ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 100 พี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว
ตอนที่ 100 พี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว
ทุกคนพากันจ้องมองท่าทีของเขา ต่างรู้ว่าอำนาจการตัดสินใจที่แท้จริงอยู่ในมือเขา
หนานหรูจ้องมองฉินอี๋พลางกล่าว “ที่ท่านเจ้าเมืองทุกท่านว่ามา เธอเองก็ได้ยินแล้ว ยังมีปัญหาอะไรหรือไม่?”
ฉินอี๋ตอบ “หอการค้าตระกูลฉินเพียงแต่เสนอข้อชี้แนะต่อท่านเจ้าแคว้น ส่วนจะตัดสินอย่างไรก็ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่านเจ้าแคว้นค่ะ” เธอไม่กล้าโต้แย้งอะไร เรียกได้ว่ายอมแพ้
ในเวลานี้เอง จู่ๆ ลั่วเทียนเหอพลันตะคอกออกมา “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”
ฉินอี๋หันมองไป ทราบถึงเจตนาที่ดีของเขา รู้ว่าเขากำลังปกป้องตัวเองอยู่ จึงรีบถอยกลับไปอย่างเคารพนอบน้อม
คนฉลาดต่างมองออกว่าลั่วเทียนเหอกำลังปกป้องฉินอี๋ การที่จู่ๆ ในเวลานี้เขาก็เอ่ยปากออกมา นั่นเป็นเพราะว่าไม่อยากให้เจ้าแคว้นหนานหรูเอาผิดอะไรกับเธอ
และลั่วเทียนเหอก็มีเจตนาเช่นนี้จริงๆ เรื่องที่จะให้ช่วยเรื่องการประมูลนั้นเขาไม่สนใจ แต่เรื่องความปลอดภัยของฉินอี๋ เขาไม่มีทางนั่งมองดูเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร
หนานหรูที่กำลังจะพูดอะไรถูกชิงพูดตัดหน้า สายตาเหลือบมองไปทางลั่วเทียนเหอเล็กน้อย เห็นอาจารย์แสดงท่าทีออกมา อีกทั้งจังหวะก็พอเหมาะพอเจาะ ไม่ทำให้เจ้าแคว้นอย่างเขาต้องเสียหน้า จึงไม่ได้พูดอะไรกับฉินอี๋อีก
เขาหันมองซ้ายขวา มองดูเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการประมูลที่ทางสภาเซียนส่งมาพลางกล่าวว่า “หากไม่มีอะไรแล้ว อย่างนั้นเริ่มการประมูลกันเลยไหม?”
คนที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของเขาต่างพยักหน้า
หนานหรูกวาดตามองไปรอบๆ “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป การประมูลเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”
ไม่นาน ตรงขอบฟ้าที่ไกลออกไปก็มีแสงสว่างพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า สายตาของทุกคนจับจ้องไปบนฉากแสง ก่อนจะเห็นเทพมหาวิญญาณกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในอุโมงค์เคลื่อนย้ายพลันหายวับไป
ฉินอี๋ที่เดินกลับมายังที่นั่งแอบรู้สึกโล่งใจ การที่หนานหรูเรียกเธอออกไปสอบถามต่อหน้าทุกคนนั้น จริงอยู่ที่เธอค่อนข้างตกใจ แต่ความรู้สึกที่มากกว่านั้นคือเสียใจ เธอรู้สึกเสียใจว่าไม่ควรส่งจดหมายไปให้หนานหรูเลย เพราะหลังจากที่ถูกเปิดเผยออกไป นั่นกลับจะยิ่งทำให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินตกอยู่ในอันตราย
แต่ก่อนหน้านี้เธอก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหนานหรูจะเรียกเธอไปสอบถามต่อหน้าทุกคน
หนานชีหรูอันเหลือบมองดูฉินอี๋ที่กำลังจ้องมองฉากแสงอยู่
ฉวี่ซานจวีผู้เป็นประธานของหอการค้าตระกูลฉวี่เองก็เหลือบมองดูฉินอี๋ ร่างกายโน้มเอนไปด้านหลัง กล่าวกระซิบกระซาบกับคนที่อยู่ด้านหลังที่โน้มตัวลงมา คนที่อยู่ด้านหลังพยักหน้าเล็กน้อย
