ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 5 สือจื่อจิ้นอุปถัมภ์
ตอนที่ 5 สือจื่อจิ้นอุปถัมภ์ (รีไรท์)
ตอนที่ 5 สือจื่อจิ้นอุปถัมภ์ (รีไรท์)
เมื่อกลับถึงเขตเถาหยาง มีผู้คนประปรายออกันอยู่นอกประตู ซูเถาปล่อยให้พวกเขามองเข้าไปจากด้านนอก และเธอก็เดินตัวปลิวเข้าไปด้านในคนเดียว เมื่อเข้ามาในบ้านก็เห็นเฉินเหล่าเอ้อร์ผลักประตูเปิดออกมา
ตาซ้ายของเขาน่าจะได้รับบาดเจ็บ และมันถูกติดตั้งตาเทียมเชิงกล
“คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอ” เฉินเทียนเจียวขมวดคิ้ว
ซูเถารู้ว่าเธอดูไม่เหมือนผู้หญิงที่ร่ำรวย ดังนั้นจึงพยักหน้าอย่างเฉยเมย
“ใช่ กัปตันของคุณจ่ายค่าเช่าให้คุณเป็นเวลาห้าวัน สองสามวันนี้คุณสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุข และอย่าออกไปเพ่นพ่านข้างนอกล่ะ อ้อ แล้วหลังจากนี้ฉันจะเอาอาหารกลางวันมาให้คุณทุกวัน”
เฉินเทียนเจียวแอบบ่นอุบอิบ “พวกเขาไปล้างแค้นแล้วทิ้งผมไว้ลำพังเนี่ยนะ”
หลังจากบ่นเสร็จก็กวาดสายตามองซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบโต๊ะสักตัว ดังนั้นจึง
ยืนกินข้าวอย่างนั้นจนหมด
“กินเสร็จแล้วเก็บใส่ถุงนะ”
เฉินเทียนเจียวพยักหน้า และถามเธออีกครั้ง “คุณอายุเท่าไหร่ แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะ”
ซูเถาไม่แสดงสีหน้าใด ๆ “ตายไปหมดแล้ว”
เฉินเทียนเจียวไม่พูดอะไรมากอีกต่อไป พ่อแม่ของใครหลาย ๆ คนเสียชีวิตในยุควันสิ้นโลกกันทั้งนั้น
“เป็นผู้มีพลังวิเศษหรือเปล่า?”
ซูเถามองเขา “เป็นคนธรรมดา”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วทันที “คุณไม่มีพ่อแม่และไม่มีพลัง คุณป้องกันตัวเองได้ยังไง”
การมีที่ดินผืนใหญ่ และห้องพักหลายห้องไม่กลัวการก่ออาชญากรรมเหรอ ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีใครมาเข่นฆ่ายึดแผ่นดินก็ตาม
ซูเถาเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ จึงถามว่า “ทำไม? คุณต้องการฆ่าฉันและครอบครองที่นี่เหรอ งั้นก็ยากหน่อยนะ เมื่อคุณเข้ามาในที่ของฉันแล้ว หากมีข้อขัดแย้งคุณจะถูกโยนออกไปทันที”
เธอได้ตั้งค่าห้ามทำร้ายเจ้าของบ้าน และห้ามทะเลาะวิวาทไว้บนแผงควบคุมระบบแล้ว
ผู้ที่ละเมิดกฎจะถูกส่งออกไปทันทีและโดนลงโทษด้วยการช็อตไฟฟ้า
และเธอก็มีสิทธิ์ที่จะขับไล่ผู้เช่าที่ค้างค่าเช่า
เฉินเทียนเจียว “ผมแค่อยากจะเตือนคุณ”
ซูเถาพยักหน้า “ขอบคุณนะ ฉันตั้งค่าระบบล็อกประตูให้คุณแล้ว และประตูจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดเช่า”
อันที่จริงเธอรู้ว่าเขาเตือนด้วยความหวังดี ไม่เช่นนั้นเขาคงลงมือไปแล้วถ้ามีความคิดเช่นนั้นจริง ๆ
เธอหมกตัวอยู่ในห้องตลอดทั้งบ่ายเพื่อทำความคุ้นเคยกับระบบและกฎระเบียบ เมื่อเวลาคืบคลานเข้าช่วงกลางคืนก็เกือบจะเผลอหลับไป แต่สือจื่อจิ้นและพรรคพวกของเขาก็กลับมาเสียก่อน
สมาชิกในทีมสองคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ที่ดูสาหัสสุดคงจะกัปตันสือจื่อจิ้น เขาเสียแขนขวาไปข้างหนึ่ง และปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้งในสภาพร่างกายโชกไปด้วยเลือด
หัวใจของซูเถาเต้นแรงแทบจะกระเด็นออกจากอก
สือจื่อจิ้นส่ายหัวด้วยใบหน้านิ่งสงบ “ไม่เป็นไร”
ซูเถารู้สึกมึนงง แขนหลุดออกจากไหล่แบบนั้นยังบอกว่าไม่เป็นไรเนี่ยนะ?
