ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 45 หนานจิ่นเปี๋ยหว่าน
บทที่ 45 หนานจิ่นเปี๋ยหว่าน
กู้หนานใช้มือเย็นแตะที่พุงกลม ๆ ของหนวนหน่วนผ่านเนื้อผ้า เจ้าตัวเล็กคงอิ่มแล้วอย่างที่บอก เขาจึงปล่อยเธอไปแล้วเริ่มกินผลไม้ที่เหลืออย่างสบาย ๆ
ณ ห้องประชุม หลังจากหน้าจอเจ้านายปิดลงไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
“ทุกคนได้ยินใช่ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกเจ้านายของเราว่าพี่ใหญ่”
“น่าจะเป็นเด็กผู้หญิงมากกว่า ฟังจากเสียงแล้วเธอน่าจะอายุแค่ไม่กี่ขวบ คงตัวเล็กจนสูงไม่ถึงกล้อง”
“ฉันงงไปหมดแล้ว นั่นใช่เจ้านายของเราจริง ๆ เหรอ ถ้าเขาไม่กลับมาคุยกับเราแบบเย็นชาเหมือนเดิมฉันนึกว่าเป็นคนอื่นแล้ว”
“จริง ๆ สีหน้าของเจ้านายไม่ได้เปลี่ยนไปขนาดนั้น แต่ดูแล้วความรู้สึกต่างจากเดิมมาก”
“พระเจ้า! สาบานเลยว่าเมื่อกี้ฉันเห็นเขายิ้ม เห็นมุมปากที่ยกขึ้นมานิดหนึ่งนั่นไหม”
“ให้ตายเหอะ เค่อหลาย เธอตาไวมากนี่ เห็นอะไรบ้างไหม”
“ฉันเห็นเจ้านายยิ้มเหมือนกัน แววตาของเขาอ่อนโยนมากตอนที่ก้มหน้าลงไปมองเด็กคนนั้น”
“น่าจะกำลังมองน้องสาวอยู่แน่ ๆ”
“ว่าแต่เจ้านายมีน้องสาวด้วยเหรอ ไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”
“อยากเจอน้องสาวของเจ้านายจัง”
ประเด็นการพูดคุยเป็นไปอย่างเผ็ดร้อนเพราะเรื่องน้องสาวของเจ้านาย หลายคนเริ่มอยากกลับจีนไปแอบดูเลยทีเดียว
บางคนก็คิดถึงหนานเฟิงที่กลับจีนไปพร้อมกับเจ้านายขึ้นมา ไม่นานโทรศัพท์ของหนานเฟิงก็ดังไม่หยุด ทุกคนต่างอยากรู้เรื่องน้องสาวของเจ้านายและพากันขอดูภาพของเธออีกต่างหาก
โธ่ แต่เขาไม่มีรูปด้วยซ้ำ
หลังจากการประชุมออนไลน์ในห้องทำงานจบลง กู้หนานและหนวนหน่วนก็ลงบันไดมาชั้นล่าง
หนานเฟิงรีบเก็บโทรศัพท์พลางเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายผู้แสนเย็นชาที่กำลังเดินลงมาพร้อมกับเด็กน้อยน่ารักราวกับตุ๊กตาบอบบางในอ้อมแขน
เห็นได้ชัดว่าหนวนหน่วนเริ่มติดกู้หนานมากกว่าเมื่อก่อนมาก เธอกอดเขาไว้ด้วยแขนเล็ก ๆ แล้วซบลงบนตัวพี่ชายพร้อมกับดวงตาที่ยิ้มหยี
“เจ้านายครับ” หนานเฟิงเรียกร่างสูงด้วยความเคารพ แม้ว่าจะเคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนแต่ก็ยังไม่คุ้นชินกับมันเสียที
“เตรียมรถให้พร้อม”
กู้หนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ เพียงสั้น ๆ แล้วหันไปมองหนวนหน่วนในอ้อมแขน จากนั้นก็เริ่มคุยกับน้องสาวด้วยเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เอานมหรือน้ำดี”
หนวนหน่วนซุกไซ้หัวเล็ก ๆ ของตัวเองที่คอของพี่ชายอย่างอ่อนโยน แล้วตอบด้วยเสียงเล็กน่ารักว่า “เอานมค่ะ”
กู้หนานเข้าครัวไปพร้อมกับน้องสาวตัวน้อยโดยไม่ลังเล มีนมอุ่น ๆ เตรียมไว้ในครัวตลอดเวลาอยู่แล้ว เขาเพียงหยิบมันออกมาจากตู้แล้วป้อนให้น้องสาวก็เท่านั้น
