ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 79 เก็บสตรอว์เบอร์รีกันเถอะ
บทที่ 79 เก็บสตรอว์เบอร์รีกันเถอะ
โรงเก็บสตรอว์เบอร์รีของคุณย่าหลิวขนาดกำลังพอดี ไม่ใหญ่จนเกินไป แต่สตรอว์เบอร์รีข้างในนั้นหวานฉ่ำทุกลูก ทันทีที่เข้าไปจะได้กลิ่นหอมหวานของสตรอว์เบอร์รีอย่างชัดเจน
“นี่ตะกร้าสำหรับเธอ เข้าไปหยิบเองได้เลยนะจ๊ะ”
หนวนหน่วนกอดตะกร้าไม้ไผ่ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาโค้งเป็นรูปเสี้ยวเล็ก ๆ “ขอบคุณค่ะ คุณย่าหลิว”
หนวนหน่วนที่เชื่อฟังและอ่อนโยนกล่าวขอบคุณหญิงชราด้วยเสียงเล็ก ๆ ชายชราจึงลูบหัวฟู ๆ ของเด็กน้อยแล้วหัวเราะ
“ที่บ้านหลังนี้เราอยู่กันเพียงแค่สองคน เรากินทั้งสวนก็ไม่หมดหรอก พวกเธอเก็บได้มากเท่าที่ต้องการได้เลยนะ พรุ่งนี้ก็คงสุกเต็มที่แล้ว”
โรงเก็บของนั้นมีขนาดเล็กกว่าตัวของสิงอวิ๋นเสียอีก เจ้าหมาใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะร่างกายของมันใหญ่เกินไป มันจึงได้แต่นั่งรอที่ทางเข้าอย่างเชื่อฟัง
เสี่ยวจูที่ถูกหนวนหน่วนกอดไว้ใช้ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ข้างใน
“อยากไปเดินเล่นไหม” หนวนหน่วนกอดมันแล้วลูบขนมันเบา ๆ
“เมี้ยว~”
ทันทีที่เสี่ยวจูลงถึงพื้น มันก็วิ่งไปรอบ ๆ ด้วยเท้าเล็ก ๆ ที่อ่อนนุ่ม เจ้าแมวตัวเล็กว่องไวก้มหัวลงดมสตรอว์เบอร์รีสีแดงสด จากนั้นก็แลบลิ้นสีชมพูนุ่มออกมาเลีย
เมื่อหนวนหน่วนหยิบสตรอว์เบอร์รีลูกใหญ่สองลูกแล้วหันกลับมา เธอก็เห็นว่ามันกำลังแทะสตรอว์เบอร์รีลูกหนึ่งเข้าไป
หนวนหน่วนลูบก้นน้อย ๆ ของมัน
“หยุดกินสตรอว์เบอร์รีลูกอื่น ๆ ได้แล้ว”
“เหมียว~”
ขนรอบ ๆ ปากของมันเปียกเยิ้มจากการกินสตรอว์เบอร์รี เสี่ยวจูจึงส่งเสียงร้องเบา ๆ เรียกหนวนหน่วน
“มาดูนี่เร็วหนวนหน่วน”
เมื่อได้ยินซูหรานเรียกเธอ หนวนหน่วนก็ยืนขึ้นพร้อมกับตะกร้าไม้ไผ่ในมือ เดินไปหาเขาด้วยก้าวเล็ก ๆ และย่อตัวลง
“พี่ซูหราน”
เด็กหนุ่มส่งสตรอว์เบอร์รีสีขาวลูกใหญ่ขนาดครึ่งฝ่ามือและมีกลิ่นหอมเหมือนนมเข้มข้นให้เธอ
“สตรอว์เบอร์รีลูกนี้เป็นลูกที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเธอ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลูบผมนุ่มสลวยของเด็กน้อย
หนวนหน่วนที่รับสตรอว์เบอร์รีมาถือแย้มยิ้มอย่างมีความสุข “ขอบคุณค่ะ พี่ซูหราน”
“เธอน่าจะชอบลูกแบบนี้นะ ลองเลือกที่นี่ดูสิ”
หนวนหน่วนพยักหน้าและถือตะกร้าไม้ไผ่ช่วยซูหรานก่อนจะเดินออกไป
เมื่อเดินไปถึงทางออก เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พบว่าเสี่ยวจูมีสตรอว์เบอร์รีสีน้ำนมอยู่ในปาก มันเดินส่ายหางแล้วเดินลงบันไดสำหรับแมวออกมาข้างนอก ก่อนวางสตรอว์เบอร์รีที่คาบในปากลงที่ใต้เท้าของสิงอวิ๋น
