ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 110 หลัวคังอันอยู่ที่นี่ ใครคิดว่าแน่ก็เข้ามา!
ตอนที่ 110 หลัวคังอันอยู่ที่นี่ ใครคิดว่าแน่ก็เข้ามา!
“เยี่ยม!”
หลังกำจัดศัตรูไปได้อีกหนึ่ง ฉินเต้าเปียนตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
หลิ่วจวินจวินที่ถือโทรศัพท์ยืนยิ้มอยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “เป็นหอการค้าตระกูลจวง! ฆ่าไปแปดแล้ว หลัวคังอันไม่ทำให้เราต้องผิดหวังจริงๆ!”
ฉินเต้าเปียนถูกำปั้นด้วยความตื่นเต้น ดวงตาที่จ้องมองฉากแสงสาดประกาย เต็มไปด้วยความรู้สึกเฝ้ารอ ตื่นเต้นและวิตกกังวล
หลิ่วจวินจวินวางโทรศัพท์ เมื่อครู่เธอโทรไปจัดการเรื่องจูเก่อม่าน จัดวางกำลังคนจำนวนหนึ่งไปคุ้มครองจูเก่อม่าน
หลังมองออกถึงความผิดปกติ หลังได้เห็นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินสังหารศัตรูอย่างต่อเนื่อง เธอพลันคิดถึงจูเก่อม่านที่เป็นผู้หญิงของหลัวคังอันขึ้นมาทันที
ในเวลานี้ เธอจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้มีใครฉวยโอกาสใช้จูเก่อม่านมาเล่นงานหอการค้าตระกูลฉินได้ ถ้าหากมีใครใช้จูเก่อม่านมาควบคุมหลัวคังอันในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ นั่นจะต้องกลายเป็นปัญหาอย่างมาก เธอจึงรีบอุดช่องโหว่นี้ในทันที
ต่อให้ไม่ใช่เพื่อเรื่องนี้ เธอเองก็ต้องยกระดับการคุ้มครองความปลอดภัยของจูเก่อม่านเช่นกัน สาเหตุเป็นเพราะอะไรก็รู้แก่ใจกันดี
…..
จูเก่อม่านที่อยู่ในห้องผู้จัดการนั้นไม่ร้องไห้แล้ว เธอมองดูการโจมตีกลับในช่วงเวลาวิกฤติของหลัวคังอันด้วยความตกตะลึง มองดูเทพมหาวิญญาณที่ตีฝ่าวงล้อมการโจมตีด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลและแขนข้างเดียว
ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น เหวี่ยงไม้เหวี่ยงมือไม่หยุด
…..
ด้านหน้าฉากแสงแต่ละแห่งภายในเมืองปู๋เชวี่ย ประชาชนที่ยืนมองดูภาพบนฉากแสงต่างตกอยู่ในความเงียบสงัดที่แตกต่างออกไป
……
เหล่าประธานหอการค้าที่จับกลุ่มอยู่ด้วยกันต่างเหลียวหน้ากลับไปมองดูฉากแสงอีกครั้ง สีหน้าของประธานหอการค้าตระกูลชางดูแย่ขึ้นมาทันที
ทุกคนต่างมองเห็น มองเห็นว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลชางได้ถูกเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินแทงทวนปักไปบนหน้าผา ด้านหลังมีฝูงเทพมหาวิญญาณแห่กันเข้ามา เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกลับกระแทกเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลชางเข้าไปในภูเขา ฝูงเทพมหาวิญญาณแห่ตามเข้าไป
ภูเขาพังถล่ม เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินบินขึ้นมาจากบนยอดเขา เทพมหาวิญญาณห้าตนก็บินฝ่าฝุ่นควันที่คละคลุ้งขึ้นมาเช่นกัน
หายไปตนหนึ่ง ไม่เห็นเงาของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลชาง เขาได้ถูกเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินแทงทะลุจุดสำคัญไปแล้ว ทุกคนคิดว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลชางไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นมาได้อีกแล้ว
ทันใดนั้นเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกลับบินพุ่งกลับลงมา เผชิญหน้ากับเทพมหาวิญญาณห้าตนที่บินตามขึ้นมา
เหลือเทพมหาวิญญาณล้อมโจมตีเพียงห้าตน การโจมตีกลับของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินพลันเปลี่ยนไปจากเดิม คล้ายไม่ได้หวาดกลัวจะถูกปิดล้อมอีก
ไม่ว่าใครต่างก็มองออกว่าเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยิ่งสู้ยิ่งฮึกเหิม เทพมหาวิญญาณอีกห้าตนที่เหลืออยู่มีอาการบาดเจ็บ เคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วรวดเร็ว
ตอนที่เทพมหาวิญญาณสิบตนล้อมโจมตียังจัดการไม่ได้เลย แล้วตอนนี้เหลืออยู่แค่ห้าตนจะยังมีหวังอยู่อีกหรือ?
