ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 84 การมาอย่างกะทันหันของกู้หมิงหลี่
บทที่ 84 การมาอย่างกะทันหันของกู้หมิงหลี่
ซูหมินห่าวโมโหมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากสาปแช่งลูกชายของเขาแล้วจากไปด้วยความโกรธ
หลังจากควบคุมอารมณ์ได้แล้ว ซูหรานก็จัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาอย่างใจเย็น ดวงตาอันเฉียบคมสีดำสนิทมองไปอีกทางหนึ่ง
“ออกมาได้แล้ว”
เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับสายลมเย็นยะเยือกในฤดูใบไม้ร่วง
ไป๋โม่ฮัวจูงมือหนวนหน่วนออกมาด้วยท่าทางเขินอาย
“อาจารย์~”
ดวงตาสีดำกลมโตของหนวนหน่วนมองเด็กหนุ่มชุดแดงที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างกระตือรือร้น แสงจันทร์สาดส่องลงมาย้อมร่างเขาให้แลดูน่าขนลุก ใบหน้าคมเข้มเหมือนจะสูญเสียความอ่อนวัยที่พวกเขาคุ้นเคยไป ร่างผอมบางของเขาตอนนี้ดูอ้างว้างชอบกล
“พวกเธอนั่นเอง”
เมื่อเห็นทั้งสองคน น้ำเสียงของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็อบอุ่นขึ้น นัยน์ตาของเขากลับมาเคลือบไปด้วยรอยยิ้มดังเดิม
“เมื่อกี้พวกเธอได้ยินไหม”
ทั้งสองพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไป๋โม่ฮัวยังข้องใจอยู่ “ทำไมพ่อนายถึงได้ทำตัวแบบนั้น!”
มีลูกนอกสมรสก่อนแต่งงานใหม่ไม่พอ พ่อของซูหรานพาเสี่ยวซาน ภรรยาใหม่กับลูก ๆ กลับบ้านอย่างเร่งรีบ มันไร้ยางอายอย่างมากที่จะขอลูกชายในสมรสให้ช่วยลูกนอกสมรสเข้ามาทำงานในบริษัท นี่มันน่าขยะแขยงเกินไปแล้ว
หนวนหน่วนเองก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกพี่ลูกน้องด้วยใบหน้าแดงซ่าน
“มากเกินไปแล้วนะ!”
ถึงคนตัวเล็กจะพูดอย่างโกรธ ๆ ก็ยังดูอ่อนโยนอยู่ดี
ซูหรานยกมุมปากพลางมองคนตรงหน้าที่อายุน้อยกว่า โดยเฉพาะไป๋โม่ฮัวที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวดูเป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นมากกว่าเขามาก
“พี่ซูหราน ไม่ต้องเสียใจไปนะ”
หนวนหน่วนมองเขาอย่างเป็นห่วง เธอปลอบเขาเบา ๆ
“ถ้าพวกเขาไม่ชอบพี่ก็ไม่เป็นไร หนูกับพี่ชายยังชอบพี่อยู่นะ”
ไป๋โม่ฮัว “…”
เท้าของเขารู้สึกชานิดหน่อย
มุมปากของซูหรานยกสูงขึ้นอีก เขาเดินเข้าไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วลูบหัวเธอเบา ๆ
“เธอเห็นฉันดูเศร้าเหรอ?”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มดูผ่อนคลายลง “ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขามานานแล้ว หลังจากที่เขาหย่ากับแม่ของฉัน ฉันคิดแค่ว่าฉันคงไม่มีพ่ออีกต่อไปแล้ว ฉันถูกเลี้ยงดูโดยคุณปู่ตั้งแต่ฉันยังเด็ก ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก”
ไป๋โม่ฮัวรู้สึกว่าชายคนนี้กำลังฝืนยิ้ม
ซูหรานลูบคางของเธออย่างแผ่วเบา เขายิ้ม เผยความเจ้าเล่ห์ฉายวาบผ่านดวงตา “แต่ก็สะใจที่ได้เห็นเขาโกรธทุกครั้งที่มองมาที่ฉันเหมือนตนเองทำอะไรไม่ได้ เพราะอำนาจทางการเงินของเขาอยู่ในมือของคุณปู่กับฉัน ฉันมองเกมออก ทุกครั้งที่ฉันใช้ไม้นี้ เขาแพ้ทางฉันเสมอ”
ไป๋โม่ฮัวและหนวนหน่วน “…”
ดูเหมือนว่าพวกเขาสองคนจะเข้าใจผิด การมองพ่อด้วยสายตาเหมือนมองลิงเช่นนั้นมันเหมาะสมใช่ไหมนะ?
