{ณ ห้องทำงานส่วนตัวพลทหารเอก : เจราห์ เรเวนสครอฟต์}
“…ขอจบรายงานแต่เพียงเท่านี้ครับ”
กอน เบลคเกอร์ นายทหารคนสนิทได้ยืนอ่านรายงานในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
ในขณะเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาของเรา เจราห์ เรเวนสครอฟต์เอง ก็นั่งฟังโดยที่ไม่แสดงสีหน้าใดออกมา
“ตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสใหม่เพิ่มเลยงั้นหรือ?”
เขาเอ่ยถามพลางเท้าคางมองกอนด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ แม้จะรู้ว่างานนี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิด แต่ตอนนี้เจราห์ร้อนใจเกินกว่าจะมานั่งฟังรายงานอยู่เช่นนี้
กอนตอบกลับเขาไปพร้อมโค้งให้อีกครั้ง
“ขอประทานอภัยด้วยครับท่าน ตอนนี้สายของเราไม่เจออะไรเพิ่มเติมเลยครับ”
ตอนนี้ภายในห้องมีเพียงแค่เจราห์กับกอนอยู่เพียงสองคน
รอบด้านของทั้งสองเต็มไปด้วยชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่แทบจะทุกมุมห้อง แต่ละชั้นล้วนเต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์การรบและเวทมนตร์เรียงรายอยู่จนเต็ม ถึงแม้จะมีหนังสือเยอะเพียงใด แต่พวกมันก็ไม่มีฝุ่นเกาะเลยแม้แต่เล่มเดียว ดูจากความสะอาดและการจัดเรียงอย่างใส่ใจ ทำให้รู้ได้ว่าเจ้าของห้องนั้นเป็นที่เจ้าระเบียบขนาดไหน
“จะเรื่องลูอันน่าก็ดี…จะเรื่องหน่วยทหารใหม่ก็ดี…นี่ฉันกำลังจัดการอะไรเกินตัวไปหรือเปล่านะ”
เจราห์บ่นงึมงำอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วพยายามครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
และแล้วเขาก็เบิกตากว้างราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก ซึ่งกอนที่ได้เห็นดังนั้นเลยรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“…หรือว่าฉันจะลงไปจัดการด้วยตัวเองเลยดี”
พอได้ยินเจราห์พูดออกมาแบบนั้น กอนก็รีบห้ามเอาไว้สุดตัวพร้อมกับยกมือขึ้น ไขว้กันเป็นรูปกากบาท
“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาดเลยครับท่าน! หากให้ผู้บังคับบัญชาตัวเองทำแบบนั้น พวกผมก็เหมือนไร้ค่าไปเลยสิครับ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ขอแค่นายไม่พูด ฉันไม่ถูกจับได้ เท่านี้ก็ไม่มีใครเดือดร้อน”
“ท่านแน่ใจหรือครับ?”
เจราห์ไม่ตอบ พลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อย่าหาเรื่องมาอ้างนู่นอ้างนี่เลยครับ ผมรู้ว่าที่จริงท่านแค่อยากไปตามหาท่านลูอันน่าเองมากกว่า ผมรู้แล้วว่าท่านไปที่ห้องท่านจอมพลมาน่ะ”
“ดูตาไวเหมือนเคยเลยนะ ไม่ว่าฉันจะไปไหนก็รู้ตลอด…แอบชอบฉันหรือ?”
“เรียกว่าระแวงจะดีกว่าครับ เผลอครู่เดียวท่านก็ชอบสร้างปัญหาเสียทุกที”
กอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุดระอา ถึงอย่างนั้นเจราห์ก็ยังคงทำหน้าระรื่น
“ฉันไม่ใช่คนที่ไร้ความรับผิดชอบขนาดที่จะเห็นน้องสาวตัวเองสำคัญกว่างานนะ” (เจราห์)
กอนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนกับจะพูดว่า ‘จริงหรือ?’ อย่างไรอย่างนั้น แล้วเขาก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“ท่านเจราห์ จากนี้ไปตลอดสัปดาห์เราต้องรีบจัดการธุระเก่าให้หมดก่อนจะไปพบกับทหารหน่วยใหม่นะครับ ผมดูรายชื่อคร่าวๆ แล้ว…อย่างที่คิด ท่านนี่ไม่แยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวเลยนะครับ”
“สัปดาห์หนึ่งเชียวหรือ อัดให้เหลือแค่สามวันไม่ได้หรือไง?”
