ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 97 เล่นเกมกับมือใหม่
บทที่ 97 เล่นเกมกับมือใหม่
หาได้ยากที่กู้หมิงหลี่จะอยู่ในอาการนิ่งอึ้ง เขาจ้องไปที่จอ เพื่อนร่วมทีมที่กำลังพยายามเอาตัวรอดหลังจากตัวเองถูกคิลไปแล้ว
ไป๋โม่ฮัวรู้สึกผิดนิดหน่อย เขาหันกลับไปมองที่หน้าจอของตัวเองแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ
“ตายแล้ว…”
กู้หมิงหลี่ตบไหล่คนข้างตัวสองสามครั้ง “นี่นายได้ฮีลให้ตัวเองไหมเนี่ย”
ไป๋โม่ฮัว “…”
“ไม่!”
เป็นคำตอบสั้น ๆ ที่ทำเอาคนฟังรู้สึกผิดเล็กน้อย
“โอ๊ย ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกจะตายอยู่แล้ว พี่ชายมีพรสวรรค์ในการสร้างเรื่องตลกนะเนี่ย”
“เพิ่งเติมเลือดให้ตัวเองแล้วก็ตายเลยอะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“นายไปได้พรสวรรค์แบบนี้มาจากไหนกัน ไม่ได้หัวเราะขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ย พูดไม่ออกเลย”
แม้แต่คนในทีมก็หัวเราะจนเสียงดังลอดหูฟังออกมา ไป๋โม่ฮัวจึงเริ่มหน้าขึ้นสีจากเสียงหัวเราะเหล่านั้น
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่เหมาะจะเล่นเป็นตัวฮีลน่ะ”
ไป๋โม่ฮัวยังคงเถียงออกมาเสียงเบา
กู้หมิงหลี่หรี่ตามองอีกฝ่าย “ก็ถ้าไม่ถนัดแนวรับ แล้วอยากจะไปเล่นตำแหน่งไหนล่ะ”
ไป๋โม่ฮัวย่นคอ “ก็ฉันเล่นเกมครั้งแรก ยังไม่ค่อยเข้าใจเลย”
“หรือจะลองแบบพวกสู้ระยะประชิด”
“ก็…ไม่ถนัด”
“แล้วระหว่างเมจกับแทงก์?”
“เอ่อ ไม่รู้สิ ดูจากที่ลองเล่นสองเกมก็คิดว่าอาจจะต้องค่อย ๆ คิด”
เสียงของไป๋โม่ฮัวอ่อนลงเรื่อย ๆ ทำให้กู้หมิงหลี่นึกขำจดแทบหายใจไม่ทัน
คนอื่น ๆ ในทีมเองเมื่อได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งคู่ก็ขำออกมาเช่นกัน ตอนแรกพวกเขายังหงุดหงิดกับการเล่นของไป๋โม่ฮัวอยู่ แต่พอได้ยินแบบนี้แล้วก็กลายเป็นเอ็นดูขึ้นมาแทน
ช่างเป็นคนที่ใสซื่ออะไรแบบนี้นะ
กู้หมิงอวี๋ที่ออกมาได้ยินบทสนทนานั้นก็อดขำขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
“สุดยอดไปเลยพี่ชาย”
หนวนหน่วนสีหน้าว่างเปล่า ไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่เลยแม้แต่น้อย
ส่วนคนถูกขำก็หน้าซีดลง นี่เขาเล่นแย่มากเลยสินะ
กู้หมิงอวี๋ตรงเข้ามาตบไหล่ปุ ๆ “ไม่เป็นไร ฉันก็พอเล่นเป็นพอ ๆ กับนายนั่นแหละ”
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวเป็นประกายขึ้นมาทันที จากนั้นทั้งคู่ก็จ้องไปทางกู้หมิงหลี่พร้อมกัน
คนถูกจ้องเสียวสันหลังวาบ รู้สึกว่ากำลังจะถูกลากลงเหว และไม่ผิดไปจากที่กลัวไว้ กู้หมิงหลี่ถูกทั้งสองคะยั้นคะยอให้มาเล่นเกมด้วยกัน เขาได้สัมผัสชีวิตที่แสนยากลำบากในทันที
