆ เหรอ? ขอเพียงนายหายตัวไป ด้วยการประมูลในครั้งนี้ คนมากมายจะต้องเที่ยวตามหาตัวนายแน่นอน เมื่อไม่มีใครมาคอยควบคุมนาย ต่อให้นายจะปิดบังชื่อแซ่ แต่นายจะทนอยู่เงียบๆ คนเดียวได้เหรอ? คนที่กล้าพาผู้หญิงเข้ามาทำเรื่องอย่างว่าในเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉิน นายเชื่อคำพูดตัวเองด้วยเหรอ?”
หลัวคังอันยิ้มแห้งๆ เรื่องนี้เขาเองก็ไม่กล้ารับปากเช่นกันว่าตัวเองจะทนใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้หรือเปล่า จึงกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “ตอนนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว”
หลินยวนกล่าว “ด้วยนิสัยของนาย หลบได้ไม่นานก็ต้องถูกคนพบตัวแน่ นายเป็นคนมีศักดิ์ศรีเหรอ? ถ้านายหนีไป ฉันก็ต้องไปหลบซ่อนตัวด้วยเหมือนกัน นายจะให้ฉันเปลี่ยนชื่อแล้วอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไปตลอดชีวิตเพราะนายเหรอ? แล้วแบบนี้นายว่าฉันจะปล่อยนายไปได้เหรอ? แต่แน่นอน ฉันจะไม่บังคับนาย นายจะหายตัวไปก็ได้ หายไปแบบหมดจด!”
“อย่า!” หลัวคังอันรีบโบกมือปฏิเสธ เขาไม่ใช่คนโง่ ย่อมต้องรู้ว่าหายไปแบบหมดจดมันหมายความว่าอย่างไร “ช่างเถอะ ฉันก็แค่พูดเฉยๆ นายว่ายังไงก็เอาตามนั้น”
อีกทั้งยังทำท่าตบหน้าอกเพื่อรับประกันด้วย
เขาถูกคำพูดของอีกฝ่ายจี้ใจดำ ถูกต้อง เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะอดทนอยู่เงียบๆ คนเดียวได้ เกรงว่าคงจะไม่มีทางหลบซ่อนตัวได้
หลินยวนกล่าวอีกว่า “เรื่องเสวี่ยหลาน ต่อให้นายล้างแค้นไม่ได้ แต่ความจริงนายยังระบายอารมณ์โกรธได้อยู่”
หลัวคังอันที่กำลังกลัดกลุ้มพลันตกตะลึง พบว่าท่าทีของคนผู้นี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่เคยพูดกับตัวเองเยอะขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายมาเป็นห่วงเป็นใยเขา นี่กลับทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไร หรือว่าจะเป็นเพราะทำเรื่องที่ไม่ดีมาด้วยกัน?
เขาลองกล่าวถามหยั่งเชิงเสียงอ่อนๆ ว่า “ทำยังไง?”
หลินยวนเหลียวหน้ากลับไปมองดูประตูโรงเก็บเทพมหาวิญญาณ “เรื่องบางเรื่องคงจะปิดเอาไว้ไม่ได้ เดี๋ยวพอพนักงานซ่อมบำรุงเข้าไปตรวจสอบดู เรื่องที่เทพมหาวิญญาณถูกคนมาทำอะไรเอาไว้จะต้องถูกเปิดเผย สุดท้ายไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ต้องมีคำอธิบายที่เหมาะสม”
หลัวคังอันสงสัย “เสวี่ยหลานตายไปแล้ว ไม่มีพยานแล้ว แล้วจะอธิบายยังไง?”
หลินยวนกล่าว “นายคิดว่าเสวี่ยหลานตายไปแล้วจะไม่มีคนรู้เหรอ? ถ้านายปิดบังเรื่องนี้ นายก็จะต้องกลายเป็นจุดอ่อนในสายตาคนอื่น ไม่สู้สารภาพออกมาตรงๆ ดีกว่า”
หลัวคังอันตกใจ “น้องหลิน นายไม่ใช่ว่าจะให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปเหรอ? ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกไป ชื่อเสียงฉันต้องพังย่อยยับแน่นอน ฉันว่านะ เรื่องนี้ขอเพียงพวกเราไม่พูดออกไป ต่อให้สืบก็สืบไม่ได้อะไรหรอก สืบไม่ได้ว่าเป็นฝีมือใคร สุดท้ายเดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอง ภายนอกฉันถวายชีวิตให้กับหอการค้าตระกูลฉิน ไม่มีทางที่ตัวเองจะทำร้ายตัวเอง หอการค้าตระกูลฉินเองก็ไม่มีทางสงสัยมาถึงฉันหรือเปล่า?”
