ฉันแค่หนีออกจากกองทัพ แล้วไปใช้ชีวิตที่ชานเมือง - ตอนที่ 8: ฉันไม่ตายหรอกค่ะ
เมื่อฉันนำอาหารมาเสิร์ฟ เหล่าเดอะบีสท์ก็ต่างพากันก้มหน้าก้มตาทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
ภาพนั้นทำเอาฉันนึกถึงตอนที่เจอคุณเซนครั้งแรกเลย ตอนนั้นเขาก็กินทาร์ตไข่ที่ฉันซื้อมาด้วยท่าทางแบบนี้เช่นกัน
“ดีกว่าพวกเนื้อย่างในป่าเป็นไหนๆเลยแฮะแบบนี้”
คุณอีวานพูดออกมาด้วยสีหน้าที่พอใจ
“อืม ดีกว่าหลายขุมเลย”
คุณจีเองก็เห็นด้วยแล้วกินอาหารที่สั่งมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
แค่เห็นพวกเขามีความสุขกับอาหารที่มาสเตอร์ทำแบบนี้ ฉันว่าถ้าเธอรู้ต้องดีใจมากแน่ๆ
ฉันยิ้มพลางมองพวกเขาทานอาหารอย่างมีความสุข ระหว่างที่ทานอยู่คุณจีก็เอาแต่เอ่ยปากชมออกมาไม่หยุด ฉันว่าเขาน่าจะลองไปเป็นนักวิจารณ์อาหารดูนะ
“…แล้วก็เนื้อนี่ อื้ม~ พอกัดไปแล้วมีความหวานอ่อนๆ ลอยมาด้วย น้ำผึ้ง?…ไม่สิ เหมือนจะไม่ใช่แฮะ”
“น้ำผึ้งนั่นล่ะถูกแล้ว”
ขณะที่คุณจีพูดอยู่ ก็มีใครบางคนพูดแทรกขึ้นมา น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นทำให้ฉันแปลกใจจนต้องหันไปมอง
ตั้งแต่ที่ทำงานมาฉันยังไม่เคยเห็นเธอเดินออกมาจากห้องครัวเลยด้วยซ้ำ ทำไมวันนี้ถึงได้ออกมาได้ล่ะ
“มาสเตอร์!?”
หญิงชราเดินเข้าไปทางเดอะบีสท์อย่างไม่เกรงกลัว ทีแรกฉันก็แอบหวั่นว่าเธอจะตกใจอยู่นิดหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลย
“อร่อยใช่ไหมล่ะ ฉันเป็นคนปรุงเองกับมือเชียวนะ”
เธอพูดออกมาพร้อมกับยืดอกภูมิใจ
“โอ้! ยายเป็นคนทำเองหรือ ข้าชอบมันมากเลยล่ะ”
“หึๆ กินเข้าไปเยอะๆ พอมีแรงแล้วก็ช่วยปกป้องหมู่บ้านด้วยนะ”
คำพูดของมาสเตอร์ทำเอาเหล่าเดอะบีสท์หยุดมือ พวกเขามองมาที่มาสเตอร์ด้วยใบหน้าที่ปลื้มปริ่ม ฉันเหมือนเห็นหางที่กวัดแกว่งไปมาอย่างชอบใจของพวกเขารางๆ
บางที นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนพูดแบบนี้ น่ารักกันจริงๆ
“จะว่าไป ออกมาแบบนี้จะไม่เป็นไรหรือคะมาสเตอร์ ทุกทีคุณชอบอยู่แต่หลังร้านนี่นา”
ฉันย่อตัวลงกระซิบข้างหูของเธอเบาๆ มาสเตอร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอทำเพียงแค่ยิ้มแล้วเดินไปหยิบเก้าอี้มานั่งร่วมกับลูกค้า
เอ๋~ ทำแบบนี้ก็ได้หรือ? ไม่เป็นการรบกวนลูกค้าหรือคะ? ถึงจะกังวลนิดหน่อยแต่ใจจริง ฉันก็อยากไปร่วมวงกับพวกเขาด้วยเหมือนกันนะ~
“สมแล้วที่เป็นคุณยายของลูน่า ไม่กลัวพวกเราสักนิดเลย”
คุณเซนพูดขึ้นก่อนที่จะยกแก้วนมขึ้นไปดื่ม
“แหม~ เจ้าหนุ่มพูดแบบนี้ฉันก็ดีใจอยู่ แต่ลูน่าไม่ใช่หลานของฉันหรอกนะ เธอไม่มีที่ไป ฉันก็เลยรับเธอมาอยู่ด้วยเท่านั้นเอง”
“งั้นครอบครัวของลูน่าตันไปไหนล่ะ?”
