ฉันแค่หนีออกจากกองทัพ แล้วไปใช้ชีวิตที่ชานเมือง - ตอนที่ 0 บทนำ
โลกที่พวกเราอาศัยอยู่มาจนถึงสมัยยุคกลาง มีการค้นพบโลกอีกใบที่ซ่อนอยู่เข้าโดยบังเอิญ พวกเขาตั้งชื่อชั่วคราวให้โลกใบนั้นว่าธีอา (Theia) โลกที่มีมานาไหลเวียนอยู่ ซึ่งมันคือพลังเหนือธรรมชาติที่ทำให้เกิดพลังอันมหัศจรรย์ที่เรียกว่าพลังเวทย์ แต่ก่อนจะได้ศึกษาอะไรเพิ่มเติม พวกเขาไม่รู้เลยว่าการค้นพบนี้นั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่
สมัยโบราณกาลบรรพบุรุษของทั้งสองโลกได้เคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน เพียงแต่มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ต้องผนึกปิดกั้นการรับรู้และแยกโลกทั้งสองออกจากกัน โลกทั้งสองได้ร่วมกันสร้างผนึกซึ่งเป็นวงจรเวทมนตร์ขนาดใหญ่ หวังให้โลกทั้งสองจะตัดขาดกันไปตลอดกาล แต่แล้วยามเมื่อผนึกได้ถูกปลดออก โลกทั้งสองจึงต้องกลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง หลังจากโลกทั้งใบหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง จึงมีการตั้งชื่อใหม่ว่าดิอาร์ค (The Arch) โลกที่กลับมาหลังการผนึกคลายออก
หลายปีผ่านไป นานกว่าผู้คนจะเริ่มปรับตัวและใช้ชีวิตกันอย่างผาสุกได้ดังเดิม แต่ความสงบสุขก็อยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่มีการก่อตั้งอาณาจักรขึ้นเป็นของตนเอง ผู้ครองอำนาจจากทั้งสองโลก ทั้งฐานอำนาจเก่าและฐานอำนาจใหม่เริ่มมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน พวกเขาต่างต้องการแสดงอำนาจและยกระดับในอาณาจักรของจนมีอำนาจเหนือใคร นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นในการก่อสงครามในการชิงดินแดนและยึดครองอาณาเขตต่างๆ ไม่ว่าใครก็ต่างต้องการขยายอาณาเขตและพื้นที่ในการปกครองเป็นของตัวเอง นอกจากจะต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนแล้ว พวกเขายังต้องปกป้องตัวเองจากการรุกรานของเหล่าสัตว์ร้ายและมอนสเตอร์ที่อยู่รอบนอกอีกด้วย
การรวมโลกทั้งใบครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้รู้ว่ามนุษย์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวที่อาศัยอยู่ในดิอาร์คแห่งนี้
สงครามระหว่างอาณาจักรมหาอำนาจอย่างอาณาจักรนิเวียและอาณาจักรลัซนั้น นับว่าเป็นสงครามที่เกิดการสูญเสียและยืดเยื้อมานานกว่าสิบปี
แต่แล้วในที่สุดสงครามก็ถูกปิดฉากลงด้วยความปราชัยของอาณาจักรลัซ
ระหว่างที่ผู้คนต่างดีใจและพากันฉลองกับชัยชนะอยู่นั้นเอง ทางด้านของอาณาจักรนิเวียที่เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้ กลับมีเรื่องที่น่าตกใจเกิดขึ้น
“เจอไหม!?!”
“ไม่ครับ ทางนั้นก็ไม่เจอเลย”
“เป็นไปไม่ได้ ไปหาใหม่อีกรอบเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลืบหรือช่องว่างระหว่างประตู ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องค้นให้ทั่ว เข้าใจไหม!?”
“ครับ!”
