ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 9 พี่สี่กับพี่คนเล็กต่อสู้กัน
บทที่ 9 พี่สี่กับพี่คนเล็กต่อสู้กัน
กู้อันสวมเสื้อผ้า เดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อต้องเดินผ่านหน้าหนวนหน่วนและกู้หมิงหลี่ เขาก็ยกแขนตนเองขึ้นกอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
กู้หมิงหลี่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่จะปรายตามองน้องชาย เขาเพียงแค่ลูบผมและหยิกแก้มหรือมือน้อย ๆ ของหนวนหน่วน ก่อนจะแสดงความคิดเห็นออกมา
“เล็บก็เหมือนตีนไก่ เมื่อไหร่จะอ้วนเนี่ย”
หนวนหน่วนที่เพิ่งจะโดนเปรียบเทียบมือเป็นตีนไก่ส่ายหน้าอย่างไร้เดียงสา “ไม่รู้สิคะ”
“จุ๊จุ๊… ผมแห้งเสียอะไรขนาดนี้ ทรงผมนี้ก็เชยสะบัด หลังอาหารเย็นเดี๋ยวพี่จะพาไปบำรุงผม เปลี่ยนลุคให้อินเทรนด์หน่อย”
หนวนหน่วนเงยหน้า ใช้นัยน์ตากระจ่างจ้องมองกู้หมิงหลี่ “ผมหนูจะสีแดงแปร๊ดเหมือนพี่หรือเปล่าคะ”
กู้หมิงหลี่ “…”
“ไม่ พี่จะพาไปเปลี่ยนทรงผม ไม่ได้ทำสี”
พอนึกถึงครั้งแรกที่ย้อมผม เขาก็จำได้ว่าถูกชายชราถือไม้เท้าไล่ตีไปทั่วสนาม แต่ด้วยความดื้อรั้น ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เขาจึงเปลี่ยนสีผมทุกสองสัปดาห์
และตอนนี้ทุกคนในครอบครัวเคยชินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนมองข้ามไปเสียด้วยซ้ำ แต่หากเขาย้อมผมให้หนวนหน่วนขึ้นมาจริง ๆ รับรองได้เลยว่าเขาต้องถูกครอบครัวทารุณอย่างไร้มนุษยธรรมแน่นอน ใช้หัวของกู้อันมายืนยันได้เลย
เขายังอายุน้อยอยู่ ยังต้องเอาตัวรอด เพราะงั้นไม่ทำหรอก
หนวนหน่วนไม่รู้ว่าพี่สี่กำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าตัวเงียบไปพักใหญ่แล้ว เธอได้แต่พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง “โอเคค่ะ…”
กู้อันเดินไปข้างหน้า เอามือไพล่หลังราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไร แต่ก็ไม่วายกดเสียงต่ำแล้วพูดออกมา
“เชื่อฟังเขาไปซะทุกอย่าง ถ้าทำผมให้เธอน่าเกลียดกว่าเดิมจะยิ่งขี้เหร่เข้าไปใหญ่นะ”
สิ้นเสียง กู้หมิงหลี่ก็ใช้สันแข้งเตะก้นเขาดังป้าป ก่อนจะปรายตามาเหมือนเห็นคนโง่
“คิดว่าทุกคนจะน่าเกลียดเหมือนหมูแบบนายหรือไง”
กู้อันขมวดคิ้วไม่พอใจ “ฉันพูดความจริงนี่ กู้หมิงหลี่ พี่น่ะพาเธอไปเพราะจะสนองความสนุกตนเองต่างหาก ไร้สาระมาก”
กู้หมิงหลี่หัวเราะเยาะ “นายนี่มันตลกจริง ๆ”
กู้อันใช้เวลาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้ตัวแล้วทำหน้าโกรธเหมือนปลาปักเป้าพองลม “รอก่อนเถอะ ตอนนี้ผมยังสู้พี่ไม่ได้ อีกสิบปีจะแก้แค้นให้ดู!”