คุณอีวานถามขึ้นมา ถึงจะไม่อยากตอบแต่ฉันก็คิดคำตอบเผื่อเอาไว้แล้วล่ะ
“ฉัน…หนีออกจากบ้านมาค่ะ ส่วนเหตุผลขอไม่บอกนะคะ”
“เห~ อะไรเนี่ย ดูลึกลับจังแฮะ~”
“อย่าไปถามเรื่องที่เขาไม่อยากเล่าแบบนั้นสิ อีวาน มีมารยาทหน่อย”
คุณจีพูดเอ็ดใส่คุณอีวานจนเขาถึงกับหงอยไป
“เอ่อ…ไม่ต้องคิดมากนะคะคุณอีวาน ฉันไม่ถือขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่ต้องเรียก’คุณ’ก็ได้น่า~ ลูน่าตันน่าจะอายุพอๆ กับพวกเรานี่ เรียกแค่ชื่อก็พอแล้วน่า…พวกนายก็ว่างั้นใช่ไหม?”
เขาหันไปทางคุณเซนและสไตน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเขาพยักหน้ารับแล้วหันมามองฉันพร้อมกัน
โธ่~ ช่วยไม่ได้นะ…
“โอเค งั้นจากนี้ฉันจะพูดห้วนๆ ล่ะกันนะ”
ฉันลองพูดออกไปอย่างฝืนๆ ตอนนั้นเองทุกคนก็ต่างมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ
เลิกจ้องฉันได้แล้วล่ะค่ะ มันน่าอายนะคะ
“งั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าจีเฉยๆ แล้วกัน”
“อ่ะ ไม่ได้หรอกค่ะ อย่างไรคุณก็ดูเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าที่ฉันจะพูดห้วนๆ ใส่ได้นะคะ”
ฉันรีบปฏิเสธออกไปทันที ขอโทษด้วยนะคะ แบบนั้นมันออกจะเกินไปหน่อย
คุณจีคอตกแล้วแสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมา อีวานพุ่งเข้าไปกอดคอของเขาแล้วหันมาพูดกับฉันที่ยืนอยู่
“ฮี่ๆ เห็นหน้าแบบนี้แต่หัวหน้าอายุก็ปาเข้าไปเกือบร้อยปีแล้วล่ะนะ ก็เขาเป็นปีศาจมังกรนี่นา~”
เกือบร้อยปี!?! นี่เขาแก่กว่าท่านปู่กับมาสเตอร์อีกหรือเนี่ย!? ไม่อยากจะเชื่อเลย…อายุขนาดนี้มากพอๆ กับพวกจอมเวทย์อาวุโสเลยนะ แถมเขายังดูหนุ่มเกินกว่าจะบอกว่าอายุขนาดนั้นด้วย ร้ายกาจจริงๆ เผ่าปีศาจ ขนาดอายุเยอะแบบนั้นยังมีร่างกายที่กำยำขนาดนี้
ฉันมองไปที่กล้ามแขนของคุณจีด้วยสีหน้าที่จริงจัง เขาสังเกตว่าฉันกำลังมองอยู่แล้วก็ถอดเสื้อนอกของตัวเองออก เพียงไม่นานที่เซนเห็น เขาก็รีบคว้ามือของคุณจีไว้ทันที
“หัวหน้า…จะทำอะไรน่ะ?”