สิงอวิ๋นเลียหัวของเสี่ยวจู เจ้าแมวตัวน้อยสีส้มจึงนอนพลิกตัวกลิ้งไปมาอย่างน่าเอ็นดู
“พี่ซูหราน ดูนี่สิ ความสัมพันธ์ของเสี่ยวจูและสิงอวิ๋นดีขึ้นแล้ว”
ลูกแมวตัวน้อยนำสตรอว์เบอร์รีไปให้สุนัขตัวใหญ่กินด้วย
ซูหรานฮัมเพลง จับมือเล็ก ๆ ของหนวนหน่วนแล้วไปหาคุณย่าหลิวและคนอื่น ๆ อย่างอารมณ์ดี
สิงอวิ๋นกินสตรอว์เบอร์รีเรียบร้อยแล้วก็เดินตามมา มันคาบแมวตัวน้อยสีส้มไว้ในปากอย่างอ่อนโยน
เสี่ยวจูที่ร่างกายลอยอยู่ในอากาศด้วยความแข็งแกร่งของสุนัขตัวโตขดอุ้งเท้าและหางของมัน ไม่ขยับเขยื้อนดูยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
“คุณย่าหลิว ผมจะเอากระถางกล้วยไม้ที่คุณปู่ปลูกไว้มาให้คุณในวันหลังนะครับ”
ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ได้ขาดแคลนเงินแต่อย่างใด ซูหรานจึงต้องแลกเปลี่ยนสิ่งอื่นกับคุณย่าหลิวด้วยสิ่งที่ชายชราชอบมากที่สุด นั่นก็คือดอกไม้และพืชทุกชนิด
คุณย่าหลิวหัวเราะเมื่อได้ยิน “ได้สิจ๊ะ แต่ถ้าเธอไปรับกล้วยไม้ของคุณปู่มา เธอจะไม่ถูกเขาลงโทษเหรอ”
ซูหราน “…ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เขียนโน้ตทิ้งไว้สองสามคำก็ไม่เป็นไรแล้ว”
มันจะดีกว่าแน่นอนถ้าเขาไม่เขียนชื่อของเขาว่าหรานหรานแบบที่คุณย่าหลิวเรียก
“เอาละ ย่าจะรอกล้วยไม้ของเธอนะจ๊ะ”
หนวนหน่วนกะพริบตา “แล้วหนู…”
“ส่วนของเธอรวมอยู่ในกล้วยไม้ด้วยแล้ว กล้วยไม้ของคุณปู่ฉันมีราคาแพงมาก”
คุณย่าหลิวยิ้มอย่างเต็มใจ “ใช่ ใช่ ใช่… นี่เป็นแค่เพียงสตรอว์เบอร์รีไม่กี่ลูกเอง ฉันได้กล้วยไม้ของคุณปู่ซูเป็นการตอบแทนแล้ว”
ซูหรานจับมือหนวนหน่วนอำลาผู้เฒ่าทั้งสอง “ไปกันเถอะ”
เด็กหญิงตัวน้อยโบกมือลาพวกเขาอย่างอ่อนโยน “ลาก่อนค่ะคุณปู่ คุณย่าหลิว”
“หนวนหน่วนมาเล่นที่นี่บ่อย ๆ นะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ” หนวนหน่วนก้าวจากไปทีละน้อยพลางหันมาตอบอย่างนุ่มนวล
เธอเดินตามซูหรานทีละก้าวและจากไปบ้านคุณย่าหลิวในที่สุด “ขอบคุณค่ะพี่ชายซูหราน”
ซูหรานยกมุมปากเล็ก ๆ ขึ้นเผยความอ่อนโยนราวกับหยกออกมา รอยยิ้มนี้ยิ่งขับใบหน้าของเขาให้คมชัด หล่อเหลาเกินจะต้านไม่ว่าชายหรือหญิง แต่ตอนนี้เขายังเด็กมาก ใบหน้าของเขาจึงยังดูเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่
และแล้วรอยยิ้มนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มที่ดูมีเลศนัย
“ถ้าเธออยากขอบคุณ หนวนหน่วน เธอต้องให้ฉันหยิกหน้าเธอนะ”
“อะไรนะคะ?”
