ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 123 วีรบุรุษกลับมาแล้ว
ตอนที่ 123 วีรบุรุษกลับมาแล้ว
คำพูดมีพลัง ทำให้ฉินอี๋รู้สึกวางใจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการตักเตือนด้วย
ฉินอี๋เข้าใจความหมายในประโยคสุดท้ายของเขา หอการค้าตระกูลฉินเอาชนะการประมูลครั้งนี้ได้ เกรงว่าผลประโยชน์จำนวนมหาศาลจะต้องดึงดูดตระกูลใหญ่ๆ ให้เข้ามาหาอย่างแน่นอน หากหอการค้าตระกูลฉินทรยศความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย ไปเข้ากับคนอื่นที่ให้ผลประโยชน์มากกว่าล่ะก็ ทางตระกูลหนานชีก็ไม่มีทางปล่อยหอการค้าตระกูลฉินไปแน่นอน
หนานชีหรูอันเรียกได้ว่าเอาคำพูดที่ฟังดูไม่ดีพูดออกมาก่อนเลย
เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไป๋หลิงหลงที่อยู่ด้านข้างยังไม่รู้อีกว่าฉินอี๋กับตระกูลหนานชีร่วมมือกัน อย่างนั้นเธอก็คงไม่ได้ต่างอะไรกับคนโง่
เพียงแต่ก่อนที่จะการประมูลจะเริ่มขึ้น ฉินอี๋กลับไม่เคยบอกอะไรให้เธอรู้เลยแม้แต่นิดเดียว กระทั่งตัวเธอก็ไม่สังเกตเห็นเบาะแสใดๆ แม้แต่น้อย
ฉินอี๋กับตระกูลหนานชีไปร่วมมือกันตั้งแต่เมื่อไร? แทบจะไม่มีร่องรอยใดๆ ให้ตามได้เลย
เธอรู้เพียงแต่ว่าฉินอี๋เคยให้ความสนใจหนานชีหรูอันผู้นี้ ภายหลังก็เคยได้พบหนานชีหรูอันบ้างเป็นบางครั้ง ทั้งสองเคยพูดคุยกันเพียงสั้นๆ
ตอนนี้ดูแล้ว นั่นคงจะมิใช่การพบกันธรรมดา หากแต่เป็นแผนที่ฉินอี๋วางเอาไว้
หากถามว่าเป็นครั้งไหน เกรงว่าคงจะเป็นการพบกันสั้นๆ ในครั้งนั้น ฉินอี๋น่าจะใช้วิธีการบางอย่างเกลี้ยกล่อมหนานชีหรูอันอย่างรวดเร็ว แล้วก็สร้างสัมพันธ์อย่างลับๆ กับหนานชีหรูอันขึ้นมา ปิดบังทุกคนเอาไว้
ฉินอี๋น้อมกายอีกครั้ง “คุณชายหรูอันวางใจได้ค่ะ หากขาดคุณธรรมและความจริงใจ หอการค้าตระกูลฉินก็ยากจะยืนอยู่ได้ ทางเราจะต้องรักษาสัญญาแน่นอนค่ะ”
หนานชีหรูอันถือว่าพึงพอใจต่อคำตอบนี้ ฉีกยิ้มกล่าวว่า “เอาล่ะ เสร็จเรื่องแล้ว” ก่อนจะหันหน้าไปทางตำหนักคุนกว่าง “หนานหรูไม่ได้ให้คำตอบต่อหน้าทุกคน ดูจากสถานการณ์แล้ว คงจะหวังเพิ่งกรรมการที่ลำเอียงเหล่านั้นไม่ได้เช่นกัน เบื้องหลังผลการประมูลจะต้องมีการต่อสู้กันอีกแน่นอน เกรงว่าช่วงนี้ผลการประมูลคงยังจะไม่ออกมา”
ในเวลานี้เอง อู๋ชีที่เป็นประธานของหอการค้าตระกูลอู๋ก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าคร่ำเคร่ง “ประธานฉิน ความเสียหายของหอการค้าตระกูลอู๋ของผมจะว่ายังไงครับ?” จากนั้นหันไปมองทางหนานชีหรูอันแล้วกล่าวทันทีว่า “คุณชายครับ หอการค้าตระกูลอู๋มาช่วยเธอด้วยความหวังดี แต่หอการค้าตระกูลฉินของเธอกลับทำลายเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋ ราคาของเทพมหาวิญญาณตนนึงก็ไม่ใช่ถูกๆ แล้วเดี๋ยวผมกลับไปจะอธิบายกับทุกคนในหอการค้าตระกูลอู๋อย่างไรล่ะครับ”
ฉินอี๋กำลังจะพูดอะไร หนานชีหรูอันกลับยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้ กล่าวกับอู๋ซีว่า “หอการค้าตระกูลอู๋มาเข้าร่วมการประมูลเพราะคำเชิญของผม ความเสียหายตรงนี้ผมจะรับผิดชอบเอง แบบนี้พอจะอธิบายกับทุกคนในหอการค้าตระกูลอู๋ได้ไหมครับ?”