ภาพที่อยู่บนฉากแสงเปลี่ยนไป เทพมหาวิญญาณที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ปรากฏตัวอยู่ในแดนแมงมุมสวรรค์ที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงใหญ่ที่มีรูปร่างแปลกตา ผู้พิทักษ์เทพที่รอคอยอยู่ในแดนแมงมุมสวรรค์ล่วงหน้ากำลังทำการชี้แจงอะไรบางอย่างกับผู้เข้าแข่งขันอยู่
หนานหรูที่ประกาศให้เริ่มการประมูลนั่งอยู่ตรงบัลลังก์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกออกไป เดินเข้าไปในตำหนักใหญ่
ลั่วเทียนเหอที่นั่งอยู่ด้านล่างสังเกตเห็นเขาลุกออกไป จึงลุกขึ้นเช่นเดียวกัน เดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง เข้าตำหนักไปทางด้านข้าง
ภายในตำหนักด้านหลัง หนานหรูที่กำลังพลิกดูอะไรบางอย่างอย่างสบายใจรู้ว่าอาจารย์เข้ามา จึงยิ้มเจื่อน ทำได้เพียงกล่าวเชิญ
หลังลั่วเทียนเหอเข้ามาด้านใน เขาก็โบกมือบอกให้คนอื่นๆ ถอยออกไปก่อน จากนั้นถึงจะลุกขึ้นโค้งตัวคำนับ “อาจารย์”
ลั่วเทียนเหอสังเกตดูสิ่งที่เขากำลังพลิกดูอยู่ในมือ “การประมูลเริ่มขึ้นแล้ว แต่เธอกลับไม่สนใจอะไรเท่าไรเลย”
หนานหรูจึงได้แต่ต้องวางของที่อยู่ในมือลง เดินอ้อมโต๊ะยาวออกมาตรงหน้าเขา “มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรนี่ครับ มีคนตั้งมากมายขนาดนั้นคอยดูอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ผมไปจัดการทุกเรื่องก็ได้ อาจารย์เข้ามานี่ ไม่ทราบว่ามีอะไรชี้แนะหรือครับ?”
ลั่วเทียนเหอแค่นเสียงเหอะ “เธอเป็นเจ้าแคว้น ผู้น้อยมีหรือจะกล้าชี้แนะเธอ”
หนานหรูยิ้มเจื่อนขึ้นมา “อาจารย์ครับ ที่อาจารย์ปกป้องฉินอี๋คนนั้น ผมไม่ได้ว่าอะไรเลยนะครับ”
ลั่วเทียนเหอกล่าว “ฉันเองก็อยากถามเธออยู่พอดีเลยว่าที่หอการค้าตระกูลฉินสงสัยน่ะผิดไหม? การเข้าไปทำการประมูลในแดนแมงมุมสวรรค์มันก็ไม่เหมาะสมจริงๆ อาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่ฉินอี๋ว่ามาจริงๆ ก็ได้ ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่เธอกลับไม่ระบุลงไปในกฎว่าห้ามผู้ประมูลทำร้ายกันเอง เธอทำแบบนี้ไม่กลัวจะเกิดเรื่องเหรอ?”
หนานหรูกล่าว “ถ้าพวกเขาอยากจะฆ่ากันเอง อย่างนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเองไปครับ คิดซะว่าเป็นการทดสอบการต่อสู้จริงไปก็แล้วกันครับ”
ลั่วเทียนเหอโกรธเกรี้ยว “เหลวไหล! เธอตอบฉันมาตามตรง เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หนานหรูยกมือขึ้นมานวดขมับ คล้ายจะปวดหัวเล็กน้อย เขาเองก็มองออกว่าหากไม่มอบคำอธิบายให้แก่อาจารย์ เกรงว่าอาจารย์คงไม่ยอมหยุดแน่ สุดท้ายจึงได้แต่ถอนใจแล้วกล่าวว่า “อาจารย์ครับ ดินแดนเซียนกว้างใหญ่ไพศาล การประมูลครั้งนี้จัดขึ้นที่ไหนไม่จัด ทำไมถึงต้องมาจัดขึ้นที่แคว้นเซียนคุนกว่างด้วย ทำไมถึงต้องมาจัดขึ้นที่นี่ ท่านไม่รู้สึกว่ามันแปลกหรือครับ?”
ลั่วเทียนเหอเผยสีหน้าสงสัยทันที “เธอจะบอกว่าเบื้องหลังเรื่องนี้มีจุดประสงค์อะไรที่บอกคนอื่นไม่ได้อย่างนั้นเหรอ?”
หนานหรูกล่าว “ผมไม่รู้ว่าเบื้องหลังเรื่องนี้จะมีจุดประสงค์อะไรหรือเปล่า แต่ผมก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน ผมรู้ว่าอาจารย์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางหอการค้าตระกูลฉิน ผมเองก็ไม่อยากให้อาจารย์ต้องลำบากใจ แต่อาจารย์รู้ไหมครับว่าเมื่อครู่ทำไมผมถึงต้องเรียกฉินอี๋ออกไป? มันก็เป็นอย่างที่อาจารย์ได้เห็น ทุกคนพากันรุมโจมตีฉินอี๋!”
