ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 73 เด็กหนุ่มที่สง่างามราวกับหยกสลัก
บทที่ 73 เด็กหนุ่มที่สง่างามราวกับหยกสลัก
หนวนหน่วนมองลูกพี่ลูกน้องคนรองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ไป๋โม่ฮัวรีบตอบอย่างกระวนกระวาย “บ้านนั้นมีหมาตัวใหญ่มาก ไม่รู้ว่าถ้าตกลงไปลูกแมวจะโดนกัดไหม พี่จะลองปีนขึ้นไปดู”
เขาวางกระดานวาดภาพของตนเองลง ก้าวถอยออกมาเล็กน้อยแล้วกระโจนตัวขึ้นไป ทำเอาหัวชนกำแพงเสียงดังโครมคราม
เด็กหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านเอามือกุมหน้าผากน้ำตาไหล
“ขอโทษ พี่นึกว่าจะทำได้”
กำแพงนี่สูงกว่าที่คิดแฮะ
หนวนหน่วนรีบเข้าไปดูพี่ชายด้วยความเป็นห่วง “พี่ชาย เป็นอะไรไหมคะ”
“อ่า…ไม่เป็นไร ๆ”
ไป๋โม่ฮัวกัดฟันแน่นลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ ผิวขาวเนียนขึ้นสีแดงเด่นชัดจนดูน่าสงสาร
หนวนหน่วนน้อยลูบเบา ๆ ที่รอยนั่นด้วยมือเล็ก ๆ ของเธอแล้วพองแก้มเป่าฟู่ ๆ สองสามที
“พี่ชาย ทำไมเราไม่เข้าทางประตูล่ะคะ”
นิ้วจ้อยชี้ไปทางประตู เธอถามเสียงหวานปนสงสัย
เขาตอบกลับมาว่า “เพราะว่าเมื่อก่อนพี่จำได้ว่าหมาตัวนั้นน่ากลัวมาก”
แม้ว่ามันจะไม่ได้ขู่หรือกัด แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี เมื่อก่อนความกลัวที่มีต่อเจ้าหมาตัวใหญ่ช่างน่ากดดัน ทำเอาเขาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน ถึงกับร้องไห้หนีกลับบ้านด้วยความตกใจเพียงแค่ถูกมันจ้องมอง
ถึงแม้ว่าคนน่ารักที่บ้านนั้นจะมาขอโทษในภายหลัง แต่นั่นยิ่งทำให้โม่ฮัวต้องเสียน้ำตาเพิ่มอีก เพราะเด็กคนนั้นพาเจ้าหมามาด้วย
แม้จะกลัวที่ต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับเจ้าหมาตัวนั้นอีกครั้ง แต่ความปลอดภัยของแมวก็สำคัญด้วย
“เอ่อ ถ้างั้น… เราเข้าไปทางนั้นดูก็ได้”
เขาต่อสู้กับความกลัวในจิตใจ เพราะเป็นห่วงว่าแมวจะถูกทำร้าย
หนวนหน่วนก็กังวลไม่น้อย ไม่รู้ว่าแมวที่ตกจากที่สูงจะบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
ทั้งคู่เดินจับมือกันแน่นราวกับเป็นการสร้างกำลังใจ แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปด้วยกัน
บ้านหลังนี้มีสิงโตหินคู่ที่หน้าประตูไม่ต่างจากบ้านตระกูลไป๋เลย
ทั้งสองพยายามเคาะประตูเรียกแต่ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมา จนเริ่มเกิดความลังเลว่าจะแอบเดินเข้าไปเลยดีไหม
ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังลังเลอยู่นั้น เสียงหมาเห่าก็ดังขึ้นพร้อมด้วยเสียงร้องเมี้ยวของแมวจากข้างใน ฟังดูน่ากลัวว่าเจ้าแมวจะเป็นอะไรไป
ทั้งคู่จึงรีบผลักประตูเข้าไปโดยไม่รีรอ แล้วก็พบกับเจ้าหมาสีดำตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างในบ้าน
มันตัวใหญ่มากจริง ๆ
หนวนหน่วนรู้สึกว่ามันตัวใหญ่เหมือนยักษ์ แม้ว่าจะยืนมองจากไกล ๆ แบบนี้ก็ตาม
