ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 93 เรียบร้อย!
บทที่ 93 เรียบร้อย!
โทรศัพท์ของหนวนหน่วนดังขึ้นระหว่างกินข้าว เด็กน้อยจึงหยิบออกมาดูทั้งที่แก้มยังอูมไปด้วยอาหารในปาก
เธอรีบกลืนอาหารลงท้อง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงน่ารัก “คุณพ่อโทรมาค่ะ” พูดจบดวงตากลมโตก็มองไปทางพี่สามแล้วเอ่ยต่อว่า “คุณพ่อต้องอยากให้หนวนหน่วนกลับแล้วแน่เลย”
กู้หมิงอวี๋ยื่นนิ้วมาจิ้มแก้มนุ่มนิ่มของน้องสาว เขากินอาหารไปเพียงสองสามคำเพราะเอาแต่มองดูหนวนหน่วนกินข้าว ภาพน่ารักน่าดึงดูดขนาดนี้จะไม่มองได้อย่างไร
“อย่าเพิ่งรีบกลับนะ พรุ่งนี้ให้พี่พาเธอไปเที่ยวเล่นก่อน”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ แล้วส่งเสียงรับคำอย่างเชื่อฟังก่อนรับสาย “ค่า”
“คุณพ่อคะ”
[เรากลับกันเมื่อไรดีลูก]
เสียงของคุณพ่อกู้แสนอ่อนโยนดังลอดออกมาจากปลายสาย
หนวนหน่วนตอบอย่างลำบากใจ “คุณพ่อคะ หนวนหน่วนอยู่กับพี่โม่ฮัว พี่สี่กับพี่สาม ทุกคนพาหนูมากินข้าวข้างนอก พี่สามบอกว่าอยากพาหนูไปเที่ยวเล่นด้วย”
[อะไรนะ!]
ได้ยินแบบนั้น เสียงของกู้หลินโม่ก็ดังขึ้นจนลอดออกมาจากมือถือ หลังจากนั้นโทรศัพท์ในมือน้อยของหนวนหน่วนก็ถูกพี่ชายยึดไปแทน
“ลุงครับ”
กู้หมิงอวี๋กรอกเสียงลงไปในสายพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ ชายหนุ่มยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์เล็กน้อย เขาให้ความรู้สึกทรงอำนาจ สง่างามและถือไพ่เหนือกว่าแก่คนมองในท่าทางเดียว
“หนวนหน่วนอยู่ที่นี่กับผม ถ้ามีธุระก็กลับไปก่อนสิครับ กว่าจะได้มาถึงนี่ ทำไมต้องรีบให้น้องกลับด้วย ถ้าไม่ใช่ตอนนี้คงไม่มีเวลาพาน้องไปเที่ยวแล้ว เดี๋ยวผมจะไปที่หลินเฉิงมะรืนนี้ จะพาหนวนหน่วนกลับไปส่งเอง”
กู้หลินโม่แทบจะลุกขึ้นยืน [ไม่ได้สิ ใครจะยอมทิ้งหนวนหน่วนไว้ที่นี่ล่ะ]
กู้หมิงอวี๋มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า แต่น้ำเสียงกลับฟังดูเศร้าสร้อย
“โธ่ลุงครับ ไม่ไว้ใจผมเหรอ ถึงผมจะไม่ได้เติบโตมั่นคงเท่าพวกพี่ ๆ แต่ผมปกป้องหนวนหน่วนได้ ผมเพิ่งจะได้หนวนหน่วนของเราคืนมาวันนี้เอง ยังอยากอยู่คุยกับน้องอยู่เลย”
“ผมไม่เหมือนลุงที่จะได้เจอกับน้องบ่อย ๆ ลุงก็รู้ว่าผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะงานยุ่งมาก เทียวบินไปบินมาบ่อย ๆ ต่อไปผมอาจจะไม่มีโอกาสได้เป็นพี่ชายที่ดีจนหนวนหน่วนโตขึ้น…”
สีหน้าของทุกคนที่มองอยู่ถึงกับอึ้งและเงียบกริบ “…”
แม้แต่กู้หลินโม่ในสายก็เงียบไป […]
กู้หลินโม่หายใจเข้าลึก ๆ กำลังจะกัดฟันพูดอะไรบางอย่างแต่ภรรยากลับคว้ามือถือไปเสียก่อน
[หมิงอวี๋ นี่ป้านะลูก ลูกพาหนวนหน่วนไปเที่ยวเล่นได้เลยสักสองสามวัน แต่อย่าลืมให้น้องใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ทำร่างกายให้อุ่น ๆ ไว้นะ จะได้ไม่ป่วย แล้วก็อย่าเศร้าไปเลยนะจ๊ะ]
