ตอนที่ 3: เรามีเรื่องต้องคุยกัน
คำเตือนตอนนี้มีความรุนแรง
************************************************
ในทุกวันเสาร์ วันอาทิตย์ ฉันมักจะออกนอกปราสาทไปฝึกกับเรย์ในช่วงที่กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นฉันก็มักจะไปสำรวจให้ทั่วทั้งอาณาจักรก่อนจะไปหาเรย์ น้ำที่ไหลภายในเมืองเต็มไปด้วยน้ำเน่าเสีย และมีกลิ่นเหม็น ตลอดเวลา ไม่ต้องพูดถึงอาหารของประชาชนในเมือง มีแค่ขนมปังไม่กี่ก้อนที่จะถึงมือคนนึง
“มาซักทีนะ…”
“อ่า…ขอโทษทีให้รอ”
ฉันมาถึงบ้านของเรย์โดยที่เขายืนรออยู่ เรย์มักจะยืนรอฉันตลอดเขาไม่เคยถามฉันเลยว่าทำไมต้องเป็นวันเสาร์กับวันอาทิตย์ ในทุกครั้งที่ฝึกกันกับพ่อของเรย์ เรย์มักจะบอกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นของฉัน ฉันฟังแล้วก็เอาปรับใช้ต่อ พวกเราฝึกกันไปหลายสัปดาห์จนกระทั่งมาถึงวันที่ฉันไม่สามารถไปหาเรย์ได้ เมื่อเมดคนนึงรู้ว่าฉันแอบหนีออกนอกปราสาทไปหลายครั้ง เธอจึงนำไปบอกกับท่านพ่อและท่านแม่ พวกท่านจึงสั่งให้คนมาปิดหน้าต่างและสั่งทหารให้เฝ้าบริเวณรอบๆไว้ ก็คิดเอาไว้อยู่แล้วล่ะนะว่ายังไงมันจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
“ขออนุญาติค่ะ ดิฉันนำอาหารมาให้ทานแล้วค่ะ”
“คุณสินะ? ที่เป็นคนไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่”
เมดคนนึงเปิดประตูนำอาหารมาให้ฉันในห้องที่มืดสนิท บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยเอกสารที่ฉันกำลังเรียบเรียงอยู่
“ขออภัยด้วยค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัยขององค์ชายจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้ค่ะ”
“เพื่อความปลอดภัยของฉัน? จากอะไรล่ะ? คนในเมืองนี้งั้นหรอ?”
“ขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันไม่ได้รับคำสั่งว่าต้องคำถามนี้ค่ะ”
เธอพูดจบก็ออกไปแล้วปิดประตูล๊อคห้องของฉันไป
แล้วคิดว่าฉันจะยอมอยู่เฉยๆงั้นหรอ? ไม่เลย ฉันไม่ยอมหรอก
ปัง!!
ในจังหวะที่เมดคนนั้นเดินก้าวเท้าจนห่างจากประตูได้แล้วฉันก็กระโดดถีบประตูด้วยความรุนแรงจนกระเด็นออกมาข้างนอก เมดคนนั้นก็ตกตะลึงที่ฉันออกมาได้
ปึก!
“ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าทางของฉันน่ะจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางหรอก”
เธอทำท่าจะตะโกนเรียกให้คนมาช่วยจับตัวฉัน ฉันจึงรีบเอามือสับไปที่ท้ายทอยให้เธอสลบไป ก่อนที่ฉันจะรีบวิ่งไปที่ห้องโถง ฉันได้เข้าไปในห้องของตัวเองแล้วหยิบเอกสารบนโต๊ะทั้งหมดติดตัวไปด้วย
“ในวันนี้ คือวันที่พวกขุนนางของอาณาจักรนี้มาร่วมกินอาหารกันกับราชาและราชินี แน่นอนว่าโคตรฟุ่มเฟือยเลย แต่ก็ดีเลยนี่หว่า ถือเป็นราคาที่คุ้มแก่การเฉดหัวพวกมันโยนลงทะเล”
“ขออนุญาตเข้าร่วมด้วยครับ!!”
ฉันวิ่งไปผลักประตูห้องโถงซึ่งก็เต็มไปพวกขุนนางของอาณาจักรตามที่คิดไว้ ทั่วทั้งห้องต่างตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองที่ฉัน
“อลัน นี่ลูกออกมาได้ยังไงกลับห้องไปเดี๋ยวนี้!!”
