ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 53 คนไม่น่านับญาติในตระกูลกู้
บทที่ 53 คนไม่น่านับญาติในตระกูลกู้
เมื่อทุกคนเห็นกู้หนานอุ้มเด็กคนนั้นลงมาจากรถก็ต้องยิ้มให้
เพราะ… นี่คือลูกสาวตระกูลกู้
“โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง”
ต้าหวงวิ่งกระดิกหางไปมา ไม่นานหนวนหน่วนก็ได้ยินเสียงคนบางคนบ่น
“หมามาจากไหนเนี่ย”
“แม่บ้านอยู่ไหน ใครเอาหมาสกปรกน่าเกลียดตัวนี้เข้ามา” เด็กชายคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางญาติ ๆ ยกขาเตะต้าหวงด้วยความขยะแขยง
ต้าหวงหลบได้ มันแยกเขี้ยวใส่คนแปลก ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่เข้าใจ
“กรรร โฮ่ง!“ ต้าหวงขู่ แต่ก็ไม่ได้กัดใคร เพราะหนวนหน่วนไม่เคยปล่อยให้มันทำร้ายคนอื่น
“ออกไปเลย ไอ้หมาตัวเหม็น”
หนวนหน่วนเม้มปากด้วยความไม่พอใจ แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้กู้หนานมีสีหน้ามืดครึ้มแล้ว
“มานี่ ต้าหวง”
ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายด้วยความกลัวของผู้คน เสียงเล็ก ๆ ของเด็กผู้หญิงตัวน้อยทำให้พวกเขาอับอาย โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าหนวนหน่วนกอดเจ้าหมาขนสีน้ำตาลส้มตัวใหญ่อย่างใกล้ชิดสนิทสนม พวกเขาหน้าเจื่อนลงทันที แววตาแปรเป็นเหยียดหยามประชดประชัน
เพราะเด็กนี่เติบโตมาในบ้านป่าเมืองเถื่อน เลยเอาหมาบ้า ๆ นี่มาเลี้ยงสินะ
“อ๋อ หนูคือหนวนหน่วนใช่ไหม เราเป็นลุงกับป้าของหนูนะ มารู้จักกันไว้ดีกว่า นี่คือลูกพี่ลูกน้องของหนู หลิงหลิงของเราอายุไล่เลี่ยกับหนูเลย จะได้สนิทกันไว้ในอนาคตนะ”
หญิงวัยกลางคนมอบรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าและพูดอย่างฉะฉานได้อย่างสนิทใจ ถ้าไม่มีกู้หนานมองอยู่เธอคงเข้าไปกอดหนวนหน่วนแล้ว
แม้ว่าป้าคนนั้นจะมีท่าทางใจดีและน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่หนวนหน่วนก็ยังคงซ่อนอยู่หลังพี่ใหญ่ มือเล็กจับขาต้าหวงแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เด็กหญิงหลบตาผู้หญิงคนนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
เด็กหญิงไม่ชอบคนพวกนี้ ถึงพวกเขาจะดูยิ้มแย้ม แต่หนวนหน่วนก็ยังรู้สึกว่าพวกเขาน่ากลัว แถมพวกเขายังรังแกต้าหวงอีก เธอไม่อยากให้อภัยพวกเขา
มือเล็กของเด็กน้อยลูบหัวของต้าหวง ปล่อยให้ป้าคนนั้นพูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจเธอ
ผู้หญิงคนนั้นหุบปากลงอย่างเขินอายภายใต้สายตาเย็นชาของกู้หนาน
“เด็กน้อย ทำไมเอาแต่เงียบล่ะจ๊ะ”
เสียงของกู้หนานตอบขึ้นแทนอย่างไม่แยแส “ขอทางด้วยครับ”
น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าเป็นการออกคำสั่งอย่างหมดความอดทนต่อญาติ ๆ แสนหน้าหนา เขาอยากจะพาน้องออกไปจากคนวุ่นวายพวกนี้เต็มที