ประธานหอการค้าตระกูลฉวี่ร้อนใจขึ้นมา รีบก้าวไปตรงหน้าประธานหอการค้าตระกูลสือกับหอการค้าตระกูลจิ้น “สือซยง จิ้นซยง จะมัวชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว ร่วมมือกันฆ่าเจ้านี่เถอะ!” เขาเองก็ทำการประนีประนอมแล้ว “ฉันกับอูซยง แล้วก็เผยซยงขอรับรอง ผลการประมูลพวกเราไม่สนใจแล้ว พวกเราสามตระกูลต้องการเพียงสังหารเจ้านี่ก็พอ!”
“ใช่” ประธานหอการค้าตระกูลอูกับประธานหอการค้าตระกูลเผยต่างพยักหน้าตอบตกลง
ทุกคนต่างรู้ว่าหากยังถูกกำจัดต่อไปอย่างนี้ หากหอการค้าอีกแปดตระกูลที่มีหอการค้าตระกูลสือกับหอการค้าตระกูลจิ้นเป็นผู้นำยังไม่รีบลงมือช่วยเหลือล่ะก็ เกรงว่าเทพมหาวิญญาณที่เหลือคงต้องถูกกำจัดจนหมดแน่
พานชิ่งเองก็เอ่ยว่า “หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวไม่มีความสนใจใดๆ ในการประมูล พวกเราแค่ไม่ต้องการให้หอการค้าตระกูลฉินเติบโตขึ้นมาในแคว้นเซียนคุนกว่างได้เท่านั้น ไม่ได้ต้องการอะไรอย่างอื่น ขอเพียงหอการค้าตระกูลฉินล้มลง พวกเราสองคนก็จะถอนตัวออกจากการประมูลทันที!”
โจวหม่านเชากล่าว “ถูกต้อง”
พานหลิงเยวี่ยกับเผิงซีสบตากัน พวกเขามองออกว่าหอการค้าเหล่านี้ถูกหอการค้าตระกูลฉินเล่นงานจนลนลานไปหมดแล้ว
ประธานหอการค้าตระกูลสือกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ในเมื่อทุกท่านต้องการเช่นนี้ อย่างนั้นเรื่องหลังจากนี้ก็ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง เชิญทุกท่านไปแจ้งขอถอนตัวกับทางกรรมการได้เลย!”
ประธานหอการค้าตระกูลอูกล่าวเสียงน้ำเสียงคร่ำเคร่ง “หอการค้าตระกูลฉินบ้าระห่ำ ต้องร่วมมือกันถึงจะมีโอกาส!”
ประธานหอการค้าตระกูลจิ้นกล่าวว่า “สือซยงกล่าวมีเหตุผล ผมขอถามพวกคุณประโยคเดียว จะถอนตัวหรือไม่ถอน?”
“คุณ…” ประธานหอการค้าตระกูลฉวี่โมโหขึ้นมาทันที
ประธานหอการค้าตระกูลสือกล่าวว่า “ในเมื่อไม่มีความจริงใจ อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุย เอาไว้พวกคุณมีความจริงใจแล้วค่อยมาคุยกัน” กล่าวจบก็หมุนตัวเดินออกไป
ประธานหอการค้าตระกูลจิ้นเองก็ไม่ได้กล่าวอะไร หมุนตัวเดินตามออกไป
ทั้งสองคนไม่ได้กลับไปยังที่นั่งของตนเอง หากแต่เดินไปหารือกันอีกด้านหนึ่ง
การที่พวกเขาไม่ตอบตกลงหอการค้าอื่นๆ เหล่านั้นย่อมมีเหตุผล หอการค้าตระกูลพานกับหอการค้าตระกูลโจวสามารถมองข้ามไปได้ สรุปแล้วก็คือพวกเขาไม่เชื่อหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอูและหอการค้าตระกูลเผย
พวกเขาสองตระกูลมาเพื่อช่วงชิงรากฐานของหอการค้าทั้งสาม สิ่งที่จะแย่งชิงเรียกได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ทั้งสามตระกูลต้องพึ่งพาเพื่อความอยู่รอด แล้วจะให้พวกเขาเชื่อในคำพูดของทั้งสามตระกูลที่บอกว่าจะยอมให้พวกเขาเอาชนะในการประมูลได้อย่างไร?