ใบหน้าของไป๋โม่ฮัวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พลันซีดเผือดด้วยความกลัว
เจ้าตัวใหญ่เหลือบมองมาทางนี้แล้วหันกลับไปอ้าปากเหมือนจะเข้าไปขย้ำแมวส้มที่ตัวสั่นเทาอยู่ในซอกหลืบ
“หยุดนะ”
คนเป็นพี่ที่ยืนหน้าซีดในตอนแรกเอ่ยเสียงดัง เขาเอาชนะความกลัวที่เกาะกุมในใจแล้วรีบวิ่งไปหาแมวของตน
น้องน้อยก็รีบตามหลังไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะพบว่าตนเข้าใจหมายักษ์ตัวนี้ผิดไป มันเพียงเข้าไปคาบแมวส้มขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าสภาพของเจ้าแมวจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่ก็เป็นเพราะความตกใจกลัวเท่านั้น ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด
เจ้าหมาใหญ่ขนสีดำค่อย ๆ คาบแมวตัวเล็กขึ้นด้วยท่าทางมั่นคง ดูทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก
ไป๋โม่ฮัวก็หวาดกลัวเจ้าหมานั่นพอ ๆ กับแมวส้ม แต่ก็ยังยืนอย่างมั่นคงต่อหน้าหนวนหน่วน เขาเอาร่างของตัวเองยืนกันน้องสาวไว้ เธอจะได้ปลอดภัยอยู่ด้านหลัง
มือบางของเด็กน้อยจับชายเสื้อลูกพี่ลูกน้องคนรองแน่น หัวกลม ๆ ที่เต็มไปด้วยกลุ่มผมนุ่มนิ่มโผล่ออกมาจากด้านหลังพี่ชาย ดวงตากลมโตจ้องมองไปทางเจ้าบ้านตัวใหญ่ เทียบกับคนพี่ เธอไม่ได้หวาดกลัวเท่าไรนัก
“หนวนหน่วน อยู่ข้างหลังพี่ไว้นะ… อย่า อย่าออกมา เดี๋ยวพี่… พี่… จะปกป้องเธอเอง”
เสียงของเขาสั่นเครือไปหมด
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะสร้างความอบอุ่นในหัวใจดวงน้อยของเด็กหญิงที่อยู่ข้างหลังแล้ว ลูกพี่ลูกน้องดีกับเธอขนาดนี้จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร
ในเมื่อหนวนหน่วนไม่ได้กลัวเจ้าหมาจริง ๆ คราวนี้เธอจะปกป้องพี่ชายเองดีกว่า
หนวนหน่วนตัวน้อยค่อย ๆ เดินมาอยู่ด้านหน้า จ้องไปที่เจ้าหมาใหญ่ด้วยดวงตากลมใสบริสุทธิ์
“พี่ชาย หนูไม่เป็นไรค่ะ”
ไป๋โม่ฮัวตกใจสุดขีด “!!!”
แย่แล้ว!
“เจ้าตัวใหญ่”
หนวนหน่วนเรียกเจ้าหมายักษ์เบา ๆ ทำให้มันหันมาทางนี้ ได้ผล มันเดินตรงเข้ามาใกล้เด็กน้อย
คนกลัวหมาอย่างไป๋โม่ฮัวหน้าซีดราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง หลังจากโดนเรียก เจ้าหมาก็ค่อย ๆ เข้ามาวางแมวน้อยในปากของตัวเองที่พื้นด้วยท่าทีที่ไม่ได้มีอันตรายใด ๆ
เด็กหญิงตัวจ้อยมองเจ้าหมาใหญ่ ยกมือเล็ก ๆ ของตัวเองขึ้นมา ตอนนี้เธอห่างจากเจ้าหมาเพียงไม่ถึงคืบ
เจ้าหมาใหญ่ไม่ได้ขยับตัว มันนั่งนิ่งตัวตรงลง
ภายใต้สายตาสะท้อนความหวาดกลัวสุดขีดของไป๋โม่ฮัว น้องสาวคนนี้กลับวางมือเล็ก ๆ ของเธอลงบนหัวเจ้าหมายักษ์สีดำอย่างไม่เกรงกลัว
เจ้าตัวใหญ่ส่งเสียงครางหงุงหงิงเอียงหัวใหญ่ ๆ ให้เด็กหญิงลูบเบา ๆ
หนวนหน่วนแย้มยิ้มอย่างมีความสุข ดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวน่าเอ็นดู ปากเล็ก ๆ ส่งยิ้มกว้างเห็นฟันขาวซี่เล็ก ๆ สดใสเหมือนภูติตัวน้อย ๆ