สือจื่อจิ้นหยิบถุงกระดาษด้วยมือซ้าย เปิดออกเผยให้เห็นผลึกนิวเคลียสสีเขียว และโยนมันให้เฉินเทียนเจียวด้วยมือเดียว
“ล้างแค้นให้อาฉือแล้ว พรุ่งนี้นายส่งให้ผู้นำระดับสูงตรวจสอบ ฉันจะไปที่บ้านของอาฉือเพื่อขอโทษ ฉันเป็นกัปตันแต่กลับไม่สามารถปกป้องเขาได้ จะเป็นคนอธิบายกับครอบครัวของเขาเอง”
เฉินเทียนเจียวพึมพำสองครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีด้วยดวงตาแดงก่ำ
ซอมบี้ที่มีวิวัฒนาการแล้วน่าจะเป็นซอมบี้ขั้นสูงตัวใหม่และยังไม่ได้ป้อนข้อมูลใส่ระบบ ความสามารถแปลก ๆ และความร้ายกาจของมันสูงมาก
ขนาดกัปตันผู้แข็งแกร่งมันก็สามารถทำให้แขนของเขาใช้การไม่ได้ข้างหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันร้ายกาจแค่ไหน
ราคาของการแก้แค้นนั้นสูงเกินไป
ซูเถาก็ไม่มีความสุขเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็เคารพสือจื่อจิ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ
ทุกคนหยุดพักนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า และรอจนถึงรุ่งสาง
ซูเถาหายง่วงนอนอย่างสมบูรณ์ และพูดคุยกับเหล่าสุภาพบุรุษเพื่อทำความรู้จักไว้
สือจื่อจิ้นไม่ได้เข้าร่วมในการสนทนา นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางเช็ดปืนพกสีเงินอย่างนิ่งเงียบ
เมื่อพวกเขาคุยกันเกือบเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็เอ่ยถามซูเถาว่า “ห้องทางขวามีคนอยู่หรือเปล่า?”
ซูเถารู้สึกได้ในทันที “ไม่มี การตกแต่งของห้องนี้ดีกว่ามาก แต่รับเฉพาะการเช่าระยะสั้น 4,000 เหลียนปังต่อ 15 วัน ไม่ต้องใช้คะแนนสมทบ”
ขณะที่พูด เธอก็เปิดประตูให้สือจื่อจิ้นและเพื่อนร่วมทีมของเขาเห็น
เฉินเทียนเจียวมองไปรอบ ๆ และพูดด้วยความไม่พอใจ
“ทั้ง ๆ ที่ก็เป็นห้องเดี่ยวเหมือนกัน แล้วทำไมห้องที่ผมนอนถึงมีแต่ถุงนอนและถังน้ำสับปะรังเคนั่น…ผมดูเหมือนไม่มีเงินหรือไง?”