พวกเขาให้ทั้งสามตระกูลถอนตัวออกจากการประมูล แต่ทั้งสามตระกูลกลับไม่ยอม พวกเขาทั้งสองตระกูลจึงยิ่งรู้สึกไม่เชื่อใจ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือก่อนหน้านี้หอการค้าสิบตระกูลรุมโจมตีหอการค้าตระกูลฉิน แต่สุดท้ายก็ยังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วตอนนี้จะให้พวกเขาแปดตระกูลลงไปรุมโจมตีหอการค้าตระกูลฉินอีก พวกเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ ถ้าหากเกิดความเสียหายอย่างหนักขึ้นมาล่ะก็ สุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะได้เปรียบใคร
และการที่ก่อนหน้านี้พวกเขาแปดตระกูลไม่ได้ลงมือกับหอการค้าตระกูลฉิน หอการค้าตระกูลฉินจึงไม่ได้มีความแค้นอะไรกับพวกเขาเช่นกัน ตอนนี้เพียงแค่ไปสนใจทำภารกิจในด่านที่หนึ่งของตัวเองเท่านั้น หลังทำภารกิจเสร็จแล้วก็ผ่านเข้าไปในด่านที่สองและด่านที่สามก็พอ
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเองก็เสียหายอย่างหนักเช่นกัน เกรงว่าคงจะผ่านด่านที่สองกับด่านที่สามไปไม่ได้ง่ายๆ
หลังทั้งสองคนปรึกษาหารือกันเรียบร้อย ภายในใจรู้ว่าควรจะทำอย่างไร จึงเดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
สุดท้ายแล้ว ยังคงเป็นเพราะความสามารถที่หอการค้าตระกูลฉินแสดงออกมาที่ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกหวาดกลัว
……
พานชิ่งที่เดินกลับมายังที่นั่งสีหน้าเปลี่ยนไปทันที สายตาจ้องเขม็ง นั่งลงไปไม่ได้
พานหลิงเยวี่ยผู้เป็นลูกสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเบิกตาโตจ้องมองฉากแสง
สถานการณ์ในตอนนี้ตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด หากฝืนสู้ต่อไปคงจะไม่ดีแน่ หอการค้าอีกแปดตระกูลก็ไม่ยอมช่วยเหลือ จึงทำได้เพียงไม่เข้าปะทะตรงๆ
หอการค้าอื่นๆ ตกลงกันแล้วว่าจะหนี หลังคนของหอการค้าตระกูลฉวี่ หอการค้าตระกูลอู หอการค้าตระกูลเผยและหอการค้าตระกูลโจวได้รับคำสั่งก็รีบหยุดมือแล้วแยกย้ายกันไปทันที ต่างคนต่างหนีไปหลบซ่อนตัว เตรียมรอคอยจังหวะอย่างเงียบๆ แต่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานไม่อาจหนีได้ เขาถูกเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินพัวพันเอาไว้
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานยากจะสลัดหนีออกไปได้ เข้าฟาดฟันกับเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินอย่างคลุ้มคลั่ง จะไม่สู้ตายก็ไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันจากบนฟ้าลงมาที่พื้นดิน
ทันทีที่ลงมาถึงพื้น ทั้งสองก็พุ่งเข้าใส่กัน ยกทวนเตรียมทิ่มแทงเข้าใส่อีกฝ่าย
ในเสี้ยวพริบตาที่กำลังจะปะทะกัน จู่ๆ ทวนยาวที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินถือเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวพลันทิ่มเฉียงๆ ลงไปที่พื้นแล้วปล่อยมือออก ละทิ้งอาวุธของตัวเอง
ภาพนี้ทำให้คนที่เป็นห่วงหอการค้าตระกูลฉินต่างรู้สึกตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นหรือเปล่า
เมื่อเห็นเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินไม่มีอาวุธ เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานพลันดีใจ แทงทวนเข้าใส่อย่างโกรธเกรี้ยว
ร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินที่พุ่งเข้ามาเบี่ยงหลบ คมทวนแทบจะเฉียดผ่านหน้าอกไป เท้าฉวยโอกาสถีบไปบนด้ามทวนที่ปักอยู่บนพื้น กระทืบลงไปอย่างแรง
ด้ามทวนดีดกลับมาอย่างรวดเร็ว ผัวะ! ฟาดเข้าไปที่หน้าของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานที่ตั้งตัวไม่ทัน ถอยโซซัดโซเซไปข้างหลัง แต่กลับพบว่าทวนที่อยู่ในมือหายไปแล้ว
เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยื่นมือไปคว้าทวนที่เฉียดผ่านหน้าอกของตัวเองไป ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังลนลาน ดึงเอาทวนมาอยู่ในมือตัวเอง จากนั้นหมุนตัว เหวี่ยงทวนพร้อมแทงออกไป นิ้วมือทั้งห้าปล่อยด้ามทวนให้พุ่งออกไป ก่อนจะคว้าจับปลายทวนเอาไว้อีกครั้ง แทงส่งออกไปอีกทีหนึ่ง!
