ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 51 เช็ดผมให้พี่ใหญ่
บทที่ 51 เช็ดผมให้พี่ใหญ่
หนวนหน่วนที่ไร้เดียงสาไม่ได้รู้ทันแผนการเจ้าเล่ห์ของเสินอวี้จิ่น
“ได้ค่ะ”
เด็กน้อยตอบตกลงเพื่อนของพี่ใหญ่อย่างนุ่มนวล ดวงตาดอกท้อคู่สวยของเสินอวี้จิ่นจึงยกยิ้ม เขากดวิดีโอคอลหลังจากวางสายทันที
หนวนหน่วนถือโทรศัพท์รออย่างเชื่อฟัง แต่ตอนนี้เด็กน้อยมีปัญหาใหญ่เพราะจู่ ๆ ก็พบว่ามีภาพตัวเองอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของพี่ใหญ่
เธอถือโทรศัพท์แน่น ก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่โค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
ก่อนที่สายวิดีโอคอลจะเข้ามา เสียงปลดล็อกประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของกู้หนานที่ก้าวเท้าออกมา พอสายวิดีโอคอลดังขึ้น โทรศัพท์ก็ไปอยู่ในมือของพี่ใหญ่แล้ว
หนวนหน่วนลืมที่ตกลงกับเพื่อนของพี่ใหญ่ไปเสียสนิท เธอรีบคืนโทรศัพท์ให้พี่ชาย เขาจะได้ใช้ทำธุระต่อ
“พี่ใหญ่คะ เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของพี่ใหญ่ค่ะ”
กู้หนานมองจอที่แสดงรายชื่อบนนั้นแวบหนึ่งก่อนจะแตะเพื่อรับสาย
เสินอวี้จิ่นจึงพบกับใบหน้านิ่งสนิทของเพื่อนตนเองแทนที่จะเป็นเด็กผู้หญิงที่อยากเห็นหน้า
เสินอวี้จิ่นจ้องอย่างผิดหวัง รอยยิ้มค้างเติ่ง “…”
กู้หนานเดินไปข้างหน้าพลางเบี่ยงกล้องไม่ให้เห็นหนวนหน่วน เขาจ้องกลับไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเย็นชาราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเสินอวี้จิ่น
ถึงคนปลายสายจะคุ้นเคย แต่ก็รู้สึกราวกับว่านี่เป็นภาพที่ไม่อยากจะมองเอาซะเลย
เขาอยากได้อะไรน่ารัก ๆ มาล้างตาเสียเดี๋ยวนี้
“ว่าไง”
เสียงของกู้หนานเรียบสนิท คิ้วพาดเฉียงนั้นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ชายหนุ่มมองไปที่สีหน้าผิดหวังของเพื่อนที่กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าจอด้วยสายตาเย็นชาปนรังเกียจ
พอเห็นว่าเพื่อนจะวางสาย เสินอวี้จิ่นก็รีบร้องห้าม [อย่าเพิ่ง ขอเห็นหน้าหนวนหน่วนก่อนสิ]
กู้หนานกดวางสายวิดีโอคอลอย่างเฉยเมย
อยากเห็นหน้าน้องสาวของเขางั้นหรือ ฝันไปเถอะ
เมื่อวางสายไปเรียบร้อยแล้ว กู้หนานก็อุ้มหนวนหน่วนตัวน้อยกลับไปที่เตียงอย่างสบายใจ
[เสิน: กู้หนาน จะเอาแบบนี้ใช่ไหม]
[เสิน: ไม่คิดจะส่งรูปให้ฉันซักรูปเลยหรือไง เกิดอะไรขึ้นกับความเป็นเพื่อนของเราไปแล้ว น้องสาวนายก็เหมือนน้องสาวฉันนะ]
[เสิน: นัดเจอกันเมื่อไรพาน้องสาวมาเจอด้วย]
[เสิน: รับปากมา! เร็ว!]