“ฉันจะพาหนวนหน่วนไปรับกู้อัน”
หลังออกจากครัว กู้หนานก็เอ่ยสั้น ๆ แล้วเดินออกไปพร้อมหนวนหน่วน
กู้หลินโม่เริ่มไม่พอใจ “นี่ หยุดเลย พ่อจะพาหนวนหน่วนไปเอง เรานัดกันแล้ว”
กู้หนานต่อรอง “งั้นก็อย่าเอางานมาให้ผม”
กู้หลินโม่นิ่งไป “…”
ลูกชายคนโตเริ่มจัดการยากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หลงกลเขาง่าย ๆ อีก
เท่านั้นยังไม่พอ กู้หนานยังหันหน้าไปทางผู้เป็นแม่แล้วเอ่ยอย่างไร้อารมณ์
“พ่อซ่อนเงินไว้หลังรูปแม่ที่โถงทางเดิน”
กู้หลินโม่แทบจะหน้าคะมำลงไปกับพื้น เขาได้แต่ขบกรามมองลูกชายคนโตเดินจากไป สันหลังชาวาบไม่กล้าหันไปเผชิญหน้ากับภรรยา
ส่วนคุณหญิงกู้ยิ้มให้ลูกชายพร้อมยกนิ้วให้ “เยี่ยมมากลูก”
ท่าทางจะแย่ซะแล้วสิ
“ตาเฒ่ากู้”
เสียงหวานที่ดังขึ้นข้างหูของกู้หลินโม่ทำเอาขนลุกไปทั้งตัว เขากะพริบตาปริบ ๆ กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ใครจะไปคิดว่านายใหญ่ของกลุ่มธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของทุกคน ขึ้นชื่อเรื่องความสุขุมเด็ดขาด ได้ชื่อว่าเป็นเสือยิ้มยาก จะอยู่ภายใต้อาณัติของภรรยาแบบนี้ แม้แต่เรื่องเงินก็อยู่ในการควบคุมของนายหญิงทั้งหมด
กู้หนานที่เปิดโปงพ่อตัวเองอย่างง่ายดายเดินออกไปอย่างสบายใจพร้อมกับน้องสาวในอ้อมแขนที่มีท่าทีตื่นตกใจ
หนวนหน่วนคว้าแขนเสื้อของพี่ใหญ่อย่างเป็นห่วง “คุณพ่อจะไม่โดนตีเหรอคะ”
เด็กน้อยคนนี้อยากจะเข้าไปห้ามความขัดแย้งสินะ
กู้หนานแทบจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
เขาเอื้อมมือไปลูบหัวกลม “ไม่หรอก เงินนั่นจะหมดแล้ว”
หนวนหน่วนสีหน้าดีขึ้น ถ้าคุณพ่อไม่ถูกตีก็ไม่เป็นไรแล้ว
“ไปหนานจิ่นเปี๋ยหว่าน”
หนวนหน่วนมองพี่ใหญ่อย่างงุนงง ไหนบอกว่าจะไปรับพี่เล็กจากโรงเรียนไม่ใช่เหรอ
ท้ายทอยของเธอถูกลูบเบา ๆ อีกครั้ง หนวนหน่วนย่นคอเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวไปซบพี่ชาย
“หนานจิ่นเปี๋ยหว่านเป็นบ้านของพี่ พี่จะพาเธอไปยืนยันตัวตนไว้ ต่อไปจะเข้าไปที่นั่นเมื่อไรก็ได้ที่เธอต้องการ”
“ได้ค่ะ”
เด็กน้อยนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะถามขึ้นเสียงหวาน “พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอคะ”
คนเป็นพี่เข้าใจว่าบ้านของน้องสาวหมายถึงคฤหาสน์ตระกูลกู้ ดังนั้นเขาจึงต้องอธิบายเพิ่มเติมให้เธอเล็กน้อย
“พี่ชายโตแล้ว ก็เลยอยากจะสร้างบ้านของตัวเอง”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ “แล้วถ้าพี่กู้อันโตขึ้นต้องออกไปไหมคะ”
“อืม”
“แล้วหนวนหน่วนล่ะ โตขึ้นต้องออกไปไหนหรือเปล่า”
กู้หนานชะงักไปชั่วขณะเมื่อคิดขึ้นได้ว่า ถ้าโตขึ้นน้องสาวจะต้องแต่งงาน
แต่งงานเท่ากับย้ายออกจากบ้าน แบบนั้นคือการเสียน้องสาวไปอีกครั้ง
ไม่ได้สิ!