หลินยวนกล่าว “คนที่คิดจะหนีเอาตัวรอดอย่างนาย คนที่หน้าด้านอย่างนายยังกลัวเรื่องชื่อเสียงย่อยยับด้วยเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะ เสวี่ยหลานเข้าใกล้นายได้ แสดงว่าภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองปู๋เชวี่ยจะต้องมีคนของฝ่ายนั้นอยู่แน่นอน ถ้านายสารภาพออกไป เรื่องบางเรื่องไม่มีทางปิดบังการสอบสวนอย่างเข้มงวดของลั่วเทียนเหอไปได้ นี่ไม่เพียงแต่จะหาตัวคนของทางฝ่ายนั้นที่ฝังตัวอยู่ในค่ายผู้พิทักษ์เทพออกมาได้ แต่ยังจะทำให้ลั่วเทียนเหอโมโหด้วย เผลอๆ ลั่วเทียนเหออาจจะสืบไปจนถึงหอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวเลยก็ได้ ต่อให้ไม่สามารถล้างแค้นให้เสวี่ยหลานได้ แต่นายก็ยังได้ระบายความแค้นไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของเขาเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในสาเหตุทั้งหมด เขาพอจะคาดเดาได้แล้วว่าทันทีที่หอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูล ก่อนที่หอการค้าตระกูลฉินจะจัดสรรผลประโยชน์ทั้งหมดลงตัว ทางหอการค้าตระกูลฉินจะต้องเจอการตอบโต้กลับอย่างบ้าคลั่งเหมือนหมาจนตรอกของหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานอย่างแน่นอน การที่ทำให้ลั่วเทียนเหอโมโหหอการค้าตระกูลโจวกับหอการค้าตระกูลพานขึ้นมา อย่างน้อยมันก็เป็นกำแพงป้องกันให้หอการค้าตระกูลฉินได้ชั้นหนึ่ง
การลงมือของเขาในครั้งนี้ ถึงแม้คนของผู้อาวุโสรุ่นก่อนจะบอกว่าเป็นการทดแทนบุญคุณ แต่เมื่อได้ขึ้นมายืนอยู่ในระดับเดียวกันกับเขาแล้ว อาศัยเพียงเรื่องเล็กน้อยบางเรื่อง เขาก็พอจะรู้ถึงเบาะแสบางอย่างแล้ว ภายในใจเขาทราบดี คนของผู้อาวุโสรุ่นก่อนได้หมายตาหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้แล้ว
ทำไมตอนนั้นสิบสามมารสวรรค์ถึงต้องโจมตีเมืองหลวง เหตุผลเขาทราบอยู่แก่ใจดี ครั้งนี้ทันทีที่หอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูล มันจะต้องกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเขามองว่าหอการค้าตระกูลฉินมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นอย่างแน่นอน เกรงว่านี่คงจะเป็นสามารถที่แท้จริงที่ผู้อาวุโสรุ่นก่อนต้องการให้เขาลงมือ
หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว การลงมือของเขาได้ทำให้หอการค้าตระกูลฉินเข้าไปพัวพันกับเรื่องบางเรื่องอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เวลาหอการค้าตระกูลฉินยากจะสลัดกลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขาทิ้งได้แล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องบางเรื่องเขาก็ต้องเริ่มเตรียมการเอาไว้ก่อน
ส่วนเรื่องชื่อเสียงหน้าตาของหลัวคังอัน สำคัญด้วยเหรอ?
หลัวคังอันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้อง ไม่ต้องจริงๆ น้องหลิน นายไม่ต้องคิดมากเลย นังแพศยาเสวี่ยหลานมันทำร้ายฉันตั้งหลายครั้ง ทำไมฉันต้องไปแก้แค้นให้เธอด้วย! ฉันเป็นคนปล่อยวางง่าย เรื่องล้างแค้นอะไรนั่นช่างมันเถอะ”
หลินยวนกล่าว “ฉันตัดสินใจแล้ว เอาตามนี้นี่แหละ”
หลัวคังอันร้อนใจขึ้นมาทันที “น้องหลิน ไม่ได้นะ นายลองคิดถึงจูเก่อม่านสิ ไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกฉันสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ ถ้าเรื่องเสวี่ยหลานเปิดเผยออกไป จูเก่อม่านไม่มีทางยอมรับได้แน่”
หลินยวนกล่าว “นายสนใจจูเก่อม่านด้วยเหรอ?”
หลัวคังอันกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “แน่นอน! ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันกลับตัวกลับใจแล้ว!”
………………………………………………………………