ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 62 เสินอวี้จิ่น
บทที่ 62 เสินอวี้จิ่น
ด้วยสาเหตุนั้น ตลอดทั้งเช้ากู้อันจึงมองพี่ชายของตนด้วยสายตาแปลก ๆ เขาบ่นพึมพำเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะต่อว่า
กู้หนานที่รู้สึกอึดอัดจึงชิงเอ่ยขึ้นก่อน “มีอะไรก็พูดมา”
น้ำเสียงเย็นชาทำให้กู้อันตัวสั่นเทา ความกลัวเข้าครอบงำเขาทันที เด็กชายปรายตามองพี่ชายด้วยสายตาที่คิดเสียใจ
“ยังจะถามอีก ก็พี่เพิ่งได้นอนกับน้องไปเมื่อคืนก่อน คืนนี้ผมต้องเป็นคนที่ได้นอนกับน้องบ้าง”
กู้หนานหัวเราะเยาะ “นายเอาชนะฉันให้ได้ก่อนเถอะ”
กู้อัน “…”
ก็เห็นอยู่ว่าตัวเองแข็งแรงมากขนาดไหน! แบบนั้นไม่ต้องรอไปจนอายุแปดสิบเหรอ
กู้อันทานข้าวต่อด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ เขาสะพายกระเป๋า เดินดุ่ม ๆ เหมือนหมูตัวน้อย ก่นด่าสารพัดไปตลอดทั้งวัน
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อไปถึงโรงเรียน หนวนหน่วนก็หอมแก้มเขาหนึ่งทีเมื่อลงจากรถ
“บ๊ายบายค่ะ ตอนบ่ายหลังเลิกเรียน หนวนหน่วนจะมารับนะคะ”
ถ้าถามว่าจะมีใครน่ารักอ่อนโยนและห่วงใยเอาใจใส่ขนาดนี้ได้อีก!
ไม่มี! น่ารักที่สุดในบ้านแล้ว!
กู้อันรีบดึงสติทันที เขาสัมผัสใบหน้าของตนที่น้องสาวจุ๊บไปเมื่อสักครู่ ยังคงมีกลิ่นหอมของน้ำนมติดอยู่ เขาเลยเอนกายจุ๊บเจ้าตัวน้อยกลิ่นน้ำนมนั้นกลับ
ลมแทบจับ ทำไมน้องสาวของเขาถึงได้เชื่อฟังและตัวหอมได้ขนาดนี้!
“น่ารักมาก”
ความสุขเข้าครอบงำทันที เขาเดินตรงเข้าโรงเรียนไปด้วยความกระฉับกระเฉง ทำให้ยามที่ยืนมองอยู่นั้นกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมา
เจ้าเด็กที่ทำตัวมึน ๆ นี่เป็นลูกบ้านไหนกัน?
ในวันนี้กู้หนานก็ยังไม่ไปทำงาน เขาใช้วิธีการประชุมผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งก็มีหลากหลายปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เขาจึงส่งหนานเฟิงไปดูงานแทน
ชายหนุ่มวางแผนว่าจะไปหนานจิ่นเปี๋ยหว่านกับหนวนหน่วน เจ้าตัวก็รู้สึกตื่นเต้นและดูดีใจมาก
ผู้เฒ่ากู้แต่งกายในชุดลำลองแสนสบาย วันนี้จึงดูอ่อนวัยกว่าปกติ เขาเดินอยู่ข้างหนวนหน่วนโดยนำมือไพล่หลัง ดวงตาทอดมองไปยังคนตัวเล็กที่กำลังเดินวุ่นไปมาราวกับผึ้งที่ขยันขันแข็ง
เขาอยากได้จอบอันเล็กมาให้หลาน ต้องระมัดระวังให้หลานด้วย หนวนหน่วนต้องใส่รองเท้ากันฝนและชุดลำลองที่สบาย จะได้ปลูกเมล็ดพันธุ์อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด!
“แล้วเหม่ยฉิวล่ะ?”
แต่แล้วหนวนหน่วนกลับพบว่าเหม่ยฉิวไม่ได้อยู่ตรงนั้น เด็กน้อยจึงพาต้าหวงไปออกตามหา ก่อนจะพบว่ามันอยู่กับแม่แมวตัวหนึ่ง
เจ้าเหม่ยฉิวน่าอายจังเลย มันไปแย่งแมวน้อยสองตัวกินนม!