ลั่วเทียนเหอไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไง?”
หนานหรูกล่าว “อาจารย์คิดว่าในกลุ่มคนที่มาประมูล มันจะมีสักกี่คนที่มาเพื่อทำการประมูลจริงๆ ครับ? พวกนั้นมาเพื่อสร้างความวุ่นวายทั้งนั้น! ทั้งคนที่มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิมคิดอยากจะขัดขวางคนที่จะเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ของพวกเขา แล้วก็คนอื่นๆ ที่อยากจะแย่งชิงผลประโยชน์จากคนที่มีผลประโยชน์อยู่แต่เดิม นี่เป็นการประมูล แล้วก็เป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์กัน”
“ที่ฉินอี๋พูดมานั้นถูกต้อง แต่ทำไมคนที่อยู่ข้างนอกพวกนั้นถึงยังรุมโจมตีฉินอี๋อย่างไร้มโนธรรมอยู่อีกล่ะครับ? ความจริงมันก็วางให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ใช่แค่ผมเท่านั้นที่มีคนมาหา แต่คนที่โจมตีฉินอี๋เหล่านั้นก็มีคนไปหาเหมือนกัน ไม่ได้ต่างอะไรจากผมเท่าไรนัก”
“ถ้าหากผมจริงจัง เกรงว่าในด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ กับ ‘ข่ายพลังหมื่นฤทธา’ คงต้องมีคนตกรอบไปหลายคนแน่!”
“อาจารย์ลองคิดดูสิครับว่าเบื้องหลังหอการค้าที่เข้าร่วมประมูลเหล่านี้มีใครหนุนหลังอยู่ เบื้องหลังหอการค้าทุกแห่งล้วนแต่มีตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ทั้งสิ้น แล้วภายในตระกูลเหล่านั้นก็มีคนที่ทำงานอยู่ในสภาเซียนไม่มากก็น้อยด้วย”
“อาจารย์ครับ ผมเองก็กดดันอย่างมากนะครับ ไม่ว่าฝั่งไหนก็ไม่อยากจะไปล่วงเกินเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการล่วงเกินทีเดียวตั้งมากมายขนาดนั้นด้วย!”
“อาจารย์ครับ ในตอนที่คนส่วนใหญ่อยากจะเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก ท่านคิดว่าการประมูลครั้งนี้มันยังมีความจำเป็นที่ต้องไปจริงจังอีกหรือครับ?”
ลั่วเทียนเหอคล้ายกำลังครุ่นคิด เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “แต่ภาระความรับผิดชอบในการประมูลมันอยู่ที่เธอ สุดท้ายสภาเซียนก็ต้องมาขอคำอธิบายจากเธออยู่ดี”
หนานหรูกล่าว “ในเมื่อคนพวกนี้ชอบก่อความวุ่นวาย อย่างนั้นผมก็จะตามใจพวกเขา ให้โอกาสพวกเขาได้ก่อความวุ่นวาย ให้พวกเขาไปเล่นกันเอง ถ้ามีคนไม่พอใจกับผลลัพธ์ ไม่เป็นไร แดนแมงมุมสวรรค์เพียงครั้งเดียวยังไม่สะใจ อย่างนั้นก็ผมจะหาที่ใหม่ให้พวกเขาเล่นเป็นครั้งที่สอง ขอเพียงพวกเขามีเงินให้ผลาญ ผมก็จะให้พวกเขาฆ่ากันเองต่อไป เล่นจนพวกเขาทนไม่ไหว เดี๋ยวพวกเขาก็หยุดไปเอง ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะมาช่วยผมหาทางออกอย่างจริงใจเอง แล้วผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็จะออกมา ไม่จำเป็นต้องไปแบกรับความกดดันไว้เพียงลำพัง”
ลั่วเทียนเหอนิ่งเงียบไปครู่ ก่อนจะเหลียวหน้ามองไปยังโต๊ะของเจ้าแคว้น ถอนใจพลางกล่าว “มิน่าตอนนั้นเหนียงเหนียงถึงได้บอกว่าถ้าให้เธอรับตำแหน่ง พระองค์ค่อนข้างวางพระทัย”
หนานหรูค้อมกายไปทางเขา “อาจารย์ ผมเองก็จนปัญญาครับ” กล่าวจบพลันสะบัดมือ รอบด้านมีฉากแสงปรากฏขึ้นมา
ลั่วเทียนเหอตกตะลึง เมื่อมองดูภาพบนฉากแสงก็รู้ว่าที่นี่สามารถดูการประมูลได้อย่างชัดเจนเช่นกัน
……