เมื่อฉันมาถึงท่านพ่อก็รีบตะโกนไล่ฉันกลับทันที ทหารจึงมาพาตัวฉันกลับห้อง แต่ฉันขัดขืนเลยกระโดดเสยคางทหารคนนั้นจนสลบไป
“อลันหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ รวมทั้งแขกในงานนี้ต้องขออภัยที่เพิ่งทำเรื่องเสียมารยาทไป แต่ว่า อาณาจักรในตอนนี้ทุกคนเห็นว่าเป็นเช่นไร? โปรดตอบเรามาด้วย!!’
ฉันปีนขึ้นมายืนบนราวบนสุดของห้องโถงแล้วตะโกนให้ดังสุดเสียงจนห้องโถงต้องฟังแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น
“อลัน นี่ลูกเป็นอะไรไป รีบลงมาเถอะมันอันตรายนะ”
ท่านแม่ที่อยู่ข้างๆรีบเดินมาแล้วแสดงสีหน้ากลัวว่าฉันจะตกลงไป
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เลิกปฏิบัติกับผมเป็นเหมือนไข่ในหินด้วยเถอะครับ”
ฉันหันหลังไปพูดกับพวกท่าน ด้วยแววตาที่เย็นยะเยือกดวงตาสีเขียวมรกตของฉันที่สดใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีมที่หม่นหมองจนพวกท่านสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปจึงพูดไม่ออก
“เอาล่ะตอบมาซะ “
“เรียนองค์ชาย อาณาจักรนี้กำลังเจริญรุ่งเรืองครับ”
“แกแน่ใจอย่างนั้นหรอ? ในตอนที่ฉันหนีออกนอกกะลาไปสำรวจโลกภายใน เมืองก็เต็มไปด้วยคนเจ็บ คนป่วย คนยากจน จนกลายมาเป็นสลัม นั่นคือความเจริญรุ่งเรืองงั้นหรอ?”
“นะ นั่นก็เมืองเดียวเองครับท่าน แค่สละไปเมืองเดียวไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ท่านไม่จำเป็นต้องแยแสพวกชั้นต่ำพวกนั้นก็ได้”
“แกคิดอย่างนั้นหรอ เอิร์ล เด็กซ์กา?”
เพล้ง!!
ฉันหยิบจานบนโต๊ะของพวกท่านพ่อปาไปโดนหัวของเด็กซ์กา หรือก็คือเจ้าอ้วนที่เคยไปมีเรื่องด้วย หัวของมันที่โดนจานกระเบื้องคุณภาพดีปาใส่ก็เลือดออก
“อ้าก!!!”
“แกกำลังสงสัยสินะ? ว่าทำไมฉันถึงรู้จักแก เพราะตอนที่ฉันแอบหนีออกมาก็ดันไปเจอทำเรื่องต่างๆไว้มากมายด้วย”
“มะ มันมาอยู่นี่ได้ยังไง!?”
ฉันพูดจบก็หยิบเอกสารหนึ่งฉบับออกโชว์ ซึ่งนั่นทำให้พวกท่านพ่อและแขกคนอื่นก็ต่างตกใจไปตามๆกัน
○ ● ○
ย้อนกลับไปเมื่อสามสัปดาห์ก่อนหน้า เป็นวันที่ฉันแอบหนีออกมาแล้วเจอเข้ากับเรย์โดยบังเอิญซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฉันกำลังสะกดรอยเด็กซ์กาอยู่ด้วยความสงสัย
“เจ้านั่นมัน คนเมื่อตอนนั้นนี่!?!”
“เย็นไว้ก่อนเรย์ รอดูไปก่อนซักพัก”
เด็กซ์กากับขุนนางอีกสองคนเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งที่สร้างด้วยหินอย่างดีก่อนจะยื่นเอกสารบางอย่างแล้วออกไป เรย์ก็อดทนไม่ได้จะกระโดดเตะเจ้านั่นอย่างเดียว
“เข้าไปดูกันเถอะ”
“อือ!”
ฉันรีบพาเรย์เข้าไปในอาคารแห่งนั้นทันที
“ขอโทษนะครับ พอดีว่าจะขอดูเอกสารพวกนั้นได้รึเปล่า?”
ถามอะไรของเราหว่า ยังไงก็ไม่ได้อยู่แล้วสิ
“เด็กพวกนี้เข้ามาได้ไงกัน!? ออกไปเดี๋ยวนี้!!”