ตูม! ร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานที่ยังถอยโซซัดโซเซไปข้างหลังพลันแข็งทื่อ ก้มหน้ามองดูทวนยาวของตัวเองที่แทงเข้ามาในหน้าอกของตัวเอง
ความเคลื่อนไหวของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินไม่ได้หยุดลง เขากระโดดขึ้นเล็กน้อย แทงเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานให้ล้มลงไปบนพื้น จากนั้นขึ้นไปเหยียบหน้าอกของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานเอาไว้ ดึงทวนออกมา ก่อนจะแทงลงไปอีกครั้งอย่างแรง แทงลงไปในศีรษะของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานพร้อมกับบิดด้ามทวน สุดท้ายปล่อยมือออกแล้วหมุนตัวเดินจากไป ก้าวเดินออกมาพร้อมมือที่ว่างเปล่า
ไม่มีความเร่งร้อน ค่อยๆ เดินออกมา เพียงแต่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรอยบาดแผล เหลือแขนแค่เพียงข้างเดียว ดูคล้ายนักรบที่ผ่านศึกมานับร้อยแล้วยังมีชีวิตรอดอยู่
ศพที่แน่นิ่งไม่ไหวติงของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานอยู่ด้านหลังเขา ศีรษะยังถูกทวนปักเอาไว้บนพื้น
สังหารเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพานภายในอึดใจเดียว!
ด้านนอกตำหนักคุนกว่าง นอกจากกลุ่มนักข่าวที่ส่งเสียงจ้อกแจ้กพูดคุยกันแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ไม่ได้มีความรู้สึกตกตะลึงเวลาที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินโจมตีกลับแล้ว เห็นจนไม่รู้จักแปลกแล้ว
สีหน้าของพานชิ่งดูแย่อย่างมาก ร่างกายทรุดลง ทิ้งตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้ คล้ายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอย่างไรอย่างนั้น
พานหลิงเยวี่ยจ้องมองทวนยาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ในฉากแสงเล่มนั้น นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่เป็นเวลานาน ใต้คมทวนของทวนเล่มนั้นคือศีรษะของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลพาน ดูคล้ายด้ามธงที่กำลังป่าวประกาศกับทุกคนว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลพานสิ้นชีพอยู่ตรงนี้!
สีหน้าของเธอตกอยู่ในความสับสน
โจวหม่านเชารู้สึกเสียใจกับการตายของพวกพ้อง สีหน้าคร่ำเคร่ง ยกมือกวักเรียกเล็กน้อย เผิงซีรีบโน้มตัวลงมาตรงไหล่ของเขา
โจวหม่านเชาเหลียวหน้าไปกระซิบข้างหูเขา แต่น้ำเสียงกลับแข็งกระด้างเป็นอย่างมาก “นี่คือข้อดีของการไม่ให้หลัวคังอันเปลี่ยนตัวที่แกบอกเหรอ?”