ซูเถาพูดอย่างเขินอาย “ไม่ใช่เพราะคุณไม่มีเงิน แต่ว่าพวกคุณมาอย่างกะทันหันไปหน่อย รอสัญญาเช่าของคุณหมด ฉันจะจัดการให้”
สือจื่อจิ้น “ห้องทางขวาเก็บไว้ให้ผมนะ ผมจะหาคนมาอาศัยอยู่ที่นั่นในอีกไม่กี่วัน”
ในขณะที่เขาพูดนั้น เขาก็โอนเงิน 4,000 เหลียนปังออกไป เพราะกลัวว่าจะมีใครฉกมันไปเสียก่อน
ซูเถากลืนน้ำลายในขณะที่มองดูตัวเลข จากนั้นมองไปที่สือจื่อจิ้นราวกับเห็นผู้อุปถัมภ์
“งั้น…ฉันจะเก็บห้องไว้ให้ ถ้าคุณไม่พาใครมาอยู่ในอีกสามวัน ฉันจะคืนเงินให้แค่ 3,000 เหลียนปัง ตกลงไหม?”
จื่อจิ้นร่ำรวยและมีอำนาจ “ไม่มีปัญหา ถ้าในอนาคตมีห้องอื่นอีก บอกผมนะ ผมมีพี่น้องหลายคน”
เพื่อนร่วมทีมรู้สึกอบอุ่นในใจ
“หากคุณมีปัญหาอะไร สามารถไปหาผมที่กองทัพบุกเบิกตงหยางได้เสมอ แล้วผมจะแก้ปัญหาให้คุณเอง” สือจื่อจิ้นกล่าวเสริม
ซูเถาตกตะลึงนี่เป็นข้อเสนอเหรอ
ซูเถาอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน
ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอรับรู้ได้ว่าสือจื่อจิ้นไม่ใช่คนช่างพูดแบบพ่อของเธอ
หากมีบางสิ่งที่ยากจะจัดการ เขาจะช่วยเธอแก้ปัญหาอย่างแน่นอน
ไม่แปลกใจเลยที่คนร่วมทีมเหล่านี้จะถูกเขาโน้มน้าวใจ
เพื่อนร่วมทีมทุกคนก็หันหน้าไปแสดงความโปรดปรานต่อซูเถาทันที
“เถ้าแก่น้อย ในอนาคตถ้ามีห้องว่างต้องส่งข้อความบอกพี่ของเรานะ นี่คือข้อมูลการติดต่อ ได้โปรดล่ะถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือในอนาคต ก็อย่าเกรงใจล่ะ!”
ซูเถายอมรับข้อมูลการติดต่อและคำสัญญาของแต่ละคนอย่างกระอักกระอ่วน ดูเหมือนจะเป็นการหาเหาใส่หัวหรือเปล่า…
“ขอบคุณ…” หญิงสาวลูบจมูกปรอย ๆ
สือจื่อจิ้นไม่ค่อยยิ้มและไม่พูดอะไร
“แต่ฉันอยากถามว่าผู้ที่สมัครเข้าร่วมกองทัพบุกเบิก ไม่ไปได้ไหม…?”
ซูเถาไม่อยากไปจริง ๆ
เธอไม่มีพละกำลังและไม่มีความสามารถใด ๆ ถ้าเธอไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วง นอกจากนี้บ้านในเขตเถาหยางเธอก็ต้องดูแล
สือจื่อจิ้นขมวดคิ้ว “ตามกฎแล้วไม่อนุญาต”
ใบหน้าของซูเถาเปลี่ยนเป็นขมขื่น
หลี่หรงเหลียนสมัครให้ลับหลังเธอ กว่าเธอจะรู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว
“คุณสมัครเหรอ?” สือจื่อจิ้นถามอย่างไม่เห็นด้วย
พูดตามตรงกองทัพบุกเบิกของพวกเขาไม่ต้องการให้หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ไร้พลังมาฉุดรั้ง หรือไปเสี่ยงตาย
ซูเถาพยักหน้าอย่างขมขื่น
“ถ้าคุณไม่ไป คุณต้องเสียค่าปรับและต้องมีสมาชิกในครอบครัวมาแทนที่คุณ แต่ถ้าคุณจ่ายเงินได้ก็คงไม่มีปัญหา”
ซูเถาเกาหัว “ฉันขอโทษ ฉันโกหกคุณ ฉันบอกว่าพ่อแม่ของฉันเสียชีวิต อันที่จริงพวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาปฏิบัติต่อฉันอย่างเลวร้าย จึงบอกว่าพวกเขาตายแล้ว ฉันไม่เห็นด้วยกับแผนการของพวกเขา พวกเขาสมัครการเข้าร่วมกองทัพบุกเบิกลับหลังฉัน…”
สือจื่อจิ้นเข้าใจในทันทีว่าพ่อแม่ไม่ต้องการให้หญิงสาวตัวเล็ก ๆ มีชีวิตอยู่เลย
มีพ่อแม่แบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ?
