ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 52 หนวนหน่วนไปดูเมล็ดพันธุ์
บทที่ 52 หนวนหน่วนไปดูเมล็ดพันธุ์
“พี่ใหญ่คะ”
สองพี่น้องจ้องกลับเข้าไปในห้อง พบว่าหนวนหน่วนกอดกระต่ายน้อยคู่ใจเดินมาทางประตูพร้อมขยี้ตายุกยิก
เด็กหญิงเอียงคอถามอย่างสงสัย “พี่กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอคะ”
“ไม่มีอะไร”
ทั้งสองรีบเอ่ยออกมาพร้อมกันพลางแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ยังง่วงอยู่ไหม”
กู้หนานถามพลางลูบผมหนวนหน่วน
กู้อันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ถ้าน้องสาวอยากนอนต่อจริง ๆ เขาก็เริ่มลังเลที่จะชวนให้น้องไปโรงเรียนด้วย แม้ว่าจะต้องผิดหวังก็ตาม
แต่เด็กน้อยกลับส่ายหน้าไปมา “ไม่ง่วงแล้วค่ะ”
กู้หนานไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาพาหนวนหน่วนเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา
เธอสามารถทำภารกิจยามเช้าได้อย่างคล่องแคล่วด้วยตัวเอง เพียงแค่กู้หนานอุ้มตัวเธอไปยืนบนเก้าอี้สูง หนวนหน่วนก็จัดการล้างหน้าแปรงฟันได้เอง
มือคู่น้อยสัมผัสใบหน้านุ่มเด้งของตัวเองที่สะท้อนในกระจกเงา ตอนนี้ผิวพรรณของเธอดูเรียบเนียนสดใสขึ้นมาก เพราะผิวของเด็ก ๆ ฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วันก็ดูผุดผ่องขึ้นถนัดตา เดิมทีเด็กน้อยเป็นคนมีผิวดีมากอยู่แล้ว เมื่อได้รับการดูแลอย่างดีก็ยิ่งดูมีออร่าคุณหนูมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังสังเกตได้ว่าสองข้างแก้มก็เริ่มมีเนื้อนิ่ม ๆ เพิ่มมากขึ้นแล้วด้วย ถึงจะยังไม่นิ่มเท่าต้าหวงกับเหม่ยฉิวก็เถอะ
หลังจัดการตัวเองเรียบร้อยหนวนหน่วนก็จูงมือพี่ใหญ่ลงมาที่ชั้นล่างอย่างมีความสุข
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณพ่อ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณปู่”
เสียงหวานใสของเจ้าตัวเล็กที่ได้ยินแต่เช้าแบบนี้ใครได้ฟังก็พากันอารมณ์ดี
กู้หลินโม่ยิ้มหวานให้ลูกสาวสุดที่รักจนหน้าบาน แต่เมื่อหันไปเห็นลูกชายคนโต หน้าก็หุบลงทันที
ยกเว้นภรรยาที่รักของเขา ใครที่มาแย่งความรักจากหนวนหน่วนไป เขาก็นับว่าเป็นศัตรูทั้งนั้นแหละ
แถมช่วงนี้หนวนหน่วนยังติดพี่ใหญ่เอามาก ๆ ถึงจะเป็นลูกชาย เขาก็อดที่จะโกรธไม่ได้
“กู้หนาน ไปบริษัทกับพ่อวันนี้”
ต้องส่งไปทำงานที่ค้างไว้สักหน่อย
ลูกชายคนโตที่อนาคตจะเป็นผู้สืบทอดกิจการตระกูลกู้ปฏิเสธทันที “ไปไม่ได้ วันนี้จะพาหนวนหน่วนไปซื้อเมล็ดพันธุ์”
ในตอนแรกกู้หลินโม่ฉุนเฉียวที่เห็นว่าถูกลูกชายปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นการทำเพื่อหนวนหน่วนจึงได้ห้ามตัวเองเอาไว้ทันแล้วยอมแพ้ในที่สุด
“ซื้อเมล็ดอะไรดี”
กู้หนานป้อนซาลาเปาซีฟู้ดให้หนวนหน่วนพลางมองแก้มป่อง ๆ ของน้องยามมีอาหารอยู่เต็มปากอย่างพออกพอใจ เด็กหญิงดูมีความสุขเหลือเกินเมื่อได้กินของอร่อย ๆ