“หากทำแบบนั้นจะเป็นการฝืนร่างกายเกินไปจนเสียสุขภาพนะครับ”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกนะ”
“เปล่า ไม่ได้หมายถึงท่านครับ ผมหมายถึงตัวผมเองต่างหาก”
เจราห์รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินกอนตอบมาเช่นนั้น
เขาทำหน้ามุ่ยพร้อมกับแย่งรายงานพวกนั้นมาจากมือของกอน
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไปจัดตารางงานให้เหลือสามวันเสีย”
เจราห์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคืองๆ พร้อมกับกำรายงานในมือแน่น คิ้วทั้งสองขมวด
คนที่ต้องรับผิดชอบงานเกือบทั้งหมดเป็นเขาแท้ๆ ถึงกระนั้นแม้แต่ความเป็นห่วงเล็กๆ จากคนสนิทยังไม่มีให้เลยด้วยซ้ำ มันน่าเศร้าใจเหลือเกิน
ก๊อกๆ…
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจราห์รีบใช้เวทย์สัมภาระเก็บรายงานนั้นเข้าไปทันที เขาลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วทำทีเป็นเหมือนกำลังเดินไปเลือกหนังสือจากชั้นวาง ก่อนที่จะพยักหน้าส่งสัญญาณให้กอนไปเปิดประตู
กอนที่ได้เห็นดังนั้นก็เดินไปเปิดประตูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเจราห์เหลือบหางตาไปเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาก็เปลี่ยนสีหน้าไป สายตาจ้องมองราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นสิ่งปฏิกูล
เส้นผมสีบลอนด์สว่าง ดวงตาสีกุหลาบคมดั่งเหยี่ยวกับรูปโฉมไร้ที่ติ สมกับที่เป็นคนที่เหล่าคุณหนูชนชั้นสูงต่างให้ความสนใจ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหลังจากที่มีข่าวว่าเขาได้ถอนหมั้น เหล่าพวกคุณหนูก็ต่างพยายามเข้าหาเขาอีกครั้งราวกับฝูงผึ้ง
เมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง เจราห์ก็พ่นลมหายใจออกมา
“…ทำไมอยู่ๆอากาศในห้องมันถึงได้สกปรกเพียงนี้นะ”
อีกฝ่ายไม่สนใจคำพูดที่เหน็บแนมแล้วยืนตรงทำวันทยหัตถ์อย่างให้
“พันเอกลูเซียน คาร์ดิเนิลรายงานตัวครับท่าน”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ถึงเขาจะเป็นคนที่เจราห์ชิงชังมากเพียงใดก็ตาม ในฐานะทหารเขาก็ยังเป็นคนที่ควรได้รับเกียรติอยู่ดี
เจราห์ยกมือขึ้นรับตามมารยาทอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ ใบหน้าที่หมองหม่นไร้รอยยิ้มที่ยียวนดั่งทุกที ดูเหมือนเจราห์จะเผยสีหน้าที่แท้จริงออกมาเสียแล้ว
“ยังกล้าเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นแบบนี้ ดูเหมือนฉันจะประเมินความหน้าด้านหน้าทนของพันเอกต่ำไปสินะ…”
เจราห์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ตามปกติแล้วเขากับลูเซียนไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงกันเพียงนี้ แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อครึ่งปีก่อนที่ลูอันน่าจะหายตัวไปต่างหาก
ในงานเลี้ยงคืนนั้นหลังจากที่ลูอันน่าไม่ได้กลับมา คนที่เธอเจอเป็นคนสุดท้ายนั่นก็คือลูเซียน แต่ไม่ว่าเจราห์พยายามที่จะถามความจริงจากปากของลูเซียน เขาก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ตอบมาตามตรง
นั่นทำให้เจราห์มั่นใจว่าเหตุผลที่ลูอันน่าหายไป ต้องเป็นเพราะเขาแน่ๆ
สีหน้าอันว่างเปล่าของน้องสาวสุดหวงแหนที่เขาได้เห็นก่อนที่จะแยกกัน เจราห์ยังจำมันได้เป็นอย่างดี
“มีอะไร?”
เจราห์พูดพลางเสยผมตัวเองขึ้น
“ผมไปทราบมาว่า ท่านเจราห์เป็นผู้รับผิดชอบการจัดตั้งทหารหน่วยใหม่ที่กำลังจะไปประจำการที่ชานเมือง นั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ครับ?”