สีหน้าของอู๋ซีชะงักไปทันที
ฉินอี๋รีบกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นทางฉันที่ผิดพลาด เรื่องความเสียหาย…”
หนานชีหรูอันพูดแทรกขึ้นมา “เรื่องนี้เอาตามนี้แหละครับ ประธานอู๋ยังมีอะไรอีกไหมครับ?”
อู๋ซีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย คนผู้นี้กล่าวถึงขนาดนี้แล้ว เขายังจะพูดอะไรได้อีก ถ้าขืนยังพูดต่อไปจะกลายเป็นว่าตนไม่รู้ความเอาได้ จึงรีบกล่าวว่า “แล้วแต่คุณชายหรูอันจะจัดการเลยครับ ไม่รบกวนคุณชายแล้วครับ แซ่อู๋ขอตัวก่อนนะครับ” กล่าวจบก็ประสานมือแล้วถอยหลังออกไป จากนั้นมีคนรีบตามออกไป เพื่อจะได้ไม่อยู่เกะกะสายตา
แต่ฉินอี๋กลับยังคล้ายลังเลอยากจะพูดอะไร หนานชีหรูอันยิ้มพลางกล่าวกับเธอว่า “อย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้เลยครับ คุณเองก็คงจะไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว ลองหากระจกส่องดูตัวเองสิครับ ไม่สวยเหมือนก่อนหน้านี้แล้วนะ รีบไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวเรื่องอื่นทางตระกูลหนานชีจะช่วยคุณจัดการเอง”
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า ฉินอี๋รับรู้ได้ถึงความรู้สึกกระเซ้าเย้าแหย่จากในน้ำเสียงและคำพูดของอีกฝ่าย แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป ผู้หญิงที่คอยบริหารหอการค้าตระกูลฉินอย่างเธอ คำพูดแย่ๆ ได้ยินมามากแล้ว ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงที่หนานชีหรูอันจัดขึ้นมา คำพูดที่คนบางคนพูดกับเธอเรียกได้ว่าต่ำตมเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยคำพูดสกปรก แต่เธอก็อดทนมาได้เหมือนอย่างที่ผ่านมา
ช่วยไม่ได้ ถ้าเธอต้องเป็นเดือดเป็นร้อนตามคำพูดของคนอื่น เธอก็คงจะไม่สามารถบริหารหอการค้าตระกูลฉินต่อไปได้
ขอเพียงไม่ลงไม้ลงมือใส่กัน คำพูดที่ไร้ยางอายนิดหน่อย ถ้าเธออดทนได้เธอก็จะอดทนเอาไว้ บางครั้งเธอก็ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยิน ใครใช้ให้หอการค้าตระกูลฉินไม่แข็งแกร่งพอล่ะ ไปทำให้คนอื่นไม่พอใจแล้วยังจะหวังให้เขาเกรงใจเหรอ? หากทำเช่นนั้นก็ต้องรับผลกระทบในด้านลบที่ตามมาอย่างแน่นอน
ฉิงชุ่ยคล้ายจะฟังออกถึงอะไรบางอย่าง เธอคล้องแขนของหนานชีหรูอัน หยิกเขาเบาๆ ทีหนึ่ง
ฉินอี๋กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ฉินอี๋ขอตัวก่อนนะคะ”
หนานชีหรูอันพยักหน้าพลางกล่าว “ไม่ส่งนะครับ”
ฉินอี๋ถึงได้หมุนตัวจากไป เรื่องที่ควรทำก็ได้ทำไปหมดแล้ว ย่างก้าวที่แสดงออกมาจากแผ่นหลังที่ดูสง่างามของเธอกลับมาดูมั่นคงเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง
ไป๋หลิงหลงเองก็ค้อมกายให้หนานชีหรูอันตามมารยาท ก่อนจะรีบก้าวเดินตามไป
หนานชีหรูอันมีบุคลิกท่าทางของคุณชายตระกูลใหญ่ เขาเองก็ยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า เพียงแต่สายตากลับจ้องมองดูแผ่นหลังของฉินอี๋ที่เดินจากไปอยู่เป็นเวลานาน สายตาที่จดจ้องไปมีความรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเอาไว้
สาวงามที่อยู่ด้านข้างสังเกตเห็นท่าทีของเขา จึงกล่าวหยอกล้ออยู่ข้างหูเขาว่า “คุณชายชอบประธานฉินหรือคะ?”