เสียงฝีเท้าของเหล่าทหารต่างพากันวิ่งชนกันไปมาอย่างวุ่นวาย พวกเขากำลังตามหาใครบางคนอย่างเอาเป็นเอาตาย
เหตุเกิดเมื่อนายทหารคนหนึ่งเข้าไปในห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา เพื่อที่จะรายงานกำหนดการเช่นเดียวกับทุกครั้ง แต่วันนี้กลับน่าแปลกที่เขาไม่เห็นผู้บังคับบัญชาของตนมานั่งรออย่างที่เคย
แต่บนโต๊ะทำงานนั้นกลับมีจดหมายฉบับหนึ่งที่จ่าหน้าถึงเขาวางอยู่ โดยจดหมายนั้นมีเนื้อหาเพียงสั้นๆ ว่า…
« ไมโล พรีฟริกส์ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วย Alpha-03 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ป.ล. ขอโทษที่เอาแต่ใจ แต่ที่เหลือฝากด้วยนะ »
พร้อมลงชื่อไว้เสร็จสรรพ เมื่อนายทหารได้อ่านมัน เขาก็มีสีหน้าที่โกรธจัดพร้อมกับรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อเดินเข้าไปพบท่านจอมพล ผู้ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในกองทัพ
เขาต้องการที่จะรู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อย่างไรผู้บังคับบัญชาของเขาก็เป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของท่าน ดังนั้นเขาต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาของจดหมายฉบับนี้แน่
แต่ก่อนที่นายทหารคนนั้นจะเอ่ยปากถามออกไป ท่านจอมพลก็ได้ชูซองจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมา
มันคือจดหมายลาออกจากกองทัพที่เขียนด้วยลายมือแบบเดียวกับจดหมายในมือของทหารคนนั้น
จากนั้นนายทหารคนนั้นก็ทรุดลง ความจริงตรงหน้าได้สูบพลังงานของเขาออกไปจนหมดจนทำได้แต่คุกเข่าลงในสภาพที่หมดแรง นายทหารคนนั้นเขาแต่กล่าวโทษตัวเองยกใหญ่ว่าที่เธอจากไปก็เพราะเขา
ไม่มีแม้แต่คำบอกลา ไม่มีแม้แต่สัญญาณใดๆ ที่บอกว่าเธอจะหายไป หลังจากที่ฟื้นจากอาการโคม่า วีรสตรีผู้ที่เป็นคนจบสงครามและนำมาซึ่งชัยชนะ
ผู้ที่ได้สมญานามว่า ‘ราชินีน้ำแข็งผู้เป็นคนดับไฟสงคราม’ ตอนนี้เธอได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ข่าวได้ถูกแพร่ออกไปทั่วกองทัพ ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ปัง!
“พันเอกครับ! เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วครับผม!”
ทหารนายหนึ่งเปิดประตูพรวดพราดเข้ามาโดยที่ไม่ได้ถามไถ่หรือขออนุญาตใดๆ เขาดูรีบร้อนและแตกตื่นเป็นอย่างมาก
กลับกัน พันเอกที่เขาวิ่งตาลีตาเหลือกมาหานั้น เอาแต่ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ด้วยใบหน้าที่แสนเลื่อนลอย ซึ่งเขาไม่สนเลยว่านายทหารคนนั้นจะวิ่งไปคาบข่าวอะไรมา
“พันเอกครับ!…”
“ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีอยู่ ออกไปเลย”
พันเอกบอกปัดพลางขมวดคิ้ว แต่นายทหารคนนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องการจะรายงานเรื่องนี้ออกไปให้ได้ เขาจึงพูดต่อไม่ว่าพันเอกจะปฏิเสธแค่ไหนก็ตาม
“ตอนนี้ที่กองทัพมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นนะครับท่าน ทหารที่เพิ่งจะได้รับการอวยยศจากองค์จักรพรรดิ ตอนนี้กลับยื่นจดหมายลาออกให้กับท่านจอมพลแล้วหายตัวไปตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ยังไม่มีใครที่สามารถหาตัวเจอได้เลยครับ แม้แต่ท่านจอมพลเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทหารคนนั้นไปอยู่ที่ไหน”
“โห~ ฟังดูน่าสนใจดี แต่ผมไม่มีอารมณ์ไปสนใจเรื่องคนอื่นตอนนี้หรอกนะ…”
“แต่ทหารคนนั้นคือ ‘ลูอันน่า เรเวนสครอฟต์’ เพื่อนสนิทของท่านเองนะครับ”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น พันเอกถึงกับกระตุกไปไม่น้อย ก่อนที่จะหันกลับไปด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ไหนลองพูดอีกทีสิ…”
“ครับท่าน! ลูอันน่า เรเวนสครอฟต์ หลังจากที่ได้ยื่นจดหมายลาออก เธอได้หายตัวไป ตอนนี้ทางกองทัพได้มีคำสั่งให้ออกตามหาเธอในทันทีครับท่าน!”
