ฉันไปรบตามแผนการของน้องสาวจนได้เป็นพระราชาซะแล้ว เจ้าหญิงที่ถูกฉันจับบังคับทำเมียมองฉันด้วยความเคียดแค้น ฉันจะทำไงดีล่ะทีนี้? - ตอนที่ 14 คำว่าเพื่อน นั้นมีความหมาย ไม่ยิ่งใหญ่ แต่จริงใจให้เธอว์
- Home
- ฉันไปรบตามแผนการของน้องสาวจนได้เป็นพระราชาซะแล้ว เจ้าหญิงที่ถูกฉันจับบังคับทำเมียมองฉันด้วยความเคียดแค้น ฉันจะทำไงดีล่ะทีนี้?
- ตอนที่ 14 คำว่าเพื่อน นั้นมีความหมาย ไม่ยิ่งใหญ่ แต่จริงใจให้เธอว์
เมื่อได้รับข้อเสนอจากแวน มาร์คกราฟ อุลเบลส์ จึงเลือกหยิบอาวุธใหม่
คราวนี้เป็นดาบใหญ่เหมือนกับแวน
ถึงจะไม่ค่อยได้ใช้ในสนามรบ แต่อันที่จริงเขามีทักษะทางดาบมากกว่าง้าว
“…เอาล่ะ มาดวลกันใหม่อีกครั้ง”
มาร์คกราฟ อุลเบลส์ เผชิญหน้ากับแวนอีกครั้ง
ในฐานะนักรบถือว่าน่าละอายที่ต้องขอต่อรอบทดเวลาเจ็บด้วยความเมตตาจากศัตรู
โดยปกติแล้วควรจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างสง่างาม
(แต่….ฉันอยากเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของชายผู้นี้…!)
เขาไม่สามารถปล่อยวางได้
ชายตรงหน้าคือวีรบุรุษที่กำลังก้าวไปสู่อนาคต ไม่เหมือนเขาที่อายุมากขึ้นและกำลังจะหมดอนาคต
เขารับรู้ได้ถึงจิตวิญญานการต่อสู้อันแรงกล้า ที่เหมือนดั่งต้นกล้ากำลังเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้า
“โอ้วววววว!!!”
มาร์คกราฟ อุลเบลส์ คำรามแล้วพุ่งเข้าโจมตี
“โอ้?”
แวนดูอึ้งเล็กน้อย แล้วใช้ดาบใหญ่สกัดการโจมตีทั้งหมด
(เขาจะต้องตกใจแน่! นี่คือบังไคของฉัน!)
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกนี้ล้วนมีพลังงานในตัวที่เรียกว่า “มานา”
มาร์คกราฟ อุลเบลส์ เสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาด้วยการระเบิดมานา
“โอ้วววววววววววววว!!!”
การโจมตีคอมโบต่อเนื่องจนดูไม่เหมือนว่าเขากำลังถือดาบใหญ่ที่มีขนาดหนักมาก
เมื่อใช้มานาเสริมความแข็งแกร่งในการโจมตีก็เหมือนบั่นทอนพลังงานชีวิตลงไปด้วย
(แต่…ฉันจะไม่หยุดการโจมตีเด็ดขาด!)
แม้จะต้องสละชีวิตก็ตาม นับว่าเป็นเกียรติที่ได้ตายในการต่อสู้กับวีรบุรุษ
ด้วยความภาคภูมิใจของนักรบ จากสัญชาตญานนั้นได้บอกว่า นี่แหล่ะคือที่ตายของเขา
“ช่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง… น่าประทับใจมาก”
“ท่านพูดเช่นนั้นด้วยใบหน้าสงบได้อย่างไร? เอาไว้พูดตอนที่เหงื่อออกแล้วดีกว่า!”
แวนสกัดกั้นการโจมตีได้ทุกกระบวนท่าโดยไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เขาใช้ดาบใหญ่คมเดียวหักเหการโจมตีทั้งมวลโดยไม่สร้างรอยขีดข่วนเลยแม้แต่น้อย
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แวนยังไม่ได้ขยับเท้าจากจุดที่เขายืนอยู่เลย
แม้จะถูกโจมตีต่อเนื่องอย่างบ้าคลั่งแต่เขายังไม่ได้ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
(แข็งแกร่ง ช่างแข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!…)
ไม่มีข้อสงสัยอันใดอีกต่อไป เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันเคยต่อกรมาในช่วงชีวิตทั้งหมด
หากเป็นไปได้ อยากจะได้พบก่อนที่ร่างกายจะหมดสภาพไปตามวัยเช่นนี้
(นี่จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของฉัน! ฉันจะเอาชนะวีรบุรุษแห่งอนาคตคนนี้ให้จงได้!…)
มาร์คกราฟ อุลเบลส์ ลืมจุดประสงค์ของการดวลไปเสียสิ้น
การดวลครั้งนี้มีไว้เพื่อเป็นข้ออ้างในการสวามิภักดิ์ต่อรัฐบาลใหม่ของราชอาณาจักรอาเรงส์
มันเป็นการแสดงละครเพื่อโน้มน้าว หลานสาวสมองกล้าม และเหล่าขุนนางกับทหารหัวร้อนของเขาให้ยอมรับการสวามิภักดิ์ต่อกองกำลังกบฏ
ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เขาก็วางแผนที่จะยกย่องความกล้าหาญของพระราชาองค์ใหม่ที่ยอมรับการท้าดวล และพร้อมจะสาบานจงรักภักดีต่อแวน
แต่ตอนนี้มาร์คกราฟ อุลเบลส์ ลืมเป้าหมายนั้นไปหมดแล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงความปรารถนาอันแรงกล้าของนักรบ ที่ต้องการจะโค่นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามตรงหน้าให้ได้เพียงเท่านั้น
“ฮ่าาา!!”
