ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 42 ท่าทีของพี่ใหญ่
บทที่ 42 ท่าทีของพี่ใหญ่
“มาเร็ว”
น้ำเสียงอันเย็นชาและทุ้มลึกเป็นเอกลักษณ์ของพี่ใหญ่ดังขึ้น หนวนหน่วนจึงอุ้มเหม่ยฉิวแล้ววิ่งไปทางพี่ชายด้วยขาสั้น ๆ ของเธอ
กู้หนานใช้มือเรียวยาวลูบหัวที่มีกลุ่มผมนุ่มลื่นของน้องสาว แม้เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทที่ชายหนุ่มสวมอยู่บ้านจะขับเสริมไอเย็นชา แต่หนวนหน่วนก็ไม่ได้หวาดกลัว เด็กน้อยเกาะติดพี่ใหญ่ของเธอไปทุกที่
“พี่ใหญ่คะ”
เจ้าตัวเล็กร้องเรียกพี่ชายเสียงแผ่วเบาพลางมองไปที่ชายหนุ่มน่าเกรงขามและดูเคร่งขรึมที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
กู้หนานมองเจ้าแมวดำที่นอนขี้เกียจในอ้อมแขนของน้องสาว จากนั้นถึงเบือนสายตาไปยังเจ้าหมาที่อยู่ไม่ไกล มันกำลังแยกเขี้ยวใส่เขา แต่กลับไม่กล้าก้าวขาออกมาเผชิญหน้า
“ของเธอเหรอ”
หนวนหน่วนพยักหน้าหงึกหงักแล้วอธิบายด้วยเสียงใส “ทั้งสองโตมากับหนวนหน่วน เจ้าแมวชื่อเหม่ยฉิว เจ้าหมาชื่อต้าหวง”
กู้หนานตอบรับในลำคอและไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเปิดกล่องใบเล็กในมือแล้วหยิบเอาสร้อยข้อมือคริสตัลที่อยู่ข้างในออกมา มันเป็นจี้ผีเสื้อสีใสเปล่งประกายสวยงาม
ก้านนิ้วสวยราวกับหยกสลักประคองมือเล็กของน้องสาวขึ้นมา ก่อนจะบรรจงสวมสร้อยข้อมือให้เด็กหญิงตัวน้อย
แมวในอ้อมแขนของเด็กหญิงเลียอุ้งเท้าของตัวเองด้วยท่าทางสง่า มันใช้นัยน์ตาสีเขียวสดชำเลืองมองร่างสูงก่อนจะกระโดดจากอ้อมแขนของเจ้าของไป
เมื่อมองไปที่กำไลข้อมือ ดวงตาคู่กลมโตก็เกิดประกายของความประหลาดใจ ม่านตาสีดำขลับส่องแสงแวววาวราวกับมีจักรวาลที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอยู่ภายใน มองแล้วช่างเป็นภาพที่แสนงดงามน่าหลงใหลเหลือเกิน
ในหัวกู้หนานพลันนึกถึงยามที่ได้สบตาคู่สวยนี้เมื่อแรกเกิด ในเวลานั้นใคร ๆ ต่างก็ชื่นชมว่าดวงตาของน้องสาวคนเล็กช่างงดงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยแสงแห่งความมีชีวิตชีวา
“พี่ใหญ่ อันนี้ของขวัญให้หนวนหน่วนเหรอคะ”
หนวนหน่วนชูกำไลเส้นงามต้องแสงระยิบระยับไม่แพ้ดวงตาของเธอขึ้น จี้รูปผีเสื้อจึงขยับไหวอย่างงดงามราวกับมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ
คนตัวเล็กชอบมันมาก เพราะมีความสุขดวงตาของเด็กน้อยจึงยกโค้งขึ้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอย่างน่าเอ็นดู ตอนนี้เธอจึงดูคล้ายกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ไร้พิษภัยและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใสอ่อนโยน
ดวงตาเย็นเยียบน่าเกรงขามของกู้หนานเองก็อ่อนลงอย่างไม่รู้ตัวยามได้มองน้องสาว
“ใช่ พี่ให้เธอ”
