ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 77 ไป๋โม่ฮัวผู้น่าทึ่ง
บทที่ 77 ไป๋โม่ฮัวผู้น่าทึ่ง
กู้หนาน “…”
เขาตัดการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือกับจอฉายภาพขนาดใหญ่ด้วยนิ้วเดียว
เสียงร้องดังขึ้นในสตูดิโอทันที
“ไม่นะ!”
“ฉายภาพน้องสาวของคุณให้พวกเราดูอีกรอบเถอะครับ หนวนหน่วนตัวน้อยในวิดีโอดูน่ารักกว่าในรูปเสียอีก!”
“เจ้านาย พวกเราจะไม่คุยกันแล้ว ให้พวกเราดูเถอะ ได้โปรด!”
กู้หนานปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี เขาเดินออกจากสตูดิโอพร้อมโทรศัพท์มือถือ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของกลุ่มคน
เมื่อเขาเดินไปถึงประตู พวกเขาก็ได้ยินเสียงอันไพเราะและนุ่มนวลเปล่งออกมาจากโทรศัพท์
[พี่ใหญ่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?]
เสียงนั้นฟังเป็นธรรมชาติและไพเราะยิ่งกว่าเสียงพากย์ของโลลิใด ๆ ที่เคยได้ยิน น่าเสียดายที่น้องสาวที่แสนดีคนนั้นไม่ใช่ของพวกเขา
“พวกนั้นบ้าไปแล้ว”
กู้หนานบอกเธอเบา ๆ พลางมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ที่บอบบางและว่าง่ายบนหน้าจอ เห็นน้องสาวแล้วเขาก็รู้สึกอ่อนโยนในหัวใจทันที เขาจึงลดเสียงลงและถามเธอว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่
หนวนหน่วนวิดีโอคอลกับพี่ชายของเธอเป็นเวลานาน แม้ว่าพี่ชายของเธอจะไม่ค่อยพูดก็ตาม แต่ปากเล็ก ๆ ของหนวนหน่วนก็ยังเอ่ยเสียงนุ่มนวลออกไป
“พี่ใหญ่วันนี้หนวนหน่วนได้กินเค้กหอมหมื่นลี้ด้วย เค้กขาวเหมือนหิมะเลย หอมกลิ่นน้ำผึ้ง รสชาติหวานนุ่ม วันนี้มีเพื่อนใหม่ด้วย เป็นพี่ชายที่หน้าตาดี…”
มุมปากของกู้หนานยกขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเค้กนั่นไม่หวานเหมือนน้องสาวของเขาหรอก
แล้วเพื่อนคนนั้น…
กู้หนานเหล่ตาของเขาแล้วถามอย่างใจเย็น เขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเมื่อรู้ว่านั่นคือ ซูหรานจากตระกูลซู แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักซูหราน แต่เขาก็เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับทายาทคนต่อไปของตระกูลซูอยู่บ้าง
เด็กหญิงตัวน้อยพูดพึมพำ ไม่นานก็หาวเบา ๆ ออกมา ตอนนี้แทบจะผล็อยหลับไปอยู่รอมร่อ แต่เธอยังคงกังวลเรื่องสายโทรศัพท์อยู่
เสียงของเธอเบาลงเรื่อย ๆ และแล้วโทรศัพท์ก็หล่นลงบนเตียง หลังจากนั้นกู้หนานก็ได้ยินเพียงเสียงร้องงึมงำของหนวนหน่วน
กู้หนานขมวดคิ้ว สงสัยว่าผ้าห่มอุ่น ๆ จะถูกคลุมตัวเธอไว้อย่างดีหรือไม่
ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะปลุกเธอดีไหม ประตูห้องนอนอันอบอุ่นของหนวนหน่วนก็เปิดออก
ไป๋โม่ฮัวสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงทรงหลวมเดินหาวเข้ามา สีบางส่วนยังคงเปื้อนอยู่ระหว่างนิ้วขาวบางของเขา เรือนผมนุ่ม ๆ ของเขาดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย
“หนวนหน่วน?”
ไป๋โม่ฮัวเดินไปที่เตียงของลูกพี่ลูกน้องแล้วมองไปยังเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่นอนอยู่บนเตียงในชุดนอน “หลับอยู่เหรอ”
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้ววางมันไว้บนผ้านวม ทว่าพอเหลือบมองหน้าจอ เขาก็หยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง พลันพบกับใบหน้าที่เคร่งขรึมของกู้หนานในทันที
“อะไรน่ะ!!!”