ชายหนุ่มเกิดแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นท่าทีของน้องสาว เพราะก่อนหน้านี้ถึงเธอจะถูกกู้อันและกู้หมิงหลี่แกล้งเอา หนวนหน่วนก็ยังคงความน่ารักสดใสอยู่เสมอ
กู้หนานโล่งใจขึ้นได้เปราะหนึ่งเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ถูกคนพวกนี้ล่อลวงได้ง่าย ๆ
“ไปเถอะ”
เขาใช้ฝ่ามือเย็นลูบหัวน้องสาว เอ่ยเสียงอย่างอบอุ่นกว่าปกติ
หนวนหน่วนพอรู้ว่าพี่ใหญ่ไม่โกรธที่เธอทำตัวไม่สุภาพกับพวกญาติ ๆ ก็โล่งใจมาก เด็กน้อยเงยหน้ายิ้มหวานแฝงความรู้สึกบางอย่าง
“พี่ใหญ่คะ”
ตอนนี้หนวนหน่วนต้องการพี่ใหญ่เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าเขาจะคอยปกป้องเธอ อยู่เคียงข้างในเวลาที่ต้องการ
กู้หนานก้มลงอุ้มร่างเล็กของน้องสาว เรียกสายตาประหลาดใจจากคนรอบกาย ต่างคนต่างมองบรรยากาศแสนอบอุ่นนั้นด้วยความริษยา แม้ว่าเขาจะยังดูนิ่งสนิทอยู่เหมือนเดิม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาอ่อนโยนกับเด็กคนนี้มากขนาดไหน
พอเห็นแบบนั้นหญิงวัยกลางคนก็จ้องไปทางลูกสาวตัวเองด้วยความไม่พอใจ ถ้าหลิงหลิงให้กู้หนานชอบใจได้ ป่านนี้เธอคงร่ำรวยสุขสบายไปแล้ว
สุดท้ายแล้วเขาก็คือผู้สืบทอดกิจการของตระกูลกู้ เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติตั้งเท่าไร
กู้หว่าน เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างหญิงวัยกลางคนมองไปที่หนวนหน่วนอย่างอิจฉาตาร้อน เมื่อเห็นกู้หนานเป็นแบบนั้นจึงก้าวเท้าไปขวางหน้าแล้วร้องเรียกเขาขึ้นมา
“พี่ใหญ่คะ”
เธอเปล่งเสียงอ่อนโยนและแววตาหวานใสมองไปทางกู้หนานด้วยใบหน้าน่ารัก
“ได้ข่าวว่าพี่กลับมาจากต่างประเทศ พวกเราก็เลยมาหาค่ะ”
กู้หนานเดินผ่านเธอไปอย่างเฉยชา ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ไม่มีแม้แต่ทีท่าจะสนใจเลยด้วยซ้ำ
กู้หว่านหน้าแตก แต่ก็ไม่กล้าแสดงอาการไม่พอใจกู้หนาน ทำได้เพียงเกลียดหนวนหน่วนในใจเท่านั้น
ก่อนที่กู้หนวนหน่วนจะกลับมา แม้ว่าพี่ใหญ่จะเป็นคนเย็นชาไม่สนใจญาติ ๆ แต่ก็ไม่เคยเมินกันขนาดนี้
ในตอนนั้นเองที่กู้หนานหยุดเดินแล้วหันกลับมา ดวงตาของกู้หว่านจึงฉายแววประหลาดใจ เธอกำลังจะอ้าปากเพื่อเรียกเขาอีก แต่กู้หนานเหลือบไปทางน้องชายเธออย่างเฉยเมย
“ครั้งหน้า อย่ามาให้เห็นอีก”
ขาของเด็กชายแทบยืนไม่อยู่ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากไม่ให้ตัวเองทรุดลงไปคุกเข่า
หญิงวัยกลางคนรู้สึกกังวลที่เห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกชายเพราะความหวาดกลัว รีบเข้ามาช่วยลูกอย่างไม่เกรงกลัว
“กู้หนานนี่… เถิงต๋า น้องไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าหมาตัวนั้น…”