เมื่อเห็นว่ากำลังกดเริ่มเกม กู้หมิงหลี่ก็รู้สึกอยากจะหนีไปจากตรงนี้
หนวนหน่วนนั่งนิ่งมองพี่ชายทั้งสาม เธอมองไปที่ริมฝีปากได้รูปของลูกพี่ลูกน้อง ไป๋โม่ฮัวยังดูสง่างามและ ‘มีมารยาท’ ต่างจากพวกพี่ชายอีกสองคนที่สบถออกมาไม่หยุดระหว่างเล่นเกมเพราะฝ่ายตรงข้ามกำลังกล่าวหาว่าไป๋โม่ฮัวเป็นไก่อ่อน
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวมีแววไม่พอใจ แต่เขาไม่ใช่คนที่จะเถียงสู้คนอื่น โชคดีที่กู้หมิงหลี่ทำหน้าที่นั้นแทน ถึงแม้ว่ากู้หมิงหลี่จะฉุนเฉียวและชอบหาเรื่อง แต่ก็เป็นคนที่ปกป้องพวกพ้องได้ดีมาก
เพิ่งเริ่มเกมได้ไม่นาน เพื่อนร่วมทีมที่กู้หมิงหลี่ชวนมาเล่นด้วยก็หนีไปแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเจ้าตัวที่พอเล่นได้ดี แต่อีกสองคนที่เหลือ…
เพื่อนร่วมทีมทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างกันตอนนี้ราวกับเป็นระเบิดเวลาที่เขาต้องแบกขึ้นหลังไปด้วย หลังเกมจบลง กู้หมิงหลี่ถึงกับสติหลุดลอยไป
สุดท้ายแล้วกลายเป็นกู้หมิงหลี่ที่อยากจะหนีจากเกมนี้แต่ทำไม่ได้ ถูกพี่ชายและไป๋โม่ฮัวลากเขาไปเล่นเกมแล้วเกมเล่า และแน่นอนว่าผลคือตายแล้วตายอีก
กว่าการเล่นเกมจะจบลงก็ทำเอาเซียนเกมอย่างเขาถึงกับนอนแห้งอย่างหมดท่า เด็กหนุ่มโยนโทรศัพท์ทิ้งที่โซฟาอย่างยอมแพ้
“ยังจะมาชวนเล่นอีกเหรอ ให้ตายเหอะ”
กู้หมิงหลี่วางโทรศัพท์ลง บ่นออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วมองไปทางพี่ชายตัวเองตาขวาง
“ไม่เล่นแล้วเหรอ”
กู้หมิงหลี่หัวแทบระเบิด สองคนนี้รวมตัวกันแล้วทำให้เขาหมดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะมาถามอีกว่าเขาอยากจะเล่นอีกไหม
มือเรียวหันไปหยิบหมอนอิงขว้างใส่พี่ชายตัวเอง
กู้หมิงอวี๋หลบได้ทันราวกับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาหยิบหมอนสองใบขึ้นมาแล้วยื่นให้ไป๋โม่ฮัวใบหนึ่งเพื่อหาพวก ส่วนอีกใบเป็นอาวุธของตัวเอง
“มาช่วยเร็ว อย่ายืนเฉยสิ”
ไป๋โม่ฮัวรับคำ ยกหมอนขึ้นฟาดกู้หมิงหลี่หนึ่งทีโดยไม่ทันคิด
สายตามาดร้ายส่งมาจากคนโดนตี เขาวิ่งตรงเข้ามาพร้อมตะโกนเสียงดัง
“ไม่ไหวแล้วโว้ย”
หนวนหน่วนเองก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมการต่อสู้นี้ เด็กน้อยเพียงก้าวขาไปมาตามขายาว ๆ ของกู้หมิงหลี่แล้วเกาะเขาเอาไว้ ทั้งสี่คนชุลมุนสู้กันไปมาในห้อง แต่ถึงจะรวมตัวกันสามคนก็ยังไม่สามารถทำอะไรกู้หมิงหลี่ได้ สุดท้ายหนวนหน่วนจึงถูกจับเป็นตัวประกัน
เด็กหญิงตัวน้อยมองพี่สามและลูกพี่ลูกน้องด้วยสายตาไร้เดียงสา
กู้หมิงอวี๋จ้องไปที่ผู้ชายอีกสองคนในห้อง “หนวนหน่วนต้องเป็นสปายแน่เลย”
ไป๋โม่ฮัวพยักหน้าตามอย่างจริงจัง
เด็กน้อยนิ่งไปอย่างสงสัย “???”
