ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 88 พี่ชนะแล้ว
บทที่ 88 พี่ชนะแล้ว
สถานการณ์ตรงหน้าทำเอาผู้ชมหลายคนเริ่มจะถอดใจ
ในความคิดของพวกเขา สำหรับดาวรุ่งที่เพิ่งเข้ามาแข่งเป็นครั้งแรกแบบนี้ น่าจะยังเร็วไปเสียหน่อยสำหรับตำแหน่งแชมป์ นอกจากจะบินได้เท่านั้น
หนวนหน่วนที่กำลังเชียร์พี่ชายก็กระวนกระวายใจไปหมด น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตาคู่สวย
“โธ่ เจ้าหนุ่มคนนั้นไม่น่าจะมีหวังแล้ว เชียร์ไปก็เท่านั้น”
“ตอนแรกก็น่าจับตามองหรอกนะ แต่เขายังเด็ก ชั่วโมงบินน้อยไปหน่อย”
“ก็คิดแต่แรกแล้วว่าคงเป็นแค่ไม้ประดับ ไม่น่าจะชนะหรอก”
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ”
เมื่อได้ยินคำสบประมาทจากคนข้าง ๆ เสียงหวานของหนวนหน่วนก็เอ่ยขึ้น เด็กน้อยกล่าวน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาทันที
พวกเขาต้องชะงักไปเพราะเห็นว่าเด็กน้อยน่ารักแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาพร้อมกับดวงแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้
“พี่สี่ของหนูเก่งมาก”
ตอนนี้หนวนหน่วนน้อยคล้ายกับเป็นแม่ไก่คอยจิกคนที่มารังแกลูกน้อยของตัวเอง ไม่ว่าใครก็ห้ามมาว่าพี่สี่คนเก่งของเธอเด็ดขาด
“ใช่ ถูกแล้ว”
ไป๋โม่ฮัวเข้าข้างลูกพี่ลูกน้อง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบหน้ากู้หมิงหลี่เท่าไร แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่คนดูพวกนั้นพูดออกมา เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นพี่ชายของหนวนหน่วน
“เขาไม่ใช่แค่ไม้ประดับ แต่ฝีมือสูสีมากเลยต่างหาก”
ทุกคนที่ได้ยินเงียบเสียงลง “…”
ไม่มีใครกล้าเถียงอะไรออกมาอีก พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเด็กคนนี้โกรธเรื่องอะไร ดูแล้วคงจะเป็นน้องสาวของนักแข่งคนนั้น
รู้แบบนั้นแล้วจึงรู้สึกอายเล็กน้อย ใครจะไปรู้ว่าพี่น้องของเจ้าหนุ่มนั่นจะมาอยู่แถวนี้ได้
ในตอนนั้นเองที่ผู้ชมในสนามร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ความโกลาหลเกิดขึ้นมาทันทีที่เห็นว่ามีรถคันหนึ่งพลิกเกมได้
หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวรีบหันไปมองที่จอพร้อมกันอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นว่ากู้หมิงหลี่และมอเตอร์ไซค์ของเขากำลังทะยานขึ้นเหนือพื้นยางมะตอยของสนามแข่งและเข้าโค้งอย่างสวยงาม เขานำหน้าคู่แข่งสองคันที่ยังตามอยู่เมื่อครู่อย่างสวยงามด้วยท่าทางดุดันและสง่างามราวกับเสือดำ
เด็กหนุ่มและมอเตอร์ไซค์มุ่งไปข้างหน้าเต็มที่ด้วยความเร็วสูงระดับที่ไม่สามารถมีใครเข้าไปขวางได้อีกต่อไป
บ้าไปแล้ว ใครจะทำอะไรแบบนี้ได้กัน!
