ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 80 คุณปู่ทั้งสอง
บทที่ 80 คุณปู่ทั้งสอง
ซูหรานส่งหนวนหน่วนกลับบ้านเรียบร้อยก็ลูบหัวสิงอวิ๋นไปมา จากนั้นก็พาเจ้าหมาใหญ่กลับเข้ามาในบ้านพร้อมกัน
คุณปู่ของเขานั่งอยู่หน้ากระดานหมากล้อม ซูหรานเดินไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามแล้ววางตะกร้าสตรอว์เบอร์รีครึ่งตะกร้าลงตรงหน้าทั้งคู่
“ไปบ้านเหล่าหลิวมาอีกแล้วเหรอ”
คุณปู่ซูมองดูก็รู้ว่าหลานชายไปไหนมา
ซูหรานพยักหน้าตอบนิ่ง ๆ แล้วใช้นิ้วเรียวจับหมากวางลงบนกระดาน
ปู่และหลานชายเริ่มเล่นหมากล้อมด้วยกัน โดยมีสิงอวิ๋นนอนเฝ้าเงียบ ๆ ที่ข้างโต๊ะ บรรยากาศแสนสงบ ไม่มีเสียงใดมารบกวน แม้แต่เสียงสนทนาของทั้งคู่ก็ไม่มีเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
จนกระทั้งเกมหมากจบลง
“คุณปู่ ผมชนะแล้วครับ”
ซูหรานวางหมากตัวสุดท้ายแล้วลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามราวกับต้นไผ่
“คุณปู่กินสตรอว์เบอร์รีนี่ก่อน ผมจะไปทำการบ้านสักหน่อย”
คุณปู่ซูมองสตรอว์เบอร์รีในตะกร้าพลางพึมพำออกมาว่า “ทำไมวันนี้เอากลับมาน้อยล่ะ ไปแลกอะไรกับเหล่าหลิวมา”
ซูหรานชะงักไป ไม่ได้ตอบอย่างชัดเจนว่าแลกอะไรไป
เขาออกไปขุดกล้วยไม้เล็กในสวนเล็ก ๆ ของคุณปู่จากไปอย่างเงียบ ๆ
คุณปู่กินสตรอว์เบอร์รีเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเดินเล่นที่สวนตามปกติ แต่ต้องชะงักเมื่อมองไปยังที่ที่เคยมีกล้วยไม้อยู่
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน…
“ซูหราน!”
ชายชรารีบหยิบไม้เท้าแล้วตรงไปหาหลานชายตัวดี ซึ่งป่านนี้น่าจะพากันไปซ่อนที่ไหนสักแห่งกับเจ้าสิงอวิ๋นแล้ว
ถึงจะพยายามหนียังไงสุดท้ายเด็กหนุ่มก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดี เป็นวิธีการลงโทษที่ตระกูลซูมักใช้ประจำ คือการคัดค่านิยมประจำตระกูลด้วยพู่กันจีนที่มีจำนวนมากกว่าหมื่นตัวอักษร
ซูหรานนั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะรองนั่ง ยืดหลังตรงมีพู่กันแบบโบราณอยู่ในมือข้างที่ถนัด รับการลงโทษอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
ส่วนหนวนหน่วนน้อยไม่ได้รู้เรื่องเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ซูหราน
ไป๋โม่ฮัวใช้เวลาหลายชั่วโมงติดต่อกันอยู่ในสตูดิโอสำหรับวาดภาพ หนวนหน่วนเข้าไปหาลูกพี่ลูกน้องพร้อมสตรอว์เบอร์รีที่ล้างแล้วและนมสด ก็พบว่าพี่ชายกำลังทำงานจนเลอะสีไปทั้งเสื้อผ้าและมือทั้งสองข้าง
“พี่ชายคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยดึงชายเสื้อของคนเป็นพี่ จิตรกรน้อยจึงกลับมาจากโลกแห่งศิลปะ
“หนวนหน่วน…”
ไป๋โม่ฮัววางพู่กันในมือลง ขยับตัวยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งกับงานอยู่เป็นเวลานาน เขายกกำปั้นทุบไหล่สองสามทีคลายความเมื่อยขบตามตัว
