ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 4 อัลบั้มภาพพี่ใหญ่กับพี่รอง
บทที่ 4 อัลบั้มภาพพี่ใหญ่กับพี่รอง
“หนวนหน่วน หนูมีพี่ชายอีกสองคนนะ พอดีพวกเขาไปต่างประเทศเพื่อทำโปรเจ็คต์สำคัญ ยังไม่สามารถกลับมาได้ แต่ยังไงเขาก็ใกล้จะจบแล้ว อีกไม่นานก็กลับมาแล้ว”
ขณะที่พูด คุณหญิงกู้ก็หยิบอัลบั้มรูปออกมาเปิดดูพร้อมกับแนะนำสมาชิกในครอบครัวให้หนวนหน่วนได้รู้จักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ในภาพเป็นวัยรุ่นสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ คนหนึ่งดูเคร่งขรึม อีกคนมีมาดสง่างาม ดูปราดเดียวก็สามารถแยกพวกเขาได้จากลักษณะนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน
“คนที่ดูเย็นชาคือพี่ชายคนโต ส่วนคนถัดไปที่หน้าเหมือนกันแต่ใส่แว่นคือพี่ชายคนรอง พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน แต่นิสัยใจคอต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว”
“พี่ชายคนโตน่ะไม่ค่อยพูด ใจเย็น บางทีก็เรียกว่าเย็นชาได้เลยแหละ ส่วนพี่ชายคนรอง พื้นฐานมีนิสัยอ่อนโยน ตอนนี้ทำงานในสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ลักษณะงานพิเศษหน่อย เราเลยติดต่อเขาไม่ได้ เขายังไม่รู้เลยว่าลูกได้กลับบ้านแล้ว”
คุณหญิงกู้พูดพลางลูบศีรษะหนวนหน่วนไปด้วย “พี่ชายสองคนเฝ้ารอวันที่ลูกจะกลับมาบ้านเสมอนะ”
หนวนหน่วนใช้นัยน์ตาดำขลับจ้องมองคนทั้งสองในอัลบั้มภาพ เธอรู้สึกว่าพี่ชายทั้งสองคนช่างดูดีเหลือเกิน ดูดีจนรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา พวกเขาจะชอบเธอจริงหรือ?
ราวกับรู้สึกได้ถึงความกังวลใจ คุณหญิงกู้ยกยิ้ม พูดต่อว่า “ตอนลูกเกิด พี่ชายทั้งสองคนนี้ชอบกอดลูกมากกว่าแม่อีกนะ ลูกเองก็ชอบให้พวกพี่เขากอดมาก หลังจากที่หนวนหน่วนหายไป พวกพี่เขาแทบจะพลิกทั้งหลินเฉิงตามหาลูก ไม่มีวันไหนเลยที่พวกพี่เขาไม่คิดอยากตามหาลูก”
หนวนหน่วนพยักหน้า ดวงตาแดงก่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกมาว่า “พวกพี่ใจดีจัง”
คุณหญิงกู้ยิ้มก่อนจะหยิบรูปถ่ายที่มีคนอื่น ๆ ในครอบครัวขึ้นมาให้เธอดู โดยเฉพาะกู้อัน เจ้าพี่ชายตัวดี
“ตานี่นี่ก็พี่ชายของลูก เจ้ากู้อันอายุมากกว่ากันแค่ไม่กี่ปีหรอก เขาปากไม่ตรงกับใจตั้งแต่เด็ก เป็นอันธพาลตัวน้อยของครอบครัว มีแค่พวกพี่ชายและคุณปู่เท่านั้นที่สามารถคุมเขาได้ พูดจาแต่ละอย่างก็ไม่ค่อยใช้สมองกลั่นกรองสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นถ้าหนวนหน่วนได้ยินพี่เขาพูดไม่ดีใส่ บอกคุณปู่หรือพ่อกับแม่ได้ตลอดเลย แม่เดี๋ยวจะช่วยสั่งสอนให้เอง ถ้าหนวนหน่วนทำให้เจ้าพี่ชายตัวดีคนนี้ศิโรราบลงพื้นได้ก็ยิ่งดี”
คุณหญิงกู้พูดติดตลกออกมาในที่สุด
หนวนหน่วนยิ้มอย่างเขินอาย เธอตัวเล็กบอบบางแบบนี้จะตีเขาได้อย่างไร
สองแม่ลูกพลิกดูอัลบั้มภาพแล้วพูดคุยกันอยู่เนิ่นนาน นอกจากนี้หนวนหน่วนยังเห็นรูปถ่ายของตัวเองเมื่อตอนอายุเพียงขวบเดียวด้วย เธออุ้มตุ๊กตาตัวเล็กสีขาวขนเนียนเรียบ ดูน่ามองต่างจากรูปลักษณ์ปัจจุบันของเธออย่างสิ้นเชิง
คุณหญิงกู้เอ่ยขึ้น “หนวนหน่วนเกิดมาหน้าตาดี ลูกหน้าตาเหมือนกับคุณย่ามากที่สุดในครอบครัวเลยนะ คุณย่าเป็นคนที่สวยที่สุดในตระกูลกู้เลย ตอนนี้ลูกผอมลงนิดหน่อย เลยดูขาดสารอาหาร ถ้ามีน้ำมีนวลมากกว่านี้ต้องเป็นสาวน้อยที่น่ารักที่สุดในตระกูลแน่นอน”
ได้ยินแล้วหนวนหน่วนก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