“ฉิบ! บ้าไปแล้วเหรอเนี่ย”
“ใช้ได้เลยแฮะ สนุกเป็นบ้า” หลังจากพูดจบผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็รีบเร่งพยายามทำความเร็วให้ตามเจ้าหนุ่มหน้าใหม่คนนั้นอย่างเต็มสูบ
“ให้ตาย… เขาโดนเกรย์กับคนอื่น ๆ ขวางอยู่ข้างหลังไม่ใช่เหรอ”
นักแข่งที่นำอยู่ด้านหน้าไม่ได้มองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้านหลัง แต่ก็พอจะคาดเดาได้จากเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นว่าเจ้าเด็กดาวรุ่งนั่นน่าจะพลิกเกมได้
“พระเจ้า เขาไล่ตามเคิร์ลทันแล้ว”
เคิร์ลคือนักแข่งเจ้าของมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินขาวที่นำหน้ากู้หมิงหลี่มาก่อน ชายหนุ่มรู้ดีว่าพวกที่สกัดกู้หมิงหลี่เป็นพวกเดียวกัน เมื่อเห็นว่าคู่แข่งกำลังไล่ตามมาติด ๆ เขาก็สบถออกมาทันที
เขารีบเร่งความเร็วเพื่อจะรักษาระยะจากกู้หมิงหลี่ แต่เมื่อถึงช่วงเข้าโค้ง เจ้าหนุ่มหน้าใหม่ก็ทะยานเข้ามาราวกับนักล่าที่ปราดเปรียว แซงหน้าเขาไปด้วยการดริฟต์อย่างสวยงาม
เจ้าเด็กแสบประคองรถด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างยกขึ้นด้านหลัง ทำท่าชูนิ้วโป้งคว่ำให้เคิร์ลเป็นการเยาะเย้ย
ทำแบบนี้ถือเป็นการท้าทายก็จริง แต่ในเมื่อตอนนี้แซงหน้าไปแล้วก็อยากเกทับบ้างเพื่อความสะใจ
“กรี๊ดดด กู้หลี่! กู้หลี่”
“กู้หลี่!!!”
ท่าทางกวนประสาทแบบนั้นแสนจะดึงดูดความสนใจจากผู้ชม ทั้งฝีมือและบุคลิกเผ็ดร้อนของเด็กหนุ่มทำเอาคนที่ขอบสนามเริ่มถูกใจในตัวเขาขึ้นมาทันที ทุกคนพากันตะโกนเรียกชื่อด้วยเสียงดังก้องไปทั่ว
ในตอนนั้นเองที่ทุกคนต่างจดจำเจ้าหน้าใหม่ที่ชื่อกู้หลี่ได้อย่างขึ้นใจ กู้หมิงหลี่กลายมาเป็นคนที่ทุกคนพากันจับตามองทันที
หนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นตะโกนชื่อด้วยเหมือนกัน แต่คนหนึ่งตะโกนว่าพี่สี่ ส่วนอีกคนก็ตะโกนว่ากู้หมิงหลี่ต่างจากผู้ชมคนอื่น ๆ เสียงของทั้งสองจึงไม่ได้ส่งไปถึงนักแข่งในสนาม แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ดูตื่นเต้นและมองจออย่างตั้งใจ โดยเฉพาะหนวนหน่วนที่ดวงตากำลังเปล่งประกาย
“หนูบอกแล้วว่าพี่สี่เก่งมาก”
“ใช่แล้ว”
ไป๋โม่ฮัวตอบรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แอบชะงักไปเล็กน้อย
เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองตั้งใจมาที่นี่เพื่อจะโห่อีกฝ่ายและคอยซ้ำเติมตอนที่ทำพลาดต่างหาก
ทำไมสุดท้ายถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ แถมยังลืมตัวตะโกนเชียร์เรียกชื่อเขาราวกับคนบ้าอีกต่างหาก
ไป๋โม่ฮัวแอบยกมือขึ้นปิดหน้า ใบหูสองข้างเห่อแดง ไม่อยากจะยอมรับความบ้าบอของตัวเอง
ผู้ชมที่สบประมาทกู้หมิงหลี่ก่อนหน้านี้ก็มองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่กด้วยความลำบากใจ
โดยเฉพาะคนที่บอกว่ากู้หมิงหลี่เป็นแค่ไม้ประดับที่ตอนนี้เหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ โชคดีที่เกมตอนนี้ดุเดือดมากจนพวกเขาลืมคำพูดตัวเองไปแล้ว
