ฉันแค่หนีออกจากกองทัพ แล้วไปใช้ชีวิตที่ชานเมือง - ตอนที่ 14: อย่าฟ้องหัวหน้านะ
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่เดอะบีสท์มาอุดหนุนร้านโวยยะ
ตอนนี้พวกลูกค้าคนอื่นต่างเริ่มคุ้นชินกันบ้างแล้ว แต่ที่บอกว่าคุ้นชินนั้นฉันหมายถึงการเดินออกจากร้านไปก่อนที่พวกเดอะบีสท์จะมาต่างหาก
พอถึงเวลาเที่ยงตรง หลังจากที่พวกคุณจีกลับมาจากการกำจัดมอนสเตอร์ นั่นก็เป็นเวลาที่ร้านโวยยะถูกเหมาไปโดยปริยาย ที่จริงลูกค้าคนอื่นจะนั่งทานอาหารต่อก็ได้ แต่พวกเขาก็ยังไม่อยากอยู่ในร้านกับเดอะบีสท์อยู่ดี
ฉันค่อนข้างเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้คุยเล่นกับเดอะบีสท์แล้ว ฉันยังได้พักผ่อนจากการทำงานที่ชวนหัวหมุนนั้นด้วย
ถึงฉันจะพูดคุยกับพวกเขาตามปกติ แต่ภายในหัวยังคงนึกถึงคำพูดที่สไตน์บอกกับฉันวันนั้น
‘ไม่ต้องห่วงพี่ลูน่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะปกป้องทุกคนเอาไว้เอง’
นั่นมันหมายความอย่างไรกันนะ กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านแถบนี้กันแน่
“เหม่ออีกแล้วนะ…”
เซนเข้ามาทักฉันที่กำลังยืนกอดถาดเสิร์ฟอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“ไม่ได้การแล้ว หรือว่าต้องใช้วิธีนั้น…”
เขาเหล่ไปทางสไตน์อย่างมีเลศนัย พอสไตน์เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปหลบด้านหลังของมาสเตอร์ทันที
“หยุดความคิดของพี่ไปเลยนะ”
สไตน์ส่งสายตาขุ่นเคืองมา พอเขาสบสายตาฉันก็เบิกตากว้างแล้วรีบเปลี่ยนท่าทีไป
“ผมไม่ได้ไม่พอใจพี่ลูน่านะ! อย่าเข้าใจผิดนะ!”
สไตน์รีบแก้ตัวอย่างร้อนรน
“หืม~ เดี๋ยวนี้หัดเรียกลูน่าตันแบบนั้นแล้วหรือ ตอนแรกฉันคิดว่านายจะไม่สนใจเธอเสียอีก”
อีวานพูดขึ้นพร้อมกับหันไปทางสไตน์
“ใครว่าล่ะ หมอนี่น่ะแทบจะติดลูน่าแจเลยต่างหาก ก็เล่นแอบมาหาลูน่าทุกวันโดยไม่บอกพวกเราเลยนี่”
“พี่เซน รู้อยู่แล้วหรือ!?!”
