ฉันแค่หนีออกจากกองทัพ แล้วไปใช้ชีวิตที่ชานเมือง - ตอนที่ 18: เราไปทำอะไรให้เธอโกรธงั้นหรือ
- Home
- ฉันแค่หนีออกจากกองทัพ แล้วไปใช้ชีวิตที่ชานเมือง
- ตอนที่ 18: เราไปทำอะไรให้เธอโกรธงั้นหรือ
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองด้วยความงุนงง ทำไมฉันถึงได้มานอนบนเตียงได้ล่ะ
ก่อนหน้านี้จำได้ว่าอยู่กับเซนไม่ใช่หรือ หากไม่ทันสังเกตว่าตัวเองยังสวมเสื้อผ้าชุดเดิมอยู่ ฉันคงเข้าใจผิดไปแล้วว่าตัวเองฝันไป
ดูเหมือนฉันจะหลับลึกถึงขนาดที่ถูกพากลับมาที่ร้านก็ยังไม่รู้สึกตัว แต่เรื่องแบบนั้นมันเป็นไปได้ด้วยหรือเนี่ย…
แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ฉันก็มานอนลงบนเตียงแล้วนี่นา ให้ตาย น่าอายชะมัดเลย!
“เจ็บใจนะเนี่ย…”
คราวหน้าฉันจะระวังไม่ให้ตัวเองเผลอหลับไปทั้งๆ อย่างนั้นอีก ไม่สิ! มันควรจะไม่มีครั้งหน้าแล้วต่างหาก
‘._____.’
ทันใดนั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ เสียงนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีอย่างน่าประหลาด เผินๆ อาจเหมือนกับเสียงร้องของพวกสัตว์ป่า แต่พอฟังดีๆ กลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ฉันลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปทางหน้าต่าง เสียงนั้นดังมาจากทางด้านในของป่า ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะรีบตรงเข้าไปแล้วหาต้นตอของเสียงนั้นอยู่หรอก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างฉันในตอนนี้ควรเข้าไปยุ่งนี่นา
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…
.
.
.
…แต่พอรู้ตัวอีกทีฉันก็กระโดดออกมาจากหน้าต่างพร้อมผ้าคลุมแล้วเนี่ยสิ ร่างกายมันไปเองน่ะ
เอาไงดีล่ะ ป่าก็อยู่ตรงหน้าแล้ว จะให้ปีนกลับเข้าห้องตัวเองไปก็กระไรอยู่
โธ่! ไม่รู้ด้วยแล้ว อย่างไรกลับขึ้นไปนอนตอนนี้ก็นอนไม่หลับอยู่ดีนั่นล่ะ ฉันสวมเสื้อคลุมแล้วเดินเข้าไปในป่าอย่างระวัง เมื่อฉันสวมมันก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างอยู่ในกระเป๋าเสื้อ
นี่มันเสื้อคลุมที่ฉันใช้ตอนออกเดินทางนี่นา ของที่อยู่ในกระเป๋านี้…หวังว่าฉันจะไม่ต้องใช้มันอีกนะ
ระหว่างทางฉันไม่ลืมที่จะกลบกลิ่นของตัวเอง โดยการใช้เลือดจากมอนสเตอร์ที่จัดการได้ระหว่างทางมาทาท่วมตัว ถ้าเกิดตอนนี้ยังใช้เวทมนตร์ได้คงไม่ต้องมาใช้วิธีที่มันลำบากแถมสกปรกแบบนี้หรอก วิธีนี้เราเคยใช้ในการซุ่มโจมตีกองทัพหมาป่าไฟที่ว่ากันว่าจมูกดีที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรเชียวนะ ลงทุนทำขนาดนี้แล้ว ขออย่าให้หนึ่งในเดอะบีสท์ได้กลิ่นฉันเลยนะ
ฉันไม่รู้ว่าเผ่าปีศาจมีประสาทและความสามารถในการดมกลิ่นมากแค่ไหน แต่จะตีไปว่าพวกเขาน่ากลัวพอๆ กับสัตว์อสูรระดับสูงแล้วกัน (ขอโทษนะคะคุณจี)
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ฉันกระโดดขึ้นไปบนกิ่งต้นไม้ จากนั้นก็กระโดดข้ามไปยังต้นถัดไป ทุกย่างก้าวและทุกการเคลื่อนไหวนั้นแทบจะไม่มีเสียงเลยสักแอะ เมื่อต้องมาอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย สัญชาตญาณในสนามรบของฉันก็ทำงานอีกครั้ง เสียง…กลิ่น…สัมผัส…กระแสมานา…สัมผัสทุกอย่างที่ร่างกายสามารถรับรู้ได้
“นั่นมัน…”
ฉันรีบหยุดตัวลง จากนั้นก็คุกเข่าย่อตัวลงบนต้นไม้เพื่อดูสถานการณ์
จากระยะที่คาดว่าจะไม่มีใครหรืออะไรสังเกตเห็น แม้จะมืดและไกลอยู่มากแต่สำหรับฉันที่เป็นมือหนึ่งในคลาส Gunslinger แล้วนี่ไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไรเลย
เมื่อได้เห็นชุดเครื่องแบบสีดำที่คุ้นตาอยู่ห่างไปกว่าครึ่งไมล์ ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าพวกเขาเป็นคนที่ฉันรู้จักอย่างแน่นอน น่าเสียดายว่าระยะนี้มันไกลเกินกว่าจะได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
“!!!”