กู้หนานไม่ได้อยู่ฟัง เขาเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับหนวนหน่วนในอ้อมแขน
ในตอนนี้ต้าหวงเหมือนจะรู้ว่ากู้หนานกำลังช่วยล้างแค้นให้ตัวเอง จึงเริ่มหายกลัวที่จะเข้าหาเขา เจ้าหมากระดิกหางแรงและแลบลิ้นออกมาเหมือนกำลังหัวเราะ เดินตามร่างสูงไปด้วย
กู้หว่านโกรธจัด กำหมัดแน่นจนเล็บยาวจิกเข้าเนื้อ ในสายตาของกู้หนานหมาตัวนั้นยังสำคัญกว่าญาติ ๆ อย่างเธอเสียอีก
“หนวนหน่วนกลับมาแล้วเหรอคะ”
ทันทีที่คุณหญิงกู้เห็นลูกสาวก็รีบเข้ามาอุ้มด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน พลางขยิบตาให้ลูกชายตัวสูง
‘ลูกชายของเรา ดูแลน้องสาวดีอะไรอย่างนี้นะ’
แต่กู้หนานกลับนิ่งสนิท
คุณหญิงกู้จึงหมดอารมณ์แซว “…”
ช่างมันเถอะ จริง ๆ เธอก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรมานักหรอก
ครอบครัวที่อยู่ด้านหลังเดินตามเข้ามา คุณหญิงกู้ที่ไม่ค่อยอยากจะรับแขกเหล่านี้ได้แต่ฝืนยิ้ม เธอใช้สองแขนกอดลูกสาวแน่นแล้วเอ่ยออกมาว่า
“ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับลูกชายฉันอย่างอบอุ่นกันขนาดนี้นะคะ พวกคุณดูตื่นเต้นกว่าแม่อย่างฉันซะอีก แหม… เกรงใจจังค่ะ”
หญิงวัยกลางคนมองที่กู้หนานอย่างอดกลั้น ยัยผู้หญิงคนนี้ ตระกูลกู้ช่างโชคร้ายที่ได้คนแบบหล่อนมาเป็นสะใภ้ ไม่รู้จักเลยว่าใครเป็นผู้อาวุโสกว่า พูดจาไร้มารยาท แบบนี้ก็ไม่แปลกที่สั่งสอนลูกตัวเองให้มีมารยาทไม่ได้
คุณหญิงกู้เอ่ยกับลูกสาวต่อหน้าทุกคน “ลูกสาวของแม่ จำไว้นะลูก ถ้ามีใครมารังแกหนู ต้องรีบบอกแม่กับพี่ชายหรือคุณปู่เลยนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ครอบครัวเราก็อยู่เคียงข้างหนูเสมอนะคะ”
ทำไมต้องพูดขนาดนี้น่ะหรือ
เพราะคนพวกนี้อยากให้ลูกสาวตัวเองกลายมาเป็นลูกบ้านนี้น่ะสิ ช่างสิ้นคิดเสียเหลือเกิน
คิดถึงช่วงที่เธอเสียลูกสาวไปเพราะเหตุลักพาตัว คนพวกนี้ก็มาคะยั้นคะยอให้รับลูกสาวตัวเองเป็นลูกบุญธรรมอยู่ไม่เลิก คุณหญิงกู้รังเกียจพวกเขามาก วันนี้ยังมาทำตัวข่มเธอถึงนี่ ถ้ากล้ามากทำไมไม่แสดงท่าทางแบบนั้นตอนที่สามีกับลูกชายเธออยู่ด้วยล่ะ
โชคดีที่ตอนนี้เธอเจอตัวลูกสาวสุดที่รักแล้ว และนั่นคงทำให้พวกเขาไม่พอใจ
เมื่อเข้าไปในห้องนั่งเล่น หนวนหน่วนก็พบว่ามีหญิงชราคนหนึ่งกำลังคุยอยู่กับผู้เฒ่ากู้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คุณปู่ตอนนี้ดูสุขุมและสง่างาม ต่างจากเวลาปกติที่เล่นกับหนวนหน่วนเล็กน้อย
“คุณปู่ขา”
หนวนหน่วนได้รับรอยยิ้มเอ็นดูจากชายชรา สีหน้าของท่านแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
หญิงชราที่แต่งตัวหรูหราคนนั้นมองหนวนหน่วนอย่างเกลียดชังแวบหนึ่ง แล้วรีบกลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มอบอุ่นใจดีทันที