เด็กหญิงตัวน้อยใช้ดวงตากลมโตมองชายที่สูงกว่าตัวเองมากโข ขนตาของเธอขยับเล็กน้อยราวกับผีเสื้อที่ขยับปีกแล้วเริ่มร่ายรำอย่างสง่างาม
หนวนหน่วนมีใบหน้าขนาดเล็ก คางแหลมเรียว แก้มนุ่มขาวผ่องราวกับน้ำนม หากมองเป็นเยลลี่นุ่มนิ่มก็ชวนให้คนที่เห็นเป็นต้องอยากกัด
น่าเสียดายที่กัดไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่หยิกเท่านั้น
“ฉันจะเอาสตรอว์เบอร์รีให้ แต่หนวนหน่วนต้องให้ฉันหยิกแก้มนะ”
ซูหรานดูจริงจังราวกับว่าเขากำลังทำข้อตกลง เขาแอบหวังว่าเขาจะได้ป้อนสตรอว์เบอร์รีและหยิกแก้มเธอ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน
หนวนหน่วนย่นหน้าเล็กน้อยและดื้อดึงอยู่พักหนึ่ง เธอคิดว่าจะได้สตรอว์เบอร์รีอร่อย ๆ มากมายเสียอีก พี่ซูหรานได้หยิกแก้มน้อย ๆ ของเธอ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ตาม พี่ซูหรานก็ได้เปรียบอยู่ดี
หลังจากที่เธอคิดออก สีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้าน้อย ๆ ของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ซูหรานยิ้ม แค่เขาได้มองดูการเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของเธอก็มีความสุขมากแล้ว
“ก็ได้… งั้นพี่ซูหรานก็หยิกได้เลยค่ะ”
คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาซูหรานพร้อมกับตะกร้าสตรอว์เบอร์รีในอ้อมแขน แล้วเธอก็ยื่นใบหน้าเล็ก ๆ เข้าไปใกล้เขา
รอยยิ้มในดวงตาของซูหรานค่อย ๆ วาบขึ้น เขาใช้นิ้วเรียวราวกับหยกขาวบีบไปที่เนื้อนุ่มบนแก้มของเธอ
แก้มหนวนหน่วนนุ่มละมุนมาก ลักยิ้มนิ่ม ๆ ทั้งข้างจมลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่กล้าออกแรงมากเพราะกลัวจะบดขยี้ใบหน้าของคนตัวเล็ก
ถึงอย่างนั้นเมื่อซูหรานปล่อยมือออก รอยนิ้วมือสองรอยก็ทิ้งอยู่บนใบหน้าขาวนวลของหนวนหน่วน
ซูหรานรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ใช้มือบีบใบหน้าน้อย ๆ ของเธอ
“กินนี่สิ”
เขาป้อนสตรอว์เบอร์รีที่เขาเก็บมาให้หนวนหน่วน
หนวนหน่วน “แต่ของหนูก็มี”
“ครอบครัวเธอมีหลายคน เอากลับบ้านแล้วแบ่งกันก็คงหมด ฉันอยู่กับคุณปู่แค่สองคนในบ้าน ปู่ไม่ค่อยชอบมันมากเท่าไหร่ ถ้าเก็บไว้นานวันมันจะเสียรสชาติ”
หนวนหน่วนเชื่อฟังเขา เมื่อเห็นพี่ชายซูหรานพูดอย่างจริงจัง เธอก็อ้าปากเล็ก ๆ ของเธอแล้วกัดลงไปที่สตรอว์เบอร์รีคำน้อย
รสหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของสตรอว์เบอร์รีกระจายไปทั่วทั้งปาก พอเคี้ยวแก้มของหนวนหน่วนก็ขยับขึ้นลง ดวงตาเองก็ขับประกายเปล่งปลั่ง สีหน้าดูมีความสุขอย่างยิ่ง
ระหว่างทางกลับ ซูหรานก็เอาแต่ป้อนหนวนหน่วน ยิ่งเธอกินมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหยุดกินไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น
หลังจากส่งเธอกลับบ้านแล้ว ซูหรานก็แสดงสีหน้าเสียใจบนใบหน้าที่กระจ่างราวกับหยกของเขา ไม่ได้ป้อนสตรอว์เบอร์รีให้เธอต่ออีก
เขาเอื้อมมือไปลูบหัวที่มีผมดำหนาของเด็กหญิงตัวน้อยเบา ๆ พลางเปล่งเสียงใสสะอาดราวกับจี้หยกออกมา “กลับเข้าบ้านได้แล้ว ฉันก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”
หนวนหน่วนพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโผเข้าไปกอดเด็กชายตรงหน้า หัวเล็ก ๆ ของเธอยุ่งฟูเหมือนลูกแมวในอ้อมแขน
“ลาก่อนค่ะ พี่ชายซูหราน”
มุมปากของซูหรานยกสูงขึ้น มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ในดวงตาของเขาก่อนจากไป เขาใช้นิ้วเกาจมูกเล็ก ๆ และบอบบางของเธอเบา ๆ
“เมื่อถึงวันเกิดคุณปู่ ฉันจะไปรับเธอนะ”
หนวนหน่วนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วตอบกลับด้วยเสียงเบาหวิว “ตกลงค่ะ”