“นายกลับบ้านมาก็มีกลิ่นลูน่าติดมาทุกครั้งเลยนี่นา อย่าว่าแต่ฉันเลย หัวหน้ากับอีวานก็รู้เรื่องนี้”
พอได้เห็นสีหน้าที่ตกใจของสไตน์ เซนก็ฉีกยิ้มกวนๆ ใส่
“ไม่ดีเลยนะ แอบทำอะไรลับหลังกันแบบนี้ คิดจะเก็บลูน่าไว้คนเดียวหรือ?” (เซน)
“ใช่ ไม่ดีเลยนะ เด็กไม่ดีแบบนี้ต้องลงโทษ!” (อีวาน)
อีวานกระโจนเข้าไปใส่สไตน์จนเข้าล้มลงจากเก้าอี้ เขาล็อกคอของสไตน์ไว้ก่อนที่จะกำหมัดขยี้ไปที่หัวอย่างแรง
คุณจีหันมาขอโทษมาสเตอร์ทันที แต่เธอกลับส่ายหน้าแล้วมองพวกเขาหยอกล้อกันโดยที่ไม่ถือสาอะไร
สรุปว่าความลับที่ฉันกับสไตน์อุส่าห์ปิดเงียบไว้ ทุกคนรู้อยู่แต่แรกแล้วสินะ นี่พวกเราถูกตลบหลังงั้นหรือ หลังจากนั้นก็กลายเป็นว่าทุกคนในเดอะบีสท์ ขอให้ฉันช่วยสอนหนังสือพวกเขาไปพร้อมกับสไตน์ด้วย เพราะว่าอีวานกับเซนที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองนั้นมีบางคำที่พวกเขายังไม่สามารถปะติดปะต่อได้อย่างถูกต้อง ส่วนคุณจีที่รู้หนังสืออยู่แล้วก็มานั่งคุยเล่นกับมาสเตอร์รอระหว่างที่สอนอยู่ นั้นทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันนานขึ้นจนถึงหัวค่ำ
วันรุ่งขึ้นก็เป็นเช้าอีกวันที่แจ่มใส ฉันยังคงเอานมมาให้นัวร์ก่อนที่จะเปิดร้านทุกเช้า รู้สึกว่าตอนนี้ฉันจะคุ้นชินกับกิจวัตรแบบนี้ไปเสียแล้ว
ความวุ่นวายภายในร้านโวยยะเกิดขึ้นเพียงครึ่งวันเท่านั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายพวกลูกค้าจะรีบหายไปเพราะกลัวจะเจอกับเดอะบีสท์ พอได้ยินเสียงเปิดประตู ฉันเลยรีบเดินไปด้านหน้าร้านทันที
แต่คนที่ปรากฏตัวตรงหน้าฉันกลับไม่ใช่เดอะบีสท์
“เจอกันอีกแล้วนะคนสวย~”
ชายที่พยายามจะทำร้ายนัวร์ก่อนหน้านี้เดินเข้ามาในร้านพร้อมเครื่องแบบทหารสีเทา
ฉันอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเพื่อไม่ให้เผลอชักสีหน้าใส่เขาไป
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
ฉันพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่
แต่แทนที่ชายคนนั้นจะเดินเข้าไปนั่งตรงโต๊ะที่ว่างอยู่ เขากลับตรงเข้ามาหาแล้วดึงมือข้างหนึ่งของฉันไปแตะที่ริมฝีปาก
…นี่มันหยาบคายมากเลยนะ
“ขอโทษด้วย พอดีเธอสวยมากเสียจนฉันห้ามใจไม่อยู่”
ในบรรดาผู้ชายที่เข้ามาเกาะแกะฉัน ขอยอมรับว่าชายคนนี้มีความมั่นหน้าและมีความกล้ากว่าคนอื่นจริงๆ คนประเภทนี้ฉันต้องปฏิเสธอย่างไรถึงจะไม่เป็นการเสียลูกค้ากันนะ ไม่สิ…คนประเภทนี้นับเป็นลูกค้าด้วยหรือไม่ ฉันควรจะทำอย่างไรดีคะมาสเตอร์!?!
ฉันพยายามที่จะดึงมือกลับแต่ชายคนนั้นก็ไม่ยอมปล่อย
“แหม~ คนอะไรนอกจากจะสวยแล้ว มือก็ยังนุ่มอีก…”
อ่า…อีกนิด ฉันจะหมดความอดทนแล้วนะ
ในระหว่างที่ฉันจะดึงกลับอีกครั้ง อะไรบางอย่างก็ตรงเข้ามาใกล้ด้วยความเร็ว เพียงชั่วพริบตามือของชายคนนั้นก็ถูกข่วนเข้า ความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วนั้นทำให้เขาต้องปล่อยมือ
“นัวร์!?!”
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อยู่ๆ แมวสีดำที่แสนคุ้นเคยนั้นก็โผล่มาพร้อมกับใช้กรงเล็บอันแหลมคมโจมตีใส่ชายในเครื่องแบบคนนั้น
นัวร์เข้ามาช่วยฉันไว้อย่างนั้นหรือ
“อึ่ก! แกอีกแล้วหรือไอ้แมวบ้า!”