หนวนหน่วนย่นจมูกเล็ก ๆ แล้วตรงเข้าไปหาพี่ชายก่อนเอนร่างนุ่มนิ่มเข้าหาอ้อมแขนแกร่ง
พี่ใหญ่ไม่ได้มีเพียงบุคลิกเย็นชา ตัวของเขาก็เย็นอีกด้วย แต่หนวนหน่วนกลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด
คนตัวเล็กกุมฝ่ามือใหญ่เย็นเฉียบของชายหนุ่มด้วยมือเล็ก ๆ นุ่มนิ่มของตัวเอง จากนั้นถึงแนบแก้มกลมลงบนฝ่ามือพี่ชาย คิ้วน้อย ๆ โก่งโค้งขึ้น ใบหน้าที่คลอเคลียอยู่ที่ฝ่ามือของพี่ชายไม่ต่างกับแมวตัวจ้อยที่กำลังอ้อนเอาใจเลยแม้แต่น้อย
มือของพี่ใหญ่เย็นเฉียบ แต่ก็นุ่มนวลจนทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
กู้หนานมองภาพเด็กหญิงที่พิงอยู่บนตักของตนด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็ยกมุมปากแล้วใช้มืออีกข้างลูบผมนุ่ม ๆ ของน้องสาว
หนานเฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังของกู้หนานตามหน้าที่มองภาพนั้นอย่างเงียบ ๆ “…”
เจ้านายของเขาทำตัวแปลกตาขึ้นทุกที
ภาพพี่น้องทั้งสองเข้ากันได้ดีทำให้กู้หลินโม่ตื่นเต้น
ในที่สุดลูกชายก็ดูเปลี่ยนไปราวกับคนละคนสักที
ระหว่างมื้ออาหาร กู้หนานก็มองไปที่พ่อและปู่ของตัวเอง “งานเลี้ยงต้อนรับของหนวนหน่วนจะจัดเมื่อไรครับ?”
เพราะหนวนหน่วนกลับมาที่ตระกูลกู้แล้ว ทุกคนจึงตกลงกันว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของลูกสาวคนเล็ก พร้อมกับประกาศเรื่องตัวตนของเธอให้เป็นที่รับรู้กันอย่างเป็นทางการ เด็กน้อยจะได้ไม่เป็นที่พูดถึงในทางที่ไม่ดีในสายตาคนนอก
“พ่อเตรียมไว้แล้ว เราจะจัดในวันที่ 1 กันยายน วันเกิดของหนวนหน่วน อีกประมาณหนึ่งเดือน ฉลองวันเกิด ฉลองการกลับมาของน้องด้วย จะได้ประกาศให้รับรู้กันหมดว่าน้องเป็นลูกสาวของบ้านเรา ที่ต้องทำตอนนี้ก็คือดูแลหนวนหน่วนให้ดีแล้วก็พยายามเพิ่มน้ำหนักให้อีกหน่อย”
ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่าตระกูลกู้เป็นที่จับตามองในแวดวงสังคม ถ้าหนวนหน่วนที่ผอมบางมีน้ำมีนวลมากขึ้นอีกสักหน่อยก็คงจะดีกว่ายามปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
สำหรับคนในบ้าน ไม่ว่าเด็กน้อยจะดูเป็นอย่างไรก็น่ารักที่สุดในโลก แต่ผู้คนที่มาร่วมงานอาจไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าเด็กน้อยดูผอมโซเกินไปอาจจะมีภาพลักษณ์ไม่ดีในสายตาคนอื่น คนจิตใจไม่ดีอาจจะเอาลูกสาวตัวน้อยไปพูดถึงในทางเสียหาย ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้คิดสนใจคนพวกนี้ แต่สำหรับเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างหนวนหน่วน คำพูดแย่ ๆ พวกนั้นอาจสร้างแผลในใจแก่เธอได้
คนทั้งบ้านจึงอยากเตรียมงานวันเกิดของเจ้าหญิงน้อยให้สวยงามและสมบูรณ์แบบที่สุด
กู้หนานตอบรับเสียงเบาแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