ข้อดีอย่างหนึ่งของกู้อันคือเขารู้ตัวเองดี ดั่งเช่นตอนนี้ แม้ว่าเขาจะโกรธและกลายเป็นปลาปักเป้าพองลมไปแล้วก็ตาม แต่เขาก็รู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู้หมิงหลี่ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าไปใกล้จะได้ไม่โดนเตะอีกรอบ
กู้หมิงหลี่ยกมือขึ้นตั้งท่าจะจัดจากกู้อันอีกรอบ แต่เจ้าตัวถอยไปไกลแล้ว แถมยังยิ้มเยาะที่เขาเข้าไปจัดการไม่ได้อีกต่างหาก
“เฮอะ ถึงจะรออีกกี่สิบปีนายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก”
กู้อัน “…”
แต่ช็อกได้แป๊บเดียวกู้อันก็กวัดแกว่งมือไปมาในอากาศ ก่อนจะยกหมัดทั้งสองข้างมาทางกู้หมิงหลี่แล้วชูนิ้วกลางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
กู้หมิงหลี่ “ไอ้กู้อัน ฉันเริ่มหมดความอดทนแล้วนะ!!!”
เสียงที่โกรธเกรี้ยวของกู้หมิงหลี่พูดได้เลยว่า ‘ดังกึกก้องไปทั่วฟ้า’
กู้อันวิ่งสุดกำลังไปที่บันได ใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันได กระโดดขึ้นคร่อมแล้วสไลด์ตัวลงไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังลั่น
“อากู๋ อาอี๋ พี่สี่จะตีผมอีกแล้ว!”
กู้หมิงหลี่กำลังจะไล่ตามไปสั่งสอน แต่น่าเสียดายที่กู้อันอยู่ห่างเกินไป
ไอ้เด็กคนนี้มันเจ้าเล่ห์นัก!
“โกหก มันกวนผมก่อน!”
กู้อันวิ่งไปหลบข้างหลังอาอี๋กู้พร้อมกับออดอ้อนด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาน่าสงสาร
“พี่สี่ตลกอ่ะ ผมตัวเล็กเท่านี้จะกวนพี่ได้ยังไง ผมเอาชนะพี่ไม่ได้หรอก อากู๋กับอาอี๋ต้องช่วยผมนะครับ…”
กู้อันฉลาดหลักแหลมมาก เหตุผลที่เขาไม่วิ่งไปหาพ่อแม่ของตนเนื่องจากเขารู้ดีว่าพวกท่านไม่มีทางปกป้องตนอย่างแน่นอน เช่นนั้นเขาจึงวิ่งไปหาอาอี๋แทน
วะฮ่าฮ่า เป็นไงล่ะ
เขายังเด็กแถมยังหน้าตาดี ตราบใดที่ทำตัวเรียกร้องความสนใจจากพวกผู้ใหญ่ อย่างน้อยเขาก็ไม่โดนพี่สี่ทุบตีอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า!
แน่นอนว่าอาอี๋กู้ลูบไหล่กู้อันเพื่อปลอบโยนก่อนจะส่งสายตาคมกริบใส่ลูกชายของตน
“กู้หมิงหลี่! อยากใช้กำลังมากใช่ไหม มาสู้กับแม่นี่มา!”
กู้หมิงหลี่กลอกตาขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
“พี่สี่ปกป้องยัยจิ้งจอกน้อยนั่นอยู่ได้!”