“เปรี้ยวไหม”
หนวนหน่วนถือสตรอว์เบอร์รีเอาไว้ในมือคู่เล็ก ก่อนจะยกขึ้นสูงแล้วส่งให้พี่ชาย
“พี่ชายกินอันนี้สิคะ อันนี้อร่อย”
คนเป็นพี่จึงก้มตัวลงกัดสตรอว์เบอร์รีครึ่งลูกในคำเดียว รสชาติหวานอมเปรี้ยวแผ่ซ่านไปทั้งปาก
“อร่อยจัง ไปซื้อมาตอนไหนเนี่ย”
สตรอว์เบอร์รียังดูสดใหม่อยู่เลย
หนวนหน่วนรีบตอบอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ซูหรานกับหนูไปที่บ้านคุณย่าหลิวมาค่ะ แล้วก็ไปเลือกสตรอว์เบอร์รีมาด้วยกัน”
ไป๋โม่ฮัวแปลกใจที่ได้ยินแบบนั้น “ไปตั้งแต่เมื่อไร ซูหรานมาที่นี่เหรอ”
เขาไม่รู้อะไรเลยเพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ อยู่
หนวนหน่วนพยักหน้าแทนคำตอบ เธอกินสตรอว์เบอร์รีอย่างมีความสุขพลางหันไปให้ความสนใจกับภาพวาดของลูกพี่ลูกน้องคนรอง ดวงตาคู่โตมองไปยังภาพนั้นนิ่ง อีกนิดเดียวก็ใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ก็ทำให้รู้สึกทึ่งอยู่ดี
“โอ้โห”
เด็กน้อยกำลังเห็นตัวเองจากในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มีแสงสว่างสวยงามที่ลอดมาจากม่านไม้ไผ่กระทบกับร่างเล็กของตัวเองที่อยู่ในภาพ ดูแล้วช่างนุ่มนวลอ่อนหวานน่ามองเหลือเกิน
“สวยกว่าตัวจริงอีกค่ะ”
“พูดเกินไปน่า”
ไป๋โม่ฮัวบีบแก้มอิ่มทั้งสองข้างของน้องสาว “หนวนหน่วนตัวจริงสวยที่สุดแล้ว”
คำชมนั้นทำเอาเด็กน้อยเขินอายหลบสายตาไปกินสตรอว์เบอร์รี เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนสวยอะไร ลูกพี่ลูกน้องเพียงแค่ชมเพื่อให้เธอมีความสุขเท่านั้น
ในที่สุดภาพวาดก็เสร็จสิ้นช่วงอาหารเย็น เด็กหนุ่มวางอุปกรณ์ทั้งหมดลง แล้วค่อยเอาภาพออกมา
“พรุ่งนี้พี่จะเอาไปใส่กรอบแล้วให้เธอเป็นของขวัญนะ”
“ขอบคุณมากเลยค่ะพี่ชาย”
หนวนหน่วนสัมผัสภาพนั้นอย่างมีความสุข เธอมองของขวัญชิ้นพิเศษนี้ด้วยดวงตาเปล่งประกายเหมือนแสงดาวทั้งจักรวาลมารวมตัวกัน
เมื่อเห็นว่าน้องสาวชอบมันมาก ไป๋โม่ฮัวก็มีความสุขเช่นกัน
“พี่ชาย ให้หนวนหน่วนนวดไหล่ให้ไหมคะ” เด็กน้อยได้รับของขวัญมาแล้วก็นึกเห็นใจพี่ชายที่นั่งหลังขดหลังแข็งมาทั้งวัน
เด็กหญิงดึงมือลูกพี่ลูกน้องคนรองให้นั่งลง แล้วรีบวิ่งอ้อมไปด้านหลังของร่างสูง เริ่มบีบและทุบ ๆ ที่ไหล่กว้าง ใช้แรงที่คิดว่ากำลังพอดีด้วยมือเล็ก ๆ น่ารักทั้งสองข้าง
แรงบีบนวดนั้นพอดิบพอดีจนคนเป็นพี่หลับตาพริ้มเพราะความสบาย แต่แล้วเขาก็แปลกใจนิด ๆ
“น้องสาว ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้เป็นด้วย เก่งจัง”
เด็กน้อยเอ่ยตอบโดยที่ยังไม่หยุดมือ “ตอนที่คุณย่าปวดไหล่ หนวนหน่วนก็เคยนวดให้ค่ะ”