หนวนหน่วนตะลึงไปชั่วขณะ ตาทั้งสองข้างและปากเปิดกว้าง ใบหน้าเรียวบางแสนสวยงามจ้องมองด้วยความประหลาดใจ แม่แมวให้นมลูกตัวน้อยที่น่าสงสารทั้งสองตัวโดนแมวดำครอบครองอาณาเขตเป็นส่วนใหญ่ มันนอนอย่างเกียจคร้านอยู่ใต้ท้องของแม่แมวแล้วใช้อุ้งเท้ารีดน้ำนมก่อนจะดูดกลืนอย่างแรง แถมยังส่งเสียงครางในลำคออย่างสบายใจอีก
และแม้ว่าแม่แมวที่นอนอยู่ในแคร่จะมีขนดกฟูเพียงใด แต่ทุกคนก็ยังเห็นความน่ารักบนใบหน้าที่สิ้นหวังของมัน
หนวนหน่วนยกมือขึ้นปิดหน้าราวกับต้องการทำเป็นว่าเธอไม่รู้จักเหม่ยฉิว
ผู้เฒ่ากู้เห็นก็หัวเราะออกมา
คุณหญิงกู้ก็ปิดปากหัวเราะด้วยเช่นกัน ทุกคนเห็นเหม่ยฉิวที่กำลังแย่งกินนมจากแม่แมวตัวนั้นเข้าแล้ว
เหม่ยฉิว “…”
เสียงกรนของเหล่าแมวดังขึ้น ในที่สุดมันก็ลุกขึ้นยืนเพื่อสละที่ให้แมวน้อยที่น่าสงสารทั้งสองตัว ก่อนจะเดินไปพันแข้งขาของหนวนหน่วนอย่างไม่รีบร้อน
หนวนหน่วนย่อตัวนั่งลงแล้วดึงหูของมัน
“น่าอายมากเหม่ยฉิว แย่งนมแมวน้อยกิน!”
เหม่ยฉิวจ้องมองหนวนหน่วนด้วยใบหน้าใสซื่อราวกับมันจะบอกว่า ‘ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร’
เจ้าแมวตัวนี้ช่างขี้เกียจเหลือเกิน
หนวนหน่วนพาพวกแมวไปหนานจิ่นเปี๋ยหว่านไม่ได้ สุดท้ายก็ให้อยู่กับคุณป้าแม่บ้าน ส่วนคนอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นไปหนานจิ่นเปี๋ยหว่านด้วยกันหมด
คฤหาสน์หนานจิ่นเปี๋ยหว่านของกู้หนาน หากมองจากด้านหน้าทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หากเดินออกจากตัวคฤหาสน์ไปก็จะพบเข้ากับสวนหลังบ้านซึ่งก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยสนามหญ้า ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยกองดินสำหรับการเพาะปลูกไปแล้ว
ฝนเพิ่งตกเมื่อวานทำให้พื้นเปียกแฉะเป็นอย่างมาก หากเหยียบย่ำลงไปรองเท้าก็จะเลอะไปด้วยโคลนอย่างแน่นอน
ในวันนี้ เป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากมากที่กู้หนานจะไม่ใส่สูท
“ฮ่าฮ่า… มันต้องแบบนี้สิเจ้าลูกชาย ดูเด็กลงมากเลย! อย่ามัวแต่ใส่สูทสีดำตลอดทั้งวันเลย ดูแก่ลงตั้งหลายปี คนที่มาเห็นเราเดินด้วยกันคิดว่าแม่เป็นพี่สาวแกหมดแล้ว!”