ทว่าคุณหญิงกู้ปรี่เข้ามาบิดหูกู้อันเสียก่อน “อย่ามาแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา ถ้าไม่สร้างเรื่องสักวันจะเป็นจะตายมากเลยใช่ไหม”
“แม๊ โอ๊ย…ใจร่ม ๆ สิครับ”
ผู้เฒ่ากู้มองหลานทั้งสองด้วยท่าทางสงบ “แล้วหนวนหน่วนอยู่ไหน”
“หนูอยู่นี่”
หนวนหน่วนในสภาพหัวฟูฟ่องใช้มือน้อย ๆ จับราวบันไดเดินลงมาพร้อมกับดวงตาที่โค้งหยี และมุมปากที่ยกขึ้นอย่างน่าเอ็นดู
“คุณปู่ หนวนหน่วนอยู่นี่ค่ะ”
พอน้ำเสียงนุ่มนวลของหนวนหน่วนดังขึ้น ผู้คนรอบตัวก็หัวเราะให้กับท่าทีประหม่าและเขินอายเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อยของเด็กน้อยตรงหน้า
“ลงมาเร็ว ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวแม่จะพาไปเดินเล่น”
“ค่ะคุณแม่”
เด็กน้อยกำลังจะก้าวลงไปชั้นล่าง แต่กลับถูกกู้หมิงหลี่ก้มลงอุ้มเธอขึ้นเอาไว้ก่อน
หนวนหน่วนรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เพียงครู่เดียว เธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขแล้วหันไปกอดคอของกู้หมิงหลี่
“ขอบคุณพี่สี่~”
เสียงน้องสาวเขาเพราะจริง ๆ
กระนั้นกู้หมิงหลี่ทำเหมือนกับว่าตนไม่ได้ใส่ใจอะไรสักเท่าไหร่ “ฉันแค่จะทำให้มันสะดวก”
ไม่มีใครสังเกตว่ามุมปากของเขายกยิ้มอยู่นิด ๆ
แต่ทุกคนก็ต่างประหลาดใจกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมากู้หมิงหลี่มองว่ามนุษย์นั้นโง่เง่า สายตาที่มองทุกคนเหมือนจะบอกว่า ‘ยกเว้นฉัน ทุกคนก็โง่เง่ากันหมด’ อยู่กลาย ๆ
เขาค่อนข้างใจร้อนแต่กลับอดทนกับหนวนหน่วนได้อย่างน่าประหลาดใจ
คุณหญิงกู้และอาอี๋มองหน้ากันราวกับรู้ใจว่าพวกเธอพอใจกับภาพตรงหน้ามากขนาดไหน
เมื่อคุณหญิงกู้สบตาเข้ากับอาอี๋ ในพริบตาก็เหมือนมีความรู้สึกบางอย่างทิ่มแทงเข้ามาราวกับเหล็กกล้า ลูกชายคนนี้โง่จริงเชียว ถ้าวันนึงหนวนหน่วนเกิดโดนลักพาตัวอีกครั้ง ครอบครัวของเราและครอบครัวอากู๋ก็คงเสียใจ!
อีกด้าน กู้อันกำลังจ้องมองไปยังกู้หมิงหลี่และหนวนหน่วนอย่างโกรธเคือง
มีอะไรที่น่าชื่นชมนัก! เขาต่างหากที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเด็กคนนั้นน่ะ!
“อาอี๋ครับ ผมขอพาหนวนหน่วนไปทำผมหลังทานอาหารเย็นเสร็จได้ไหม ทรงนี้น่าเกลียดไปหน่อย”
ผู้เฒ่ากู้ปรายตามอง “ย้อมผมสีแดงกลับให้ได้ก่อนเถอะ! ยังมีหน้ามาว่าทรงผมหนวนหน่วนน่าเกลียดอีก!”
กู้หมิงหลี่ถูจมูก ในฐานะนักเรียนเกเรประจำโรงเรียน พูดได้เลยว่าเขาไม่เคยใส่ชุดนักเรียนได้ถูกระเบียบสักครั้ง สีผมของเขาคือการแหกกฎขั้นสุด เขาจะไม่ย้อมดำกลับแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!
“หนวนหน่วนมาหาปู่มา”
หลังจากตำหนิกู้หมิงหลี่แล้ว ผู้เฒ่ากู้ก็เปลี่ยนสีหน้าของตนเองอย่างเร็ว หลานสาวของเขาจะได้ไม่ตกใจ
ทุกคนเลยได้แต่คิดในใจว่าชายชราคนนี้สองมาตรฐานจริง ๆ
กู้หมิงหลี่ “…”
ใครใช้ให้คลอดเขาออกมาเป็นเด็กผู้ชายกัน? สิ่งที่ตระกูลนี้ต้องการมากที่สุดคือเด็กผู้ชายไม่ใช่เหรอ
แต่ถ้าเป็นเขา เขาก็จะ… ไม่ชอบเด็กผู้ชายเหมือนกัน อย่างเจ้าตัวที่หลงตัวเองอย่างกู้อันเป็นต้น
เขามองกู้อัน พอเจ้าตัวสบตากลับมา เขาก็รีบเบือนหน้าหนีด้วยความขยะแขยง
กู้หมิงหลี่ ‘ทำไมหมอนี่ดูโง่กว่าเดิม?’
กู้อัน ‘อย่างน้อยฉันก็เติบโตมาอย่างดีแหละวะ!’
ทั้งสองคนเหมือนกำลังส่งกระแสจิตอาฆาตหากันไม่มีผิด