ชายคนนั้นกุมมือของตัวเองด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด พร้อมกับคว้าแก้วบนโต๊ะเขวี้ยงใส่นัวร์
ดีที่ฉันเห็นตอนที่เขาคว้าแก้วเอาไว้พอดี ฉันจึงรีบใช้ร่างของตัวเองเข้าไปบังตัวของนัวร์เอาไว้
เพล้ง!
แก้วใบนั้นกระแทกตัวฉันแล้วกระเด็นไปแตกอีกทางหนึ่ง เจ็บเหมือนกันนะ แก้วใบนั้นก็หนาไม่ใช่เล่น
“เข้ามาขวางทำไมหะ! วันนี้ถ้าฉันไม่ได้จัดการไอ้แมวนี่ คงอยู่ไม่สุขทั้งวันแน่ หลบไป!”
ฉันไม่สนว่าชายคนนั้นจะขึ้นเสียงหรือตะคอกใส่แค่ไหน ฉันสำรวจนัวร์เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่บาดเจ็บก่อนที่หันกลับไปหาชายคนนั้นอีกครั้ง
“ช่วยกลับไปเถอะค่ะ”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เลยตัดสินใจขอร้องเขาดีๆ แต่ชายคนนั้นกลับตีหน้ามึนแล้วยังไม่หยุดโวยวาย
“นี่เธอกล้าไล่ฉันหรือ!? ไม่เห็นเครื่องแบบนี้หรือไง ฉันเป็นถึงทหารของอาณาจักรเชียวนะ!”
“งั้นหรือคะ…”
ฉันพูดไปน้ำเสียงนิ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาปัดกระโปรงตัวเองเบาๆ
“อะไรเนี่ย ขนาดกำลังมีปัญหากับทหารของอาณาจักร ยังมีหน้ามาทำตัวใจเย็นอยู่อีก คิดว่ามีพวกปีศาจนั่นหนุนหลังแล้วฉันจะกลัวหรือไง”
“พวกเขาไม่ได้คอยหนุนหลังฉันอยู่ แล้วฉันก็ไม่ได้กำลังมีปัญหากับทหารของอาณาจักรด้วยค่ะ”
“เหอะ! ละเมออะไรอยู่คนสวย ไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?”
“ไม่ค่ะ ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
ระหว่างที่ฉันกำลังโต้เถียงชายคนนั้นอยู่ นัวร์ก็ยื่นหางมาสัมผัสมือของฉัน
ฉันเหลือบมองพร้อมกับพูดว่า ‘ไม่เป็นไร’ หลังจากเห็นแววที่แสนเป็นห่วงของมัน
“คุณเข้ามาในร้านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจมาสั่งอาหาร แถมตอนนี้ยังกำลังจะทำร้ายแมวตัวเล็กๆ อีก แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือคะ?”
“พูดเก่งจริงยัยนี่…ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปรายงานผู้บังคับบัญชาขึ้นมา คิดหรือว่าร้านอาหารบ้าๆ นี่จะอยู่อย่างสงบน่ะ”
“จะรายงานหรือคะ ตามสบายเลยค่ะ”
“ใช่ หัดเกรงใจกัน…เมื่อครู่เธอว่าไงนะ!?”
ชายคนนั้นกระตุกไปก่อนที่จะเริ่มสูญเสียความเยือกเย็น
“ฉันบอกว่าเชิญคุณไปรายงานได้ตามสบายเลยค่ะ…ว่าแต่จะไปรายงานผู้บังคับบัญชาที่ไหนกันหรือคะ ในเมื่อตัวคุณเองไม่ใช่ทหารแท้ๆ”
“!!!”
สีหน้าของชายคนนั้นออกอาการกระตุกแล้วถอยหลังไปก้าวหนึ่ง นั่นไง…เป็นพวกแอบอ้างจริงๆ ด้วย
“อย่าพูดมั่วซั่ว! ฉันเป็นทหารของอาณาจักรจริงๆ นะเว้ย!”