ชายสูงอายุในชุดสูทไล่พวกฉันทันทีที่ก้าวเข้ามา
“เรย์ช่วยออกไปก่อนแปปนึงทีสิ”
“ห้ะ!? แต่ฉัน!”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่แปปเดียว”
ฉันหันไปพูดกับเรย์ให้ออกไป ถึงจะมีการดื้อซักนิด แต่เขาก็ยอมออกไปให้
“เอาล่ะ ไหนลองพูดอีกทีซิ”
ฉันเอาผ้าคลุมออกแล้วโชว์เข็มกลัดให้ชายสูงอายุคนนั้นดู เขาถึงกับตกใจและสั่นกลัวเล็กน้อย
“ตะ ตะ ต้องขออภัยที่เสียมารยาทครับ องค์ชาย!!”
เขารีบก้มหัวกราบขอโทษฉันที่เท้าทันที
“เอาล่ะ รีบเอาเอกสารทั้งหมดของเอิร์ลเด็กซ์กามาให้ดูได้แล้วอ่อ ตอนนี้ให้เรียกฉันว่าท่านลันด้วย”
“คะ ครับ!”
“เรย์เข้ามาได้แล้วล่ะ”
เขารีบไปหยิบเอกสารทั้งหมดของเด็กซ์กามาให้ฉัน ในระหว่างนั้นฉันก็ไปเรียกเรย์ที่อยู่รอข้างนอกให้เข้ามา พวกเราตรวจสอบเอกสารทั้งหมดอยู่ซักพักจนรู้ได้เลยว่า เอกสารทั้งหมดนั้นคือการมอบรายได้ของราชวงศ์ให้กับเจ้าเอิร์ล เด็กซ์กา ซึ่งชายสูงอายุคนนี้ก็รู้เรื่องแต่ถูกปิดปากด้วยเงิน
“แล้วของพวกขุนนางที่เกี่ยวข้องกับมันล่ะ!?”
“คะ คือว่า…”
“ถ้าแกไม่ยอมบอก ฉันจะไม่เว้นแกด้วยอีกคนแน่ในวันที่กำลังจะมาถึง”
ฉันเข้าไปกระซิบข้างหูของเขา ด้วยน้ำเสียงที่ขู่จะฆ่าทิ้งจริงๆ
“คะ ครับท่าน!!”
เขารีบไปเอาเอกสารขุนนางที่เกี่ยวข้องมาให้จนหมด ฉันแยกเอกสารออกมาได้ปึกนึง ซึ่งเกี่ยวกับการโกงกินของพวกมันล้วนๆ ทั้งการแก้ไขรายได้ของอาณาจักร ทั้งการส่งออกสินค้าผิดกฏหมาย และการซื้อขายยาเสพติด ะวกที่สมรู้ร่วมคิดกับมันมีอยู่สองคนซึ่งน่าจะเป็นขุนนางสองคนนั้นที่ตามมันไปด้วย
“เมื่อวันที่พวกมันถูกโยนลงทะเลมาถึง ถ้าตอนนี้แกเลิกทำตัวอย่างนี้เรียบร้อยละก็ ฉันจะไม่เป็นไม่รู้ไม่เห็นให้”
“ครับท่าน!”
พวกฉันรวบรวมเอกสารแล้วนำออกไป ก่อนออกฉันก็พูดทิ้งท้ายให้เขาเลิกทำตัวอย่างนี้
○ ● ○
กลับมาที่ปัจจุบัน ฉันได้เริ่มอ่านเอกสารฉบับแรกด้วยเสียงดัง
” ว่าด้วยการซื้อเรือใบยักษ์แทนราชาเฟอร์สิโน ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ถอนเงินแทนพระองค์ ลงชื่อและลายนิ้วมือ พอร์ค เด็กซ์กา “
“ว่าแต่ เรือใบยักษ์อยู่ไหนกันน้าาา? “
ทั่วทั้งห้องต่างตะลึงตกใจมากขึ้นกว่าเดิม
“แล้วต่อไปก็ใบนี้….”
ฉันเริ่มอ่านเอกสารฉบับถัดไปเรื่อยๆ แต่ละฉบับมีการซื้อของแทนท่านพ่อท่านแม่ ซึ่งพวกท่านไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
“ของแต่ละอย่างที่ซื้อนั้นก็ไม่ได้มีอยู่ในอาณาจักรนี้เลยด้วยซ้ำ และในยังมีเอกสารสัญญาการขายยาเสพติด ซึ่งไม่ได้มีแค่แกคนเดียวที่ทำ”
“อึก!…”
“อ่อลืมถามไปเลย เสี้ยนที่ตำหน้าแกตอนนั้น หายแล้วสินะ?”