ณ แดนแมงมุมสวรรค์ ภายในอุโมงค์เคลื่อนย้ายที่เพิ่งจะติดตั้งขึ้นมา หลังชี้แจงรายละเอียดเสร็จเรียบร้อย เทพมหาวิญญาณของทางค่ายผู้พิทักษ์เทพก็ถอยออกไปอยู่ด้านข้าง
เทพมหาวิญญาณทั้งยี่สิบสี่ตนของหอการค้าตระกูพาน โจว ฉิน อู๋ ฉวี่ เซวียน เมิ่ง หลาน อู ชาง จวง จู่ เผย เฟิง กู่ ว่าน สือ เหวิน หยิน หยวน จิ้น เหอ เกา หลัวยืนอยู่ในอุโมงค์เคลื่อนย้าย บนหน้าอก แผ่นหลัง และบนแขนทั้งสองข้างของเทพมหาวิญญาณเหล่านั้นล้วนแต่มีชื่อสลักเอาไว้ เหล่าเทพมหาวิญญาณกำลังเตรียมตัวเป็นครั้งสุดท้าย
ภายในเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉวี่มีเสียง ‘ติ๊ดๆ’ ดังขึ้นมา ขุยชิวที่เป็นผู้ควบคุมหลักดีดนิ้ว สายลมที่รุนแรงสายหนึ่งได้กดเปิดช่องสื่อสารที่ใช้ติดต่อกับโลกด้านนอกเป็นการเฉพาะที่อยู่ภายในห้องควบคุมขึ้นมา
ภายในช่องสื่อสารมีเสียงของผู้ช่วยประธานดังขึ้นมา “ขุยชิว เป้าหมายหลักคือเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน”
ขุยชิวถามย้ำ “หอการค้าตระกูลฉิน?”
ผู้ช่วยตอบ “ใช่ จะปล่อยให้หอการค้าตระกูลฉินเข้ารอบสองไม่ได้”
ขุยชิวกล่าว “รับทราบ” จากนั้นตัดการสนทนาไป
ภายในเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉิน หลัวคังอันกวาดตามองไปรอบๆ ท่าทางระแวดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“จดหมาย” หลินยวนกล่าวเตือน
“อะไร?” หลัวคังอันเหลียวหน้ากลับไปถาม
หลินยวนกล่าว “จดหมายที่ให้พี่เปิดอ่านหลังเข้ามาในแดนแมงมุมสวรรค์ไง”
“อ้อ!” หลัวคังอันถึงได้นึกขึ้นได้ เขาตื่นเต้นเกินไปจนลืมที่ฉินอี๋สั่งเอาไว้ จึงรีบยกเลิกพลัง ออกมาจากการเชื่อมต่อกับเทพมหาวิญญาณ เดินออกมาจากตำแหน่งควบคุม หยิบเอาจดหมายที่ฉินอี๋มอบให้ไว้ก่อนหน้านี้ออกมาเปิดอ่าน
หลินยวนเดินมาดูด้วยกัน บนจดหมายเขียนประโยคสั้นๆ เอาไว้เพียงสองสามประโยคเท่านั้น แต่มันกลับทำให้หลัวคังอันและหลินยวนมองหน้ากัน
บนจดหมายบอกว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋ที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นคนที่ฉินอี๋เตรียมเอาไว้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาในการประมูล ถ้าเจออันตรายให้เชื่อใจอีกฝ่ายได้
“หอการค้าตระกูลอู๋….” หลัวคังอันกล่าวพึมพำ มือรีบเก็บจดหมายฉบับนั้นลงไป โอบไหล่หลินยวนพลางกล่าวเสียงเบาๆ ว่า “น้องหลิน ผู้ช่วยแค่คนเดียวมันจะมีประโยชน์สักเท่าไรเชียว ในใจพวกเราไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงมันก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เข้าร่วมการประมูลแบบนี้ ไม่มีทางที่จะมีเจตนาดีแน่นอน มีคำพูดบางอย่างที่ฉันอยากจะพูดตรงๆ ถูกต้อง จริงอยู่ที่พวกเรารับเงินเดือนจากหอการค้าตระกูลฉิน แต่เงินเดือนแค่นี้มันไม่คุ้มค่าพอให้พวกเราเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงได้”
“จริงอยู่ที่รางวัลที่ท่านประธานบอกว่าจะให้มันมากมายมหาศาล แต่พวกเราก็ต้องมีปัญญาไปเอารางวัลนั้นมาด้วย แล้วก็ต้องมีชีวิตอยู่ใช้รางวัลนั้นด้วย ก่อนหน้านี้ในเมืองปู๋เชวี่ยเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นติดๆ กัน นายเองก็เห็นแล้วนี่ เพื่อการประมูลครั้งนี้แล้ว กระทั่งผู้พิทักษ์เมืองก็ยังกล้าฆ่า มีอะไรที่คนพวกนั้นมันไม่กล้าทำบ้าง?”