ไป๋โม่ฮัวหยุดคิดครู่หนึ่ง กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าคุณย่าที่หนวนหน่วนหมายถึงคือใคร เขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดถึงสิ่งที่เด็กตัวเล็ก ๆ คนนี้ต้องเผชิญมาในอดีต เด็กคนนี้คงลำบากมาไม่น้อยเลย
เด็กหนุ่มตั้งใจกับตัวเองว่าต่อไปจะต้องคอยดูแลน้องคนนี้อย่างดี เด็กหญิงที่แสนล้ำค่า ทั้งน่ารักและอ่อนโยนคนนี้สมควรได้รับความรักความเมตตาจากทุก ๆ คนเป็นการตอบแทน
หลังจากนวดไปสักพัก พี่น้องก็พากันไปกินข้าว ทั้งสองนั่งขัดตะหมาดอยู่ที่พื้น ส่วนเจ้าแมวส้มนั่งอยู่บนตักคนเป็นพี่
ไป๋โม่ฮัวป้อนของกินให้น้องสาวตัวน้อยสลับกับเจ้าแมวเหมียว เขารู้สึกมีความสุขเหมือนถูกลอตเตอรี่เลยทีเดียว
หนวนหน่วนมาค้างที่บ้านคุณลุงได้สองวันแล้ว และในวันที่สาม คุณพ่อกับคุณแม่ก็จับลูกสาวตัวน้อยแต่งตัวหวีผมอย่างเรียบร้อย และบอกว่าจะพาไปหาคุณปู่ที่เป็นพี่ชายของคุณย่า
ตอนไปที่บ้านของพี่ซูหราน หนวนหน่วนได้ยินคุณปู่ซูเล่าถึงคุณปู่กู้กับคุณปู่ที่เป็นพี่ชายของคุณย่า วันนี้เธอจะได้ไปพบพวกท่านแล้ว หนวนหน่วนจึงแอบตื่นเต้นเล็กน้อย มือเล็ก ๆ คอยจับกับคุณพ่อคุณแม่ไปตลอดทางตอนที่อยู่บนรถ
กู้หลินโม่กอดปลอดลูกสาว “หนวนหน่วน คุณปู่ทั้งสองต้องชอบหนูมาก ๆ แน่นอน”
หนวนหน่วนถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า
กู้หลินโม่รีบพยักหน้ารับ ถ้าเป็นหลานคนอื่นก็ไม่แน่ใจ แต่ถ้าดูจากความรักที่คุณปู่ทั้งสองมีต่อคุณย่า ถ้าพวกท่านได้เจอหนวนหน่วนจะต้องเอ็นดูหนูน้อยคนนี้มากแน่นอน
หลังจากที่ขับรถมาสักระยะหนึ่งก็มาถึงเรือนโบราณที่ต้องนัดล่วงหน้าถึงจะสามารถเข้าไปได้
กู้หลินโม่ลงจากรถพร้อมลูกสาวในอ้อมแขน เขามองเห็นชายชราผมสีเงินสองคนยืนอยู่ด้านหน้าทันที
ทั้งสองดูอายุมากกว่าคุณปู่กู้ พวกท่านมองมาทางหนวนหน่วนด้วยท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม
“คุณลุงครับ”
คุณพ่อจูงมือลูกสาวแล้วเอ่ยเรียกชายชราทั้งสองด้วยความเคารพ
สายตาของผู้อาวุโสทั้งสองมองลูกชายน้องสาวเพียงชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้ารับนิ่ง ๆ แล้วหันไปสนใจหนวนหน่วน
สายตาของชายชราเจือความงุนงง เขามองหนวนหน่วนแล้วเอ่ยทักทายเบา ๆ
“กลับมาแล้วเหรอ”
หนวนหน่วนนิ่งไปสักพักแล้วจึงเอ่ยทักทายอย่างสุภาพ
“คุณปู่ใหญ่ คุณปู่รองคะ”
นัยน์ตาของท่านทั้งสองพลันแดงก่ำ คนที่เริ่มทักทายหลานสาวก่อนเมื่อครู่คือคุณปู่ใหญ่ หลังจากที่เรียกสติกลับมาได้ ท่านก็มีรอยยิ้มเขินอายจุดอยู่บนใบหน้าอย่างจริงจัง
เป็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าคนในบ้านตระกูลฉินอย่างมาก
ชายชราผู้เคร่งขรึมท่านนี้กำลังยิ้มออกมาจริง ๆ แม้แต่กับหลานชายตัวเองท่านยังไม่เคยยิ้มอย่างนี้มาก่อน
ลูกหลานหลายคนแอบอิจฉาขึ้นมาในใจจนอดไม่ได้ที่จะลอบมองสำรวจเด็กน้อยคนนี้อยู่สักพัก
แต่ทำไม… น่ารัก… น่ารักอะไรแบบนี้?