“…!!!…!!”
“!…!!!…!!!..”
ดูเหมือนกำลังมีปากเสียงกันเสียด้วย พอมองจากตรงนี้ ฉันเห็นเพียงหน่วยของคุณจีที่มีเซน สไตน์แล้วก็อีวานยืนอยู่กันครบสี่คน ซึ่งกำลังยืนเตรียมจะปะทะกับ…แม้ว่าพวกนั้นจะไม่ได้สวมเครื่องแบบสีดำ แต่ฉันเห็นตราประทับบริเวณต้นคอเข้าพอดี หมายความว่าคนพวกนั้นเองก็เป็นเผ่าปีศาจงั้นสินะเนี่ย หรือจะเป็นเดอะบีสท์ที่เซนเคยมีเรื่องด้วยก่อนหน้านี้?
“โฮกกกก!!”
เสียงคำรามที่ฉันได้ยินก่อนหน้านี้ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน เสียงนั้นทำเอาร่างของฉันสะท้านไปทั้งตัว มันคือการข่มขวัญ ถึงว่าทำให้ฉันถึงรู้สึกไม่ดี
เงาดำปกคลุมไปทั่วร่างของหนึ่งในทหารรับจ้าง ผมสีดำเข้มนั้นค่อยๆ ยาวขึ้น ร่างของชายคนนั้นเริ่มขยาย กรงเล็บ…หาง…และเขี้ยวอันแหลมคม ค่อยๆ งอกออกมาตามร่างของเขา เกล็ดสีดำปกคลุมอยู่ทั่วร่าง แสงจันทร์สะท้อนลงมาทำให้เกิดเป็นเกล็ดประกายม่วงอ่อนๆ ถึงจะงดงามแต่ก็น่าเกรงขาม ปีกขนาดใหญ่กางออกเผยให้เห็นร่างของอสุรกายตรงหน้า
ฉันได้แต่ซ่อนอาการตัวสั่นอยู่ในเงามืด พร้อมกับจ้องมองไปด้วยความตกใจ หากเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันคงเผลอปล่อยจิตสังหารออกไปแล้วแน่ๆ
นี่ล่ะหรือ…ร่างที่แท้จริงของคุณจี! มังกรที่มีชีวิตอยู่มาเกือบร้อยปี…ไม่นึกเลยว่าจะได้มาเจอมังกรตัวเป็นๆ ในสถานการณ์แบบนี้ เพียงแค่กระพือปีกไม่กี่ที เดอะบีสท์ที่เป็นคู่กรณีต่างก็ล้มกลิ้งลงไปอย่างไร้การตอบโต้ หางอันทรงพลังเหวี่ยงใส่จนร่างอีกฝ่ายกระเด็นไปไกลพอสมควร ขะ…แข็งแกร่งจริงๆ ดูเหมือนเพียงไม่ถึงนาที คุณจีก็จัดการคนพวกนั้นได้อย่างสบายๆ เลย ไม่นานร่างของมังกรนั้นค่อยๆ เล็กลงในเวลาอันสั้น
ดูเหมือนเรื่องจะจบแล้วสิ กลับเลยดีไหมนะ…ระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอยู่ก็มีบางอย่างพุ่งตรงมายังจุดที่ฉันซ่อนตัวอยู่
!!!