เมื่อเล่นบทบาทสมมติกับนักแสดง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
กู้หมิงอวี๋ยกหมอนใบหนึ่งขึ้นด้วยมือสองข้างในท่าที่เหมือนกับการจับปืนยาว มองไปที่หนวนหน่วนด้วยสายตาผิดหวังเสียใจ
“ตอบมานะ ทำไมเธอถึงหักหลังเรา เธอถูกเราจับเป็นตัวประกันแล้ว ตั้งใจจะมาสืบความลับเราใช่ไหม”
ไป๋โม่ฮัว “???”
หนวนหน่วน “???”
กู้หมิงหลี่ตรงเข้ามากอดน้องสาว โบกมือไปมาอย่างรวดเร็วพร้อมส่ายหน้าไปด้วย
“ไม่ใช่ ไม่จริง”
กู้หมิงอวี๋ “เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเราห่วงใยเธอแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้น ฉัน… ฉันจะไม่ยอมบอกอะไร ต่อให้ต้องตายก็ไม่ยอม”
เส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผากของกู้หมิงหลี่
ไม่ทันที่พี่ใหญ่สุดในนี้จะพูดอะไรต่อ นิ้วมือของกู้หมิงหลี่ก็ทำท่าปืน ตามด้วยเสียง “ปัง…” จากปากของเขา
กู้หมิงอวี๋กุมหัวใจตัวเอง ชี้ไปทางกู้หมิงหลี่ด้วยมือสั่นเทา ตะโกนอย่างน่าอนาถว่า “ฉัน… ไม่ปล่อยให้แกทำสำเร็จหรอก”
พูดจบก็ทรุดตัวลงกับพื้นราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจริง ๆ
ไป๋โม่ฮัว “…”
นี่ฉันเป็นใคร กำลังทำอะไรอยู่ที่นี่…
ในตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผู้จัดการยืนอยู่ที่หน้าห้อง มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในอย่างลังเล เขากำลังสงสัยว่ามาผิดห้องหรือเปล่าจึงงับประตูปิดและเปิดอีกครั้ง ศิลปินในความดูแลของเขาก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นเหมือนเป็นศพอยู่เช่นเดิม
คนที่เหลืออีกสามคนต่างมีหมอนในมือ กู้หมิงหลี่ดูนิ่งสนิท ส่วนไป๋โม่ฮัวและหนวนหน่วนกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้ามึนงง
ผู้จัดการ “…”
กู้หมิงหลี่ยื่นเท้าไปเขี่ยพี่ชายที่นอนอยู่ด้วยท่าทางรังเกียจ “พอเหอะ เกมจบแล้ว แสดงได้ดีมาก”
ดาราหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่งช้า ๆ จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่พร้อมระบายยิ้มออกมา ใบหน้านั้นยังคงงดงามและดูมีออร่าทุกท่วงท่าเช่นเดิม
ถ้าไม่ได้เห็นความงดงามราวประติมากรรมนี้ด้วยตาตัวเอง ใครก็ไม่มีวันเข้าใจความสง่างามของกู้หมิงอวี๋ได้อย่างถ่องแท้
เขารู้สึกว่ากู้หมิงหลี่เล่นได้ห่วยแตกสิ้นดี ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย นั่นทำให้การแสดงฉากนี้จบเร็วเกินไป เจ้าตัวยังเล่นใหญ่ไปมากอีกต่างหาก
แม้ว่าการแสดงจะตะกุกตะกัก บทพูดก็แข็งทื่อเพราะน้องชายไม่ได้เรื่อง แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อนักแสดงเบอร์ใหญ่อย่างกู้หมิงอวี๋แม้แต่น้อย
ผู้จัดการเอ่ยถามเสียงอ่อย “นาย… ทำอะไรอยู่น่ะ”
กู้หมิงอวี๋หัวเราะขึ้นมา “เล่นเกมอยู่น่ะ”
ผู้จัดการ ‘เกมอะไรต้องนอนตายบนพื้นแบบนั้นน่ะ?’