“อ่าว ก็เห็นลูน่าจ้องกล้ามแขนของข้าขนาดนั้น เลยตั้งใจว่าจะให้เธอลองจับดูน่ะ”
“อะไรนะคะ!?!”
ฉันร้องออกไปด้วยความตกใจ ฉันไม่ได้จ้องเพราะอยากจับดูเสียหน่อย แค่สงสัยว่าทำไมคนมีอายุถึงดูสุขภาพดีขนาดนี้เท่านั้นเอง
“ฉะ…ฉัน…ฉันไม่ได้…เอ่อ…เอาเป็นว่า! ฉันไม่ได้อยากจับอะไรทั้งนั้น อย่าเข้าใจอะไรฉันผิดนะคะ!”
ฉันยกมือขึ้นปฏิเสธด้วยใบหน้าที่เขินอาย ไม่นะ…พวกเขาคงไม่มองว่าฉันเป็นผู้หญิงลามกใช่ไหม ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ นะ
“ถ้านายแก้ผ้าในร้านฉัน วันหลังไม่ต้องมาเลยนะ”
มาสเตอร์พูดออกมาเสียงแข็ง คุณจีที่ได้ยินดังนั้นก็รีบหยิบเสื้อคลุมกลับไปใส่ทันที
ขอโทษนะคะคุณจี ความผิดฉันเองล่ะค่ะ
“ไหนๆเจ้าก็บอกว่าไม่ถือแล้ว ข้าถามได้ไหมว่าเจ้าหนีออกจากบ้านมานานแค่ไหนแล้ว”
คุณจีหรี่ตามองฉันอย่างสงสัย ฉันว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจจะถามฉันแค่คำถามนี้แน่ ดังนั้นฉันเลยเดินไปหยิบเก้าอี้จากโต๊ะข้างๆ แล้วไปนั่งลงใกล้มาสเตอร์
“ฉันหนีออกมาได้ราวๆ ครึ่งปีแล้วล่ะค่ะ”
“อยู่ที่นี่งั้นหรือ?”
“เปล่าค่ะ ฉันพึ่งมาทำงานกับมาสเตอร์ได้เดือนเดียวเอง”
“แล้วก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนเล่า?”
อา…รู้สึกเหมือนกำลังถูกสอบสวนอยู่เลย น่ากลัว…
“ฉันก็…เดินทางไปเรื่อยล่ะค่ะ”
ถ้าบอกไปว่านอนค้างในป่าหรือบ้านพักที่ถูกทิ้งร้าง มีหวังพวกเขามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ อีกแหงเลย…
“คนเดียว?”
สไตน์ที่พึ่งจะกินเสร็จเอ่ยถามด้วยประโยคสั้นๆ ฉันพยักหน้าตอบ ทันใดนั้นเองทั้งโต๊ะก็เงียบไปพักหนึ่ง ส่วนมาสเตอร์ที่รู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว กลับนั่งจิบชาที่เตรียมไว้อย่างใจเย็น
“หายตัวไปตั้งครึ่งปี ครอบครัวเธอไม่ตามหาเลยหรือไง!? แถมเธอเองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวแบบนี้ฉันว่ามันอันตรายเกินไปแล้วนะ!”
อีวานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ
มันช่วยไม่ได้นี่คะ แทนที่จะใช้คำว่าตามหา เปลี่ยนเป็นคำว่าไล่ล่าน่าจะเหมาะกว่า ที่ฉันไม่สามารถอยู่เป็นหลักแหล่งได้นานๆ ก็เพราะทหารที่ท่านปู่ส่งมาตามหานี่ล่ะ ยังดีที่เขตชานเมืองนี้เป็นส่วนที่อาณาจักรให้ความสนใจน้อยที่สุด น้อยขนาดที่ว่าทหารประจำหน่วยก็ยังไม่มี เพราะแบบนั้นฉันถึงตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกจับได้นั่นล่ะค่ะ
“แต่ว่า! ตอนนี้ฉันก็ได้มาอยู่กับมาสเตอร์แล้วนะคะ แถมยังมีงานทำด้วย แค่นี้ก็หายห่วงแล้วจริงไหมคะ”
พอได้ยินฉันพูดแบบนั้น ทุกคนก็นิ่งใส่
นี่ฉัน…พูดอะไรผิดไปอีกแล้วหรือ…
“ดูเหมือนเธอจะลืมเรื่องสำคัญไปอย่างนะ” (เซน)
“อืม” (สไตน์)
“ใช่ ปัญหาใหญ่ด้วยล่ะ” (อีวาน)
ฉันเอียงคอกลับไปด้วยความสงสัย นี่พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันเนี่ย ฉันพลาดอะไรไปงั้นหรือ…
“ลูน่า เจ้าจงฟังให้ดี…”
คุณจียื่นเข้ามาใกล้ฉัน ดวงตาสีดำสนิทนั้นมีภาพใบหน้าของฉันสะท้อนอยู่ นัยน์ตาของเขาค่อยๆ แคบลงจนเหมือนกับนัยน์ตาของพวกสัตว์ร้าย ฉันมองเขาด้วยความสับสน
“ไม่ว่าพวกข้าจะถูกคล้ายคลึงมนุษย์เพียงใด แต่ร่างจริงของพวกข้าก็ยังเป็นปีศาจ…ตราประทับที่คล้องคอพวกข้าทุกคนอยู่นี้ ทำให้เจ้าเมืองผู้เป็นนาย สามารถออกคำสั่งให้พวกข้าทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะทำลายร้านโวยยะแห่งนี้…ยายที่นั่งอยู่ตรงนี้…หรือแม้แต่สาวน้อยตัวเล็กๆ เช่นเจ้า เห็นหรือไม่ว่าข้าเป็นปีศาจที่ชั่วร้ายเพียงใด”
เขาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูน่ากลัว แต่แววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความเศร้าที่ฉันไม่อาจประมาณได้
“สิ่งที่เจ้าลืมไปก็คือ การที่เจ้าต้องระวังตัวจากปีศาจที่อันตรายเช่นพวกข้า หากเกิดวันใดที่พวกเราไม่อาจควบคุมตัวเองได้แล้วทำร้ายพวกเจ้าขึ้นมา ตอนนั้นเองที่เจ้าอาจเสียใจที่อยากรู้จักพวกข้าในวันนี้”
ฉันจ้องคุณจีกลับไปด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย ท่าทีที่ดูสงบเกินไปของฉันมันกลับทำให้คุณจีเป็นฝ่ายที่หวั่นใจเสียเอง
มาทำท่าน่ากลัวเอาป่านนี้ มีหรือฉันจะหวั่น ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าฉันจะกลัวพวกเขาจนไม่ให้เข้าร้านอยู่แท้ๆ ตอนนี้กลับทำมามองฉันด้วยแววตาแบบนั้น ถึงจะอยู่มานานเกือบร้อยปี แต่เขากลับแสดงละครไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ไม่มีปีศาจชั่วร้ายที่ไหนอุตส่าห์เสียเวลาพล่ามยาวขนาดนี้เพื่อเตือนให้คนอื่นระวังหรอก คุณยังห่างไกลจากคำว่าชั่วร้ายอยู่มากนะคะ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันไม่ตายหรอกค่ะ”
คำพูดของฉันทำเอาทุกคนถึงกับเบิกตากว้าง