“ไม่หรอก ฉันมั่นใจเลยว่าคุณน่ะ ไม่ใช่…”
“อะ…อ่า…ฉัน…”
“ออกไปจากร้านแต่โดยดีเถอะค่ะ ถ้าออกไปตั้งแต่ตอนนี้ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องคุณ”
“ฮึ่ย! ฉันคนนี้…กลับถูกยัยเด็กเสิร์ฟบ้านนอกนั่นหักหน้า…!!”
เขาพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเหล่ไปมองส้อมจากโต๊ะของลูกค้าที่ฉันไม่ได้ทำความสะอาด
ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเลือกทำอะไรโง่ๆ แล้วสิ
“ไหนดูสิ ถ้าหน้าสวยๆ นั่นมีแผลขึ้นมาจะยังกล้าปากดีอยู่อีกไหม!!”
ชายคนนั้นคว้าส้อมแล้วพุ่งเข้ามาพยายามที่จะทำร้ายฉัน ตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงของใครบางคน ดังขึ้นข้างๆ หู
“…ฉันไม่มีวันปล่อยให้แกทำแบบนั้นแน่”
ฉันหันไปหาเจ้าของเสียงนั้น ก็พบกับอีวานที่โผล่เข้ามาจากด้านหลังตอนไหนไม่รู้ เขาใช้แขนข้างหนึ่งกอดคอของฉันไว้ ในขณะที่ใช้มืออีกข้างหยุดการกระทำโง่ๆ นั้น
ด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเผ่าปีศาจ อีวานออกแรงบีบไปที่ข้อมือของชายคนนั้นจนส้อมหลุดจากมือ
“อ๊ากกกกก!! แขนฉัน! แขนช๊านน!!”
ดูเหมือนแรงบีบนั้นจะทำให้กระดูกของเขาร้าวนะ สมแล้วที่เป็นเผ่าปีศาจ พวกเขาแข็งแรงกว่าคนปกติมากทีเดียว
ชายคนนั้นหันกลับมาจ้องอีวานด้วยสายตาที่เคียดแค้น
หวา~ ถึงคุณจ้องเขาไปก็ทำอะไรไม่ได้หรอก นี่เผ่าปีศาจนะคะคุณ…ทางที่ดีรีบหนีไปไม่ดีกว่าหรือไง…
ไม่นานประตูร้านก็ถูกเปิดออก ตามมาด้วยเหล่าเดอะบีสท์ที่น่าเกรงขาม เมื่อชายคนนั้นได้สบสายตาเข้ากับคุณจีก็เกิดอาการตัวสั่น
อีวานยืนอยู่ด้านหลังมองฉันโดยไม่พูดอะไร
คุณจีที่พึ่งเข้ามาในร้าน กวาดสายตามองไปรอบๆ จนกระทั่งไปหยุดลง ตรงชายที่ตัวสั่นหงึกๆ อยู่
“…เศษแก้วที่แตกนั้น อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นคนทำ”
“มะ….มะ…ปะ…งื้อ….”
อยู่ๆ ก็พูดไม่เป็นภาษาเสียแล้ว
ฉันก้มมองที่พื้นแต่กลับไม่เห็นนัวร์ มันอยู่กับฉันจนถึงเมื่อครู่นี่นา อย่าบอกนะว่าออกจากร้านไปตอนที่อีวานเข้ามาน่ะ
“อีวาน เกิดอะไรขึ้น?”
เซนชะเง้อคอถาม ส่วนสไตน์ที่อยู่ข้างๆ ก็มองมาด้วยความสงสัย
“ก็เจ้าหมอนั่นมัน…”
“ตกใจ! เขาตกใจอีวานก็เลยทำแก้วแตกค่ะ!”
