ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 50 เพื่อนของพี่ใหญ่
บทที่ 50 เพื่อนของพี่ใหญ่
พอใกล้เวลาเข้านอน หนวนหน่วนที่สวมชุดนอนลายแฮมสเตอร์แบบจัมป์สูทกับรองเท้าสลีปเปอร์ขนปุยก็วิ่งไปที่ห้องทำงานของพี่ใหญ่พร้อมตุ๊กตากระต่ายน้อยสีชมพูอ่อนในอ้อมแขน
มือเล็กผลักประตูบานใหญ่เข้าไปเหมือนเมื่อเช้า จากนั้นเธอก็สอดตัวเข้าไปในห้องแล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อปิดประตูเบา ๆ
ห้องทำงานเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงพิมพ์งานดังเป็นจังหวะ กู้หนานนั่งตัวตรงอยู่ใต้แสงจากโคมไฟ เสื้อเชิ้ตสีดำพอดีตัวขับความสุขุมออกมาเต็มเปี่ยม เขาดูไร้ที่ติยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เครื่องหน้าที่แสนเด่นชัดทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มดูมีมิติและโดดเด่น ท่าทางจริงจังตอนทำงานของเขาช่างดูดีในสายตาของหนวนหน่วนเหลือเกิน
เด็กหญิงก้าวเท้าเล็ก ๆ ในรองเท้าปุกปุยเข้าไปอย่างเงียบเชียบ เธอพยายามไม่ส่งเสียงรบกวนแล้วเดินไปข้าง ๆ พี่ใหญ่
“ยังไม่นอนเหรอ”
กู้หนานสอดมือไปที่รักแร้สองข้างเพื่ออุ้มน้องสาว เจ้าตัวเล็กลอยสูงขึ้น ก่อนจะนั่งลงบนตักของพี่ชาย
หนวนหน่วนลอยขึ้นตามแรงยกของพี่ชาย เด็กน้อยนั่งบนต้นขาเรียว กอดตุ๊กตากระต่ายเอาไว้แน่นพลางซบใบหน้าที่หลังมือใหญ่ ดวงตาคู่โตมองพี่ชายก่อนจะยกโค้งขึ้น หากมองดี ๆ จะเห็นว่าแสงของโคมไฟที่สาดลงมาทำให้เกิดเงาของขนตางอนบนใบหน้า
“พี่ใหญ่คะ ได้เวลานอนแล้ว”
พี่ใหญ่ทำงานมานานมาก คุณแม่บอกว่าถ้าทำงานมากไปจะเหนื่อยและทำให้ป่วย ถ้าพี่ชายของเธอทำคงเป็นเรื่องที่ไม่ดีมาก ๆ
กู้หนานใช้นิ้วเรียวลูบหลังคอน้องสาวตัวเล็ก ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยจากการทำงานเล็กน้อยเพราะไม่ได้พักเลยตั้งแต่กลับมา
“อืม”
ถึงจะตอบรับอย่างห้วน ๆ ฟังดูเย็นชา แต่เขาก็หยุดทำงานแต่โดยดี ชายหนุ่มคลึงหัวตาแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมอุ้มน้องสาวขึ้นมาด้วย
“วันนี้หนวนหน่วนนอนกับพี่ไหม”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ดวงตาคู่สวยยิ้มน้อย ๆ
เด็กน้อยกอดคอพี่ใหญ่ เอนตัวพิงเขา ปล่อยให้ผมนุ่มนิ่มคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของพี่ชาย จากนั้นก็อ้าปากหาวขึ้นมาอย่างง่วง ๆ หนังตาเริ่มปรือระหว่างซบไหล่คนที่อุ้มอยู่
พี่ใหญ่ที่เย็นชากับคนอื่นตอนนี้เป็นที่พึ่งพิงแสนอบอุ่นปลอดภัยของหนวนหน่วน
เมื่อเข้าไปในห้องนอนของพี่ใหญ่ หนวนหน่วนก็ลืมตาขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น ห้องพี่ใหญ่ดูเป็นห้องนอนทั่วไป ไม่น่าตื่นเต้นเท่าห้องนอนของพี่เล็กที่เต็มไปด้วยของเล่นของสะสมมากมาย
