ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 67 อยู่แต่ในบ้านช่วงปีใหม่ จะได้ไม่สร้างปัญหาอีก
บทที่ 67 อยู่แต่ในบ้านช่วงปีใหม่ จะได้ไม่สร้างปัญหาอีก
เพียงครู่เดียวเท่านั้น บรรยากาศของทั้งสองฝ่ายก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
คนบางส่วนไม่กล้าแม้แต่จะจัดการกับพวกเขาตั้งแต่ยังเด็ก กู้หมิงหลี่และหยางซิงเฉินเป็นเหมือนราชามาตั้งแต่อนุบาล พวกเขามีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกัน ทั้งฐานะทางบ้านและจิตใจที่ไร้ซึ่งความปราณีตอนต่อสู้ และสิ่งที่ทำให้สองคนนี้มาเจอกันก็คือ… การที่ไม่มีใครยอมใคร
หากจะบอกว่าหยางซิงเฉินและกู้หมิงหลี่นั้น เป็นคู่อริกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาลจนถึงมัธยมปลายก็ไม่ผิด แม้ว่าตอนมัธยมจะไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่พวกเขาก็ตีกันอยู่บ่อยครั้งเมื่อพบหน้า ขึ้นอยู่กับว่าใครนำคนมามากกว่ากัน ณ เวลานั้น
ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน จำนวนคนที่อยู่ข้างกู้หมิงหลี่น้อยมากอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เขายังมี ‘ผู้ติดสอย’ มาด้วยสองคน นั่นก็คือกู้อันและหนวนหน่วน
ในขณะที่อีกฝ่าย หากไม่นับสาว ๆ อย่างน้อยก็มีกันเกือบสิบ
ถังเล่อเดินไปข้าง ๆ ของกู้หมิงหลี่อย่างเงียบ ๆ
“พี่… วันนี้ไม่ได้นะ!”
กู้หมิงหลี่ผู้มีผมสีแดงสดจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งพลางเอ่ยว่า “กู้อัน พาหนวนหน่วนออกไปก่อน”
แม้จะเสียเปรียบด้านกำลังพล แต่เขาก็จะไม่หนี เพราะคำนี้ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของกู้หมิงหลี่!
เขาไม่ได้ต้องการทำร้ายเด็ก เพราะนี่เป็นเพียงสงครามระหว่างพวกเขาเท่านั้น
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมนายหงอกขนาดนี้แล้วเหรอ?”
กู้หมิงหลี่เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วประชดประชันออกมาออย่างออกรส
หยางซิงเฉินและเขาเป็นอริกันมานาน จะไม่รู้เลยหรือว่าเขาปากจัดเพียงใด?
“เหมือนกันนั่นแหละ เจ้าหมูขนแดงไม่มีที่ไป!”
หยางซิงเฉินเข้ามาใกล้คนตรงหน้าพร้อมกับแววตาที่ลุกโชนดั่งเปลวไฟที่พร้อมแผดเผา ทั้งเขาและกู้หมิงหลี่เรียกได้ว่าเป็นอริกัน เจอกันแทบจะตายกันไปข้าง
เมื่อวานนี้สาวที่เขาหมายปองพ่วงตำแหน่งดาวประจำโรงเรียนบอกว่าชอบเจ้าสุนัขตระกูลกู้นี่เหลือเกิน หน้าตามันดีตรงไหน!
ผู้คนบนลานสเก็ตที่มองอยู่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเริ่มก่อน สถานการณ์ถึงเป็นแบบนี้ขึ้นมาได้
หนวนหน่วนที่ยืนอยู่ไกล ๆ พอเห็นพี่สี่และเพื่อน ๆ กำลังจะถูกทุบตีก็เริ่มน้ำตาคลอเบ้า
กู้อันจึงต้องพูดขึ้นเพื่อปลอบใจเธอ “อย่ากลัวไปเลย ก็แค่ต่อยตีกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
โดยไม่มีใครทันสังเกตว่าในตอนนี้โทรศัพท์ที่คอของหนวนหน่วนได้เปิดออกเองโดยอัตโนมัติ
[หากพบว่าเจ้าของโทรศัพท์ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตราย ให้เปิดใช้งานโหมดสัญญาณแจ้งเตือนทันที]
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนนั้น หนวนหน่วนจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเชื่อมต่อขึ้นทันที
[สวัสดีครับ สำนักงานรักษาความปลอดภัยแห่งสาธารณะหลินเฉิง ต้องการความช่วยเหลืออะไรครับ]
หนวนหน่วนและกู้อัน “!!!”