“งานเลี้ยงกำลังจะจบแล้ว เธอจะกลับเข้าไปตอนนี้เลยไหม?”
หนวนหน่วนกับไป๋โม่ฮัวพยักหน้าตอบรับ ระหว่างทางกลับไปที่งานเลี้ยง ในมือของทั้งสองก็ยังถือขนม ปากเล็ก ๆ เคี้ยวหงุบหงับ จากนั้นทั้งสองคนก็ใช้มือกอดท้องเพื่อพยุงตัวเองขึ้นนิดหน่อย
ซูหรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พวกเธอกินไปมากเท่าไหร่กัน”
หนวนหน่วนดึงเสื้อของลูกพี่ลูกน้องอย่างเขินอาย
เมื่อกลับไปอีกครั้งหนวนหน่วนพบว่าคุณลุงทั้งสองมาแล้ว
ระหว่างที่พวกเขากำลังทักทายเธอ เธอก็ก้าวเท้าเล็ก ๆ ออกไปข้างหนึ่งเพื่อทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างเชื่อฟัง จากนั้นทั้งสองก็ถูกพาไปอวดในหมู่คนรู้จักอย่างเงียบ ๆ
หลายคนในแวดวงนี้ไม่รู้ว่าพวกเขามีหลานสาว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลซูก็มีญาติผู้หญิงอยู่
การแนะนำตัวครั้งนี้ หนวนหน่วนยังคงเขินอายนิดหน่อย แต่ก็ไม่มากเท่าแต่ก่อนแล้ว เธอพูดด้วยเสียงเบา ๆ แต่เสียงของเธอนั้นก็จับใจพวกเขาที่อยู่ตรงนั้นทันที
ชายคนหนึ่งมีอายุมากแล้ว เขาไม่ชอบเด็กหญิงตัวน้อยสักเท่าไหร่ แต่เขากลับรู้สึกอิจฉาผู้ใหญ่สองคนนี้ที่มีหลานน่ารักและนุ่มนวลอย่างหนวนหน่วน
ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกอิ่มเอมใจ เมื่องานเลี้ยงจบลง พวกเขาจับมืออำลาหนวนหน่วนอย่างไม่เต็มใจที่จะให้กลับและขอให้เธอมาเที่ยวที่บ้านของพวกเขาบ่อย ๆ
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตกลงอย่างว่าง่าย
“พรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมพ่อกับแม่ของเธอนะ หนวนหน่วน”
พวกเขาบอกกับเธอ
“ตกลงค่ะ…”
ผู้ใหญ่ทั้งสองพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดก็จากไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากนั้นหนวนหน่วนและคนอื่น ๆ ในตระกูลไป๋ก็กลับไปที่บ้าน ทันทีที่เสี่ยวจูเห็นพวกเขา มันก็วิ่งมาพร้อมกับร้องเหมียว ๆ มันทำหน้าหงอยราวกับว่ารู้สึกเศร้าแล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ เท้าของหนวนหน่วนและไป๋โม่ฮัวราวกับกำลังกล่าวหาว่าทำไมพวกเขากลับมาเวลานี้
หนวนหน่วนย่อตัวลงและกอดเสี่ยวจู ยิ้มด้วยดวงตาที่ใสสะอาด ใบหน้าที่นุ่มนวลของเธอถูไถกับขนนุ่มฟูของเสี่ยวจู
“เสี่ยวจู เรากลับมาแล้ว”
“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว ~”
ไป๋โม่ฮัวโน้มตัวลงไปกอดทั้งสาวน้อยและเสี่ยวจูเช่นกัน
“เสี่ยวจูต้องคิดถึงเราแน่เลย”
“เมี้ยว~”
ผู้ใหญ่ต่างมองหน้าและยิ้มให้กัน พวกเขาถูกร่มเงาของต้นแปะก๊วยต้นใหญ่ปกคลุมไว้ มีใบไม้สีทองร่วงหล่นตามสายลมเหมือนมีผีเสื้อสีทองกำลังบินอยู่รอบ ๆ ตัว แต่ลมจากฤดูใบไม้ร่วงที่พัดพลิ้วไม่สามารถให้ความอบอุ่นภายใต้ต้นไม้ใหญ่ได้
วันต่อมาหนวนหน่วนเลือกของขวัญให้กับญาติผู้ใหญ่ของเธอ เธอได้พบพวกเขาอีกครั้งพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ วันนี้เธอไปตกปลากับพวกเขา ปลาที่ได้มานั้น ถ้านับแล้วคงมีมูลค่านับล้านหยวน หลังจากนั้นหนวนหน่วนก็ดูเหล่าผู้ใหญ่เล่นหมากรุก พวกเขาได้สอนเธอเล่นหมากรุกด้วย แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่สามารถสอนหมากล้อมให้เธอทัน