“น้องหลิน นายมีความสามารถแค่ไหน ตัวนายเองรู้ดี ฉันเองก็รู้ดี ก่อนหน้านี้ที่ไม่พูดเพราะเห็นแก่หน้านาย วันนี้พวกเรามาเปิดอกกัน นายเรียนอยู่ที่หลิงซานมาสามร้อยปียังเรียนไม่จบ นายมาทำงานหาเลี้ยงตัวเองที่หอการค้าตระกูลฉิน ฉันเองก็เหมือนกัน”
“ด้วยความสามารถของพวกเรา ทันทีที่คนเหล่านั้นเปิดฉากโจมตีใส่กัน ตอนนั้นจะอันตรายอย่างมาก ฉันเองก็ไม่ปิดบังนายแล้วกัน ทันทีที่เกิดเรื่องอะไรที่อันตรายขึ้น ฉันเตรียมจะหนีออกไป เห็นแก่ที่พวกเราเป็นเหมือนพี่น้องกัน ฉันไม่อยากจะทิ้งนายเอาไว้โดยไม่สนใจ เราหนีไปด้วยกัน ดูแลซึ่งกันและกัน นายว่ายังไง?”
หลินยวนกล่าว “พี่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว กระทั่งป้าหวังคนนั้นพี่ยังเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสได้เลย พี่จะกลัวพวกเขาได้ยังไง?”
“ฉัน…” หลัวคังอันไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไร แต่เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ต้องกระซิบกระซาบบอกความจริงไป “นายโง่หรือเปล่า ถ้าฉันไม่พูดแบบนั้น หอการค้าตระกูลฉินจะให้เงินเดือนฉันสูงขนาดนี้เหรอ?”
หลินยวนกวาดตามองเขา “ถ้าหลบอยู่ในเทพมหาวิญญาณแล้วยังไม่ปลอดภัย แล้วพี่มั่นใจได้ยังไงว่าหนีออกไปข้างนอกแล้วจะปลอดภัย?”
หลัวคังอันกล่าว “น้องชาย นี่เป็นการประมูลเทพมหาวิญญาณ ทุกคนต่างก็คิดจะเล่นงานเทพมหาวิญญาณอยู่แล้ว ถ้าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินพังไปแล้ว ก็เท่ากับเป้าหมายของคนพวกนั้นบรรลุแล้ว อีกทั้งพวกนั้นยังมีเรื่องอื่นให้ต้องไปทำ ไม่มีความจำเป็นต้องมาไล่ฆ่าพวกเราเลย”
หลินยวนกล่าว “เอาเงินเขามา แต่กลับไม่ทำงาน มันไม่ค่อยเหมาะหรือเปล่าพี่?”
หลัวคังอันถอนใจออกมา “ดูนายพูดเข้าสิ ฉันต้องพยายามทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้ พวกเราเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? น้องหลิน ฉันพูดขนาดนี้แล้ว หรือว่านายยังคิดจะเสี่ยงชีวิตคนเดียวอีก?”
หลินยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตกลง ผมว่าตามพี่”
หลัวคังอันยิ้มขึ้นมา แล้วก็รู้สึกโล่งใจ ถ้าหนีไปคนเดียวเขากลัวว่าจะถูกฟ้อง ถึงตอนนั้นหอการค้าตระกูลฉินไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ แต่ถ้าดึงเอาหลินยวนมาด้วยมันก็จัดการได้ง่ายหน่อย ถึงตอนนั้นสองคนช่วยกันพูดมันก็ยังพอจะรับมือไหว
เขากลับเข้าไปประจำในตำแหน่งควบคุมแล้วปล่อยพลังเชื่อมต่อเข้ากับเทพมหาวิญญาณอีกครั้ง จากนั้นมองซ้ายมองขวา มองหาว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋อยู่ที่ไหน
หลินยวนกลับไปนั่งยังที่นั่งของตน สายตาเหลือบมองไปยังตำแหน่งที่จูลี่ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้
………………………………………………………….