“เอาเมล็ดผักหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ บ้านพี่ใหญ่มีที่เยอะมาก หนูอยากปลูกผักเยอะ ๆ”
ในตอนแรกหนวนหน่วนคิดว่าแค่จะลองถามดู ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
เธอไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่จะเก็บความต้องการเล็กน้อยของตัวเองไปเป็นเรื่องจริงจัง นั่นทำให้น้องสาวยิ่งรู้สึกรักพี่ชายของตัวเองมากขึ้นไปอีก
ส่วนทางกู้หลินโม่ก็มองลูกสาวด้วยความน้อยใจ “หนวนหน่วนอยากทำอะไรทำไมไม่เห็นบอกคุณพ่อบ้างเลย”
ผู้เฒ่ากู้ก็เสริมขึ้นมาว่า “ถ้าอยากปลูกผัก เราขุดดอกไม้ออกแล้วให้หนูปลูกผักที่สวนไหม”
ได้ยินความคิดนั้น หนวนหน่วนก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่เป็นไรค่ะคุณปู่ ดอกไม้ออกจะสวย”
เสียงของกู้หนานดังขึ้นเบา ๆ “ไม่ต้องปลูกตรงนั้นหรอก เก็บไว้เป็นที่วิ่งเล่นดีกว่า”
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เดินรดน้ำดอกไม้ด้วยบัวรดน้ำกับหลานสาวแบบทุกวันนี้ก็สนุกดี
ผู้เฒ่ากู้คิด
กู้หลินโม่คนเดียวที่อยู่ไม่สุข ตอนนี้อยากจะแย่งหนวนหน่วนคืนจากเจ้าลูกชายคนโตเต็มแก่
“ลูกชาย จะกลับต่างประเทศเมื่อไร”
รีบกลับไปเลย! พอมาถึงก็มาพรากลูกสาวตัวน้อยออกจากอกเขาไป หนวนหน่วนก็เอาแต่ติดพี่ใหญ่ น่าอิจฉาเกินไปแล้ว
กู้หนานมีท่าทีสงบนิ่ง “สาขาที่โน่นมั่นคงมากแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องกลับไปครับ”
กู้หลินโม่มีรอยยิ้มบนหน้า แต่มือกำหมัดแน่น
ช่างน่าเสียดาย รู้แบบนี้น่าจะตุ๊บตั๊บเจ้าลูกชายสักสองสามทีตั้งแต่ยังตัวเล็กกว่านี้!
ระหว่างที่พี่ใหญ่กับคุณพ่อกำลังทำสงครามประสาทกันอยู่ กู้อันก็ถือโอกาสขยับเข้าไปใกล้น้องสาวแล้วเอ่ยชวน
“น้องสาว อยากไปโรงเรียนพี่ไหม”
กู้อันเริ่มหลอกล่อเพื่อจะพาน้องสาวไปอวดกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนว่ามีน้องสาวน่ารักขนาดนี้
แต่เมื่อเห็นน้องสาวก็กลับลืมคำพูดล่อลวงพวกนั้นไปทั้งหมด เขาอยากจะเอามือตบหน้าตัวเองซักป๊าบ
เพราะภาพที่เห็นคือหนวนหน่วนกำลังจับช้อนกินโจ๊กในชามอย่างเอร็ดอร่อย
หนวนหน่วนจึงถามออกมาว่า “ไปได้ใช่ไหมคะ”
กู้อันรับคำพร้อมตบหน้าอก “ได้สิ”
“โอเคค่ะ”
หลังอาหารเช้า คนที่รับหน้าที่ไปส่งลูกชายคนเล็กที่โรงเรียนยังคงเป็นคุณพ่อ แต่กู้หนานกลับมายืนอยู่ด้วยสีหน้านิ่งสนิท
“ไปโรงเรียนกับพี่”
กู้หนานและกู้หลินโม่จ้องหน้ากัน
“นายต้องไปโรงเรียน จะพาน้องไปด้วยทำไม”
กู้อันลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะรีบตอบเสียงดัง “ผมจะพาน้องสาวไปดูว่าที่โรงเรียนเป็นยังไง”
กู้หลินโม่ยิ้ม “เมื่อก่อนใครก็ไม่รู้พูดว่าไม่อยากบอกคนอื่นว่าหนวนหน่วนเป็นน้องสาวตัวเอง”
ได้ยินแบบนั้นพี่ใหญ่ก็สงสายตาตำหนิไปให้น้องชายคนเล็ก
กู้อันรีบแก้ตัว “ผมไม่ได้พูดแบบนั้น!”
