ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 99 กู้หนานมาที่นี่
บทที่ 99 กู้หนานมาที่นี่
ในที่สุดกู้หนานก็ยอมใจอ่อน ท่าทางไม่สบายใจของน้องสาวทำให้เขาไม่สามารถอดทนงอนเธอได้นาน
เมื่อวางสายชายหนุ่มก็เอามือเท้าคางอย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นพลันมีอะไรบางอย่างแวบเข้ามาในหัว ดวงตาสีเข้มเหมือนมีประกายวาบออกมาครู่หนึ่ง
เจ้ากู้อันจะไปที่นั่นพรุ่งนี้เช้า… จู่ ๆ เขาก็มีแผนในใจขึ้นมา
หนวนหน่วนน้อยไม่ทันคาดคิดเลยว่าพรุ่งนี้เมื่อไปรอรับพี่เล็กที่สนามบิน เธอจะได้เจอกับเซอร์ไพรส์ใหญ่
หนวนหน่วนตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพราะเครื่องบินจะมาถึงประมาณเจ็ดโมงเช้า แต่ได้ลงจากเตียงก็หกโมงเข้าไปแล้วเพราะคนข้างตัวไม่ยอมตื่นเสียที
กู้หมิงอวี๋ถูกเด็กหญิงตัวน้อยดึงให้ลุกขึ้นเป็นครั้งที่ล้าน กระนั้นก็ยังไม่เป็นผลเสียที น้องน้อยเริ่มไม่ไหวแล้วจึงเปลี่ยนเป็นทิ้งตัวลงบนที่นอนข้างกันอย่างหมดแรง พี่สามเหล่มองน้องสาวนิดหน่อยก่อนจะปิดปากหาวแล้วเหยียดตัวบิดขี้เกียจ
“พี่สามขา รีบลุกเร็วค่ะ เราต้องไปรับพี่เล็กนะ”
หนวนหน่วนลุกขึ้นมาดึงพี่ชายอีกครั้งโดยใช้แรงและความพยายามไม่น้อย เด็กหญิงจึงเริ่มหน้าแดง ดูสดชื่นราวกับลูกพีชลูกโต
กู้หมิงอวี๋เอ่ยรับคำอย่างเนือย ๆ ด้วยเสียงเซ็กซี่แบบคนเพิ่งตื่นนอน เขากอดน้องสาวตัวน้อยน่ารักยามเช้าพลางบีบแก้มกลม ๆ สีลูกท้อนั้นแล้วจุ๊บเบา ๆ
“ทำไมรีบปลุกจัง ขับรถไปไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
ผมนุ่มสลวยของน้องสาวเริ่มยุ่งเพราะถูกพี่ชายลูบไปมา ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นยิ่งแดงมากขึ้นอีก
เธอเอ่ยตอบเสียงเบา “หนูต้องรีบไปรับพี่เล็กค่ะ ถ้าไปสายพี่เล็กต้องโกรธแน่เลย”
“ทำไมต้องกลัวว่ากู้อันจะโกรธอะไรขนาดนั้นล่ะ”
หนวนหน่วนยู่หน้าแล้วเอ่ยตอบ “เพราะว่าถ้าพี่เล็กโกรธแล้วจะง้อยากมากเลยค่ะ”
กู้หมิงอวี๋หัวเราะชอบใจ เมื่อนึกถึงวิธีที่หนวนหน่วนใช้ในการง้อพี่ชายทั้งสองอย่างน่าสงสารเมื่อวานนี้ ถึงจะดูอบอุ่นดี แต่มีพี่น้องเยอะ ๆ ก็คงลำบากจริง ๆ
ชายหนุ่มแอบเสียดายในใจที่หนวนหน่วนไม่ได้เป็นน้องสาวพ่อแม่เดียวกับตัวเอง เสียดายที่เขาไม่ได้เป็นพี่ชายคนเดียวของหนูน้อยด้วย
หลังจากการคะยั้นคะยอของเด็กหญิงตัวจ้อย กู้หมิงอวี๋ก็อาบน้ำเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย เขาออกมาแต่งตัว หลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้องน้อยลากตัวเองออกมาอย่างเกียจคร้าน
เขายังไม่ได้สวมแมสก์เลยนี่นา
ช่างเถอะ ค่อยว่ากันละกัน
“พี่สี่คะ”
กู้หมิงหลี่ตื่นแล้ว และยังซื้ออาหารจากข้างนอกมาให้เสร็จสรรพ
กลายเป็นพี่สี่ที่ดูได้เรื่องมากที่สุดอย่างไม่น่าเชื่อ
“มอนิ่ง”