น้ำเสียงของกู้หมิงอวี๋เปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย “จริงเหรอครับคุณป้า แต่คุณลุงเขา…”
นี่ย่อมเป็นจังหวะที่ถูกต้องสำหรับการสนทนาแบบนี้ราวกับคิดมาแล้ว
คุณหญิงกู้ตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน ”ไม่เป็นไร พาน้องสาวไปเที่ยวเล่นเถอะ ลุงเขามีป้าอยู่เป็นเพื่อนแล้วจ้ะ”
คุณพ่อกู้ทำท่าจะคัดค้าน “แต่ว่า…”
[โอเค อย่าลืมชวนหนวนหน่วนดูหนังตอนกลางคืนด้วยนะ ป้าวางสายก่อนนะลูก]
หลังจบประโยคนั้น ปลายสายก็ตัดไป
มุมปากของกู้หมิงอวี๋ยกยิ้มขึ้นมา ชายหนุ่มกะพริบตาพลางหันไปมองน้องสาวที่กำลังส่งสายตาประหลาดใจอยู่ข้างตัว
“เรียบร้อย!”
หนวนหน่วนเอ่ยอย่างชื่นชม “พี่สามเก่งจังค่ะ”
เด็กน้อยไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นได้อีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พี่สามกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อครู่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างเศร้าสร้อย นี่มันไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
กู้หมิงอวี๋คืนมือถือให้น้องสาว “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
ไป๋โม่ฮัวแอบตั้งคำถามในใจแต่ไม่กล้าพูดกับดาราหนุ่มไปตามตรง เขาจึงหันไปทางน้องชายของอีกฝ่ายแล้วกระซิบกระซาบขึ้นมาเบา ๆ
“นี่สินะนักแสดงอันดับต้น ๆ ของวงการ พี่ชายนายน่ากลัวมากจริง ๆ”
กู้หมิงหลี่ไม่มีอะไรจะพูด “เขาชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็ชอบเล่นละครไปเรื่อยแบบนี้แหละ”
หลังมื้ออาหาร ดาราหนุ่มได้แจกลายเซ็นให้กับพนักงานสาว เขาสวมหมวกกับแมสก์เสร็จก็พาน้องสาวและทุกคนออกไป
“เดี๋ยวกลับคอนโดก่อน เพิ่งเสร็จงานก็รีบตรงกลับมานี่เลย พี่สามเหนื่อยมาก อยากจะนอนสักหน่อย หนวนหน่วนไปกับพี่ไหม”
ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อนน้องสาวด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ใต้ตาของพี่สามดูคล้ำอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะผิวของเขาขาวมากด้วยส่วนหนึ่ง
มือเล็กของน้องสาวประคองใบหน้างดงามของพี่ชายเอาไว้สองข้าง มองดูท่าทางเหนื่อยล้าของพี่ชายอย่างเป็นห่วง
หนวนหน่วนพยักหน้าตอบพี่สามของเธออย่างแข็งขันแล้วเอ่ยเบา ๆ ว่า “พี่สามไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
กู้หมิงหลี่เหยียดตัวออกเหมือนเสือดาวบิดขี้เกียจหลังจากกินมื้อเย็นจนอิ่ม เขาครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในรถ ทิ้งศีรษะไว้ที่ไหล่ของไป๋โม่ฮัวอย่างเกียจคร้าน
“ขอยืมเป็นหมอนหน่อยสิ”
ไป๋โม่ฮัวที่มีหัวหนัก ๆ ทับอยู่บนไหล่ก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา มือเล็กผลักศีรษะอีกฝ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว
“เอาหัวออกไปเลย นั่งดี ๆ ไม่ได้หรือไงฮะ”
กู้หมิงหลี่หลับตาลง “ไม่ได้ ก็บอกแล้วไงว่านายตัวเล็กพอดีเลย อยู่เฉย ๆ ให้พิงเหอะน่า พอดีปวดหัวนิดหน่อย”
ไป๋โม่ฮัวได้แต่กัดฟัน ไอ้หมอนี่ ชอบหาเรื่องเขาตลอดเลย
“ไปพิงพี่ชายตัวเองสิ”
“กลิ่นฉุนขนาดนั้นไม่เอาหรอก”
หลังจากพูดจบก็ถูกพี่ชายกระแทกเข้าอย่างแรง ดาราหนุ่มหรี่ตามองน้องชายอย่างเอาเรื่องพร้อมรอยยิ้มเย็น
“น้องชายสุดที่รัก พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงฮะ”
กู้หมิงหลี่พึมพำตอบกลับมา “ก็มันจริงนี่ ฉีดน้ำหอมให้มันน้อยลงหน่อยเหอะ”
ริมฝีปากอมชมพูสวยของกู้หมิงอวี๋ยกยิ้มเยาะก่อนจะเถียงกลับ
“ฉันยังไม่เห็นรังเกียจกลิ่นเหงื่อนายเลยเถอะ นี่เพราะเป็นน้องชายหรอกนะถึงได้ทนมาจนถึงป่านนี้ ถ้าเป็นคนอื่นฉันโยนออกนอกรถไปแล้ว”
“รถสะอาด ๆ ของฉันมีแต่กลิ่นนายจนขมคอไปหมด อย่างกับเอาทุเรียนมาใส่ไว้ในรถ ถ้าเป็นทุเรียนถึงจะเหม็นก็ยังเอามากินได้ แล้วนาย นอกจากเหม็นแล้วมีประโยชน์อะไรฮะ”
กู้หมิงหลี่เริ่มเสียใจที่เป็นฝ่ายหาเรื่องพี่ชายปากกรรไกรของตัวเอง ไม่น่าไปเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนเลยจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน หมอนี่เรียกได้ว่าเถียงเก่งยิ่งกว่าใครในโลกนี้
“เออ… ยอมแล้ว ๆ”
คนเป็นน้องต้องยอมในที่สุด ถ้านี่เป็นเรื่องชกต่อยเขาไม่มีทางยอมอยู่แล้ว แต่เรื่องเถียงกันนี่ยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะพี่ชายคนนี้ได้
ไป๋โม่ฮัวมองท่าทางสง่างามของดาราหนุ่มด้วยดวงตาเปล่งประกาย เขาถอดหมวกออกแล้วถอนหายใจออกมา
“ทำไมต้องให้บ่นด้วยนะ”
กู้หมิงหลี่ “…”
“ถ้าวันหนึ่งมีเรื่องกับคนอื่น ผมระวังหลังให้ได้ละกัน”
เรื่องนี้เขามั่นใจสุด ๆ ว่าจะช่วยพี่ชายได้
กู้หมิงอวี๋ตอบอย่างขำขัน “ขอโทษที่ทำให้เสียใจนะ แต่ฉันมีบอดีการ์ดดูแลอยู่แล้ว”
หลังจากจบคำพูดนั้น เสียงของคนขับรถที่ฟังดูกังวลก็ดังขึ้น
“เจ้านายครับ มีคนตามเรามา”
ท่าทางทีเล่นทีจริงของกู้หมิงอวี๋พลันจริงจังขึ้นมาทันที “พวกแอบตามอีกแล้วเหรอ”
คนขับรถพยักหน้าตอบ
กู้หมิงหลี่เอ่ยแซว “โอ้ ไหนบอดีการ์ดล่ะ”
ผู้จัดการรีบกดมือถือ “เดี๋ยวฉันโทรตามบอดีการ์ดมาเดี๋ยวนี้เลย”
รถตู้คันหลังตามมาอย่างกระชั้นชิด เมื่อพวกเขาเร่งความเร็วเพื่อทิ้งห่าง อีกฝ่ายก็รีบเร่งความเร็วตามมาอย่างบ้าระห่ำ ถนนสายนี้มีรถค่อนข้างมากทำให้สลัดหนีได้ยากลำบาก
กู้หมิงอวี๋ตัดสินใจทันควัน “เดี๋ยวจอดตรงที่คนไม่เยอะนะ”
หนวนหน่วนกำเสื้อพี่สามอย่างกังวล สีหน้าของเด็กน้อยฉายแววตื่นตระหนกชัดเจน
“พี่สามคะ”
กู้หมิงอวี๋กุมมือน้องสาวอย่างอบอุ่นเพื่อปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่จัดการเองนะ”