ผู้ใหญ่สองคนยังคงเล่นเกมโกโมคุต่ออีกราวกับว่าเป็นเด็กไร้เดียงสา เกมโกโมคุเป็นเกมที่เล่นง่าย หนวนหน่วนจึงเล่นด้วยได้ เด็กหญิงเล่นกับพวกเขาอย่างจริงจัง จากนั้นจึงพากันไปเดินเล่นจนกระทั่งฟ้ามืด พอเด็กน้อยรู้สึกอ่อนล้า เธอก็กลับบ้านพร้อมกับคุณพ่อและคุณแม่ เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอรู้สึกเหนื่อยจึงไม่ได้เล่นกับใครอีก
ในตอนกลางคืนเด็กหญิงตัวน้อยโทรหาคุณปู่และพี่ชายของเธอที่อยู่ห่างไปอีกเมืองหนึ่ง กู้อันผู้เป็นพี่ชายคนโตยังคงพูดจาห้วนเหมือนเดิม แต่ก็ยังแอบถามด้วยความร้อนใจว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่
พี่ใหญ่เป็นคนที่ไม่ชอบพูดมากนัก แต่หนวนหน่วนชอบคุยกับเขามากที่สุด เด็กน้อยชอบแบ่งปันเรื่องราวที่มีความสุขในแต่ละวันกับเขา พี่ชายคนโตเป็นคนที่มีความอดทนที่สุด บางครั้งเขาก็พูดอะไรที่ทำให้เธอหัวเราะอย่างมีความสุข
แต่สำหรับกู้หมิงหลี่…
“ออกมานะหนวนหน่วน”
หนวนหน่วน “???”
สีหน้าเธอดูงงงวยเล็กน้อย
เสียงของกู้หมิงลี่มีเอกลักษณ์มาก “ฉันอยู่ข้างนอกไง”
“อะไรนะคะ”
ทันใดนั้นเสียงกุกกักก็ทำเธอสะดุ้ง เธอวิ่งออกไปข้างนอกโดยที่สวมรองเท้าแตะ ปล่อยให้ผมสั้นนุ่มสลวยปลิวสยาย
ไป๋โม่ฮัวที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้าง ๆ “???”
“เธอจะไปไหนน่ะ!”
เขารีบวิ่งตามออกไป ตอนนี้เป็นเวลานอนแล้ว แต่หนวนหน่วนกลับใส่ชุดนอนออกไปข้างนอกทั้ง ๆ ที่หนาวมาก
หลังจากวิ่งตามหนวนหน่วนออกไป เขาก็เห็นเธอเปิดประตู ตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มท่าทางดุดันเหมือนเสือดำกำลังยืนซุ่มอยู่ในที่มืดด้วยแววตาดุร้าย
ไป๋โม่ฮัวดูตกใจเช่นกัน
“พี่มาได้ยังไง!”
หนวนหน่วนพุ่งเข้ามาราวกับผีเสื้อตัวน้อย มุมปากของกู้หมิงหลี่ยกขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา ดวงตาที่ยาวรีและเฉียบคมของเขาฉายความพึงพอใจออกมา เขาอ้าแขนแล้วย่อตัวลงเพื่อตะครุบเจ้าเกี๊ยวตัวนุ่ม
“พี่สี่~”
เสียงเรียกที่นุ่มนวลและละมุนราวกับน้ำนมที่ทำให้หัวใจของผู้คนละลายดังขึ้น
“คิดถึงพี่ไหม?”
เด็กหญิงตัวน้อยร้องครางอยู่ในลำคอ เธอยกยิ้มแล้วโอบรอบคอเขาด้วยแขนเล็ก ๆ ของตน เรือนผมหนาซบอยู่ที่คอของเขาอยู่นานเลยทีเดียว
“คิดถึงสิ หนูคิดถึงพี่สี่”
เสียงอู้อี้ดังมาจากคอของเธอ กู้หมิงหลี่เอียงตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เขาจึงเห็นใบหน้าที่ขาวราวน้ำนมอันอบอุ่นและอ่อนโยนของน้องสาว นิ้วที่เรียวยาวของเขาเลยบีบไปที่แก้มอันอ่อนนุ่มทั้งสองข้างของเธอด้วยความมันเขี้ยว
นุ่มดีจัง…
“ดูเหมือนว่าจะมีคนจริงจังกับการกินอาหารแล้วนะ ไม่เลวนี่”
หนวนหน่วนถูกหยิกจนปากสีชมพูเบะออก ดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำสีใสมองไปยังใบหน้าของชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความน้อยใจ
“พี่สี่…”
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ ฉันไม่ล้อแล้ว”