ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 36 ความรู้สึกผิดชอบของกู้อัน
บทที่ 36 ความรู้สึกผิดชอบของกู้อัน
หลังจากที่รถของตระกูลกู้เคลื่อนออกมาจากโรงเรียนหนานเฉิงกุ้ยจื่อ คนตัวเล็กกลับรู้สึกได้ถึงเสียงที่ดังมาจากด้านข้างของเธอ
หนวนหน่วน “???”
เธอหันหน้าไปมองพี่คนเล็ก ก่อนจะเห็นว่าเขากอดอก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหันศีรษะไปอีกด้าน
ได้ยินผิดไปหรือเปล่านะ?
“ฮึ่ม!”
คราวนี้เสียงชัดเจนมากขึ้น กู้อันเหลือบมองหนวนหน่วนแล้วตะคอกใส่เธออย่างจงใจก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง
หนวนหน่วนมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า “พี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
กู้อัน “เปล๊า!”
หนวนหน่วนจ้องมองเขาแล้วกะพริบตาพริ้ม ก่อนจะไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
กู้อัน “…”
“ฮึ่ม!”
หนวนหน่วน “…”
พี่คนเล็กดูอึดอัดในลำคอมากเป็นพิเศษ
“ถามหน่อย เธอเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของใคร?”
ด้วยความที่น้องสาวไม่ค่อยฉลาดนัก อย่าได้หวังเลยว่าเธอจะคิดออกด้วยตนเอง กู้อันเลยต้องเกริ่นออกมา
หนวนหน่วนตอบทันที “เป็นน้องสาวของพี่ค่ะ”
กู้อัน “แล้วทำไมถึงทำกับกู้หมิงหลี่ดีกว่าฉัน!”
หนวนหน่วนแก้ตัวอย่างสัตย์จริง “ก็นั่นพี่สี่ไงคะ พี่สี่ของหนวนหน่วน แล้วก็เป็นพี่สี่ของพี่ด้วย”
“จะมีพี่ที่ไหนทะเลาะกับน้องชายเช้ายันค่ำแบบนี้?”
“แต่ว่าเขาเป็นพี่สี่จริง ๆ นี่หน่า ไม่เชื่อลองถามคุณพ่อดูก็ได้”
กู้อันเงียบลงอย่างไม่เต็มใจ รับรู้ได้ทันทีว่าหัวข้อสนทนานี้มันออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว เขาจึงวางมือบนสะโพก ตีหน้าขมึงทึงใส่น้องสาว
“ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ? เธอโง่รึเปล่า ต่อจากนี้ไปเธอต้องให้ฉันปกป้องเธอที่โรงเรียน!”
หนวนหน่วนมองเขาด้วยความไร้เดียงสา “เก่งจังเลยนะคะ”
กู้อัน “…”
หลังจากเห็นอีกฝ่ายงอแงอยู่นาน ในที่สุดหนวนหน่วนก็คิดบางอย่างออก
พี่คนเล็กพูดอย่างฉุนเฉียวราวกับว่า…
“พี่อิจฉาเหรอคะ?”
หนวนหน่วนพูดอย่างตรงไปตรงมา ทำให้สีหน้าของกู้อันแดงขึ้นด้วยความเขินอาย เขาตะโกนกลับไปเสียงดัง “จะเป็นไปได้ยังไง! ฮะฮะ อิจฉา? อิจฉาอะไรกัน! นายน้อยอย่างฉันไม่ใช่คนขี้อิจฉานะ!”
กู้หลินโม่ที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าแอบหาอุปกรณ์บันทึกเสียงบนรถ ก่อนจะตัดสินใจกดบันทึกคำพูดที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานของเจ้าลูกชายคนเล็ก
เขาว่าจะเอามาแบล็กเมลภายหลัง
“เบาเสียงลงหน่อย หยุดแกล้งน้องได้แล้ว แล้วนั่นเรียกใครว่านายน้อย?”
กู้หลินโม่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา กู้อันเลยกลัวหัวแทบหด เขาพยายามไม่แทนตัวเองว่านายน้อยอีกต่อไป
“ถึงยังไงก็ไม่ได้อิจฉา!”
หนวนหน่วนเด็กดีผงกหัวยอมรับ “อื้ม ๆ เห็นแล้วค่ะว่าพี่ไม่ได้อิจฉา”
กู้อันหยุดพูดไปชั่วขณะหลังรถไมบัค*[1] สีดำเคลื่อนเข้าไปในรั้วคฤหาสน์ของตระกูลกู้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเห่าของสุนัขที่ต้อนรับการกลับบ้าน
และในที่สุด ความหวังของกู้หมิงหลี่ก็ไม่เป็นไปดั่งที่คิด เพราะวันต่อมา คุณหญิงกู้ก็ได้พาเจ้าตัวเล็กไปเล่นที่สวนน้ำทั้งวัน หนวนหน่วนตื่นตาตื่นใจอย่างไม่ต้องสงสัย เล่นเสร็จเด็กน้อยก็เหนื่อยจนผล็อยหลับไป
ไม่แม้แต่จะตื่นมารับกู้อันหลังเลิกเรียนด้วย
กู้อันวิ่งออกจากประตูโรงเรียนอย่างตื่นเต้น เมื่อเขาเห็นเพียงพ่อของตนก็รู้สึกทั้งโกรธทั้งผิดหวัง
เขาดึงสีหน้าให้ไม่บูดบึ้งแล้วโยนกระเป๋านักเรียนใส่ในรถ แต่สุดท้ายก็ไม่วายหน้าบึ้งจนได้
ใช่สิ! ใครจะสนใจมารับเขาล่ะ!