เผิงซีอับอายขายหน้า ไม่มีคำพูดใดๆ จะตอบโต้ แล้วก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้
“ร้ายกาจ!” หนานชีหรูอันกล่าวชมเชย เหลียวหน้ากลับไปมองฉินอี๋ ปรบมือเบาๆ พลางกล่าวชื่นชม
ฉินอี๋ไม่ได้มองเขา สายตายังคงจ้องมองนักรบผู้กล้าของหอการค้าตระกูลฉินที่กำลังย่างก้าวไปอย่างช้าๆ ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผล
สิบตน! เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินสังหารเทพมหาวิญญาณไปสิบตนจากเทพมหาวิญญาณยี่สิบสี่ตนที่เข้าร่วมการประมูล
เจ้าแคว้นหนานหรูจ้องมองดูร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่กำลังก้าวเดินอยู่ในฉากแสงตรงหน้า นิ้วทั้งสิบที่ไพล่อยู่ด้านหลังกำลังขยับไปมาอย่างช้าๆ
“เฮ้อ ปล่อยให้พวกมันหนีไปซะได้” หลัวคังอันที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้ช่วยส่ายศีรษะ ถอนใจออกมา
แม้การสังหารไปสิบตนจะถือว่าไม่เลว แต่สำหรับหลัวคังอันแล้ว เขาคิดว่าหลินยวนยังสามารถสังหารได้มากกว่านี้
เขาเคยเห็นภาพที่หลินยวนสังหารหอการค้าตระกูลเซวียน หอการค้าตระกูลเมิ่งกับหอการค้าตระกูลหลานก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ภายใต้แมงมุมสวรรค์ที่แห่กันเข้ามา แม้นจะอยู่ในสถานการณ์ที่อลหม่านวุ่นวายแบบนั้น แต่เขาก็ยังกำจัดเทพมหาวิญญาณทั้งสามตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย ไม่มีกระบวนท่าที่สูญเปล่าเลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว ไหนเลยจะผลัดกันแทงไปแทงมา เสียเวลาปะทะกันอยู่ตั้งนานเหมือนอย่างตอนนี้ได้ อีกทั้งยังปล่อยให้เทพมหาวิญญาณส่วนนึงหนีไปได้ด้วย
เขามองเห็นภาพที่หลินยวนกำลังควบคุมเทพมหาวิญญาณอย่างไม่เร่งร้อน ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าหลินยวนออมแรงเอาไว้ ไม่ได้ทุ่มกำลังเต็มที่เลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าหลินยวนคิดอะไรอยู่
หลินยวนย่อมต้องมีความคิดของตัวเอง เป็นความคิดที่ไม่สามารถประกาศให้คนอื่นรู้ได้
สรุปแล้วก็คือเทพมหาวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ไม่ได้คู่ควรที่จะสู้กับเขาเลย!
แต่เขามีความกังวลของเขาอยู่!
ทวนกลับมาอยู่ในมือของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินอีกครั้ง เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกวาดตามองไปรอบๆ เทพมหาวิญญาณตัวอื่นๆ ที่หลบหนีไปได้หายไปหมดแล้ว สายตามองไปยังเทพมหาวิญญาณอีกแปดตนที่ลอยอยู่บนอากาศ เหวี่ยงทวนด้วยแขนข้างเดียว ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า!
ไม่ต้องพูดอะไร ทุกคนต่างมองเข้าใจ ถ้ามีปัญญาก็รีบเข้ามา!
กำลังจะเริ่มอีกแล้ว หลัวคังอันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ฝ่ามือฟาดลงไปบนจานสื่อสารพลังเวทย์ที่อยู่บนที่นั่งผู้ช่วย อ้าปากถ่ายพลังพร้อมส่งเสียงตะโกนออกไป เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินเปล่งเสียงคำรามออกไป “หลัวคังอันอยู่ที่นี่แล้ว ใครคิดว่าแน่ก็เข้ามา!” เสียงตะโกนดังสะท้อนไปทั่ว
ภาพที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินชี้ทวนออกไป อีกทั้งยังเปล่งเสียงตะโกนออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้พิทักษ์เทพหน่วยหนึ่งในเมืองหลวงพลันแตกตื่นฮือฮาขึ้นมาทันที แล้วก็มีเสียงด่าทอที่คล้ายกำลังหยอกล้อดังขึ้นมาด้วย
จูลี่กล่าวบรรยายไม่หยุด รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ฉินอี๋กัดริมฝีปาก เธอคิดไม่ถึงจริงๆ
สายตาของไป๋หลิงหลงสาดประกายไม่หยุด
“สมเป็นชายชาตรี!” ฉินเต้าเปียนตบโต๊ะชมเชย หลิ่วจวินจวินที่อยู่ข้างๆ ส่ายศีรษะด้วยความประหลาดใจ
จูเก่อม่านหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง เป็นการหลั่งน้ำตาพร้อมรอยยิ้ม เป็นน้ำตาที่แฝงไว้ด้วยความภาคภูมิใจและรักใคร่
องอาจห้าวหาญ!
ภายในเมืองปู๋เชวี่ย ไม่รู้ว่ามีผู้ชมมากน้อยเท่าไรที่ขนลุกชูชันขึ้นมาเมื่อได้เห็นภาพนี้และได้ยินเสียงตะโกนนี้
……………………………………………………………….