“……”
พันเอกครุ่นคิดอย่างหนัก แม้ตัวเขาเองก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ได้
ผู้ที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทและคนที่เขาไว้ใจที่สุดในกองทัพ อยู่ๆ กลับหายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว แถมยังกล้ายื่นจดหมายลาออกโดยที่ไม่ปรึกษาอะไรเขาสักคำ เรื่องแบบนั้นใครมันจะไปยอมรับได้
“…ออกไป”
“แต่พันเอกครับ…”
“บอกให้ไสหัวออกไปไง!!”
เขาตวาดออกมาเสียงดัง พร้อมกับทุบโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้สักชั้นดีนั้นแหลกคามือ
นายทหารรีบออกไปจากห้องด้วยความตกใจทันที
หลังจากที่นายทหารคนนั้นออกไปแล้วพันเอกก็ปลดกระดุมเสื้อออกพร้อมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่บ่นพึมพำออกมา
“ทำไมเธอถึงหายไปจากผมโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้กันล่ะ…ลู”
ข่าวการหายไปของลูอันน่าสร้างความแตกตื่นให้กับกองทัพเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่กองทัพแต่สังคมขุนนางเองก็ต่างแตกตื่นไม่แพ้กัน นอกจากเธอจะเป็นทหารที่มียศสูงและผลงานอันโดดเด่น เธอยังเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเรเวนสครอฟต์ที่มีชื่อเสียงอีกต่างหาก
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี ก็ยังไม่มีแม้แต่เบาะแสหรือข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย จนตอนนี้เริ่มมีข่าวลือแพร่ออกไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่าเธออาจจะถูกสั่งไปทำภารกิจลับที่อาณาจักรอื่น บ้างก็ว่าเธอบาดเจ็บจากสงครามจนไม่อาจกลับมาทำหน้าที่ได้อีก หรือบ้างก็คิดไปว่า…เธออาจจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วก็ได้
{ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ; เขตชานเมืองฝั่งตะวันตก}
“เมื่อวานฉันเจอ ‘พวกนั้น’ ด้วยล่ะเธอ”
“ตายแล้ว! ไม่เป็นอะไรใช่ไหม พวกนั้นได้ขู่อะไรเธอหรือเปล่า?”
“โชคดีมากเลยล่ะ ฉันแค่เดินสวนเท่านั้นเอง เฮ่อ~ ตอนนั้นคิดว่าจะแย่แล้วเสียอีก”
“เข้าใจๆ ‘พวกทหารรับจ้างปีศาจ’ นั่นน่ะน่ากลัวจะตาย ไม่รู้ว่าท่านเข้าเมืองไปจ้างมาได้อย่างไร”
“เนอะ ถึงจะบอกว่าเพื่อปกป้องพวกเราจากมอนสเตอร์ป่าก็เถอะ อย่างไรฉันก็กลัวพวกนั้นอยู่ดีนั่นล่ะ”
ขณะที่ลูกค้าทั้งสองต่างคุยเล่นกันอย่างสนุกปาก เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งก็เดินตรงเข้าไปร่วมวงกับพวกเขา
“ดูท่าทางคุยสนุกกันน่าดู ขอร่วมวงด้วยคนได้ไหมคะเนี่ย?”