กู้หนานคว่ำโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าว่างเปล่า หมอนี่บอกว่าอยากได้รูปสักรูป… เขาก็อยากได้เหมือนกัน มีอยู่แค่รูปเดียวเอง
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มจึงสวมสลิปเปอร์แล้วเดินเอื่อย ๆ ไปแง้มประตูออก จากนั้นก็มองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสายตาเรียบนิ่ง… พ่อเขาเอง
“หนวนหน่วนของพ่ออยู่ไหน”
สีหน้าของกู้หลินโม่ขัดเคืองเล็กน้อย เขามองดูลูกชายเหมือนคนแปลกหน้า เจ้าลูกชายคนนี้ ยิ่งโตยิ่งน่าหมั่นไส้
กู้หนานตอบนิ่ง ๆ “คืนนี้น้องจะนอนนี่”
กู้หลินโม่โกรธมาก สีหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งมากกว่าเดิม
“ทำไมล่ะ หนวนหน่วนยังไม่เห็นมานอนกับพ่อเลย”
พอเห็นว่าพ่อตนดูงอแง กู้หนานก็รับมือด้วยอาการสงบนิ่ง “น้องตกลงแล้ว”
พูดจบชายหนุ่มก็งับประตูปิดทันที
กู้หลินโม่ยืนเศร้าอยู่หน้าประตูคนเดียว “…”
ไอ้ลูกชายนี่ ไม่น่าปล่อยให้โตมาเลย
“พี่ใหญ่คะ ผ้าเช็ดตัวอยู่ไหนเหรอคะ”
กู้หนานหันหลังกลับมาพร้อมผ้าเช็ดตัว เด็กน้อยจึงรับผ้าแห้งมาจากพี่ชาย ก่อนจะปืนขึ้นนั่งบนเตียงแล้วกวักมือเรียกเจ้าของห้องให้เข้ามาหา
“พี่ใหญ่มาตรงนี้สิคะ หนวนหน่วนจะเช็ดผมให้”
มุมปากของกู้หนานยกขึ้นเล็กน้อย ชายหนุ่มสาวเท้ายาว ๆ เพียงสองสามก้าวก็ไปถึงเตียง เด็กหญิงตัวน้อยจับมือพี่ชายให้นั่งลง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาวางลงบนผมเปียกชื้น
ผมสั้นสีดำสนิทถูกห่อด้วยผ้าขนหนูแห้งสะอาด หนวนหน่วนขยี้ผมพี่ชายเบา ๆ อย่างมีความสุข เมื่อเห็นว่าผมเริ่มยุ่งก็ใช้นิ้วมือเล็ก ๆ สางผมให้พี่ใหญ่อย่างอ่อนโยน
กู้หนานกลัวว่าน้องจะลำบาก “ใช้ไดร์สิ”
ถ้าเช็ดผมด้วยผ้าเฉย ๆ กว่าจะแห้งก็คงต้องใช้เวลานาน
“ค่ะ” น้องสาวตัวเล็กพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และเมื่อกู้หนานไปหยิบไดร์เป่าผมออกมา เด็กหญิงก็รับมันด้วยท่าทางขันแข็ง เธอทำหน้าที่ช่างผมส่วนตัวให้พี่ใหญ่ต่อ
สองพี่น้องที่อายุห่างกันเกือบยี่สิบปีต่างเงียบสนิท แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกอึดอัด อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกสงบและอบอุ่นในใจเสียมากกว่า
ผมของกู้หนานฟูเล็กน้อยหลังจากถูกเป่าจนแห้งด้วยฝีมือน้องสาว ปกติเขาจะจัดผมให้เรียบอยู่เสมอ ทรงผมตอนนี้จึงทำให้ดูอ่อนวัยลงเป็นอย่างมาก
หนวนหน่วนช่วยพี่ชายจัดทรงผมยุ่ง ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง
“ดีไหมคะพี่ใหญ่”
กู้หนานรับคำด้วยเสียงทุ้มในลำคอ ก่อนจะเบือนสายตาไปมองผมนุ่ม ๆ ของน้องสาวบ้าง กลิ่นผลไม้หอม ๆ ล้อมอยู่รอบ ๆ ผมของหนวนหน่วน ก่อนหน้านี้เธอคงสระผมกับแม่มาก่อน
จู่ ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกเสียดายนิด ๆ ที่ไม่ได้อยู่ตอนแม่เป่าผมให้น้องสาวด้วย เขาเองก็อยากเป่าผมให้หนวนหน่วนเหมือนกัน
เด็กน้อยไม่ได้รู้ว่าพี่ใหญ่ของเธอคิดอะไรอยู่ เธอก้าวเท้าเล็ก ๆ ไปที่หัวเตียง ยกผ้าห่มขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้านวม พอหัวถึงหมอนก็อ้าปากหาวเล็กน้อย
ดวงตากระจ่างเอ่อไปด้วยน้ำตา เด็กน้อยจ้องมาทางพี่ชายแล้วเอามือเล็ก ๆ ตบลงบนที่นอนข้างตัว