ฉันโผงขึ้นมา แล้วรีบหันไปปิดปากของอีวานเอาไว้
“คุณลูกค้าไม่เป็นไรหรอกนะคะ เชิญ-ออก-ไป จากร้านได้แล้วล่ะค่ะ”
ฉันเน้นคำว่า ‘ออกไป’ พร้อมกับส่งสายตา
ชายคนนั้นเหมือนว่าจะเข้าใจ ก็เลยรีบก้มหน้าวิ่งผ่าเหล่าเดอะบีสท์นั้นออกไปทางหน้าร้านอย่างสุดชีวิต
ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยหมอนั่นหรอกนะ แค่ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่จนทำให้คนอื่นเป็นห่วงเท่านั้นเอง
“ยินดีต้อนรับค่ะทุกคน~”
ฉันพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก่อนหันไปหาอีวานแล้วพยายามส่งสายตาเพื่อที่จะสื่อว่า ‘อย่าบอกใครเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้’
ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจมันไหม แต่แล้วเขาก็เดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นแล้วหยอกล้ออย่างเคย ฉันจะถือว่าอีวานเข้าใจว่าฉันจะสื่ออะไรแล้วกัน
ฉันพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมกับเดินเข้าไปจดออเดอร์อย่างร่าเริง ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งตอนที่ฉันกำลังจะยกอาหารไปเสิร์ฟ
“อุก…”
“หือ? เป็นอะไรหรือลูน่า?”
“ปะ…เปล่าค่ะ! ไม่ได้เป็นอะไร!”
ตอนที่ฉันยกถาดอาหารขึ้น อยู่ๆก็สัมผัสได้ถึงอาการปวดที่โดนแก้วเขวี้ยงใส่เมื่อครู่ ดูเหมือนมันจะทำให้ไหล่ของฉันช้ำนิดหน่อย
มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอก แต่ที่ฉันเผลอส่งเสียงออกไป เป็นเพราะตกใจเท่านั้นเอง
พอฉันพยายามจะยกถาดอาหารนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ถูกใครบางคนแย่งถาดอาหารนั้นตัดหน้าไป
“อะ…อีวาน!?”
“อยู่ๆ วันนี้ฉันก็อยากลองเป็นเด็กเสิร์ฟขึ้นมาพอดี ลูน่าตันช่วยไปนั่งให้คำแนะนำตรงเคาน์เตอร์ทีได้ไหม?”
อยู่ๆ เล่นอะไรของเขาอีกเนี่ย
“ทำแบบนั้นไม่ได้สิ นี่มันงานของฉันนะ…”
“ยายไม่โกรธหรอกน่า วันนี้ให้ฉันทำเถอะ~”
ฉันพยายามเขย่งเพื่อที่จะแย่งถาดกลับมา แต่อีวานก็ชูถาดนั้นสูงขึ้นเพื่อหลบฉัน
หนอย…นายสูงกว่าฉันแค่ไม่กี่สิบเซนแท้ๆ
“ถ้าลูน่าตันไม่ยอมทำตามล่ะก็…”
อีวานยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย พร้อมกับโน้มตัวลงมาใกล้
((…ฉันจะบอกทุกคนนะ ว่าเมื่อครู่เธอถูกผู้ชายคนนั้นปาแก้วใส่น่ะ))
!!!
เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ตอนที่ถูกแก้วปาใส่ อีวานยังไม่ได้เข้าร้านมาไม่ใช่หรือ
ทันใดนั้นเอง ฉันก็นึกถึงได้ว่าตัวเองลืมเรื่องสำคัญบางอย่างไป คนที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้คือปีศาจแมวนี่ ถ้าเป็นปีศาจแมว นั่นก็หมายความว่าร่างจริงของเขาก็ต้องเป็นแมวน่ะสิ
ฉันพยายามจัดระเบียบความคิดของตัวเอง แล้วก็ภาวนาว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด
“อีวาน นายคงจะไม่ได้…มาที่ร้านเราทุกเช้าหรอก ใช่ไหม?”
อีวานหันกลับมาจ้องหน้าฉันครู่หนึ่ง ฉันจ้องเขากลับโดยที่ในใจก็หวังให้เขาปฏิเสธออกมา
แต่เขากลับยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา พลางใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากของตัวเอง
“อย่าเอาไปฟ้องหัวหน้าล่ะ ไม่งั้นฉันคงโดนเทศน์ใส่จนหูชาแน่”
สำหรับฉัน นั่นก็ถือว่าเป็นคำตอบที่ชัดเจนมากพอแล้วล่ะ