แม้จะเบี่ยงตัวหลบ แต่ประกายแสงสีแดงก็เฉียดไหล่ฉันไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…นี่ฉันถูกโจมตีหรือ!?
ฉันกวาดสายตามองเพื่อหาที่มาของการโจมตีปริศนานั้น ตรงพุ่มไม้ที่ห่างไปไม่ไกล เส้นผมสีชมพูอ่อนที่สะดุดตาไม่เหมาะกับการซ่อนตัว ทำให้ฉันมองเห็นจุดที่เขาเล็งมาอย่างชัดเจน คนๆ นั้นก็คืออีวานนั่นเอง ซึ่งตอนนี้กำลังเล็งกระบอกปืนยาวมายังฉัน เขาคงคิดว่าฉันเป็นศัตรูงั้นสิ ว่าแต่…เขาเองก็เป็นสายซุ่มยิงงั้นหรือ!?
ฉันรีบม้วนตัวกลับ แล้วทิ้งตัวเองลงมาจากต้นไม้ ระหว่างนั้นอีวานก็ยังคงยิงกระสุนใส่ฉันอย่างต่อเนื่อง
ดูเหมือนระยะนี้จะไกลไปสำหรับการเล็งยิงของเขา ถึงจะเกือบโดนฉันแต่มันก็ไม่โดน
อย่าให้เอาคืนบ้างแล้วกัน! ถ้าไม่ติดตรงที่ว่ากำลังปิดบังตัวตนอยู่ ป่านนี้ฉันยิงสวนไปแล้วเนี่ย!!
“…จะไปไหน?”
!!!
ทันทีที่ลูอันน่าถึงพื้น เธอก็ถูกใครบางคนจู่โจมในทันที ปลายดาบถูกแกว่งตรงมายังลำตัว
ลูอันน่ากระโดดขึ้นหลบพร้อมเตะสวนกลับไปโดยอัตโนมัติ ชายผมสีเงินที่ตรงหน้าทำเอาเธอชะงักไปเล็กน้อย เขาก็คือเซน คนที่พึ่งอยู่ด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้ แถมยังเป็นคนที่เธอคุยอย่างเปิดใจด้วยครั้งแรกอีกด้วย
เซนลุกขึ้นมาพร้อมกับจับดาบแน่น เขาพุ่งเข้าไปหาเธออีกครั้งด้วยความเร็วราวกับสัตว์ป่า ลูอันน่าที่ไม่มีอาวุธทำได้แต่หลบไปมา พร้อมกับระวังไม่ให้เขาเห็นใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม
เมื่อถอยหลังหลบไปได้พักหนึ่ง การลอบโจมตีจากด้านหลังก็ตรงมาที่เธออย่างไม่ให้ทันตั้งตัว ด้วยประสาทสัมผัสที่ว่องไวทำให้ลูอันน่ากระโดดหลบได้อย่างสวยงาม หลังของเธออยู่ติดกับต้นไม้ต้นหนึ่ง เหมือนกับว่านี่ไม่มีทางอื่นให้เธอถอยหลบได้อีก
ตรงหน้าตอนนี้ คนหนึ่งคือเซนที่กำลังถือดาบแล้วจ่อมาทางเธอ ส่วนอีกคนที่ลอบโจมตีเธอเมื่อครู่ก็คือสไตน์ โดยอาวุธที่เขาใช้นั้นก็คือเคียวที่งอกออกมาจากแขนทั้งสองข้าง
ไม่มีเวลาให้เธอได้ประทับใจ แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาไม่สังเกตเลยว่าคนตรงหน้าก็คือ ‘ลูน่า’ ที่พวกเรารู้จัก การใช้เลือดมอนสเตอร์กลบกลิ่นดูเหมือนจะได้ผล
เสียงฝีเท้าที่ได้ยินมาแต่ไกล ดูเหมือนจีกับอีวานกำลังตามมาสมทบ หากเธอยังไม่สามารถหนีไปตั้งแต่ตอนนี้ มีหวังได้ปะทะกับทหารรับจ้างทั้งหน่วยแน่
ลูอันน่าหลับตาลง จากนั้นก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับเข้าสู่โหมดสู้รบอย่างช่วยไม่ได้ สายตาของเธอเปลี่ยนไป บรรยากาศเองก็ต่างไปโดยสิ้นเชิง เซนกับสไตน์ที่สัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่าง จึงรีบตั้งท่าเตรียมรับมือ แต่นั่นก็สายไปแล้ว…
ลูอันน่าพุ่งตรงไปยังเซนด้วยความไวดั่งสายลม เพียงเสี้ยววิ เซนก็ถูกเธอกวาดทรายบนพื้นใส่ตาจนเซไป ในจังหวะที่ไขว้เขว เขาถูกแย่งดาบไปจากมือแล้วยังถูกดาบเล่มนั้นแทงทะลุเสื้อจนร่างกระแทกไปติดกับต้นไม้ ลูอันน่าไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปแม้แต่วินาทีเดียว เมื่อเห็นสไตน์ทำท่าจะเข้ามาช่วย เธอรีบหันไปเตะตัดขาเขาจนล้มลงไปกับพื้น
“หะ…เห้ย!!”