เด็กสาวผมสีน้ำตาลพลิ้วไสว พร้อมกับใบหน้าที่สละสลวยซึ่งหาดูได้ยากในเขตชานเมืองแบบนี้ ดวงตาสีอัลมอนด์ละมุนตากับรอยยิ้มที่ผู้คนต่างพากันหลงใหล เธอค่อยๆ เสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะของลูกค้าอย่างระวัง
“ลูน่าจังไม่กลัวบ้างหรือ มาทำงานในที่แบบนี้ถ้าเจอพวกนั้นขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
ลูกค้าคนหนึ่งถามออกมาด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง เธอไม่ได้แสดงท่าทีวิตกหรือกังวลกับเรื่องที่ได้ยิน พร้อมตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ
“เอ๋? แต่พวกเขาถูกจ้างมาให้ปกป้องหมู่บ้านนี่คะ บางทีอาจจะเป็นคนดีก็ได้นี่คะ”
“โอ๊ย! พวกนั้นน่ะเป็นปีศาจเลยนะ ปีศาจจะเป็นคนดีได้อย่างไรล่ะ…จะว่าไป เธอไม่รำคาญหรือ เจ้าพวกนั้นน่ะ…”
ลูกค้าคนนั้นพูดพร้อมชี้ไปทางหน้าต่างของร้าน
ด้วยใบหน้าอันสละสลวยของเธอทำให้ผู้ชายในหมู่บ้านต่างพากันสนใจและคอยมาด้อมๆ มองๆ ผ่านหน้าต่างนี้เป็นประจำ
แม้ตอนแรกจะอึดอัดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เธอก็ทำใจให้ชินกับเรื่องพวกนี้ไปได้บ้างแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาสเตอร์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร อีกอย่างด้านนอกตอนนี้หนาวออกจะตาย อย่างไรพวกเขาคงยืนมองต่อได้อีกไม่นานหรอกค่ะ”
“จะไม่เป็นไรแน่หรือ…”
ถึงลูกค้าพวกนั้นจะแสดงอาการเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของลูน่า เด็กสาวที่พึ่งจะมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านโวยยะแห่งนี้ได้ไม่นาน
ลูกค้าทุกคนต่างพากันชื่นชอบรอยยิ้มและการทำงานที่แข็งขันของเธอ จึงมักจะมาอุดหนุนที่ร้านอยู่บ่อยๆ เพียงได้เห็นรอยยิ้มของเธอเพียงเท่านั้น พวกเขาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เธอได้เริ่มมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ ได้เดือนหนึ่งแล้ว ผู้คนต่างสงสัยว่าเธอมาจากไหนและทำไมถึงเลือกที่จะมาทำงานในร้านอาหารเล็กๆ เช่นนี้ ด้วยหน้าตาและความขยันของเธอ การที่จะหางานในเมืองหลวง ซึ่งเป็นที่ๆ มีความปลอดภัยและความสะดวกสบายมากกว่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเธอแท้ๆ
หมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากตัวเมืองเช่นนี้ ยังคงมีปัญหาเรื่องโจรป่าที่ชอบมาบุกรุกไม่ขาดสาย มอนสเตอร์เองก็มีมากไม่แพ้กัน ชาวบ้านต่างยื่นเรื่องร้องขอให้ทหารของอาณาจักรลงมาแก้ปัญหานี้อยู่หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งเรื่องก็ไม่คืบหน้าเสียที ด้วยเหตุนี้ท่านเจ้าเมืองจึงได้จ้างทหารรับจ้างมาเป็นการส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของหมู่บ้าน แต่ดูเหมือนทหารที่จ้างมาจะให้ผลที่ตรงกันข้ามเสียมากกว่า
เพราะเขาดันไปจ้างทหารรับจ้าง ซึ่งเป็นเผ่าปีศาจที่ทางอาณาจักรเคยขับไล่ไปเมื่อหลายปีก่อนอย่างไรล่ะ
“ลูน่า ยกนี่ไปเสิร์ฟได้แล้วจ้า”
“ค่ะมาสเตอร์ จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
ในขณะที่เด็กสาวทำงานอย่างขยันขันแข็งอยู่นั้นเอง เธอไม่อาจรู้เลยว่า ตอนนี้โชคชะตากำลังนำพาเธอไปพบพานเข้ากับเรื่องราวบทใหม่
ซึ่งอาจจะสร้างความวุ่นวายให้เธอมากกว่าแต่ก่อนก็เป็นได้…