เพราะเป็นการเถียงกลับด้วยเสียงอันดัง ไม่ว่าจะฟังยังไงก็ดูมีพิรุธ
เด็กชายแกล้งทำเป็นลืมสิ่งที่เคยพูด “ใครพูดแบบนั้น ไม่ใช่ผมสักหน่อย”
หนวนหน่วนมองภาพพี่เล็กกำลังร้อนรนแล้วก็เอามือปิดปากขำคิกคักพลางยกดวงตาหยี
กู้อันหน้าขึ้นสีด้วยความอาย จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมากับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของตัวเองในตอนนั้น
“ยังไง… ยังไงหนวนหน่วนก็รับปากแล้ว”
กู้หลินโม่ดีดหน้าผากลูกชายคนเล็ก “เอาไว้วันหลังเถอะ เราไม่ควรไปรบกวนการสอนของครู เดี๋ยวก็ประชุมผู้ปกครองวันมะรืนนี้แล้ว คุณพ่อจะพาน้องไปด้วย ดีไหม”
กู้อันจำต้องพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ “พ่อพูดแล้วนะ ต้องพาน้องไปด้วยนะ”
หลังจากแยกกับคุณพ่อแล้ว พี่ใหญ่กับน้องน้อยก็เดินทางไปที่ร้านขายอุปกรณ์การเกษตรที่ใหญ่ที่สุดด้วยกัน
ทั้งไม้ดอก ไม้ผล ไม้ประดับ ผักสวนครัว เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ มีให้เลือกอย่างครบครันพร้อมตัวอย่างต้นให้ดูประกอบการตัดสินใจ
หนวนหน่วนเห็นแบบนั้นก็ตื่นตาตื่นใจจนอ้าปากค้าง พนักงานเข้ามาแนะนำเรื่องน่ารู้ให้มากมาย เด็กน้อยได้ความรู้เพิ่มไปอีกเป็นกระบุง ยังมีเรื่องการปลูกผักที่เธอยังไม่รู้อีกเยอะมาก
หนวนหน่วนชอบพืชพรรณและสัตว์ต่าง ๆ มาก พอเข้ามาที่นี่ก็นั่งยอง ๆ บนพื้นอยู่ครู่หนึ่ง เธอตั้งใจฟังคำแนะนำและดูต้นไม้อย่างสนอกสนใจก่อนเลือกเมล็ดพืชตามฤดูกาลไปหลายชนิด เด็กน้อยยังเลือกแบบที่เป็นต้นกล้าไปด้วย ได้ยินว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกปีสองปีถึงจะติดผล
นอกจากนี้ยังมีไม้ดอกที่สวยงามอีกหลายชนิด เมื่อซื้อของที่อยากได้ครบแล้วทั้งสองก็กลับไปที่บ้านด้วยกันอย่างมีความสุข
ตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลกู้มีชีวิตชีวากว่าปกติ คนมากมายเข้ามาห้อมล้อมและประจบสอพลอทันทีที่กู้หนานลงจากรถ
“กู้หนานกลับมาแล้ว แหม… ดูมีสง่าราศีทุกครั้งที่เจอกันเลยนะ หลิงหลิง รีบเรียกพี่ใหญ่เร็ว”
เด็กผู้หญิงตัวเล็กในชุดเจ้าหญิงสีขาวขนาดตัวพอ ๆ กับหนวนหน่วนยืนตัวสั่นหลังจากมองไปที่กู้หนาน ท่าทีของเธอไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ต้องฉีกยิ้มออกมาแล้วเดินไปหากู้หนานตามคำสั่ง
กู้หนานกลับรู้สึกว่าคนเหล่านี้ทำให้เขาอารมณ์เสีย จึงจ้องมองตอบอย่างเย็นชา
นั่นทำให้เด็กหญิงยิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม เธอมองไปทางหญิงวัยกลางคนทั้งน้ำตา แต่ก็ถูกสายตาตักเตือนกลับมา กู้หลิงจึงต้องขยับริมฝีปากเรียกร่างสูงช้า ๆ
“พะ… พี่ใหญ่คะ”
เสียงพูดเล็ก ๆ นั้นสั่นเครือไปหมด
เด็กสาววัยสิบแปดปีที่ยืนข้างหญิงวัยกลางคนกำลังยืนมองน้องสาวตัวเองอย่างอิจฉา
ไร้ประโยชน์ชะมัด ถ้าเป็นเธอละก็ จะจัดการประจบประแจงเอาใจเขาให้มากกว่านี้
“ฉันไม่ใช่พี่ใหญ่ของเธอ”
กู้หนานตอบอย่างไม่แยแส ไม่แม้แต่จะมองหน้าเด็กคนนั้น แต่เมื่อหนวนหน่วนลงจากรถ สีหน้าของเขาก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ใหญ่ขา”
เมื่อเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น ใบหน้าของเหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนดูฝืดเฝื่อน ส่วนเด็กสาวเองก็มีแววของความอิจฉา ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาในหัว
‘กู้หนวนหน่วน ทำไมยังไม่ตายไปอีก’