“พี่ชาย เจ้าตัวใหญ่ไม่เห็นจะดุเลย”
คนเป็นพี่ที่วิญญาณออกจากร่างไปเริ่มกลับมาได้สติอีกครั้ง สีหน้าตะลึงงันค้างอยู่เพียงครู่หนึ่งเท่านั้น เขายกนิ้วโป้งให้เด็กหญิงตัวน้อย
ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเขาช่างเก่งกาจและกล้าหาญกว่าพี่ชายอย่างเขามาก คำพูดที่บอกว่าจะปกป้องเธอเองของเขาแทบไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
เด็กหนุ่มลอบมองอย่างประหม่า จากนั้นก็รีบเข้าไปอุ้มแมวส้มขึ้นมาด้วยอาการร้อนรน
“เรา… เรากลับ…”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีอันไพเราะดังขึ้นมา เขามองหาต้นเสียงและลืมเรื่องอยากออกจากที่นี่ไปในทันที
เจ้าหมาใหญ่เองก็เช่นกัน มันมองไปทางด้านในของตัวบ้านแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปพร้อมกับคาบชายเสื้อหนวนหน่วนให้เดินตามไปด้วย
หนวนหน่วนเดินตามเจ้าหมาใหญ่ไปแบบไม่ได้ขัดขืน โดยมีลูกพี่ลูกน้องอุ้มแมวส้มก้าวตามไปด้วยท่าทีกล้าหาญผิดปกติ
อย่าทำน้องสาวฉันเจ็บเชียวนะ!!!
พวกเขาทั้งหมดมาหยุดอยู่ที่สวนไผ่เขียวขจี สวนนี้มีสะพานเล็ก ๆ ทอดข้ามผ่านสายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ มองดูช่างงดงามราวกับอยู่ในบทกวี
และยิ่งเดินเข้าไปก็พบว่าได้ยินเสียงเครื่องสายดังขึ้นเรื่อย ๆ จากเมื่อครู่ที่ได้ยินเพียงเบา ๆ แต่ตอนนี้สามารถรับรู้ถึงตัวโน้ตแต่ละตัวได้อย่างชัดเจนแล้ว
เมื่อเดินข้ามสะพานเล็ก ๆ และเดินผ่านทางที่ปูด้วยหินท่ามกลางสวนไผ่ไป พวกเขาก็ไปถึงศาลาแห่งหนึ่งที่มีเสียงกู่ฉินดังออกมา
เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่หน้ากู่ฉิน นิ้วเรียวยาวของเขาราวกับหยกขาวสลักกำลังดีดเครื่องสายตรงหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา แทบมองตามไม่ทันด้วยตาเปล่าเลยด้วยซ้ำ เสียงดนตรีไพเราะแต่ทำให้เกิดความรู้สึกตึงเครียด ราวกับผู้เล่นกำลังส่งอารมณ์กดดันออกมาผ่านบทเพลง
“พวกคุณเป็นใคร”
เสียงกู่ฉินหยุดลงในทันที เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ในศาลาเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาดูลึกล้ำราวกับบ่อน้ำไร้ก้นบึ้ง เขาตีสีหน้าเรียบนิ่งสุขุมมองดูผู้บุกรุก แต่ก็ช่างดูสง่าราวกับหยกสลักที่ออกมาจากภาพวาดของจิตรกรเอก เรียกว่าคนตรงหน้าหนวนหน่วนช่างเป็นคนที่พรั่งพร้อมไปด้วยหน้าตาและความสามารถ ทุกอย่างถูกบรรจงปั้นมาอย่างดี เพียงได้ฟังเสียงดนตรีก็สัมผัสได้แล้วว่าความสามารถล้นเหลือเพียงใด
“เอ่อ ขอโทษค่ะ เราไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามา”
หนวนหน่วนน้อยเขินอายจนหน้าขึ้นสีเมื่อถูกจ้องจากเด็กหนุ่ม และที่น่าอายยิ่งกว่าคือเรื่องที่ตัวเองบุกเข้ามาในบ้านคนอื่น
ไป๋โม่ฮัวชี้ไปที่เจ้าหมาใหญ่
“ขอโทษที แต่หมาของนายดึงเสื้อน้องสาวฉันมาที่นี่”
คนเป็นพี่ตอบไปตามตรง