คุณหญิงกู้เปิดรูปเก่าให้ดู ซึ่งในรูปเป็นสาวงามในชุดกี่เพ้า เธอสวยราวกับนางฟ้าลงมาจุติ แม้แต่หนวนหน่วนก็ยังตกตะลึง
“นี่ไงจ๊ะคุณย่าของลูก น่าเสียดายที่ท่านไม่อยู่แล้ว…”
คุณหญิงกู้พูดพลางถอนหายใจ เด็กผู้หญิงในรูปรุ่นราวคราวเดียวกับเธอเมื่อยังเป็นเด็ก คุณย่ากู้เป็นผู้หญิงที่เธอชื่นชอบมากที่สุด เป็นดั่งเทพธิดาในใจของหญิงสาวผู้เกิดในครอบครัวมั่งคั่งทุกคน
“คุณย่า”
คุณหญิงกู้ยิ้มแล้วพยักหน้า “หนวนหน่วนของเรากับคุณย่าหน้าคล้ายกันถึงหกจุดเลยนะ ถ้ารอให้โตกว่านี้อีกหน่อย คงจะคล้ายกันเจ็ดหรือแปดจุดได้ คุณปู่รักคุณย่ามาก ตอนที่ท่านเจอหนวนหน่วนจึงร้องไห้อย่างไรล่ะ”
หนวนหน่วนยืนฟังผู้เป็นแม่เล่าเรื่องราวของคุณปู่กับคุณย่า มือยังคงถือรูปถ่าย ดวงตาจ้องมองผู้ไปยังหญิงที่ยิ้มอยู่ในรูปถ่าย คุณย่าช่างสวยจับใจเหลือเกิน
หลังจากดูอัลบั้มภาพและฟังเรื่องราวแล้ว คุณหญิงกู้ก็พาลูกสาวไปอาบน้ำสระผมและชำระร่างกายอย่างหมดจด ผมที่แห้งกร้านตอนนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เท่านั้นยังไม่พอ หนวนหน่วนยังได้สวมชุดนอนสีเหลืองสดใสสวยงาม เนื้อตัวห้อมล้อมไปด้วยไออุ่น
แม้ว่าร่างกายเธอจะผอมบางและเล็กแกร็น แต่สวมชุดใหม่แล้วก็ดูดีขึ้นมาก
ค่ำคืนนี้ หนวนหน่วนเข้านอนพร้อมกับคุณแม่บนเตียงใหญ่แสนนุ่มสบาย ช่วงแรกอาจมีเกร็งนิดหน่อย แต่เมื่อแม่เอื้อมมากอด เธอก็ผ่อนคลายลง เรือนผมพันยุ่งเหยิงอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่ คุณหญิงกู้ไม่ยี่หระ ลูบลงเบา ๆ ราวกับลูกสาวเป็นแมวน้อย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ช่างเหมือนความฝันของหนวนหน่วน เธอยังรู้สึกมึนงง ตั้งแต่จำความได้ เธอเติบโตขึ้นมาโดยการรับรู้ว่าตนเองไม่มีพ่อแม่ เป็นเพียงเด็กน้อยผู้น่าสงสารที่ไม่มีใครต้องการ
หลังจากที่คุณตาเสียชีวิต เธอมีชีวิตยากลำบาก ต้องอาศัยอยู่เพียงลำพัง คิดแล้วก็คับแค้นใจ ได้แต่สูดจมูกขึ้นพรืดหนึ่งแล้วซุกหาอ้อมอกผู้เป็นแม่
“แม่…”
น้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนของคนในอ้อมกอด ใครเล่าได้ยินแล้วไม่น้ำตาพาลไหล
“ขอบคุณคุณแม่ คุณพ่อ พี่ชายทุกคนนะคะ”
ขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ในการพยายามตามหาเธอมาตลอด ถึงจะอายุเพียงห้าขวบ แต่เธอก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขา เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน เธอย่อมต้องทำงานหนัก ที่ผ่านมาได้แต่ทำงานหนักเพราะมองไม่เห็นอนาคตที่ปลายทางข้างหน้า
“หนวนหน่วนเด็กดี”
เมื่อคุณหญิงกู้นึกถึงความยากลำบากที่หนวนหน่วนได้ผ่านมาในช่วงหลายปี เธอก็คิดว่าลูกสาวควรจะได้รับสรรเสริญจากคนหลายพันคน เพราะหนวนหน่วนต้องทนทุกข์ทรมานจากความประมาทเลินเล่อของพวกเขา
“คุณแม่ ไม่ร้องนะ”
หนวนหน่วนเอ่ยขึ้นพลางยกมือออกมาจากใต้ผ้านวมผืนใหญ่เพื่อเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นแม่
“อืม แม่จะไม่ร้องไห้แล้ว”
คุณหญิงกู้ยิ้ม กระชับเด็กหญิงตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน
เย็นวันนี้คนในตระกูลกู้ที่หัวใจหนักอัดอึ้งมาหลายปี ในที่สุดก็สงบลงเสียที
…
ในวันรุ่งขึ้น หนวนหน่วนก็ตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะนี่คือนาฬิกาชีวิตที่ถูกฝึกมา เธอลืมตาก่อนหกโมงเช้าเสียอีก ดวงตากลมโตกวาดมองสภาพแวดล้อมอันไม่คุ้นชิน ภายในหัวยังคงว่างเปล่า กว่าความทรงจำจะกลับมาก็สักพักเลยทีเดียว