“เห็นแบบนี้ฉันแข็งแกร่งกว่าที่พวกคุณคิดไว้นะ ถ้าเกิดมีใครเสียการควบคุมเมื่อไหร่ ฉันคนนี้จะจัดการเองค่ะ”
“มะ…ไม่ใช่แบบนี้สิ ลูน่า เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือว่าข้าตั้งใจจะสื่ออะไรอยู่ พวกข้าเป็นปีศาจนะ! แถมยังป่าเถื่อน! น่ากลัว! บางทีก็คลุ้มคลั่งและสร้างความเดือดร้อน…”
“นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านพูดใส่พวกคุณสินะคะ”
ดูเหมือนคุณจีเขาจะไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองหลุดสีหน้าที่สิ้นหวังขนาดไหนออกมา
เขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดราวกับเห็นภาพของใครบางคนซ้อนทับอยู่
“ถึงคนอื่นจะยังไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ว่าข้า…สักวันข้า…ข้าอาจจะต้องฆ่าเจ้าด้วยมือคู่นี้”
เขายื่นมือทั้งสองออกมาตรงหน้าของฉัน มือคู่นั้นกำลังเลื่อนเข้ามาใกล้ช้าๆ
อีวานกับสไตน์ทำท่าเหมือนจะเข้ามาห้าม แต่เซนก็กางแขนพร้อมกับหยุดพวกเขาเอาไว้ ทุกคนจ้องมองมาที่ฉันกับจีโดยที่ไม่มีใครส่งเสียง
ตอนนี้จิตใจของคุณจีดูสับสนเกินไป บางทีคำพูดก่อนหน้านี้ของฉันอาจไปสะกิดเรื่องบางอย่างที่เขาไม่อยากนึกถึง
ไม่เป็นไรนะ…ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว…
ฉันจับมือคู่นั้นของเขาแล้วเลื่อนเข้ามาใกล้ เมื่อคุณจีสัมผัสมาที่คอเล็กๆของฉัน เขาก็นิ่งไป
“คุณฆ่าฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ
“ฉันไม่ปล่อยให้คุณหรือเดอะบีสท์คนไหนมาทำร้ายฉันหรือมาสเตอร์เด็ดขาดเลยค่ะ เพราะงั้นไม่ต้องกลัวไปนะคะ”
“…ลูน่า ข้าว่าเจ้าเสียสติไปแล้ว”
“ก็บอกไปแล้วนี่นา เห็นแบบนี้ฉันสู้เก่งมากเลยนะคะ ถึงคุณจีจะเป็นปีศาจแต่ฉันก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอกนะ”
ฉันปล่อยมือของเขา แล้วถอยออกมาเท้าเอวใส่ ราวกับตัวเองเป็นผู้ชนะ
คุณจีที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เขาหันไปมองคนอื่นๆที่นั่งอยู่บนโต๊ะ
ทุกคนต่างยกนิ้วโป้งให้แล้วส่งกำลังใจอันเหลือล้นมา ทุกคนรวมไปถึงมาสเตอร์เองก็ด้วย
“อีกอย่างนะคะคุณจี…ฉันไม่มีทางเสียใจที่ได้รู้จักพวกคุณแน่ อยากรู้จักทุกคนมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป”
ฉันพูดออกไปพร้อมกับยิ้มให้พวกเขา
“เฮ่อ~ เจ้านี่รับมือยากกว่าที่ข้าคิดเสียอีกนะ จากนี้ไปคงลำบากน่าดู”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สะอื้นเล็กน้อย เมื่อได้เห็นความพ่ายแพ้ของหัวหน้าตนเอง
เซนก็ลุกออกมาจากที่แล้วลากคุณจีกลับไปเดิม
“ขอโทษที พอดีหัวหน้าเขาค่อนข้างเป็นคนอ่อนไหวน่ะ”
“เหอะ เธอนี่มันเป็นมังกรน้อยใจปลาซิว ผิดกับหน้าตาเสียจริง”
มาสเตอร์พูดออกมาพลางถอนใจใส่ ทำไมเธอถึงดูผิดหวังกับคุณจีขนาดนั้นกันนะ
“พอเลยๆ! เลิกคุยเรื่องเครียดที่ทำลายบรรยากาศกันได้แล้ว!!”
อีวานโวยวายขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ฉันเลยตัดสินใจชวนพวกเขาคุยเรื่องอื่นทันที
“จะว่าไป คุณจีเป็นมังกร ส่วนเซนเองก็เป็นจิ้งจอก ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าเผ่าปีศาจจะมีหลากหลายขนาดนี้เนี่ย”
“ใช่แล้วล่ะ ก็จุดเด่นของเผ่าปีศาจคือยากที่จะคาดเดานี่ แถมเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาแบบนี้แต่ฉันก็เป็นปีศาจแมวน่ารัก ที่ใครๆ ต่างให้ความเอ็นดูเลยนะ” (อีวาน)
“เหอะ ก็แค่แมว” (เซน)
“แกว่าไงนะ!?” (อีวาน)
อ่าว ไหงอยู่ๆ ก็กัดกันได้ล่ะเนี่ย…ไม่ทันไรเซนกับอีวานก็หันไปแยกเขี้ยวใส่กันเสียแล้ว ฉันแอบเห็นประกายไฟปะทะกันระหว่างสายตาของทั้งคู่
ห้ามมีเรื่องกันในร้านนะคะทุกคน ค่าซ่อมโต๊ะเก้าอี้พวกนี้พวกแพงน่าดูเลยรู้ไหม ความคิดนี้ไม่น่าออกมาจากลูกคุณหนูที่โตมาอย่างหรูหราแบบฉันหรอก แต่ตั้งแต่ออกเดินทางมาตอนนี้ฉันรู้ซึ้งเลยว่าเงินทุกเหรียญนั้นมีค่าขนาดไหน
ตอนนี้ฉันรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเกือบหมดทุกคนแล้ว เหลืออีกแค่คนเดียว
“แล้วคุณสไตน์เป็นปีศาจประเภทไหนหรือคะ?”
“…ถามแบบนี้มันเสียมารยาทนะ”
“อ๊ะ! ขอโทษด้วยค่ะ”
ลืมตัวไปเลย นี่มันเป็นข้อมูลส่วนตัวนี่นา ฉันดันเผลอถามออกไปแบบนั้นได้อย่างไรกันเนี่ย
เขาคงจะไม่ชอบฉันแน่เลย ดูเหมือนเป็นคนที่สนิทด้วยยากที่สุดอย่างไรไม่รู้
“ฉัน…พังพอน”
…สุดท้ายคุณก็ยอมบอกฉันหรือคะเนี่ย
ในขณะที่กำลังสับสน เซนที่ย่องเข้ามาจากด้านหลังก็เข้ามาลูบหัวของฉันอย่างเบามือ
“หมอนั่นเป็นพวกขี้อายน่ะ ไม่ต้องคิดมากนะ”
นี่เขาจะถึงเนื้อถึงตัวฉันเกินไปไหมเนี่ย ก็ไม่ได้เกลียดที่ถูกลูบหัวหรอกนะ แต่พวกเขาพึ่งจะรู้จักกันเองไม่ใช่หรือ
ฉันคงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเกินไปใช่ไหม
“เซน อย่าทำตัวรุ่มร่ามกับลูน่านะ เจ้าก็ด้วยอีวาน” (จี)
“เอ๋~ ผมยังไม่ทำอะไรเลยนะ” (อีวาน)
“ครับๆ” (เซน)
ดูเหมือนเขาจะจัดการอารมณ์ตัวเองได้แล้วนะ ดีจัง
ฉันสังเกตได้ว่าตอนนี้จานเปล่ากองอยู่เต็มโต๊ะไปหมด ดูเหมือนต้องเก็บแล้วสิ
“ยาย ข้าสั่งอาหารเพิ่มอีกได้ไหม?”
“อยากกินอะไรก็สั่งมาเถอะน่า แล้วฉันก็ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟนะยะ! ไปสั่งกับลูน่านู่น!!”
ฉันตลกบทสนทนาของมาสเตอร์กับคุณจีจัง พวกเขาดูเหมือนยายกับหลานมากกว่าฉันอีกนะ
นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่ได้รู้สึกสนุกแบบนี้