โทรศัพท์บินออกไปทันที ไป๋โม่ฮัวเบิกตากว้าง ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
[ทำแบบนี้ไม่ได้สิ…]
ผู้ชายคนนี้คุ้นตาแฮะ
“พี่กู้หนาน!”
เขาร้องตะโกนอย่างตกใจ ไป๋โม่ฮัวคลานไปบนเตียงแล้วรีบคว้าโทรศัพท์มา จากนั้นก็คุกเข่าลงบนเตียง พร่ำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ผมขอโทษ พี่กู้หนานเหรอครับ ผมนึกว่าผี เอ๊ย! ไม่… ผมไม่ได้บอกว่าพี่เป็นผี ผมหมายความว่าพี่ดูเหมือนผี แต่ก็ไม่ใช่…”
หลังจากอธิบายอย่างตะกุกตะกักชั่วขณะ กู้หนานก็แทรกขึ้นขัดจังหวะเขา
[พอได้แล้ว]
ไป๋โม่ฮัวเชื่อฟังทันที เขาก้มหน้าห่อไหล่โดยไม่พูดอะไรอีก สายตายังคงจ้องมองไปที่คนในโทรศัพท์
[อย่าส่งเสียงดังแบบนั้น]
ไป๋โม่ฮัวทำท่ารูดซิปเพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
[เอาผ้านวมคลุมเธอไว้จะได้ไม่เป็นหวัด ดูอุณหภูมิในห้องด้วย อย่าปรับให้ต่ำหรือสูงเกินไป]
[คลุมให้เธอเสร็จก็ออกไปได้แล้ว]
ไป๋โม่ฮัวทำตามที่เขาบอกทีละอย่าง ในที่สุดหนวนหน่วนก็ซุกตัวในผ้าห่มอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นเธอหลับแล้ว เขาก็เดินออกไปอย่างเบา ๆ
กู้หนาน […ยังไม่ได้วางสาย]
ไป๋โม่ฮัวรีบวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วเอาตัวเองออกไปจากห้อง
หลังจากเดินออกจากห้องนอน เขาก็เอามือตบเข้าที่หน้าผากตัวเองเบา ๆ
“ไม่น่าเลย! ถึงห้องสักที!”
วันนี้พี่กู้หนานพูดเยอะจัง แถมยังออกคำสั่งตั้งมากมาย แต่ละอย่างละเอียดอ่อนทั้งนั้น สวรรค์! นั่นใช่พี่กู้หนานจริง ๆ อะ?
หลังจากกลับไปที่ห้องนอน ไป๋โม่ฮัวก็ยืนหาวแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง เขามุดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมแล้วหลับไปอย่างสบายใจราวกับได้กอดไออุ่นจากเครื่องทำความร้อนตัวจิ๋ว
อุ่นจัง ฮี่ฮี่…
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ตื่นนอนแล้ว ไป๋โม่ฮัวก็พาหนวนหน่วนออกไปที่สตูดิโอของเขาอย่างตื่นเต้น เขาตั้งขาตั้งกระดานวาดรูปแล้วกางกระดาษวาดรูปออกมา กระดาษว่างเปล่าตอนนี้มีลายเส้นที่ดูชัดเจนขึ้นแล้ว
ในห้องกำลังอุ่นดี เด็กหนุ่มเนื้อตัวสะอาดสะอ้านสวมเสื้อสเวตเตอร์และกางเกงสีขาว วิ่งไปจับมือของเด็กหญิงตัวเล็กให้มาดูภาพวาดของเขา ท่าทางเหมือนเด็กอวดของเล่นชิ้นโปรดไม่มีผิด
“ดูสิหนวนหน่วน นี่เป็นภาพบางส่วนที่ฉันคิดไว้เมื่อคืน ถ้าเสร็จแล้วจะมอบให้เป็นของขวัญนะ โอเคไหม”
ภาพวาดที่ตั้งอยู่บนขาตั้งนั้นคือหนวนหน่วน เด็กหญิงที่แสนบอบบางและอ่อนโยนกำลังนั่งบนศาลาไม้เหมือนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ
มือซ้ายถือขนมอบสีขาวราวหิมะ มือขวาถือขนมอบแสนอร่อย ซึ่งหนึ่งในนั้นถูกกัดเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ เด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาดูเชื่อฟังนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ย เธอเชิดใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอขึ้นเผยแก้มกลม ๆ ดูกำลังมีความสุขไม่น้อย
ทั้งสองคนกำลังป้อนขนมให้กัน อีกคนกำลังวาดภาพ หน้าตาดูรู้สึกอ่อนล้าเล็กน้อย มองอย่างไรก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้ชัดเจน แต่ก็สามารถเห็นท่าทางที่ไร้เดียงสาได้ราง ๆ มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่ชัดเจนเป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นงานที่ไป๋โม่ฮัวยังวาดไม่เสร็จ
“สวยจัง พี่ไป๋โม่ฮัวน่าทึ่งมาก!”