ชะ… เชื่อมต่อแล้ว
เสียงของหนวนหน่วนมีความกังวลเล็กน้อย “คือ… พี่ชายของหนูกำลังถูกรุมค่ะ QAQ”
ด้วยความเป็นกังวลประกอบกับความหวาดกลัว เสียงที่นุ่มนวลนั้นจึงสั่นเครือและเต็มไปด้วยความสะอึกสะอื้น
ตำรวจจึงรีบสอบถามทันทีว่าอยู่ตรงไหน แต่หนวนหน่วนไม่สามารถบอกได้ เขาจึงหาตำแหน่งจากโทรศัพท์แทน
จนกระทั่งสายตัดไป หนวนหน่วนก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ให้ตายเถอะ! ทำไมโทรศัพท์ของฉันถึงไม่มีฟังก์ชั่นเจ๋ง ๆ แบบนี้บ้าง”
[คุณหนูน้อย ผมชื่อเสี่ยวอ้าย~]
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ของหนวนหน่วน
“ขอบคุณ”
เด็กหญิงตัวเล็กขอบคุณโทรศัพท์มือถือของตนเอง และแม้ว่าเธอจะสงสัยเกี่ยวกับเสี่ยวอ้าย แต่สิ่งที่น่าเป็นกังวลมากกว่าคือ ณ ตอนนี้ พี่สี่ที่กำลังมีเรื่องอยู่ตรงนั้น
ดวงตาของกู้อันร้อนผ่าว แทบทนไม่ไหวที่จะขึ้นไปจัดการหยางซิงเฉินด้วยตนเอง แต่ตอนนี้เขามีภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่า คือเขาต้องปกป้องน้องสาวของเขา เด็กชายจึงทำได้เพียงยืนมองอยู่ตรงข้างสนามแล้วส่งเสียงตะโกน
“ทุบพวกมันให้ตายไปเลย!”
“กู้หมิงหลี่นายเก่งเรื่องแบบนี้ที่บ้านไม่ใช่เหรอ อัดพวกมันให้ไส้ทะลักไปเลยสิ!”
ทุกคน “……………”
เจ้าเด็กน้อยนี้โผล่มาจากไหน!
กู้หมิงหลี่กำลังคร่อมตัวหยางซิงเฉินไว้พร้อมกับปล่อยหมัดไปที่ศีรษะอีกฝ่าย พวกของหยางซิงเฉินจึงพยายามลากตัวเขาออกไป ก่อนที่เขาจะถูกรวบมือ เขาก็เตะก้นหยางซิงเฉินด้วยขายาว ๆ ของตนไปป้าปหนึ่ง
ดวงตาของหยางซิงเฉินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาลุกขึ้นจากพื้นแล้วกดร่างของกู้หมิงหลี่ลงอย่างไม่ลังเล ทั้งสองปลุกปล้ำกันอยู่พักใหญ่โดยที่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ลานสเก็ตตกอยู่ในความโกลาหล เมื่อตำรวจมาถึงทุกคนก็อยู่ในสภาพใบหน้าฟกช้ำและบวมเป่ง แน่นอนว่าทางด้านกู้หมิงหลี่ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบนั้นต้องยับเยินกว่าเป็นธรรมดา
กู้หมิงหลี่และลู่สิงจื่อมีทักษะอยู่พอตัว ทำให้การต่อยตีในครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาของเขา นอกจากความอับอายที่เกิดขึ้นแล้ว ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บส่วนอื่นบนร่างกายของพวกเขาจะน้อยมาก
แต่ทางถังเล่อและอู๋คว่างนั้นกลับบวมฟกช้ำไปทั่วตัว เพราะทั้งสองไม่ได้เก่งกาจมากมายขนาดนั้น
ฝูงชนกลุ่มหนึ่งถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำ รวมถึงหนวนหน่วนและกู้อันด้วย
เด็กน้อยขี้อายคนนี้เพิ่งเข้าสถานีตำรวจเป็นครั้งแรกเลยได้แต่ทำตัวเชื่อฟัง แต่ก็ประหม่าอยู่หน่อย ๆ
วู้ววววว พวกที่โดนลุงตำรวจจับทั้งหมดต่างเป็นคนเลวทั้งนั้น นั่นแสดงว่าเธอก็เป็นเด็กไม่ดีสินะ
“ดูเข้าสิ เด็กน้อยพวกนั้น!”