“โอ้?”
มาร์คกราฟ อุลเบลส์ กระโดดสูงขึ้นในบนอากาศ
ด้วยการใช้มานาเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกาย เขาพุ่งทะยานสูงขึ้นไปถึง 10 เมตร
“นี่คือการโจมตีครั้งสุดท้ายด้วยพลังชีวิตทั้งหมดของฉัน! จงรับไป!”
เมื่อมาร์คกราฟ อุลเบลส์ ลอยสูงอยู่บนอากาศ ได้ร่ายเวทย์ลมเพื่อใช้ในการโจมตี
เขาระเบิดพลังมานาออกจากปลายเท้าในการพุ่งลงมาโจมตีใส่แวนดั่งอุกกาบาต
“เช่นนั้นเอง”
แวนแหงนมองมาร์คกราฟ อุลเบลส์ ขณะพุ่งลงมาแล้วพยักหน้า
เสี้ยววินาทีนั้น แวนก็ดีดตัวจากพื้นพุ่งขึ้นไป
“เฮือก….!?”
ก่อนที่จะรู้ตัว มาร์คกราฟ อุลเบลส์ ก็ปลิวไปในอากาศ
มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวด้วยตัวของเขาเอง แต่เหมือนถูกเหวี่ยงให้กระเด็นออกไป
(เกิดอะไรขึ้น….)
เขาถูกเหวี่ยงจนตัวลอยสูงกว่ากำแพงของป้อมปราการ เมื่อมองลงมาก็เห็นใบหน้าของหลานสาวของเขาเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง
“อุ…?!”
เมื่อแรงเหวี่ยงหมดลง เขาจึงถูกแรงโน้มถ่วงดึงลงสู่พื้นด้วยการเอาหัวดิ่งลงมาด้วยความเร็วสูง
“โอ้วววว?!”
“โอ้ อันตราย อันตราย”
“เอ๋?!”
มีใครบางคนรับเขาไว้ได้ทันท่วงที
“เอาหัวลงมันอันตรายนะ ถ้าไม่ระวัง ท่านอาจจะหัวโนได้ใช่ไหม?”
“เจ้า….ไม่สิ ท่าน….”
แวนเป็นคนรับร่างของมาร์คกราฟ อุลเบลส์ ก่อนจะลงสู่พื้นดิน
มานาของเขาหมดลงแล้ว หากเอาหัวลงพื้นลักษณะนี้ อาจจะเสียชีวิตได้
“ท่านช่วยฉันไว้ทำไมกัน?”
“น้องสาว….ไม่ใช่สิ….อะแฮ่ม….” (ย้อนความ โมอาเคยบอกว่าอยากได้มาร์คกราฟมาอยู่ใต้อาณัติ)
แวนแสร้งกระแอมในลำคอเบาๆ
“…ท่านมีค่าเกินกว่าที่จะมาตายที่นี่ ถึงจะไม่พอใจที่ต้องติดตามเชื่อฟังฉันที่อายุน้อยกว่า แต่ท่านอยากจะรับใช้อาณาจักรของฉันไหม?”
“ร่างกายเฒ่าชราเช่นนี้จะยังมีประโยชน์อันใดอีกเหรอ?”
นอกจากนี้ การใช้มานาในการต่อสู้จำนวนมากได้บั่นทอนพลังชีวิตลงไปทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างมาก
มาร์คกราฟ อุลเบลส์ อาจจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
“แม้จะแกว่งดาบไม่ได้ แต่ท่านก็สามารถบัญชาการกองกำลังและฝึกฝนคนรุ่นต่อให้เป็นผู้สืบทอดได้ จงมีชีวิตอยู่ต่อไปในยุคใหม่ที่ฉันจะสร้างขึ้นเถิด”
——–
เมื่อมาร์คกราฟ อุลเบลส์ ทรุดลงกับพื้น ก็มองไปยังดาบของเขาที่หักตกอยู่ด้านข้าง
ในช่วงเวลาที่ มาร์คกราฟ อุลเบลส์ พุ่งลงมาโจมตีแวนจากบนอากาศ
แวนก็ได้พุ่งสวนออกไปฟาดฟันใส่ดาบของมาร์คกราฟ อุลเบลส์ จนหักสะบั้น
แล้วจึงเหวี่ยงเขาโยนขึ้นสูงไปบนอากาศ
การที่สามารถกระทำทั้งหมดนั้นได้ในเวลาเสี้ยววินาทีนับว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง
“กระหม่อม… เนเวอร์ อุลเบลส์ ขอพลีกายถวายเป็นราชพลีแด่ฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญ”
“””””””โอ้ววววววววววว””””””””
ขณะที่มาร์คกราฟ อุลเบลส์ คุกเข่าลงและก้มศีรษะเพื่อแสดงความเคารพ เหล่าทหารของมาร์คกราฟ ก็โห่ร้องกู่ก้องสรรเสริญแด่ผู้ชนะ
การต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านและกล้าหาญทำให้เกิดความประทับใจต่อผู้ที่ได้รับชมการประลองและได้รับความชื่นชมอย่างล้นหลามจนก้าวข้ามความเป็นมิตรและศัตรูไปโดยปริยาย
แล้วแวนจึงได้ผนวกตระกูลของมาร์คกราฟ อุลเบลส์ เข้าเป็นข้าราชบริพารอย่างสมบูรณ์เพื่อเสถียรภาพความมั่นคงทางชายแดนตะวันออก
=================
จะแปลเฉพาะแนวฮาเร็มที่มี NTR และ zamaa เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ลงน้องแมวเท่านั้น ไม่ลงที่อื่น
เป็นกำลังใจให้กันได้ที่ กสิกร 606-2-07812-8 ทวิรวัฒน์