สไตน์ส่งเสียงร้องออกมาหลังจากถูกปลดเข็มขัดออก ลูอันน่าจงใจที่จะใช้เข็มขัดนั้นมารัดข้อมือของเขาเอาไว้ มือทั้งสองถูกตรึงขึ้นไปแขวนกับกิ่งไม้แถวนั้น
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ลูอันน่าก็รีบวิ่งหายเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว
จีกับอีวานที่พึ่งตามมาทัน เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ทำเอาพวกเขามองอย่างตาค้าง
“อุ๊บ!…ฮ่าๆๆๆ สภาพดูไม่จืดเลย ฮ่าๆๆๆ”
อีวานหลุดขำออกมาอย่างสะใจ ส่วนเซนกับสไตน์ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขยับไปไหน ต่างคนก็ต่างเงียบแต่ก็ขมวดคิ้วออกมาอย่างไม่พอใจ
“หนีไปได้หรือ…”
จีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาพยายามที่จะมองหารอยเท้าหรือร่องรอยจากกลิ่นที่หลงเหลืออยู่ แต่ช่างน่าแปลกที่ไม่มีของพวกนั้นเหลือเลย
“ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะไม่ใช่พวกเดียวกับหน่วยปีศาจก่อนหน้านี้หรอกหัวหน้า” (เซน)
สไตน์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
อีวานตรงเข้าไปแหย่เซนที่ติดอยู่กับต้นไม้อย่างชอบใจ จีเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจพลางส่ายหน้า
ที่เขาถอนหายใจออกมาไม่ใช่เพราะผิดหวังแต่เป็นเพราะโล่งใจต่างหาก
“นับว่าเป็นโชคดีของเรา ที่ไม่ต้องมีปัญหากับเจ้าคนปริศนานั่นอีกคน”
จีพูดออกมาพร้อมกับเดินตรงไปทางเซน เขาจับดาบยาวที่แทงเข้าไปในต้นไม้จนมิดด้ามแล้วดึงมันออกมาด้วยแรงเฮือกหนึ่ง
“เจ้านั่นหลบการซุ้มยิงของอีวานได้ เลี่ยงการลอบโจมตีจากสไตน์แล้วยังแขวนเอาไว้กับต้นไม้ มิหนำซ้ำยังแย่งดาบไปจากมือเจ้าไป…ดีแค่ไหนแล้วที่เจ้านั่นใช้มันแทงต้นไม้แทนที่จะเป็นร่างเนื้อนี้”
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเซื่องซึมออกมา แต่อีวานก็ยังคงมั่นใจและพูดออกมาอย่างหนักแน่น
“หากพวกเรากลับสู่ร่างเดิมแล้วจัดการเจ้านั่นอีกครั้ง ไม่มีทางที่จะถูกเล่นงานแบบนี้ซ้ำได้หรอกน่าหัวหน้า”
“เลิกเจ็บใจได้แล้วน่า อย่างไรเซนกับสไตน์ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน เอาเป็นว่าวันนี้พวกเราพอแค่นี้ดีกว่า…”
“เอ่อ…”
ยังไม่ทันที่จีจะพูดจบ สไตน์ส่งเสียงออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ตายด้าน
เมื่อจีหันไป ก็พบว่าตัวเองยังปล่อยให้สไตน์ห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้อยู่เลย ลืมไปเสียสนิทเลย…
สไตน์จ้องมาด้วยสายตาที่เอาเรื่อง ส่วนจีก็ยิ้มเจื่อนๆ กลับไป
“ขอโทษ ข้าลืมน่ะ”
เขาพูดพลางเดินเข้าไปแก้มัดให้สไตน์ลงมาจากต้นไม้
แม้ทุกคนต่างสงสัยว่าบุคคลปริศนานั้นเป็นใคร แต่ก็ทำได้แค่เก็บความสงสัยและความเจ็บใจนั้นเอาไว้ ในขณะที่เดินกลับบ้านไป
พวกเขาหวังว่าวันพรุ่งนี้ จะได้รับการเยียวยาจากนางฟ้าประจำหน่วยของพวกเขา แต่แล้ววันรุ่งขึ้น…
กึก!…ตุบ!…จ๊อก!!!