“ไหน มาให้ปู่ดูหน้าใกล้ ๆ หน่อยสิลูก”
หนวนหน่วนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้า จับมือที่คุณปู่ใหญ่ยื่นมาอย่างเชื่อฟังแล้วเอ่ยเรียกท่านเสียงหวาน
รอยยิ้มแห่งความใจดีแย้มออกมาจากชายชราอย่างชัดเจน “เด็กดีของปู่”
กลายเป็นเรื่องที่ทำให้คนที่มองอยู่แปลกใจอีกรอบ เสียงอุทานดังขึ้นเบา ๆ ญาติ ๆ ต่างพากันซุบซิบเพราะกลัวเด็กน้อยจะได้ยิน
เด็กน้อยคนนี้ทั้งทำให้คุณปู่ใหญ่ยิ้มได้ แถมยังชมว่าเด็กดีอีกด้วย นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาใช่ไหม
ราวกับว่าท่านผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้สนใจความตกใจของคนอื่น ๆ สองชราจูงมือเด็กน้อยกันคนละข้างพาหนวนหน่วนเข้าไปในบ้าน คนอื่น ๆ ได้แต่ตามเข้าไปด้วยความงุนงง
คุณปู่ทั้งสองกุมมือเล็ก ๆ ของหนวนหน่วนไว้แล้วรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลาไปตอนที่พวกท่านยังเด็ก สองพี่น้องได้ช่วยกันแต่งตัวน้องสาวที่น่ารักจนเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อย พาเธอไปทุกที่ที่อยากไป ออกไปเล่นด้วยกัน คอยปกป้องน้องสาวจากอันตราย เมื่อเธอทำผิดก็คอยรับแทน เพราะไม่อยากให้น้องถูกทำโทษ ผ่านเรื่องต่าง ๆ ด้วยกันมามากมาย
แต่ตอนนี้ พวกเขาอายุมากแล้ว และน้องสาวที่ล้ำค่าก็จากพวกเขาไปแล้ว ไม่มีทางได้เจอกันอีก เมื่อท่านทั้งสองได้พบกับหลานสาวตัวน้อยคนนี้ ความละม้ายคล้ายคลึงอย่างมากทำเอาพี่ชายอย่างพวกเขาอดคิดถึงน้องสาวที่น่ารักขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเอาอกเอาใจ เพราะการทำแบบนี้ทำให้รู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปเลี้ยงดูน้องสาวตัวน้อยอีกครั้ง
มีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกท่านรู้ตัวได้ว่านี่ไม่ใช่น้องสาวของตัวเองก็คือความเรียบร้อยของหลานสาว นิสัยของหนวนหน่วนและคุณย่าของเธอค่อนข้างจะต่างกันอยู่มาก
“หนวนหน่วน ตอนนี้ปู่แก่มากแล้ว คุณปู่รองของหนูก็ป่วยอยู่ พวกเราเลยบินไปหาหนูที่หลินเฉิงไม่ได้ ต่อไปหนูต้องมาหาปู่บ้างโอเคไหม”
เด็กหญิงตัวน้อยไม่ดื้อไม่ซน เธอจับมือและเดินตามคุณปู่ทั้งสองไปทีละก้าว แลดูเชื่อฟังเป็นเด็กดีมาก ๆ หลังได้ยินคำถามนั้นเธอก็รีบรับปาก
“ได้เลยค่ะ”
คุณปู่รองยิ้มอย่างใจดี เขายกฝ่ามือขึ้นลูบหัวกลม ๆ น่ารักราวกับตุ๊กตาของหลานสาวอย่างอ่อนโยน
“เฮ้อ ปู่ก็แก่มากแล้ว ดีใจที่ได้เจอหนวนหน่วน…”
เด็กหญิงตัวเล็กเอียงศีรษะและยิ้มรับด้วยดวงตาเปี่ยมสุข
คุณปู่ทั้งสองมอบของขวัญรับขวัญหลานหลายอย่างเพราะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่หนวนหน่วนกลับรับมาเพียงของเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะไม่ได้เต็มใจจะรับของมีค่าอะไรจากพวกท่าน