หนานชีหรูอันได้สติกลับมา ยิ้มแย้มพลางยื่นมือไปบีบคางเธอเล็กน้อย “น้อยใจเหรอ”
ฉิงชุ่ยส่งสายตาดูแคลนให้เขาเล็กน้อย “นิสัยคุณชายไม่มีทางหยอกล้อผู้หญิงไปทั่ว แต่วันนี้ดูแปลกไป ฉันว่าคุณชายเหมือนจะรู้สึกดีกับประธานฉินคนนี้ทีเดียวนะคะ”
หนานชีหรูอันตกใจเล็กน้อย “ฉันลืมตัวขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคิดมากไปแล้ว แต่ว่านะ…ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่ฉันเคยเจอมาเลยจริงๆ ไม่เหมือนอย่างมาก ถ้าเธอดูเบื้องหลังชาติตระกูลของฉินอี๋ก็จะรู้เอง ผู้หญิงที่เติบโตมาจากสภาพแวดล้อมที่ดีแบบนั้นส่วนใหญ่มักจะสวยแต่ไร้สมอง ผู้หญิงอย่างฉินอี๋จึงหาได้ยาก ไม่ง่ายเลยกว่าที่ผู้หญิงคนนี้จะค่อยๆ เดินมาจนถึงวันนี้ได้ สิ่งที่หาได้ยากก็คือความตั้งใจที่มีอยู่แต่เดิมของเธอ มันไม่ทางถูกสิ่งภายนอกส่งผลกระทบและเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ ผู้หญิงที่ตัดสินใจเดินไปบนเส้นทางที่ตัวเองเลือก เธอไม่คิดว่ามันมีเสน่ห์อย่างมากเหรอ?”
ฉิงชุ่ยกรอกตาใส่เขา “ดูคุณชายพูดเข้า ผู้หญิงคนไหนไม่เดินไปบนทางของตัวเองบ้างล่ะคะ?”
“ฮ่าๆๆ มันไม่เหมือนกัน พูดไปเธอก็ไม่เข้าใจ” หนานชีหรูอันหัวเราะฮ่าๆ บีบคางหยอกล้อเธอเล็กน้อย “ก็จริง เธอเองก็เดินไปบนทางของตัวเองนี่เนอะ”
“คุณชาย ฉันตั้งใจรับใช้คุณชายเพียงคนเดียว คุณชายยังจะล้อฉันเล่นอีกเหรอคะ?”
“น้อยใจอีกแล้ว เปล่าๆ ล้อเล่นเฉยๆ เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ทั้งคู่เดินออกไปด้วยกัน
คนหนึ่งก็เหมือนคุณชายผู้สูงศักดิ์ อีกคนหนึ่งก็เป็นหญิงสาวที่สวยงามและมีเสน่ห์ ดึงดูดสายตาของคนจำนวนไม่น้อยเอาไว้
……
ภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพของเมืองคุนกว่าง เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหายกลับมาแล้ว กลับมาท่ามกลางสายตาเคารพเลื่อมใสของคนจำนวนมากในค่ายผู้พิทักษ์เทพ
เมื่อรู้ว่าเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกลับมาแล้ว เจ้าหน้าที่จำนวนมากภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพก็พากันวิ่งออกมา เหมือนทุกคนต้องการออกมาต้อนรับด้วยตนเองโดยไม่ต้องให้มีใครบอก
ทุกคนต่างรู้ซึ้งถึงความสามารถของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินแล้ว ผู้ควบคุมเทพมหาวิญญาณได้ใช้ความสามารถบอกพวกเขาว่าอะไรคือยอดฝีมือทางยุทธวิธีการรบในสนามรบจริง
วิธีการสู้ที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอ ก่อนจะค่อยๆ ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ในกำมือของตนวิธีนั้นเรียกได้ว่าสวยงามเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นเอกเลยทีเดียว!
ได้ยินว่าหลัวคังอันผู้นี้ถูกไล่ออกมาจากผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าระดับของผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวงแตกต่างจากพวกเขาอย่างมากทีเดียว ฝีมือสูงส่งเป็นอย่างมาก!