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ดวงตาทั้งสองของหนวนหน่วนก็เบิกกว้างขึ้น เธอมองไปด้านข้าง พอเห็นว่าแม่ของตนนอนอยู่ข้างกายก็โล่งใจ ความอัดอึ้งในใจที่แล่นผ่านเข้ามาเมื่อครู่นั้นยิ่งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน
“มันไม่ใช่ความฝัน…”
หนวนหน่วนพึมพำอย่างมีความสุข
มือเล็กยกขึ้นตบหน้าตนเอง กระนั้นสีหน้าก็ยังงุนงงเล็กน้อย เธอใช้ฝ่ามือยันคาง นั่งหัวเราะคิกคักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วสงสัย ดูจากภายนอกไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
หนวนหน่วนเหลือบมองแม่ที่ยังหลับสนิท ก่อนจะลุกออกจากเตียงด้วยเสียงเบาที่สุด เท้าเล็กบรรจงสวมรองเท้าแตะนุ่มสบายแล้วก้าวทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง ใบหน้าตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความสุขใจ
เด็กหญิงตัวน้อยเขย่งเอาผ้านวมคลุมห่มให้ผู้เป็นแม่แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป เธอม้วนแขนเสื้อขึ้น หยิบเสื้อผ้าสกปรกที่เปลี่ยนเมื่อวานขึ้นมาพลางเดินไปรอบ ๆ
เธอไม่รู้ว่าต้องเอาไปซักที่ไหน
หลังจากคิดอยู่เนิ่นนาน หนวนหน่วนก็เปิดประตูอย่างเบาที่สุดแล้วเดินออกไป
ผู้ดูแลคฤหาสน์ปกติเป็นคนตื่นเช้า เขายืนอยู่ข้างล่างรออยู่แล้ว เมื่อได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น เห็นหนวนหน่วนเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
“ทำไมคุณหนูตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะครับ”
เมื่อเห็นชายชราเดินมา หนวนหน่วนก็ประสานมือเข้าด้วยกันเพื่อแสดงมารยาท
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณปู่ผู้ดูแล”
เสียงเล็กฟังดูนุ่มนวลราวกับสัมผัสขี้ผึ้งและผิวของน้ำนม ฟังแล้วช่างไพเราะจับใจผู้ฟังเหลือเกิน
ผู้ดูแลคฤหาสน์เดินมาหาด้วยท่าทางอ่อนโยน เขามองเด็กหญิงตัวน้อยแล้วย่อเข่าลงเล็กน้อย “คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
หนวนหน่วนเล่นนิ้วพันกันอย่างเขินอาย “หนู… หนูอยากซักชุดที่เปลี่ยนเมื่อวาน แต่… แต่ไม่รู้จะเอาไปซักที่ไหน”
ผู้ดูแลคฤหาสน์ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็นึกได้ถึงประสบการณ์ของหนวนหน่วนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน
คุณหนูคงลำบากมาเยอะ…
“คุณหนูไม่ต้องทำของพวกนี้หรอก ที่บ้านมีคนใช้ที่สามารถซักผ้าและเตรียมเสื้อผ้ามากมายให้นายหญิง เสื้อผ้าเก่า ๆ พวกนี้สั้นไปแล้วสำหรับคุณหนู อาจจะไม่ต้องใส่มันอีกแล้ว”
ด้วยความเคยชินกับการที่ต้องอดออม หนวนหน่วนจึงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้ดูแลคฤหาสน์พูดสักเท่าไหร่ แต่แล้วเด็กหญิงตัวน้อยก็จำได้ว่าในตู้มีเสื้อผ้าและกระโปรงสวยงามอยู่มากมาย เธอจึงไม่จำเป็นต้องใส่ชุดเดิมซ้ำ ๆ อีกต่อไปแล้ว
เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว ชุดที่เธอนำมาก็ดูเหมือนจะไม่เข้ากับที่นี่สักเท่าไหร่ และอาจจะใส่ต่อไม่ได้แล้วด้วย ถ้ายังนำมาใส่ เธออาจถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้ รวมถึงแม่ก็อาจถูกหัวเราะเยาะเช่นกัน
หนวนหน่วนเงยหน้าขึ้น พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและจริงจัง “อืม หนวนหน่วนคงใส่ไม่ได้แล้ว”
เธอมีเสื้อผ้าใหม่หลายชุดที่แม่ของเธอเตรียมไว้ให้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเสื้อผ้าใส่อีกต่อไป อย่างไรก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอีกเรื่องหนึ่ง