“หนวนหน่วนชอบของพวกนี้ค่ะ ไม่ต้องให้เงินกับบัตรมาหรอกนะคะ ที่พี่ใหญ่กับคุณพ่อให้ไว้ก็เยอะจนใช้ไม่หมดแล้วค่ะ”
คุณปู่ใหญ่ถึงขั้นอยากจะโอนหุ้นบริษัทบางส่วนให้หนวนหน่วน กู้หลินโม่กลัวว่าท่านจะทำจริง ๆ เลยต้องรีบกอดขาขอให้ท่านอย่าทำแบบนั้น
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ พวกเขาเพียงพาลูกสาวมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนทักทายผู้ใหญ่ ยังไม่อยากมีเรื่องบาดหมางกับคนในครอบครัวฉิน
เมื่อหลานสาวปฏิเสธด้วยตัวเอง คุณปู่ก็มีท่าทางเสียดายนิดหน่อย หนวนหน่วนจึงจับมือสองชราเพื่อเกลี้ยกล่อม
“คุณปู่ใหญ่คะ เดี๋ยวหนวนหน่วนจะหาเงินใช้เองตอนที่โตขึ้นนะคะ ของที่คุณปู่ใหญ่ให้มาก็ดีมากแล้วค่ะ ถ้าให้เงิน หนวนหน่วนจะกลายเป็นเด็กโลภมาก โตมาจะเสียนิสัยเอานะคะ”
ท่าทางกังวลใจบนใบหน้าเล็ก ๆ ของหลานสาวทำเอาคนเป็นปู่นึกขัน เป็นเด็กที่น่ารักมากจริง ๆ พอเห็นแบบนั้นคุณปู่จึงไม่ได้ดึงดันจะมอบให้อีกต่อไป
ที่จริงแล้วตัวเขาเองก็รู้อยู่ว่าการโอนหุ้นให้เธอมันมากเกินไปจริง ๆ แต่มันก็แอบอดใจไม่ไหว
คนเราก็แบบนี้ ยิ่งแก่ยิ่งใจอ่อน
เหล่าลูกหลานตระกูลฉินที่ดูประหม่าในตอนแรก โดยเฉพาะลูกสะใภ้ของคุณปู่ทั้งสอง พอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอเริ่มมองหนวนหน่วนอย่างเอ็นดู
ไม่ใช่ว่าพวกเธอโลภมากเรื่องเงิน หรืออยากจะไปก้าวก่ายเรื่องหุ้น แต่ถ้าท่านยกหุ้นให้หนวนหน่วนจริง ๆ ประการแรกก็คือ จะเป็นการไม่ยุติธรรมกับหลานคนอื่น ๆ สร้างความไม่สบายใจให้พวกเธอแน่นอน และอย่างที่สองคือหนวนหน่วนเป็นคนนอกสำหรับพวกเธอ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต อาจจะมีเรื่องกันได้
หนวนหน่วนเล่นอยู่บ้านคุณปู่ทั้งสองจนเย็นแล้วก็ลากลับ เด็กน้อยโบกมือลาแล้วกลับไปที่บ้านของคุณลุง เมื่อไปถึงก็พบว่าพี่โม่ฮัวโผล่หน้าออกมาจากประตู
“พี่ชายคะ”
ทันทีที่ลงจากรถ หนูน้อยก็ตรงเข้ามากอดเขาพร้อมถูหัวกลม ๆ ที่เต็มไปด้วยกลุ่มผมนุ่มนิ่มสองครั้ง
“หนูกลับมาแล้วค่ะ”
ไป๋โม่ฮัวที่มีอาการเบื่อ ๆ ง่วง ๆ นิดหน่อยระหว่างอยู่บ้านเข้ามาอุ้มน้องสาวไว้อย่างมีความสุข
“น้องสาว คิดถึงพี่ไหม”
หนวนหน่วนยิ้มหวานพลางพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่ารัก เธอใช้สองแขนโอบรอบคอลูกพี่ลูกน้องคนรอง แนบแก้มนุ่มเข้ากับใบหน้าสะอาดหมดจดของพี่ชายแล้วเอ่ยออกมาเสียงหวาน
“ว่าแล้วว่าเธอต้องคิดถึงพี่”
ทุกคนที่มองอยู่ก็ยิ้มตามในความน่ารัก ส่วนกู้หลินโม่เหลือบมองอย่างน้อยใจ
นี่ลูกสาวของเขานะ ทำไมใคร ๆ ก็ชอบมาแย่งหนวนหน่วนไปจากอกเขา