กู้หมิงหลี่ยกตัวหนวนหน่วนขึ้น เขาโยนร่างเล็กขึ้นไปในอากาศแล้วรับด้วยสองแขนอย่างพอดิบพอดี จากนั้นก็ดึงน้องสาวเข้ามาจุ๊บแก้มกลมใสไปฟอดหนึ่ง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่สี่”
เสียงของหนวนหน่วนฟังดูสดใสมากในยามเช้า เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วจุ๊บคืนที่ใบหน้าหล่อเหลาของพี่สี่ ภาพเธอขยับใบหน้าเล็กเข้าไปแนบริมฝีปากกับแก้มพี่อย่างสนิทสนมทำเอากู้หมิงอวี๋ตาร้อนผ่าว
เขาเข้าไปบีบติ่งหูเล็ก ๆ ของน้องสาวแล้วจิ้มแก้มของเธอด้วยนิ้วเรียวสวย
“หนวนหน่วนไม่เห็นจุ๊บพี่หรือเอาหน้ามาแนบพี่บ้างเลย”
หนวนหน่วนได้ยินแบบนั้นก็หันตัวมา เธอแนบหน้ากับใบหน้าของกู้หมิงอวี๋แล้วจุ๊บเขาบ้างด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
ไป๋โม่ฮัวจะตื่นขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย เพราะหนวนหน่วนเองที่เป็นคนเข้าไปปลุกลูกพี่ลูกน้องอย่างขยันขันแข็งราวกับมดตัวน้อยตัวนิด
ลูกพี่ลูกน้องของเธอก็ค้างที่นี่เช่นกัน และเขายังเอากระดานวาดภาพคู่ใจติดมาด้วย
ไม่นานทุกคนก็เอาสัมภาระเข้าไปในรถเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางในที่สุด
ไป๋โม่ฮัวยังดูง่วงงุนราวกับเมื่อคืนหลับไม่สนิท เมื่อมีซาลาเปายื่นมาใกล้หน้าก็อ้าปากงับมันโดยไม่ทันได้สนใจว่าใครถือมันอยู่
กู้หมิงหลี่แลบลิ้นใส่คนง่วงนอน เขารีบหดมือหนีแล้วหันไปหยิบน้ำเต้าหู้ร้อน ๆ มาวางให้น้องสาวเพื่อจะได้อุ่นขึ้น
น้องเล็กเองก็กำลังกัดซาลาเปาเข้าปาก แป้งซาลาเปาเนื้อขาวเนียนไม่ต่างจากแก้มกลม ๆ ของเธอเลยสักนิด
“ขอบคุณค่ะพี่สี่”
หลังจากเอ่ยขอบคุณพี่ชาย มือเล็ก ๆ ก็เอื้อมไปหยิบน้ำเต้าหู้ แต่กู้หมิงหลี่เลื่อนหลบเสียก่อน
“เดี๋ยวพี่ถือให้”
เสียงข้อกู้หมิงหลี่ฟังดูสบาย ๆ แต่เป็นเชิงออกคำสั่งเล็กน้อย
เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย เมื่อพบว่าแววตาของพี่สี่ฉายแววเอ็นดูเธอ ดวงตาคู่งามก็โค้งขึ้นทันที
หนวนหน่วนอ้าปากรอพี่ชายส่งแก้วน้ำเต้าหู้ให้จิบพลางเพลิดเพลินกับการกินซาลาเปาสลับกับการดื่มน้ำเต้าหูไปด้วย เธอกินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มทั้งสองข้างอูมเป็นก้อนกลม
กู้หมิงหลี่ที่จัดการมื้อเช้าเสร็จอย่างรวดเร็วเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยื่นนิ้วมาจิ้มแก้มป่อง ๆ นั้น แก้มของน้องที่เป็นเนื้อนุ่มนิ่มบุ๋มตามแรงกดเหมือนกำลังกินนิ้วของเขาเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น
จิ้มอีกก็บุ๋มลงไปอีก
เพราะพี่สี่รบกวนการกินมื้อเช้า หนวนหน่วนเลยเริ่มขยับก้นหนีเขา แต่ยังไงก็หนีไม่พัน เธอจึงออกเสียงในลำคอครั้งสองครั้งเป็นการขัดขืน แต่เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จจึงใจอ่อนยอมให้พี่สี่แกล้งต่อไป
“ขอน้ำเต้าหู้บ้างสิ”
เสียงใสของหนุ่มน้อยอีกคนดังขึ้นจากด้านข้างของกู้หมิงหลี่ เขาจึงชี้ไปที่ถุงอาหารเช้าแล้วพูดว่า