เสียงจานกระทบโต๊ะที่ดังกว่าปกติ แม้แต่การเทน้ำที่ดูแสนธรรมดานั้นก็มีเสียงออกมาอย่างน่าประหลาด
รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวที่พวกเขาต่างตั้งตารอคอย บัดนี้เหมือนกับมีอารมณ์โกรธเคืองบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกมา
วันนี้เดอะแซนด์วิชต่างคนต่างก้มหน้าแล้วขยับตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาได้ทำอะไรให้เธอคนนี้โกรธไปเสียอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาเอาแต่จ้องจานอาหารที่มาเสิร์ฟโดยที่ไม่แตะมันเลยสักนิด
“ไม่ทานหรือคะ?”
น้ำเสียงที่สดใสทำเอาพวกเขาสะดุ้งโหยง
เมื่อหันไปก็พบกับเด็กสาวที่กำลังถือเหยือกน้ำอยู่ตรงหน้า ทั้งๆ ที่เพียงยืนถือเหยือกน้ำไว้เท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ยินเสียงเดือดปุดๆ ดังออกมาจากเหยือก รอยยิ้มของเธอในวันนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกเบิกบานแต่กลับเป็นความหวาดผวา
“ไม่ทานหรือคะ?”
เธอเอียงคอแล้วถามซ้ำ จากนั้นทุกคนก็เริ่มหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารเข้าปากกันอย่างรีบร้อน
“อะ…อื้ม! อร่อยจัง! อร่อยมาก อร่อยเหมือนเคยเลย!” (เซน)
เซนกัดแซนด์วิชเข้าไปโดยที่ไม่สนใจเลยว่าในนั้นจะมีหัวหอมที่เขาไม่ชอบแทรกอยู่
“ทำไมเบียร์วันนี้ถึงทำให้ข้ารู้สึกชื่นใจได้ขนาดนี้กันน้า~” (จี)
แม้ว่าในเบียร์จะมีรสชาติแปลกไปจากทุกวัน แต่จีก็ดื่มมันเข้าไปโดยที่ไม่เอะใจ
“อร่อยครับ” (สไตน์)
สไตน์กับอีวานที่สั่งมาเพียงซุปก็นั่งกินกันอย่างเรียบร้อย อีวานที่ปกติจะพูดแหย่เล่นกับเธอตลอด เขาจึงใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะดึงบรรยากาศที่สนุกสนานกลับมา
“ระ…รอยยิ้มของลูน่าตันก็ยังน่ารักเหมือนเคยเลยนะ!!”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขี้เล่นดังเคย
แต่เมื่อลูน่าได้ยินดังนั้นแล้ว เธอกลับฉีกยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
“ขอบ-คุณ-นะ”
คำพูดที่ถูกบรรจงมาแต่ละคำนั้นราวกับเป็นสิ่งที่ใช้เรียกพายุหิมะเข้ามาในร้านแห่งนี้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ภายในดวงตาของเธอกลับลุกโชนไปด้วยความโกรธที่สั่งสมมาจากเมื่อคืน
ช่างน่าสงสารเหล่าหนุ่มๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนคนที่พวกเขาโจมตีใส่ก็คือเด็กสาวตรงหน้าคนนี้ เธอเองก็ไม่ได้เปิดเผยตัวได้ จึงทำได้แต่เก็บความเจ็บใจนั้นแล้วเอามาแก้แค้นโดยการกลั่นแกล้งพวกเขาในวันนี้
สงสัยวันนี้พวกเดอะบีสท์จะไม่ได้รับการเยียวยา แต่กลับได้รับการบ้านบทพิเศษกลับไปนั่งคิดกันแทนเสียแล้ว
หัวข้อของการบ้านพิเศษ : ใครเป็นคนทำให้ลูน่าโกรธกันนะ?