หนวนหน่วนฟังผู้ใหญ่คุยเรื่องนี้อย่างว่างเปล่า ไม่ทันจะเข้าใจว่างานเลี้ยงคืออะไร กุ้งขาวเนื้อนุ่มเด้งก็มาวางอยู่ในชามตรงหน้า
กู้หนานคีบกุ้งที่ปอกแล้วลงในชามข้าวของน้องสาวแล้วบรรจงแกะเปลือกกุ้งอีกตัวอย่างช้า ๆ ด้วยนิ้วเรียวของตน
แขนเสื้อสีดำของเขาถูกพับขึ้นมาเล็กน้อย เผยกล้ามแขนสมส่วนออกมาสู่ครรลองสายตา มือเรียวสวยขยับไปมาอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างที่เจ้าตัวตั้งอกตั้งใจแกะกุ้ง เป็นภาพที่ทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
หนานเฟิงต้องการช่วยเจ้านายปอกเปลือกกุ้ง แต่เพราะเจ้านายไม่ได้ออกคำสั่งจึงทำได้แค่เพียงมองดู
ภาพหยกขาวสลักที่กำลังบรรจงแกะเปลือกกุ้งนั้นดูราวกับเขากำลังสร้างสรรค์งานศิลปะชิ้นหนึ่ง ทุกสายตาต่างมองอย่างแปลกใจและชื่นชม
กุ้งตัวที่สองถูกลอกเปลือกออกอย่างรวดเร็ว มันถูกวางเพิ่มไปในชามของเด็กน้อยอย่างเป็นธรรมชาติด้วยฝีมือของพี่ชายคนโต
เมื่อเห็นว่าน้องสาวยังนิ่งอยู่ กู้หนานจึงเอ่ยถามขึ้น “ไม่ชอบกินกุ้งเหรอ”
ถึงน้ำเสียงจะเย็นชาฟังดูไร้ซึ่งความอ่อนหวาน แต่การกระทำกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่คนในครอบครัวที่ดูจะคุ้นเคยกับเขามากก็ต่างมองกู้หนานด้วยความประหลาดใจ
พี่ใหญ่ของบ้านจอมเย็นชาเนี่ยนะกำลังแกะกุ้งให้น้อง ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเขารักสบายแค่ไหน ลูกชายคนนี้ไม่ชอบทำอะไรยุ่งยาก แต่ตอนนี้กำลังยอมลำบากเพื่อหนวนหน่วน
หนวนหน่วนส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ผมนุ่มสลวยจึงสะบัดไปมาตามแรงขยับ โดยเฉพาะลอนผมสีหม่นที่เด้งไปมา
“เปล่าค่ะ หนวนหน่วนชอบกินกุ้งมาก”
ว่าแล้วหนูน้อยก็กินข้าวกับกุ้งที่ได้รับมาอย่างรวดเร็วจนแก้มพองกลม รับรสแล้วดวงตาฉ่ำน้ำก็เปล่งประกายสดใสเหมือนกระรอกตัวน้อยน่ารัก
เมื่อเห็นน้องสาวที่น่ารักกำลังกินอย่างจริงจังด้วยท่าทางมีความสุข มุมปากของกู้หนานก็ยกขึ้นเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ เขายังคงปอกเปลือกกุ้งให้เธอเพิ่มอีก ตามด้วยปูตัวใหญ่ แถมยังแกะก้างปลาให้อย่างระมัดระวัง
หนานเฟิงมีสีหน้ามึนงง ใครจะคิดว่าเจ้านายที่สามารถทำให้เด็กร้องไห้ได้เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ กำลังทำสิ่งเหล่านี้อยู่ น้องสาวคนนี้คงจะมีพลังอำนาจอะไรบางอย่างแน่ ๆ
“พี่ใหญ่ก็กินด้วยสิคะ”
หนวนหน่วนคีบอาหารไปให้พี่ใหญ่ของเธอบ้าง
หนานเฟิงลังเลว่าจะบอกออกไปดีหรือไม่ว่าเจ้านายของเขารักสะอาดเอามาก ๆ ปกติแล้วจะไม่กินอาหารที่มีร่องรอยของตะเกียบของคนอื่น
ทันทีที่เขากำลังจะอ้าปากพูดก็เห็นว่าเจ้านายกินอาหารที่น้องสาวคีบให้อย่างรวดเร็วด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
เขาเห็นเต็มตาว่าในดวงตาเจ้านายมีความตื่นเต้นซ่อนอยู่
หนานเฟิงนิ่งอึ้งไปทันที “…”