ฉันเดินลงบันไดมาหามันแล้วยิ้มพูดจาท้าทาย เพราะทหารในโถงอยู่ห่างเกินไปที่จะเข้ามาหยุดได้
“อะ ไอ…เด็กเมื่อตอนนั้น!!”
ปึก!!
ฉันพูดถึงแผลที่เคยทำไว้ให้ มันจึงรู้ว่าฉันคือใคร มันจึงเลือดขึ้นหน้ารีบพุ่งจะต่อยฉัน แต่ในเรื่องความต่างเรื่องความสูงมันจึงต้องก้มตัวลงมาเพื่อจะต่อย นั่นจึงเข้าทางฉันมาก ฉันจึงเตะด้วยขาขวาเต็มแรงจนมันกระเด็นไปได้เมตรนึง
“ยิวยึตสุ วิชาที่ฉันเรียนในตอนที่แอบหนีออกมา วิธีการของวิชานี้ก็ง่ายๆเลยคือ ทำทุกอย่างเพื่อล้มคู่ต่อสู้ และคำว่าทุกอย่าง รวมไปถึงการจิ้มตา ดึงผม หรือแม้แต่ทำให้ไอจ้อนของแกใช้การไม่ได้ ก็จะทำ นั่นแหละคือวิชานั้น”
“ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตอบมาแกเอาเงินไปใช้ทำอะไร?”
ฉันเดินเข้าไปหามันด้วยความคิดเพียงอย่างเดียวคือการเชือดไก่ให้ลิงดู
“อึก!…ไม่บอ–!!”
ปึก!!
“อ้าก!!!”
มันไม่ยอมบอกฉันจึงกระทืบปากของมันจนฟันหลุดออกมาหลายซี่ แล้วดึงผมของมันเพื่อที่จะได้ต่อยหน้ามันได้ง่ายๆ ฉันลงหมัดไปที่หน้าของมันไปหลายหมัด จนโหนกแก้มแตก และตาซ้ายบอด ดั้งจมูกหัก และไม่ได้ลงที่หน้าอย่างเดียวฉันยังหักแขนขวาที่มันจะใช้ต่อยฉันด้วย
“อลันพอได้แล้ว!!”
“ครับๆ เอาล่ะ ไอสองที่ซ่อนตัวอยู่ถ้าไม่ออกมา แล้วฉันบอกให้ชี้ตัวละก็ รับรองว่าแกได้โดนหนักกว่าไออ้วนนี่แน่!!”
ท่านแม่รีบตะโกนจากข้างบนเพื่อหยุดฉัน แต่ดูท่าพวกท่านกลัวว่าฉันจะทำเหมือนกับไออ้วนนี่ แต่ฉันไม่ได้คิดจะทำขนาดนั้นหรอก ฉันจึงหยุดแล้วตะโกนขู่ไปทั่วห้องจนพวกคนที่สมรู้ร่วมคิดรีบออกมาด้วยความตื่นกลัวซึ่งก็คือพวกที่เคยไปที่อาคารนั้นด้วยกันกับมัน
” จับพวกมันไปสอบสวน แล้วตัดหัวมันต่อหน้าประชาชนซะ”
ฉันรีบสั่งให้ทหารพาตัวพวกมันไปสอบสวนต่อไป
“อลัน เรามีเรื่องต้องคุยกันหลังจากนี้…”
ในเมื่อความวุ่นวายในครั้งเกิดขึ้นจนทำลายบรรยากาศไปจนหมดก็ไม่เหตุผลที่ต้องจัดงานเลี้ยงต่อ แขกทุกคนจึงพากันกลับ
ท่านพ่อกับท่านแม่ได้รวบรวมความกล้าก่อนเดินลงมาพูดกับฉัน ซึ่งฉันก็เดินตามไปด้วยความเต็มใจ ห้องที่พวกเราพ่อแม่ลูกจะคุยกันนั่นก็คือห้องนั่งเล่น พวกท่านพ่อนั่งที่โซฟาทั้งสองฉันจึงนั่งที่เก้าอีกข้างๆ
“ทำไมลูกถึง…ทำอะไรรุนแรงอย่างนั้น”
“ถ้าลูกแค่เตะจนกระเด็นแล้วให้ทหารคุมตัวต่อก็พอแล้วนี่”
“นี่หรือว่าเพราะเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกหนีออกไป ลูกเลยติดนิสัยของพวกคนในสลัมมาสินะ!? เพราะงั้นสินะ ลูกเลยแสดงท่าทางต่อต้านพ่อกับแม่อย่างนี้น่ะ!!”