แต่ถึงกระนั้นเหล่าผู้พิทักษ์เทพกลับมีความรู้สึกอยากจะเจอหลัวคังอันจนแทบแย่แล้ว อยากฉวยโอกาสนี้ถ่ายรูปคู่อะไรทำนองนั้น เพราะทุกคนต่างรู้ว่าหลัวคังอันจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงจากการประมูลครั้งนี้ เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงจากการต่อสู้เพียงครั้งเดียวอย่างแท้จริง!
หากพลาดโอกาสนี้ไป ภายหน้าไม่แน่ว่าจะมีโอกาสได้เจอง่ายๆ อีก
ถ้าได้รูปคู่กลับไป เรื่องอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะให้เอาไปอวดพี่น้องเพื่อนฝูงแล้ว
จนปัญญาที่ข้อจำกัดในการประมูลบางส่วนยังไม่ถูกยกเลิก พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ทำได้เพียงมองดูเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกลับเข้ามาในโรงเก็บ คนกลุ่มหนึ่งมองส่งเทพมหาวิญญาณกลับเข้าไป แต่ความปรารถนาที่อยากจะเข้าไปใกล้ๆ ในสายตานั้นยากจะปกปิดเอาไว้ได้
และแน่นอน เทพมหาวิญญาณที่กลับเข้ามาก็มีเพียงเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเท่านั้น คนของหอการค้าอื่นๆ กำลังทำการเก็บซากศพเทพมหาวิญญาณของตนที่อยู่ในแดนแมงมุมสวรรค์อยู่ แล้วก็เป็นไปได้ยากที่จะมีชีวิตรอดกลับมาได้
หลินยวนและหลัวคังอันออกมาจากห้องควบคุม กระโดดลงมายังพื้นด้านล่างด้วยกัน ทันใดนั้นพลันมีเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของเหล่าพนักงานซ่อมบำรุงของหอการค้าตระกูลฉินดังขึ้นมาทันที เหล่าพนักงานแห่เข้ามากอดหลัวคังอันเอาไว้ เรียกได้ว่ามองหลัวคังอันเป็นเหมือนวีรบุรุษที่กลับมา
ช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนใจการประมูลครั้งนี้ เพราะพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของหอการค้าตระกูลฉินในการเข้าร่วมการประมูลเช่นกัน และต่างก็ได้ดูการถ่ายทอดสดการประมูลด้วย ฝีมือที่หลัวคังอันแสดงออกมาทำให้พวกเขาพึงพอใจ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น หลังกลับไปครั้งนี้ หอการค้าตระกูลฉินจะตกรางวัลให้พวกเขาทุกคน แล้วก็จะต้องเป็นรางวัลใหญ่ที่ทำให้พวกเขาพึงพอใจอย่างแน่นอน
หลินยวนสบโอกาสหลบออกไปอีกด้านหนึ่งพอดี มองดูภาพความครึกครื้นอย่างเงียบๆ อยู่เพียงลำพัง
ทุกคนสนใจเพียงแค่หลัวคังอัน ตัวประกอบอย่างหลินยวนถูกทุกคนมองข้ามไปโดยไม่ตั้งใจ
คนเราต่างถูกสิ่งที่เปล่งประกายมากที่สุดดึงดูดเอาไว้ง่ายๆ และสิ่งที่เปล่งประกายที่สุดก็มักจะสามารถกลบประกายของส่วนประกอบอื่นๆ ไปได้อย่างง่ายดาย
ในตอนที่ถูกทุกคนกรูกันเข้ามาทักทาย หลัวคังอันฝืนยิ้มเล็กน้อย คอยเหลือบมองดูท่าทีของหลินยวนอยู่เป็นระยะ เมื่อเห็นคนผู้นี้ไม่สนใจ เขาเองก็ค่อยๆ ยิ้มแย้มพูดคุยกับทุกคนอย่างผ่อนคลาย เพียงแต่ครั้งนี้ตัวเขาเองก็ยากจะรู้สึกดีใจขึ้นมาจริงๆ ได้ อารมณ์ไม่ดี ภายในใจเองก็มีเรื่องกังวล จุดอ่อนที่สำคัญของเขาอยู่ในมือของเสวี่ยหลาน ลึกๆ ภายในใจเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ถ่ายรูปกัน! พนักงานซ่อมบำรุงกลุ่มหนึ่งพากันเข้ามาถ่ายรูปรวมกับหลัวคังอัน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวคังอันได้เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ตัวเองคล้ายกลายเป็นเทพบุตรของดินแดนเซียนอย่างไรอย่างนั้น