เมื่อได้รับคำชมจากน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังและนุ่มนวลของเธอ ไป๋โม่ฮัวรู้สึกพึงพอใจมาก เขามีความสุขยิ่งกว่าตอนภาพวาดได้รับรางวัลเสียอีก
เขาเกาหัว หูค่อยขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาเป็นเด็กขี้อายจริง ๆ
“รอก่อนนะ ฉันจะวาดต่อให้เสร็จเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบเขาก็นั่งวาดต่อ หนวนหน่วนไม่ได้กวนเขา เธอนั่งอย่างเรียบร้อยบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างเขาโดยไม่ส่งเสียงใด ๆ เด็กน้อยกอดแมวสีส้มตัวน้อยที่ร้องเหมียว ๆ อยู่ใต้เท้าพลางใช้ดวงตากลมโตมองดูพี่ชายวาดรูป
ผู้คนมักมีสมาธิจดจ่อเมื่อทำสิ่งที่พวกเขาชอบ ไม่เว้นแม้แต่ไป๋โม่ฮัว ขณะที่เขาวาดภาพ คล้ายว่าเขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความเป็นเด็กหายไปทันที ตอนนี้เขากลายเป็นคนที่ดูหนักแน่นและมีสมาธิอย่างมาก
ดูเหมือนว่าสำหรับเขาแล้ว นี่ไม่ใช่แค่การวาดภาพ แต่เป็นการใส่จิตวิญญาณเข้าไปในภาพวาดนั้นด้วย
การทาสีเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมาก เพราะงานดี ๆ ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันกว่าจะเสร็จ และในช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ พวกเขาต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้และหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเอง ทุกรายละเอียด ทุกสีล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากที่นี่
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างเงียบ ๆ หนวนหน่วนมองดูภาพวาดด้วยตากลมโตของเธอ ภาพวาดภายใต้พู่กันของพี่ชายของเธอสดใสและมีรายละเอียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เด็กหญิงตัวน้อยเองก็ทึ่งและชื่นชมลูกพี่ลูกน้องของเธอมากขึ้นเช่นกัน
หัวของพี่ไม่ใช่กล้องถ่ายภาพจริง ๆ เหรอ? ทุกส่วนบนชุดของเธอถูกถ่ายทอดออกมาอย่างน่าทึ่ง!
มือลูกพี่ลูกน้องนี่ขลังจริง ๆ
“หนวนหน่วน”
หลังได้ยินคนเรียกเธอ หนวนหน่วนก็หันหน้าไป เธอเห็นคุณแม่ยืนอยู่ตรงทางเข้า
เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งไปหาแม่พร้อมกับแมวสีส้มตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขน
“คุณแม่”
คุณหญิงกู้ยิ้มและลูบหัวของเธอ เด็กน้อยผู้บอบบางและอ่อนโยนจึงเอียงศีรษะของตนเล็กน้อย หัวน้อย ๆ ที่นุ่มเหมือนขนลูกแมวนั้นเอียงรับอย่างน่าเอ็นดูอยู่ใต้ฝ่ามือผู้เป็นแม่
“มีเพื่อนมาหาน่ะ”
ดวงตากลมโตที่ดูอบอุ่นและสวยงามมองแม่ตนอย่างงงงวย เพื่อนคนไหนกันนะ?
“มากับสุนัขสีดำตัวใหญ่มาก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนวนหน่วนก็จำได้ทันทีว่าเป็นใคร เธอขมวดคิ้ว ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดเบา ๆ
“พี่ซูหรานมาแล้ว”