“พี่ใหญ่คะ มานอนกันเถอะ”
หลังจากหาวไปหนึ่งที หนูน้อยขี้เซาก็ดูเหมือนจะลืมตาได้ยากลำบาก เสียงเล็กเริ่มเบาลง มองดูง่วงงุนเต็มที กลายเป็นภาพที่มีแต่คำว่าน่าเอ็นดูลอยฟุ้งทั่วห้อง
กู้หนานโน้มตัวลงลูบผมเด็กน้อยแล้วทิ้งตัวลงข้างเธอ เขาค่อย ๆ เอนตัวลงนอนช้า ๆ ปล่อยให้น้องสาวขยับเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกอดเขาด้วยนิ้วเล็ก ๆ ของเธอ หนวนหน่วนเข้ามาใกล้จนร่างกายช่วงบนและเส้นผมนุ่มนิ่มคลอเคลียอยู่บริเวณคอของเขา
เด็กน้อยหลับสนิทไปทันทีที่ปิดเปลือกตาลง
คนเป็นพี่มีประกายของรอยยิ้มอยู่ในดวงตา นิ้วเรียวของเขาลอบแตะเบา ๆ ที่ปลายจมูกเล็กน่ารัก แล้วเริ่มหลับตาตามบ้าง
หลังจากที่กู้หนานอายุครบหนึ่งขวบ เขาและน้องชายฝาแฝดอย่างกู้เป่ยก็ถูกพ่อจับแยกห้อง และไม่ได้รับอนุญาตให้นอนกับแม่อีก เมื่ออายุครบสองขวบก็ถูกแยกไปนอนคนเดียว แต่ก่อนเขามักจะนอนร่วมเตียงเดียวกันกับน้องชาย
จนถึงตอนที่เริ่มเข้าโรงเรียนก็ออกไปอยู่บ้านหลังอื่น ไม่เคยได้นอนห้องเดียวกับใครอีก
กู้หนานนอนกอดน้องสาวที่แสนอบอุ่นเอาไว้ ตอนแรกก็กลัวว่าตัวเองจะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ แต่เขากลับหลับสบายอย่างคาดไม่ถึง ไม่มีแม้แต่จะฝันเลยจนถึงรุ่งสาง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น คนในห้องนอนจึงถูกปลุกให้ตื่น
กู้หนานมองที่นาฬิกา พบว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว
วันนี้เขาตื่นสาย ปกติเขาจะตื่นนอนตอนหกโมงเช้า
รอบตัวของเขาอบอุ่นไปหมด เด็กน้อยข้างกายโผล่ออกมาจากผ้าห่มเพียงครึ่งหัว ส่วนร่างกายที่อยู่ในผ้าห่มขดเข้าหากันเป็นก้อนกลม เป็นท่านอนที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก ข้างแก้มเล็ก ๆ แสนบอบบางแดงระเรื่อ ดูเหมือนว่าเด็กน้อยเองก็ถูกรบกวนการนอนจากเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเช่นกัน ขนตางอนยาวของหนวนหน่วนจึงสั่นเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังจะตื่นในไม่ช้า
กู้หนานขมวดคิ้ว ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปเปิดประตู พบว่าเป็นกู้อันที่ยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่
กู้อันที่ตอนแรกโกรธเหมือนปลาปักเป้ากำลังพองตัวก็กลายเป็นลูกเจี๊ยบเมื่อสบตาเย็นชาของพี่ชาย
“พี่ใหญ่”
น้องชายคนเล็กเอ่ยเรียกเสียงอ่อนพลางยืดคอชะโงกเข้าไปในห้อง
“หนวนหน่วนนอนห้องฉันเมื่อวาน”
พอได้ยินแบบนั้น เด็กชายก็เก็บอาการไม่พอใจต่อไปไม่ไหว “น้องสนิทกับพี่มากเกินไปแล้วนะ เอาแต่เดินตามพี่คนเดียวตั้งแต่พี่กลับมา!”
เกลียดชะมัด หนวนหน่วนไม่เคยนอนกับเขาเลยด้วยซ้ำ
กู้หนานมองน้องชายตัวเล็กด้วยสายตาของคนเป็นต่อ “มีอะไร”
กู้อันโวยวายต่อ “มีสิ ก็ต้องมาปลุกหนวนหน่วนไปส่งผมที่โรงเรียนไง”
กู้หนานถามเสียงเรียบ “ได้ถามน้องหรือยัง”
เมื่อถูกจ้องอย่างจับผิด กู้อันก็หดคอลง “น้องไปส่งผมสองวันแล้ว”
แต่ก็มีความโอ้อวดแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเด็กชายนิด ๆ
นี่เป็นเรื่องเดียวที่กู้อันจะใช้โอ้อวดกับพี่ใหญ่และพี่สี่ได้ แม้ว่าจะโดนดุเขาก็ไม่ยอมหรอก