“บริการตัวเองสิครับ”
“อ้อ”
ไป๋โม่ฮัวมองตามมือนั้นไปแล้วเดินไปเปิดถุงออก
ระหว่างทางไปสนามบิน ในรถมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของไป๋โม่ฮัวที่ตื่นเต็มที่แล้ว เขาหาเรื่องคุยกับทุกคนได้อย่างไม่หยุดหย่อน
ทั้งหมดมาถึงสนามบินค่อนข้างเร็ว อากาศเช้านี้หนาวมาก อาจเพราะกำลังจะหมดฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
หนวนหน่วนอยู่ในชุดเสื้อโค้ตตัวเล็กขนปุกปุยยาวคลุมเข่า เหมือนระฆังใบน้อย ด้านหลังมีหูกระต่ายยาวออกมาจากฮู้ดที่มีขนนิ่ม ๆ ไม่ต่างกัน เธอสอดมือเข้าไปในกระเป๋าด้านหน้าที่ทั้งนุ่มนิ่มและอบอุ่น
ส่วนขาเรียวเล็กอยู่ในเลกกิ้งขนแกะ สวมทับด้วยรองเท้าบูตคู่จิ๋วที่ประดับด้วยพู่ปุกปุยทรงกลมตรงหน้าเท้า น่ารักน่าเอ็นดูไปหมด
ตอนนี้น้องสาวคนเล็กดูราวกับเป็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยขนสีขาวราวกับหิมะ เธอจับมือพี่ชาย เดินตามอย่างสงบเสงี่ยมไปยังที่สำหรับรอผู้โดยสารขาเข้า เด็กหญิงตัวจ้อยยืดคอมองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวายเพราะมีคนอยู่ที่นี่มากมายไปหมด
ไม่นานนักทั้งหมดก็พบกับบุคคลที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี หนวนหน่วนเห็นชายหนุ่มร่างสูงสวมแมสก์สีดำปิดครึ่งหน้าแล้วจึงเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
“พี่ใหญ่คะ”
เธอตื่นเต้นมาก เท้าน้อย ๆ เขย่งขึ้นตลอดเวลาเพราะไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะมาหา
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเมื่อสวมเสื้อคลุมกันลมก็ยิ่งทำให้ไหล่ดูหนามากขึ้นกว่าเดิม แม้จะมีแมสก์ปิดอยู่ก็ยังไม่สามารถซ่อนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเขาได้ เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนพร้อมกระเป๋าเดินทางสีดำ โดดเด่นออกมาจากผู้คนทั้งหมดที่กำลังลอบสังเกตชายหนุ่มคนนี้อย่างลับ ๆ
ในตอนนี้กู้หมิงอวี๋ที่เป็นคนดังสวมทั้งแมสก์และหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ใช้ดวงตาลูกท้อของเขามองไปยังชายร่างสูงโดดเด่นคนนั้นก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
ไม่ทันไรหนวนหน่วนก็อดใจไม่ไหว วิ่งตรงไปยังพี่ชายของเธอก่อนใครเพื่อน
กู้หนานเห็นแบบนั้นก็ละมือจากกระเป๋าเดินทางแล้วอุ้มน้องสาวตัวเล็กขึ้นมาอย่างคุ้นชินพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายความยินดีออกมา
“พี่ใหญ่ขา”
แขนเล็กของหนวนหน่วนกางออกโอบรอบคอพี่ใหญ่ของเธอ เด็กน้อยโน้มหน้าเข้าแนบแก้มพี่ชายอย่างสนิทสนม ปล่อยให้ผมนุ่มนิ่มคลอเคลียซอกคอของเขาเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ
พี่ชายตัวใหญ่ประคองดาวดวงน้อยของเขาไว้ในอ้อมแขนแกร่ง ดวงตาเย็นเยียบพลันอ่อนลงทันที เขาใช้ฝ่ามือใหญ่โอบรอบไหล่เล็ก ๆ ไว้อย่างอ่อนโยน