เขาเม้มริมฝีปาก คิ้วขมวดแน่น หนานเฟิงที่กำลังขับรถอยู่ด้านหน้าจึงเริ่มรู้สึกถึงความกดดันที่แผ่ไปทั่วรถ นั่นคืออาการของเจ้านายเวลาที่กำลังหัวเสีย ปกติถ้าเป็นแบบนี้หมายความว่ามีใครบางคนกำลังจะเจอลางร้าย
แต่ไม่มีทางเป็นหนวนหน่วนอยู่แล้ว
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มผ่อนอารมณ์ลง เขาเอ่ยตอบอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นว่าหนวนหน่วนหลุบตาลงต่ำ
“ไม่สิ”
นิ้วเรียวของกู้หนานกระชับมือเล็กนุ่มนิ่มของหนวนหน่วน “ตระกูลกู้ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่เล็กเป็นครอบครัวของเธอ เธออยากจะไปที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ แต่ไม่จำเป็นต้องจากพวกเราไป”
ส่วนไอ้หนุ่มที่จะมาแต่งงานกับหนวนหน่วนในอนาคต
ฮึ่ม!
หนานเฟิงแทบจะน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปริ่ม เจ้านายก็พูดอะไรยาว ๆ ออกมาได้นี่นา เขาแทบจะไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
หนวนหน่วนกะพริบตา เด็กน้อยไม่แน่ใจว่าทำไม แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าพี่ใหญ่ดูน่ากลัวขึ้นมาแปลก ๆ
หนานจิ่นเปี๋ยหว่าน เป็นคฤหาสน์ที่ล้อมไปด้วยทิวทัศน์สวยงามไม่ต่างจากคฤหาสน์ตระกูลกู้ รอบ ๆ เป็นย่านคนรวยที่มีแต่บ้านหลังใหญ่สร้างเอาไว้
กู้หนานพาน้องสาวไปลงทะเบียนลายนิ้วมือและใบหน้าในระบบยืนยันตัวตนของบ้าน เพื่อจะได้สามารถเข้าออกทุกส่วนของที่นี่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ มีอำนาจสูงสุดไม่ต่างจากเจ้าของบ้านอย่างเขา
หนานเฟิงเดาะลิ้นขณะมองอยู่ ที่นี่เป็นบ้านส่วนตัวที่เจ้านายมักจะมาอาศัยอยู่ นอกจากเขาก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาค้าง นับประสาอะไรกับการมอบสิทธิพิเศษขนาดนี้แก่คนอื่น ๆ การที่เจ้านายยอมให้เธอขนาดนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าหนวนหน่วนสำคัญต่อพี่ใหญ่มากแค่ไหน
“พี่ใหญ่คะ ทำไมไม่เห็นมีต้นไม้เลย”
เทียบกับคฤหาสน์ตระกูลกู้ที่มีไม้ดอกไม้ประดับหลากชนิดในสวน ที่นี่กลับดูว่างเปล่า ไม่มีต้นอะไรถูกปลูกเอาไว้เลยนอกจากสนามหญ้า
เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็ง่ายมาก “พี่ขี้เกียจดูแลน่ะ”
เจ้าของบ้านอย่างเขาไม่ชอบให้มีคนอื่นมาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว เหมือนเจ้าป่ารักสันโดษที่หวงอาณาเขต บ้านหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดเป็นครั้งคราวตามเวลาที่กำหนดไว้ แม่บ้านจะมาเพียงไม่นานเพื่อจัดการเรื่องความเรียบร้อยของบ้านเมื่อใช้งานเสร็จ
บางครั้งหนานเฟิงก็มาที่นี่เพื่อติดต่องาน แต่ก็ไม่เคยเจอใครเลยนอกจากเจ้านาย เพราะงั้นคนดูแลสวนนี่ผ่านไปได้เลย ไม่มีทางได้เข้ามาเด็ดขาด
สวนของบ้านหลังนี้จึงว่างเปล่ามาตลอด