ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 71 ลูกพี่ลูกน้องคนที่สอง ไป๋โม่ฮัว
บทที่ 71 ลูกพี่ลูกน้องคนที่สอง ไป๋โม่ฮัว
งานนี้เขาตั้งใจทำเป็นอย่างมาก หลังจากที่รู้ว่าหนวนหน่วนกลับมา เขาก็ทำตรานี้ขึ้น
คุณหญิงกู้รู้ว่าพี่ชายของตนแกะสลักได้ ดังนั้นตัวอักขระนี้เป็นฝีมือเขาอย่างแน่นอน
มือขาวบอบบางของหนวนหน่วนจับตราประทับนั้นไว้ เด็กน้อยจ้องมองด้วยดวงตาที่ใสดุจดั่งแก้วที่แวววับ มุมปากสีชมพูยกยิ้มขึ้นจนคิ้วโก่ง เพราะหยกแกะสลักนี้สวยมาก ถูกใจมันมากเลย
“ขอบคุณค่ะอากู๋ หนวนหน่วนชอบมากเลย”
เธอขอบคุณอย่างจริงจังด้วยท่าทีที่นุ่มนวล
อากู๋เป็นเหมือนที่คุณแม่บอกจริง ๆ แม้ภายนอกจะดูดุดันและเข้มงวด แต่ภายในนั้นอ่อนโยน
ไป๋จินเหยียนหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบเพื่อซ่อนความกังวลใจของตน เมื่อได้ยินว่าหลานตัวน้อยชอบมัน เขาก็ผ่อนคลายลงแล้วยกมุมปากขึ้น หลังมองไปที่นางฟ้าตัวน้อยหนวนหน่วน ดวงตาหลังแว่นก็ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
ภรรยาของเขามองด้วยสายตาเอ็นดู ผู้ชายคนนี้ชอบวางท่าทางมาดดุ แต่ไม่สามารถทำให้คนตัวเล็กกลัวได้เลย
หนวนหน่วนส่งตราประทับนั้นไปให้คุณพ่ออย่างระมัดระวังแล้วนั่งลงข้างผู้ใหญ่อย่างว่าง่าย เด็กน้อยไม่ออกไปวิ่งเล่น แต่นั่งฟังการสนทนาของพวกผู้ใหญ่ต่อ
หลังจากที่ได้นั่งเครื่องบินมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง หนวนหน่วนก็เริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อย ประกอบกับกลิ่นธูปที่ช่วยผ่อนคลายนั่นทำให้เปลือกตาเหมือนจะปิดลง ในขณะที่นั่งฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันอยู่เงียบ ๆ ขนตาของเธอก็ค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ
หลังจากเป็นเช่นนั้นอยู่หลายครั้ง เด็กน้อยก็หาวออกมาเล็กน้อย ดวงตามีน้ำใสเอ่อล้น ไม่นานร่างเล็กก็เริ่มโอนเอน ศีรษะน้อย ๆ ค่อย ๆ พิงร่างผู้เป็นพ่อ
กู้หลินโม่โอบกอดร่างเล็กของเธอเอาไว้ทันที จากนั้นก็พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ว่า “ดูท่าจะง่วงแล้วนะ”
อากิ๋มยืนขึ้น “ส่งหนวนหน่วนมาเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเข้านอนเอง”
กู้หลินโม่อยากให้ลูกสาวของตนนอนหลับอยู่ในอ้อมแขน แต่หากทำอย่างนั้นมันจะดูเป็นการเสียมารยาทเกินไป อย่างไรการได้นอนหลับบนเตียงคงสบายกว่า
สุดท้าย เขาจึงส่งคนตัวเล็กภายใต้อ้อมกอดของเขาออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก
แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แต่หนวนหน่วนก็ยังสามารถนอนหลับได้อย่างสบาย และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ดูเหมือนว่าฟ้าจะมืดค่ำแล้ว
หนวนหน่วนขยี้ตา ก่อนจะมองไปรอบห้องโบราณนี้ด้วยความงุนงง เธอนั่งเหม่อลอยอยู่สักครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นคืนความทรงจำ แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นบ้านของอากู๋นะ
เธอพลิกตัวลุกจากเตียงเพื่อจะไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ แต่พอไม่พบใครคนตัวเล็กก็ตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่
“เธอเป็นใคร ทำไมมาอยู่ในบ้านฉันได้?”
เสียงสดใสราวกับน้ำพุใสดังมาจากข้างหลัง หนวนหน่วนจึงหันกลับไปด้วยดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะพบเข้ากับดวงตาที่แสดงความอยากรู้อยากเห็นคู่หนึ่ง เสียงของเจ้าตัวใสสะอาดและเพราะพริ้งเป็นอย่างยิ่ง
คนด้านหลังเธอเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่เกิน 18 ปี รูปร่างผอมบาง เรือนผมสั้นสีดำนุ่มสลวย ผิวขาวราวกับหิมะ หน้าตาเกลี้ยงเกลา ดูมีบุคลิกนิสัยอ่อนโยนราวกับเด็ก ดวงตากลมโตสดใสเหมือนแมวส่งยิ้มมาให้ เขาย่อตัวลงเพื่อมองดูคนตัวเล็ก บนหลังเป็นกระดานวาดภาพ ส่วนมือเรียวงามวางอยู่บนเข่า
ขนตาสีดำของหนวนหน่วนสั่นเครือหลังจากจ้องมองเขา น้ำตาที่สะสมอยู่ในดวงตาคู่สวยดูราวกับคริสตัลที่เกาะขนตา แต่ดวงตาสีแดงก่ำนั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน
“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ”
เสียงเรียบ ๆ ของเด็กหนุ่มคนนั้นให้ความรู้สึกสบายราวกับได้ยินเสียงน้ำพุใส เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไปเช็ดน้ำตาของเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน
“เด็กดี หยุดร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวพี่ซื้อขนมให้กินนะ”
หนวนหน่วนสูดจมูกเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหวานราวกับน้ำนม “หนูหาคุณพ่อกับคุณแม่ไม่เจอ”
“ก็เลยตามหาคุณพ่อกับคุณแม่เหรอ ใช่แขกที่มาวันนี้ไหม เดี๋ยวลองโทรถามแม่ให้นะ”
หนวนหน่วนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนพกโทรศัพท์ติดตัวด้วยจึงย่นจมูกเล็กน้อยกับความซื่อบื้อของตนเอง
“เสี่ยวอ้าย”
[อยู่นี่ครับคุณหนูน้อย มีธุระอะไรให้รับใช้ขอรับ?]