ความตื่นเต้นจากการเชียร์นักแข่งทำเอาทุกคนลุ้นตามจนลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ เป็นเสน่ห์ของกีฬาประเภทนี้ที่ใครได้มาสัมผัสก็ต้องมีอาการไม่ต่างกัน
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป หลังจากที่กู้หมิงหลี่แซงหน้าเคิร์ลได้สำเร็จก็เริ่มไล่ตามคันหน้าที่เหลืออย่างบ้าระห่ำ จนเขาแซงคริสที่เคยอยู่ที่สองและในที่สุดก็ตามอันเดรที่เป็นคันแรกทัน
ระยะทางก่อนจะถึงเส้นชัยใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พอเห็นว่าผู้เข้าแข่งขันสองลำดับแรกเพิ่งจะถูกนำหน้าไป ผู้ชมก็ต่างลุ้นจนตัวโก่ง บางคนตื่นเต้นจนเหงื่อออกมือ ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ลำคอตะโกนจนแหบแห้ง
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่จอขนาดใหญ่ตาไม่กะพริบ ไม่มีใครอยากพลาดวินาทีสำคัญแม้แต่เสี้ยววินาที
ในที่สุดก็ถึงช่วงสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย กู้หมิงหลี่และอันเดรเร่งความเร็วเต็มสปีด เข้าเส้นชัยไปในพริบตา และในที่สุดแชมป์ในการแข่งขันครั้งนี้ก็ตกเป็นของหน้าใหม่ที่รวดเร็วราวกับเสือดำ
“กรี๊ดดด กู้หลี่!!!”
เสียงร้องเชียร์ดังกว่าทุกครั้งตั้งแต่เริ่มแข่งขันมา ทุกคนต่างลุกขึ้นคล้ายเวฟราวกับอยู่ในทะเล บางคนถึงกับโยนหมวกกับเสื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น ต่างคนต่างส่งเสียงเชียร์เจ้าเด็กหนุ่มดาวรุ่งสุดเสียง
แสงตะวันส่องกระทบในหน้าเล็ก ๆ ของหนวนหน่วน เธอถูกลูกพี่ลูกน้องคนรองโผเข้ากอดในขณะที่ยังคงเรียกชื่อพี่สี่เสียงหวานอยู่อย่างภาคภูมิใจ
เด็กหญิงตัวน้อยยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตื้นตัน ดวงตาเป็นประกายราวกับได้ชนะการแข่งขันด้วยตัวเอง เป็นภาพที่ดูสดใสและน่าเอ็นดูอย่างมาก
ไป๋โม่ฮัวมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว เขารีบเม้มปากแน่นเมื่อได้สติกลับมา
“ช่างเถอะ เราก็ไม่ได้เกลียดหมอนั่นขนาดนั้นนี่”
หลังจากคิดได้แบบนั้นเด็กหนุ่มก็ปล่อยให้ตัวเองได้หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข เขากอดลูกพี่ลูกน้องตัวน้อย จุ๊บที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธออย่างอ่อนโยน
“ชนะแล้ว เท่มากเลย”
หนวนหน่วนโอบรอบคอลูกพี่ลูกน้องแน่น เธอจุ๊บพี่ชายกลับแล้วส่งยิ้มอย่างภูมิใจ
“พี่สี่สุดยอดมากเลยค่ะ”
ในตอนท้ายแชมป์คนใหม่ก็ถอดหมวกกันน็อกออก ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเผยออกมาให้เหล่าผู้ชมเห็น เด็กหนุ่มมุมปากยกยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง ยกนิ้วชี้ไปทางกล้องและเอ่ยพูดขึ้นมาสั้น ๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ยินมัน
แต่ก็มีคนพยายามจะอ่านจากริมฝีปากเขา
“เหมือนจะพูดว่า ‘พี่ชนะแล้ว หนวนหน่วน’ งั้นเหรอ”
ในตอนนี้ใคร ๆ ก็มองว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต เด็กหนุ่มผู้นี้ดูเปล่งประกายและมีเสน่ห์ร้อนแรงเหลือเกิน