“ถ้าจริง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพันเอกด้วย”
“เพราะที่ผมมาในวันนี้ เนื่องจากมีเรื่องที่อยากขอร้องท่าน ได้โปรด…”
“ขอปฏิเสธ”
ยังไม่ทันที่ลูเซียนจะพูดจบ เจราห์ก็พูดขัดขึ้นมาเสียงแข็ง เขารู้ดีว่าลูเซียนกำลังจะขอร้องอะไร
“ท่านยังไม่ได้ฟังคำขอของผมเลยด้วยซ้ำนะครับ”
“เหอะ อย่างพันเอกน่ะ คงจะขอตามไปด้วยไม่ก็ขอเข้าร่วมหน่วยของฉันล่ะสิ เรื่องแค่นี้เดาเอาก็รู้”
เจราห์แสร้งยิ้มออกมา แต่ภายในใจของเขาตอนนี้เดือดปุดๆ ไม่ต่างอะไรจากแมกมา
กอนที่เห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดี เลยเขยิบไปหลบอยู่ตรงมุมห้องเงียบๆ
“ผมเชื่อว่าจะเป็นกำลังให้ท่านเจราห์ได้อย่างแน่นอนครับ ได้โปรดให้ผมได้ติดตามท่านไปด้วยเถอะ”
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันขอปฏิเสธ”
“ในฐานะที่ผมเป็นคลาส Guardian ผมสามารถปกป้องท่านและทำตัวให้เป็นประโยชน์ได้แน่นอนครับ ตระกูลคาร์ดิเนลของเรา หากพูดถึงเรื่องการป้องกันและโจมตีมีพลังไม่น้อยหน้าตระกูลไหนแน่นอน”
“ที่พูดนั่น รวมถึงตระกูลเรเวนสครอฟต์ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
เจราห์กระตุกยิ้ม แล้วหันไปทางลูเซียนพร้อมกับแผ่จิตสังหารออกมา
ลูเซียนขาสั่นไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงอดทนยืนอยู่อย่างนั้น
“ไม่ว่าท่านจะพูดเช่นไรผมก็ไม่ยอมแพ้หรอกครับ ได้โปรดให้ผมเข้าร่วมในหน่วยนี้ด้วยเถอะนะครับ!”
เจราห์มองเขาอย่างสมเพชและเวทนา
“น่าเสียดายจริงๆ หากตอนนั้นนายแสดงความตั้งใจที่แน่วแน่ขนาดนี้ต่อหน้าลูอันน่า บางทีเธออาจจะไม่หายไปก็ได้”
คำพูดของเจราห์ ทำเอาลูเซียนชะงักไป
ลูเซียนเงยหน้าของเจราห์ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับถูกบางอย่างทิ่มแทงมายังกลางอก ใบหน้าของเขาช่างคล้ายคลึงกับเธอคนนั้นเสียเหลือเกิน ก็แหงสิ พวกเขาเป็นพี่น้องกันนี่นา
เส้นผมสีเงินและดวงตาที่เหมือนกับสะท้อนภาพจากบนฟากฟ้า ยิ่งมองก็ยิ่งคะนึงหา ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งเจ็บปวด
เมื่อนั้นลูเซียนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยสายตาที่วิงวอน
“ผมจะช่วยท่านตามหาตัวลู ไม่สิ…ผมหมายถึงลูอันน่า น้องสาวของท่าน…ได้โปรดให้ผมได้มีโอกาสเจอเธออีกครั้งด้วยเถอะครับ”
เขายืนกรานกับเจราห์แม้จะถูกปฏิเสธใส่
“งั้นตอบคำถามของฉันมาอย่างหนึ่ง…”
เจราห์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“ฉันได้ยินมาว่า นายเคยขอลูอันน่าแต่งงาน นั่นคือเรื่องจริงหรือไม่?”
ลูเซียนนิ่งไปสักพัก เขาแสดงท่าทีลังเลออกมา
“ครับ”
เขาตอบออกมาเพียงสั้นๆ
เจราห์หลับตาลงชั่วขณะ พอเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งพุ่งไปบีบที่ลำคอของลูเซียนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดันร่างของเขาขึ้นไปจนปลายเท้าลอยอยู่เหนือพื้น
“อึ่ก!..”
ลูเซียนพยายามขัดขืนแล้วจับไปที่มือของเจราห์ด้วยสีหน้าที่ทรมาน แต่เจราห์กลับออกแรงมากขึ้น
แววตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมองมาโดยไม่มีแม้แต่ความเห็นใจ ก่อนที่จะบีบคอจนขาดสติ เจราห์ก็เหวี่ยงร่างของลูเซียนออก จนไปชนเข้ากับชั้นหนังสือพวกนั้น แต่ชั้นหนังสือที่ถูกร่างเวทย์เขาไว้ ช่วยป้องกันไม่ให้หนังสือหล่นออกมาจากชั้น ดังนั้นลูเซียนจึงไม่ถูกหนังสือพวกนั้นหล่นมาทับร่างของเขา
“ออกไป…แล้วจากนี้อย่าสะเออะเข้ามาพบฉันอีก”
“แค่ก!…ท่านเจราห์…”
ลูเซียนพยายามที่จะหายใจพร้อมเอื้อมมือไปสัมผัสที่ลำคอตัวเอง
อากาศภายในห้องค่อยๆ ถูกปกคลุมไปด้วยความเย็น กระแสมานาที่ผันผวนไหลล้อมร่างของเจราห์
ร่างของลูเซียนได้ถูกเวทย์น้ำแข็งตรึงร่างเอาไว้อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันกลับไม่ใช่เวทย์น้ำแข็งแบบง่ายๆ อย่างที่ลูอันน่าเคยร่ายใส่เขา ลูเซียนเริ่มสูญเสียความร้อนในร่างกายไปอย่างรวดเร็ว
น้ำแข็งพวกนั้นค่อยๆ กัดกินเขาอย่างช้าๆ น้ำแข็งที่งดงามเหมือนกับผลึกแก้วแต่กลับแฝงไปด้วยคุณสมบัติที่น่ากลัวนี้ เป็นเวทมนตร์ที่มีเพียงผู้สืบสายเลือดเรเวนสครอฟต์เท่านั้นที่ใช้ได้ ‘ผลึกเยือกแข็งมายา’
“ท่านเจราห์ครับ มากไปกว่านี้ ท่านลูเซียนอาจตายได้นะครับ ได้โปรดหยุดเถอะครับ!”