เขาพูดด้วยใบหน้าถมึงทึง
“ในกรณีนี้ คุณไปที่ศูนย์การจัดการความสามารถพิเศษ แยกตัวออกมาในฐานะผู้ใหญ่ อธิบายสถานการณ์และบอกว่าผู้แนะนำคือผม คุณจะไม่ต้องเจอเรื่องลำบากใจ เมื่อถึงเวลาพ่อแม่ของคุณจะต้องจ่ายเงินค่าปรับ”
นัยน์ตาของซูเถาเป็นประกาย “มันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดไหม”
เธอถูกขังอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน จึงไม่เข้าใจบริบททางสังคมเท่าไหร่นัก
หลี่หรงเหลียนหวังว่ายิ่งเธอรู้น้อยเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งสามารถควบคุมได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
สือจื่อจิ้นพยักหน้า “ใช่ คุณไม่ต้องเข้าร่วมกองทัพและไม่ต้องเสียค่าปรับ”
ซูเถารู้สึกขอบคุณมาก “ขอบคุณมาก ฉันจะให้ส่วนลดคุณ 20% สำหรับค่าเช่าห้อง”
สือจื่อจิ้นหัวเราะ “วิธีที่คุณขอบคุณผมคือการให้ส่วนลดค่าเช่าแก่คนอื่นเหรอ?”
ซูเถารู้สึกกระดากอาย “ก็ฉันไม่มีอะไรจะให้แล้วนี่”
สีหน้าเหงาหงอยของอีกฝ่ายทำให้สือจื่อจิ้นรู้สึกสงสารมากขึ้นเล็กน้อย
ในตอนเช้าสือจื่อจิ้นและพรรคพวกของเขาจากไป และในเวลาเดียวกันซูเถาตรงไปที่ศูนย์การจัดการความสามารถพิเศษอย่างไม่รอช้า แสดงใบรับรองตัวตนของเธอ และรายงานชื่อของสือจื่อจิ้น
“เพื่อนของกัปตันสือ เราทุกคนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน การลงชื่อสมัครโดยใช้ชื่อผู้อื่นเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว สิ่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้นในตงหยางของเรา เราจะติดตามและใช้มาตรการลงโทษในอนาคต คุณไม่ต้องกังวลครับ”
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็แยกตัวออกจากตระกูลซูสำเร็จ และตอนนี้เธอก็เป็นอิสระแล้ว
ซูเถาแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก สัมผัสความสะดวกสบายจากการเป็นมนุษย์ครั้งแรก
ตอนเด็ก ๆ เธอเคยติดตามหลี่หรงเหลียนเพื่อมาทำธุระที่นี่ แค่เรื่องง่าย ๆ แต่พนักงานกลับใช้เวลาดำเนินการถึงสามเดือน
ซูเถาอดไม่ได้ที่จะคิดอีกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าสือจื่อจิ้นจะไม่ใช่แค่ผู้นำธรรมดาของกองทัพชายแดน แต่เธอก็ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นมากนัก และอีกอย่างเธอก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
ถ้าสือจื่อจิ้นอยากบอก เขาก็คงบอกเอง แต่ถ้าเขาไม่บอกเธอก็จะไม่ถาม
มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ในใจของเธอ แต่ตอนนี้เธอแค่ต้องการกลับบ้านและใช้เงิน!
ซื้อเตียง! ซื้อห้องน้ำ!