โดยรวมแล้วห้องนี้ดูเข้ากับความเป็นพี่ใหญ่อย่างมาก ดูเรียบหรูมีระดับอย่างยิ่ง
กู้หนานวางเด็กตัวเล็กในอ้อมแขนลงที่เตียงขนาดใหญ่
เจ้าตัวเล็กอยู่ในชุดนอนสีเบจ ดูแล้วนุ่มนวลน่ารัก ช่างตรงข้ามกับทุกสิ่งในห้องนี้
การมีเด็กน้อยคนนี้ในห้อง ดูราวกับว่าเป็นการเติมพลังความสดใสเข้ามาในห้องสีทึมให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
กู้หนานในฐานะเจ้าของห้องก็ยินยอมรับความสดใสนี้อย่างเต็มใจ
“พี่จะไปอาบน้ำนะ อย่าซนล่ะ”
เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เธออ้าปากเล็ก ๆ ตอบด้วยเสียงหวานกังวานไปทั่วห้อง
“หนวนหน่วนจะไม่ซนค่ะ”
กู้หนานลูบหัวน้องสาวก่อนหันไปหยิบชุดนอนออกจากตู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อพี่ชายเข้าห้องน้ำไปแล้ว หนวนหน่วนก็นั่งรอบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ขาเล็ก ๆ ทั้งสองห้อยลงมาจากขอบเตียงอย่างเรียบร้อย ไม่วิ่งไปซนที่ไหน
ครืดดดด…
โทรศัพท์ของกู้หนานสั่นอย่างแรง ทำเอาหนวนหน่วนสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอกะพริบตาปริบ ๆ แล้วกระเถิบตัวไปที่ด้านข้างเตียงด้วยแขนขาเล็ก ๆ ของเธอ
โทรศัพท์กำลังสั่นอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีคนโทรมา
พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เด็กน้อยจึงทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นก็รีบกระโดดลงจากเตียง สวมสลีปเปอร์แล้ววิ่งไปที่ประตูห้องน้ำ
“พี่ใหญ่คะ โทรศัพท์สั่นค่ะ”
เด็กหญิงยืนอยู่ที่หน้าประตู ตะโกนเข้าไปในห้องน้ำเสียงตื่น
“บอกเขาว่าพี่ยังไม่ว่าง”
เสียงเย็นหนักแน่นเป็นเอกลักษณ์ของกู้หนานดังขึ้นแทรกเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำ หนวนหน่วนรับคำอย่างเชื่อฟัง เธอแตะที่ปุ่มสีเขียวบนหน้าจอโทรศัพท์
ก่อนหน้านี้ที่หนวนหน่วนโทรหาคุณพ่อ คุณแม่สอนไว้ว่าถ้ากดที่ปุ่มสีเขียวคือเอาไว้คุยกัน ส่วนปุ่มสีแดงเอาไว้วางสาย
ทันทีที่สัญญาณโทรศัพท์เชื่อมต่อกันก็ได้ยินเสียงเนือย ๆ แต่มีเสน่ห์ของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมา
[กู้หนาน กลับจีนตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นบอกใครเรื่องนี้เลย ไปเที่ยวด้วยกันหน่อยไหม]
หนวนหน่วนรีบตอบ “พี่ใหญ่ให้บอกว่ายังไม่ว่างค่ะ”
เสินอวี้จิ่นไม่คิดว่าปลายสายจะไม่ใช่กู้หนาน พอได้ยินเสียงหวานตอบกลับมา เขาก็ตกใจจนแทบจะทำโทรศัพท์หลุดมือ
ชายหนุ่มรีบดึงโทรศัพท์กลับมาดูรายชื่อที่โทรออกอีกครั้งอย่างจริงจัง พบว่าเป็นเบอร์ของพ่อภูเขาน้ำแข็งถูกต้องแล้ว แต่ทำไมคนรับสายถึงเป็นเสียงเด็กผู้หญิงได้ล่ะ
[เอ่อ เธอเป็นใครน่ะ]
หลังเสินอวี้จิ่นขยับกายขึ้นนั่งตัวตรงอย่างจริงจัง เสียงเล็ก ๆ ก็เริ่มตอบเขาอีกครั้ง