ลุงตำรวจมองดูเด็กทั้งสอง เด็กชายคนที่โตกว่าดูท่าทางก้าวร้าว และไม่ได้สนใจสถานการณ์รอบข้างเหมือนกับเด็กวัยรุ่นคนอื่นเลย
ส่วนเด็กหญิงที่อายุน้อยกว่า เธอเพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ด้วยท่าทางเชื่อฟังและอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าเธอประหม่าและหวาดกลัว ดวงตาคู่ใหญ่สีดำขลับมองพวกเขาอย่างออดอ้อน
“ดูสิ เด็ก ๆ ตกใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว”
กู้หมิงหลี่ผู้ไม่เคยตื่นตระหนกหลังจากเข้าสถานีตำรวจมาหลายครั้ง ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ตื่นตระหนกขึ้นมาซะอย่างนั้น
“หนวนหน่วนไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะโทรหาแม่ให้มารับทุกคนกลับบ้าน”
หนวนหน่วนมองเขาทั้งน้ำตา “เรา… จะไม่ติดคุกใช่ไหมคะ?”
เสียงเล็ก ๆ และนุ่มนวลของหนวนหน่วนฟังดูน่าสงสารมาก ตำนวจที่ได้ยินจึงพูดว่าไม่ต้องหรอก แค่ทะเลาะกันเอง
กู้หมิงหลี่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยกมุมปากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปบีบเข้าที่แก้มอันอ่อนนุ่มของเด็กหญิงตัวเล็ก
“ใครบอกเธอว่าเราจะติดคุก”
หนวนหน่วน “เห็นในทีวีก็เป็นแบบนี้ตลอด…. คนเลวโดนลุงตำรวจจับ… ก็ติดคุกกันหมด”
ลุงตำรวจ “….”
ดูเหมือนว่าเด็กน้อยจะรู้สึกกลัว แต่โชคยังดีที่มีตำรวจสาวใจดีเข้ามากอดหนวนหน่วนอย่างเอ็นดูพร้อมกับอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง
เมื่อรู้ว่าจะไม่ติดคุก หนวนหน่วนก็หยุดร้องไห้แล้วแทนที่ความรู้สึกด้วยความเขินอาย
การต่อสู้ครั้งนี้จะขาดการอบรมไปไม่ได้อย่างแน่นอน ระหว่างการอบรม หนวนหน่วนจึงถูกพาตัวออกมาแล้วนั่งกินอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ลุงตำรวจ โดยที่ฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนวัยรุ่นที่ใบหน้าฟกช้ำดำเขียว
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกใช่ไหม? แถมครั้งนี้ยังสู้กันต่อหน้าเด็ก ๆ ด้วย เก่งซะเหลือเกินนะพวกเธอ ละอายใจแทนจริง”
ดวงตาคู่กระจ่างของหนวนหน่วนจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่สะบักสะบอมฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าทำไมวัยรุ่นที่ก้าวร้าวและหยิ่งผยองพวกนี้ถึงรู้สึกกลัวที่จะมองเธอ
หลังจากตรวจสอบแล้ว ตำรวจได้โทรตามผู้ติดต่อคนแรกทางโทรศัพท์มือถือของหนวนหน่วน โดยที่เสียงของผู้ที่รับสายนั้นเย็นชาผิดปกติ
กู้หนานไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าน้องสาวที่เชื่อฟังและแสนอ่อนโยนของเขาจะก่อปัญหาได้
และเมื่อชายหนุ่มรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว
ดูท่าสองคนนี้ควรถูกกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านช่วงปีใหม่ จะได้ไม่สร้างปัญหาอีก