ไป๋โม่ฮัวที่กำลังจะโทรหาแม่ของตนชะงัก เขาเอียงศีรษะมองดูโทรศัพท์ของหนวนหน่วนอย่างสงสัย
“อื้ม โทรหาคุณพ่อให้หน่อยสิ”
[ได้เลยคร้าบ]
เมื่อเสียงของเสี่ยวอ้ายเงียบลง โทรศัพท์เครื่องสีชมพูนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าจอโทรออกโดยอัตโนมัติและโทรหากู้หลินโม่ทันที
[หนวนหน่วนตื่นแล้วเหรอ? รอพ่ออยู่ที่ห้องก่อนนะ เดี๋ยวพ่อไปรับ]
หนวนหน่วนรีบพูดขึ้น “คุณพ่อ หนูออกมาแล้ว”
[ฮะ? ออกมาแล้วเหรอ? อยู่ตรงไหนล่ะเดี๋ยวพ่อไปหา ไม่สิ หนูเพิ่งมาที่บ้านอากู๋ยังไม่รู้จักทางนี่นา งั้นเดี๋ยวพ่อวิดีโอคอลไป]
“อากู๋?”
ไป๋โม่ฮัวที่ยืนอยู่ข้างหนวนหน่วนเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย น้ำเสียงปลายสายช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็แปลกใจ จากนั้นกู้หลินโม่ก็พูดว่า
[โม่ฮัวเหรอ?]
ไป๋โม่ฮัวพยักหน้า น้ำเสียงไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่
“มาที่บ้านกันเหรอครับ พ่อแม่ไม่เห็นบอกเลย แล้วนั่นคุณหญิงกู้มาด้วยหรือเปล่า?”
แถมสาวน้อยข้าง ๆ ยังเรียกกู้หลินโม่ว่าคุณพ่อ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า…
เด็กหนุ่มคว้าไหล่เล็กของหนวนหน่วนเข้ามาใกล้ด้วยความประหลาดใจ เขาจ้องมองเธออย่างกระตือรือร้น ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างขึ้น เขารีบจับเธอหันซ้ายขวาเพื่อสำรวจ
“เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันนี่เอง!”
หนวนหน่วนมองชายตรงหน้าก่อนจะกะพริบตาพริ้มแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
“พี่รอง”
“เฮ้ น่ารักจังเลย”
เมื่อมองได้ไม่ค่อยชัดเจน ไป๋โม่ฮัวจึงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็กของหนวนหน่วนแล้วจับเข้าที่ใบหน้านั้นอย่างอ่อนโยน
หนวนหน่วนไม่เศร้าใจอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกเขินเล็กน้อยเมื่อถูกสวมกอดโดยลูกพี่ลูกน้องคนที่สองที่หน้าตาดีคนนี้ รู้สึกมีความสุขอีกต่างหาก
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เจ้าตัวน้อยอยู่กับผม”
กู้หลินโม่ [ตอนนี้อยู่ที่ไหน?]
“ตรงสวนเล็กครับ”
กู้หลินโม่บอกให้พวกเขารอแล้ววางสายโทรศัพท์ไป ไป๋โม่ฮัวจึงจับใบหน้าน้อยให้หันซ้ายขวาก่อนจะยิ้มออกมาจนดวงตาฉายแววความสดใสดั่งพระอาทิตย์
“วันนี้โชคดีจัง กลับมาก็ได้เจอกับญาติตัวน้อยทันทีเลย ตอนแรกก็ตกใจว่านางฟ้าตัวน้อยลงมาจุติจากสวรรค์หรือเปล่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหนวนหน่วนก็ขึ้นสีแดงก่ำ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องเขินหรอก ฉันพูดจริง เธอดูดีมาก ไว้เดี๋ยวจะวาดภาพเหมือนให้สักรูปดีไหม?”
อันที่จริงแล้วเขาไม่ชอบวาดรูปคน เพราะเขาชอบวาดแค่สิ่งที่สวยงามในสายตาของเขาเท่านั้น และแน่นอนว่าไม่ใช่เฉพาะแค่คนหน้าตาดี แต่ยังต้องดูดีอีกด้วย ซึ่งคนแบบนี้หาได้ยาก
แต่ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเขาเหมือนภูติตัวน้อยแสนฉลาด แค่เพียงมองจากข้างหลังก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องดูดีมากแน่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ เจ้าภูติตัวน้อยที่งดงามคนนี้ดันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาเสียได้
ลูกพี่ลูกน้องที่เหมือนกับหยกสีขาวและแสนเชื่อฟัง ช่างน่ารักเหลือเกิน
หนวนหน่วนพยักหน้าขึ้นลง กลิ่นสะอาด ๆ ของลูกพี่ลูกน้องคนที่สองลอยมากระทบเข้าจมูกราวกับแสงแดดยามบ่าย ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากพยักหน้าลง ร่างของหนวนหน่วนก็ลอยขึ้นไปอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มทันที