กู้หนานยังคงนิ่งตามเดิม ไม่แสดงอะไรออกมาทั้งสิ้น ทว่าตอนที่แม่ของเขาพูดพร่ำเพรื่อ ดวงตาก็ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
หนวนหน่วนหยิบแผนที่ที่ตนกับพี่ชายได้ทำไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มันคือรูปวาดเกี่ยวกับสิ่งที่จะปลูกลงในแต่ละที่ รูปวาดแบ่งแต่ละที่เป็นเส้นตรงเป็นระเบียบสวยงาม แต่ละจุดมีเครื่องหมายตัวที่ถูกวาดด้วยปากกา เหลือเพียงภาพวาดที่คดเคี้ยวและยังไม่สมบูรณ์ของพวกดอกไม้และพืชขนาดเล็ก ซึ่งคนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้
แน่นอนว่ารูปวาดของแปรงที่คดเคี้ยวและไม่สมบูรณ์นั้นคือฝีมือหนวนหน่วน
“คุณปู่คะ คุณปู่ เรามาทำตามนี้กันเถอะค่ะ”
หนวนหน่วนยื่นภาพวาดให้คุณปู่อย่างระมัดระวังราวกับส่งมอบสมบัติ ชายชราและคนอื่น ๆ ยืนมองรูปภาพอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงพึมพำเพื่อหารือร่วมกัน แล้วเดินไปที่ทุ่งนาพร้อมกับจอบอันเล็ก
ด้วยความที่ขาของหนวนหน่วนสั้น การเดินเหยียบย่ำลงบนพื้นดินโคลนที่เปียกแฉะจึงทำให้เธอดูเหมือนเพนกวินตัวน้อย
คนในครอบครัวต่างก็ช่วยกันขุดดินเพื่อปลูกต้นพืช โดยหวังให้พวกมันออกดอกออกผลใหญ่ ๆ
ตอนที่กู้หนานกำลังจะนำต้นกล้าไปลงปลูกตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ โทรศัพท์ของเขาพลันดังขึ้นเสียก่อน
[ฮัลโหลอาหนาน ฉันมาหาแล้ว อยู่หน้าบ้าน เปิดประตูให้หน่อยสิ]
“อืม”
กู้หนานตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วปัดดินบนตัวออก
เขาเป็นนายน้อยที่ไม่เคยกระทั่งจะลงมือปลูกดอกไม้แม้แต่ดอกเดียว เมื่อสักครู่ตอนขุดดินยังดูเงอะงะกว่าคุณปู่เสียอีก
หนวนหน่วนที่ตัวเล็กกว่าใช้จอบได้เก่งกว่าเขามาก แม่เขาเลยยืนหัวเราะเขาอยู่นาน เพราะรู้สึกว่ามีสิ่งที่ลูกชายคนโตทำไม่ได้อยู่ด้วย
ตอนนี้ดูเหมือนคนไร้ความสามารถมากเลย ควรทำให้ดีมากกว่านี้สิ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จังหวะการก้าวเดินของกู้หนานก็กว้างยาวมากขึ้น
เสินอวี้จิ่นใส่ชุดสูทสีขาว ซึ่งมันทำให้เขาดูสุภาพและดูดีเป็นอย่างมาก ในมือของเขาถือของขวัญที่จะนำมาให้หนวนหน่วน ในขณะที่เอนหลังพิงแลมโบร์กินีสีน้ำเงินแวววาว เขาก็กระตุกรอยยิ้มที่มุมปาก ดูแล้วช่าง… เซ็กซี่เหลือเกิน
ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาก็อ้าแขนต้อนรับก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นกันเอง
“เซอร์ไพรส์ ไม่เจอกันนานเลย นี่มันช่าง กะ… กะทันหัน”
เสินอวี้จิ่นมองไปยังกู้หนานอย่างตกตะลึง เพื่อนรักอยู่ในชุดเสื้อยืดและกางเกงสแล็กสีดำ อีกทั้งยังมีคราบโคลนเปื้อนให้เห็นอย่างเด่นชัด
“เช้ดดด!!!”
เสินอวี้จิ่นตกใจกับกู้หนานที่อยู่ในชุดนี้มากจนเขาสบถคำหยาบออกมา เขาเดินวนรอบตัวกู้หนานอย่างพิจารณาอยู่สองสามครั้งก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไปตรงแขนของคนตรงหน้า
“แกคือกู้หนานจริง ๆ เหรอ? ไม่ใช่น้องชายฝาแฝด ไม่ใช่กู้เป่ยใช่ไหม? แต่กู้เป่ยคงไม่อยู่ในสภาพแบบนี้”
กู้หนานใช้มือผลักประตูอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาเอ่ยน้ำเสียงเย็นชาที่เสินอวี้จิ่นคุ้นเคยเป็นอย่างดีออกมา “เข้ามา”
เสินอวี้จิ่น “!!!”
“อุ๊ยตายละ เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ฮ่า ๆ ๆ มาถ่ายรูปกันหน่อยสิ อย่าพลาดโอกาสนี้เลย!”
เขากวาดโทรศัพท์ไปทางกู้หนานก่อนจะกดชัตเตอร์อยู่สองสามครั้ง ดวงตาของเขาราวกับว่าจะมีน้ำตาไหลออกมาให้ได้