ตุบ!!!
“พวกเขาไม่ได้เกี่ยวด้วยซะหน่อย!!…ขออภัยครับ ท่านพ่อ กับ ท่านแม่ เคยลงไปดูรอบๆอาณาจักรซักครั้งรึเปล่าครับ?”
ท่านแม่พูดว่าร้ายใส่พวกเรย์ ฉันจึงทุบโต๊ะก่อนจะเถียงท่านไปด้วยความไม่พอใจ
“อลัน! ลูกเป็นเด็กไม่ควรขึ้นเสียงใส่พ่อแม่นะ และไม่ควรแสดงท่าทางแบบนั้นกับผู้ใหญ่ด้วย!”
“ดีจังเลยนะครับ ที่ไอคำว่า ผู้ใหญ่ มันสามารถทำให้เด็กต้องยอมแพ้ ทั้งที่คำพูดของเด็กมันถูกน่ะ ผู้ใหญ่มักจะชนะตลอด มันดูยุติธรรมดีจังนะครับ”
ท่านพ่อใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อและความเป็นผู้ใหญ่เพื่อสั่งให้ฉันหยุด
“ถ้างั้นโปรดเมตตาตอบคำถามเมื่อกี้ของเด็กเหลือขอคนนี้ได้รึเปล่าครับ?”
“อึก…..พ่อกับแม่ไม่เคยลงไปหรอก”
ฉันพูดสวนคืนในหลักความเป็นจริงของ ผู้ใหญ่กับเด็ก ผู้ใหญ่มักจะสอนความยุติธรรมให้กับเด็กแต่พวกเขากลับไม่เคยยุติธรรมกับเด็กเลย มักจะใช้ฐานะของคนที่แก่กง่ามาอ้างเพื่อให้เด็กเชื่อฟัง ดังนั้นฉันจึงพูดให้ตัวเองดูต่ำต้อยซึ่งเทียบเท่ากับคนในสลัม
“พวกท่านน่ะ เคยคิดถึงชีวิตของคนหนึ่งคนรึเปล่าครับ? ในวันแรกที่ผมหนีออกมารู้มั้ยว่าผมเจออะไร?…”
“ผมเจอคนเจ็บป่วย คนนอนตาย คนที่กดขี่ข่มเหงผู้อื่น หรือแม้แต่ การที่ผู้หญิงถูกข่มขืนแล้วคนรอบข้างไม่มีใครคิดจะช่วย”
“ได้โปรดหยุดเอากะลามาครอบผมซักที และได้โปรดออกมาจากกะลากันได้แล้วเถอะครับ”
ฉันพูดขอร้องท่านพ่อกับท่านแม่ไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง พวกท่านก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ได้มีความกดดันจากตัวฉันได้ ดวงตาที่หม่นหมองของฉันก็เริ่มกลับมาเป็นสีมรกตสดใสอีกครั้ง
“ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
พวกท่านได้ฟังที่ฉันพูดก็นั่งนิ่งคิดกันอยู่ ฉันจึงขอตัวกลับห้องตัวเองไปนอน
“จะว่าไปเราจะทำยังไงกับประตูล่ะเนี่ย?”
ฉันเดินมาถึงห้องก็ต้องหยุดอยู่ตรงหน้าห้องเพราะประตูห้องฉันเป็นคนถีบมันจึงวางไว้อยู่อย่างนั้น ส่วนเมดที่ฉันทำให้เธอสลบ ก็ยังคงสลบอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าฉันฆ่าคนตายหรอกนะ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5: ฉันได้ครั้งแรกของพวกเธอไปแล้ว มกราคม 19, 2022
- ตอนที่ 4: เซอร์ไพรส์ที่ไม่ต้องการ มกราคม 18, 2022
- ตอนที่ 3: เรามีเรื่องต้องคุยกัน มกราคม 18, 2022
- ตอนที่ 2: วางแผนขั้นแรก มกราคม 18, 2022
- ตอนที่ 1: ทรัคซังเดลิเวอรี่ มกราคม 18, 2022
MANGA DISCUSSION