“หนูชื่อหนวนหน่วน เป็นน้องสาวของพี่ใหญ่ค่ะ”
เสียงเล็ก ๆ นั้นทำให้เสินอวี้จิ่นรู้สึกได้ถึงความอ่อนหวานผ่านโทรศัพท์
[น้องสาวเหรอ เธออายุเท่าไร]
เสินอวี้จิ่นเริ่มสนใจ แทนที่จะวางสายเลยเปลี่ยนเป็นชวนเด็กคนนั้นคุยแทน
กู้หนานเอาโทรศัพท์ให้เด็กเล่นจริง ๆ เหรอเนี่ย ฮ่า… นานแค่ไหนแล้วนะ
หนวนหน่วนยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ไม่ได้ขยับไปไหน เธอถือโทรศัพท์มือถือสีดำขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือตัวเองไว้ด้วยมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพลางเอ่ยตอบเสียงหวานอย่างจริงจัง
“หนวนหน่วนห้าขวบแล้วค่ะ”
[ห้าขวบเหรอ…]
ขณะนั้นชายหนุ่มปลายสายจึงนึกออกว่า เร็ว ๆ นี้มีข่าวลือในวงสังคมบอกว่าตระกูลกู้พบตัวลูกสาวคนเล็กที่หายสาบสูญไปแล้ว
ตอนนั้นที่ตระกูลกู้เสียลูกสาวคนเล็กไป ครอบครัวนี้ก็แทบจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยเฉพาะเพื่อนรักของเขาอย่างกู้หนาน เพื่อนคนนี้เริ่มจะนิ่งเงียบ อีกทั้งยังทวีความเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น
เขารู้มาตลอดว่ากู้หนานไม่เคยยอมแพ้กับการตามหาน้องสาว ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลกู้ก็ไม่ละความพยายามเช่นกัน ไม่คาดคิดว่าจะหาตัวเธอจนพบ
เมื่อนึกถึงข่าวลือต่าง ๆ ในตอนนี้ เสินอวี้จิ่นก็อุทานออกมาในใจ แม้ว่าเด็กน้อยจะถูกพบตัวแล้ว แต่เธอก็ยังคงเป็นเด็กหญิงไร้เดียงสา ตระกูลกู้คงไม่เปิดเผยเรื่องของเด็กน้อยอย่างเป็นทางการ แสดงว่าอาจจะยังมีเรื่องบางอย่างต้องสะสางถึงได้ปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
แต่ไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจะมารับสายแทนพี่ชายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่ได้ยินเสียงอ่อนหวานนั้นก็พอจะจินตนาการได้ว่าตัวจริงจะน่ารักขนาดไหน สาวน้อยต้องเติบโตมาอย่างดีแน่นอน
เขาละอยากเจอสาวน้อยคนสุดท้องของตระกูลกู้จริง ๆ
[หนวนหน่วน พี่ใหญ่ของหนูทำอะไรอยู่เหรอ]
“พี่ใหญ่กำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ”
เยี่ยม เข้าทางเลย
เสินอวี้จิ่นประทับใจในความน่ารักของหนวนหน่วนอย่างมาก แม้ว่าจะได้ยินแค่เสียงก็ยังเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาได้
เด็ก ๆ ในวัยเดียวกันกับเธออย่างหลานของเขา มักจะเสียงดังและพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง เจอทีไรก็ปวดหัวทุกที แต่หนวนหน่วนกลับดูอ่อนหวานเหลือเกิน
อยากเห็นหน้าตาจะแย่แล้ว
[พี่เป็นเพื่อนของพี่ใหญ่ พอดีมีเรื่องอยากจะถามเขาหน่อย เดี๋ยวพี่วางสายแล้ววิดีโอคอลกลับมาอีกครั้งนะ หนวนหน่วนช่วยรับสายหน่อยได้ไหม]