กอนรีบห้าม หลังจากเห็นลูเซียนเริ่มไม่มีทีท่าว่าจะขยับแล้ว
เจราห์ยอมคลายพลังเวทย์ จากนั้นกระแสของมานาก็กลับมาเป็นปกติ เหล่าน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามร่างของลูเซียนค่อยๆ แหลกสลายไป
“ฉันจะไม่พูดซ้ำ ไสหัวออกไปจากห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”
กอนเข้าไปพยุงร่างของลูเซียนขึ้น แล้วประคองไปที่ประตู จนวินาทีสุดท้ายลูเซียนก็ยังไม่ลดละความพยายาม
“หากท่านได้เจอเธอ…ฝากบอกเธอทีเถอะครับ ช่วยบอกเธอทีว่า…ผมอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นแล้วค่อยๆ พาร่างกายที่อ่อนล้านั้นเดินออกจากห้องไป
เจราห์ไม่แม้แต่หันไปมอง พร้อมกับเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง กอนมองแผ่นหลังของลูเซียนที่จากไปด้วยความรู้สึกเห็นใจ ก่อนที่จะหันกลับมาเอ็ดใส่ผู้บังคับบัญชาของตัวเอง
“ไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยหรือครับ ท่านเคยมองเขาเหมือนเป็นน้องชายคนหนึ่งเลยไม่ใช่หรือ?”
“ก็แค่ ‘เคย’ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
“ถ้าเกิดผมเกิดไปทำอะไรให้ท่านลูอันน่าเสียใจ ท่านเจราห์จะชิงชังผมเหมือนกับที่ทำกับท่านลูเซียนไหมครับ”
“ไม่หรอก หากเกิดขึ้นจริงๆ ถึงตอนนั้นฉันจะฆ่านายเสีย”
คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ทำเอากอนผวาไปเล็กน้อย
“นายจะทำหรือ?”
“ไม่ครับ อย่างไรผมก็มีคนในใจอยู่แล้ว แถมตอนนี้ก็กำลังเก็บเงินไปขอเธอคนนั้นแต่งงานด้วย ผมจะรักษาชีวิตไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้นครับ”
“งั้นก็ดี”
“จะว่าไปท่านเจราห์ สีหน้าของท่านหลุดมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วนะครับ…”
กอนกล่าวเตือนผู้บังคับบัญชาที่ตอนนี้แสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
เจราห์หันไปทางนายทหารคนสนิทครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มกวนๆ ออกมาตามเดิม
“เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทีแล้วกัน”
คำพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นการเตือนมากกว่าขอร้อง ในฐานะคนสนิทกอนสามารถรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน
“รับทราบแล้วครับ”
กอนตอบรับพร้อมยิ้มแห้งกลับไป
เจราห์ใช้เวทย์สัมภาระเพื่อหยิบรายงานออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นกลับไปให้กอน
“จากรายงานพวกนี้ มีหลายจุดที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ ถึงนายจะไม่ชอบใจแต่ฉันต้องไปจัดการด้วยตัวเองจริงๆ”
สีหน้าที่จริงจังนั้น ทำให้กอนรู้ทันทีว่าเจราห์ไม่ได้ล้อเล่น
เฮ่อ…โต้รุ่งอีกแล้วสินะ
เมื่อเห็นสีหน้าที่ผิดหวังนั้น เจราห์ก็รู้สึกอยากแกล้งเขามากกว่าเดิม
“เอาล่ะ รีบไปเอางานทั้งหมดมาให้ฉันเสีย เราต้องทำเวลาแล้วนะกอน”
ก่อนจะได้ตามหาตัวน้องสาวอย่างที่หวังเอาไว้ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสะสางงานเก่าให้หมด แล้วจัดการงานใหม่ไปพร้อมๆ กันแล้วล่ะ
คนปกติไม่น่าทำได้หรอก แต่ใช้คำว่า’ปกติ’กับคนอย่างเจราห์ไม่ได้หรอก
MANGA DISCUSSION