เขารู้สึกสนใจในประสบการณ์ที่มหัศจรรย์เช่นนี้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วฉีกยิ้มออกมา
เขารู้สึกเจ็บจริงๆ กระดูกท่อนหนึ่งหักไป แล้วยังถูกคนกลุ่มหนึ่งเบียดไปเบียดมา ไม่เจ็บก็แปลกแล้ว แต่เขาก็ชื่นชอบในความรู้สึกที่ถูกคนจำนวนมากยกย่องชื่นชมเช่นนี้เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้จึงต้องทนเจ็บเอาไว้ ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่หลินยวนสั่งมาว่าห้ามไม่ให้คนอื่นมองออกว่าเขาได้รับบาดเจ็บ เพราะจากฝีมือในการควบคุมเทพมหาวิญญาณที่หลัวคังอันแสดงออกมาในแดนแมงมุมสวรรค์แล้ว ทั้งหมดนั่นล้วนเป็นการจงใจแสดงความอ่อนแอเพื่อควบคุมสถานการณ์ เขาไม่น่าจะได้รับบาดเจ็บง่ายๆ ถึงจะถูก
หลังพากันถ่ายรูปรวมเสร็จเรียบร้อย เหล่าพนักงานก็ขอถ่ายรูปคู่กับหลัวคังอันเป็นการส่วนตัว
หลัวคังอันฉีกยิ้มเล็กน้อย ยืนถ่ายรูปกับทุกๆ คน
แต่แน่นอน เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินเพิ่งจะผ่านศึกหนักมา ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยความเสียหาย พนักงานซ่อมบำรุงที่แสดงความดีใจกันแล้วยังมีงานของตัวเองที่ต้องทำ สุดท้ายก็ต้องปล่อยหลัวคังอันไปทั้งๆ ที่ยังอยากถ่ายรูปกับเขาต่อ ต้องไปทำงานของตัวเองก่อน
ปากที่เคยชินกับการเอาอกเอาใจผู้หญิงของหลัวคังอันยังคงหวานอยู่ คำพูดที่กล่าวกับทุกคนก็ฟังดูดี บอกว่าความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลมาจากความช่วยเหลือของทุกคน หากไม่มีความช่วยเหลือของทุกคนก็ไม่มีความสำเร็จของเขาอะไรทำนองนั้น
เขาไม่ใช่แค่พูดเฉยๆ เท่านั้น แต่ยังใส่การกระทำลงไปด้วย เขาให้ทุกคนถ่ายวีดีโอตอนเขาพูดเอาไว้ ให้ทุกคนเอากลับไปเป็นหลักฐานยืนยัน
การกระทำนี้ทำให้เหล่าพนักงานซ่อมบำรุงดีใจเป็นอย่างมาก ความรู้สึกดีที่มีต่อเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
หลินยวนมองดูอย่างเงียบๆ รู้สึกนับถือเจ้ากิ้งก่าเปลี่ยนสีคนนี้จริงๆ แสดงเก่งมาก เล่นซะเหมือนจริงเลย น่าเสียดายที่ไม่ไปเป็นเทพบุตร
หลังจากถ่ายรูปกับคนเหล่านี้เสร็จแล้ว หลัวคังอันก็ไปขอโทรศัพท์มือถือของตัวเองคืน ในตอนที่เขากับหลินยวนกำลังเข้าร่วมการประมูลอย่างเป็นทางการ ทางหอการค้าตระกูลฉินได้เก็บเครื่องมือติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกของพวกเขาเอาไว้ บอกว่าหลังกลับมาแล้วจะคืนให้
หลังได้โทรศัพท์มือถือของตัวเองมา หลัวคังอันก็รีบเดินออกมาจากโรงเก็บเทพมหาวิญญาณ หามุมมุมหนึ่งพยายามติดต่อหาคนคนหนึ่ง
หลินยวนค่อยๆ เดินตามออกมา ยืนอยู่ด้านหลังหลัวคังอันที่ค่อนข้างร้อนใจอย่างเงียบๆ “ไม่ต้องโทรแล้ว น่าจะโทรไม่ติดหรอก ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ ตอนที่การประมูลเริ่มขึ้น เธอน่าจะถูกคนฆ่าปิดปากไปแล้ว ไม่มีทางเหลือหลักฐานใดๆ เอาไว้ เธอเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ถูกคนใช้ประโยชน์เท่านั้น! เธอน่าจะหายตัวไปอย่างแปลกๆ กะทันหัน ด้วยสถานะของเธอแล้ว เดี๋ยวอีกไม่กี่วันข่าวการตายของเธอก็น่าจะไม่ใช่ความลับอะไรอีก”
……………………………………………………………