กู้หลินโม่ละสายตาออกจากแท็บเล็ต เมื่อเห็นว่าสีหน้าของลูกชายคนเล็กแปรเปลี่ยน ไม่สามารถซ่อนอารมณ์ของตัวเองได้เลยสักนิดก็เงียบไปสักครู่หนึ่ง
“ไม่ถามหน่อยเหรอว่าทำไมหนวนหน่วนถึงไม่มารับ?”
กู้อันตอบกลับเสียงดัง “ใครจะสนกันว่าเธอจะมารับไหม ยังไงผมก็กลับเองได้!”
ช่างปากแข็งเหลือเกิน แต่อารมณ์โกรธที่แสดงออกมาดูไม่เหมือนกับคนที่ไม่สนใจเลยนะ?
งั้นก็อารมณ์ไม่ดีต่อไปเถอะ
เมื่อกลับถึงบ้าน กู้อันก็สาดส่องสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความดุเดือด แต่เขากลับไม่พบร่างคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย
เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ “คุณปู่ ทำไมวันนี้ยัยเด็กคนนั้นถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ”
ผู้เฒ่ากู้จ้องมองไปที่เขา “ยัยเด็กอะไร นั่นน้องสาวแกนะ!”
เพราะสายตาอยากรู้อยากเห็นของกู้อัน หลังจากจิบชาแล้ว ชายชราก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเนิบช้า “แม่เขาพาหนวนหน่วนไปเล่นสวนน้ำ สงสัยเล่นเยอะเกินไปหน่อยเลยผล็อยหลับไป ตอนนี้ก็ยังหลับอยู่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความว้าวุ่นในใจของกู้อันก็เบาลง เขาเดินบ่นกระปอดกระแปดขึ้นไปข้างบน
“ทำไมแม่ไม่รอปิดเทอมก่อนแล้วค่อยพาไป”
หลังจากวิ่งขึ้นไปข้างบน กู้อันก็นำกระเป๋านักเรียนไปเก็บก่อนจะวิ่งออกไปอีกครั้ง คราวนี้เขาแอบเข้าไปในห้องของหนวนหน่วน
ในห้องที่กว้างขวางสว่างสดใสและตกแต่งอย่างอบอุ่น เจ้าตัวน้อยกำลังนอนหลับบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่พร้อมกับกอดตุ๊กตากระต่ายไว้ข้างกาย โดยใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอจมอยู่ในผ้าห่ม ทำให้กู้อันได้เห็นเพียงผมสีดำนุ่มสลวยที่โผล่พ้นออกมาเท่านั้น เด็กน้อยดูเป็นเด็กดีเชื่อฟังเหลือเกิน การหายใจที่ยาวสม่ำเสมอนั้นทำให้หน้าท้องของเธอขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอไปด้วย
กู้อันก้าวย่องเข้าไปหยิบตุ๊กตากระต่ายออกมา ทำให้ผ้าห่มเปิดออกและเห็นท่าทางการนอนของเธออย่างชัดเจน
มือเล็กสองข้างยกเหนือศีรษะ นิ้วนุ่มนิ่มทั้งสิบนิ้วงอเล็กน้อย เมื่อมองดูแล้วกลับไม่มีความเย้ายวนเลยสักนิดเพราะนิ้วและฝ่ามือพวกนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลและหนังที่ด้านจากการทำงาน
ในตอนนี้ คนตัวเล็กกำลังนอนหลับอย่างสงบด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่ไม่มีพิษภัย
หนวนหน่วนนอนหลับตาพริ้ม ขนตาตกอยู่ภายใต้แสงเกิดเงาทอดออกมาเป็นเส้น ๆ ใบหน้าที่บอบบางดูสงบเสงี่ยม ราวกับตุ๊กตาที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีต
ยิ่งมองยิ่งเหมือนอ่อนแอและรังแกได้ง่าย แต่ถึงอย่างนั้น ความบอบบางเช่นนี้กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากปกป้อง
กู้อันวางมือของตนลงบนมือน้อย ๆ ของหนวนหน่วน ก่อนจะลูบไล้ฝ่ามือของเธอเพื่อสัมผัสรอยแผลที่เกิดขึ้น มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
เขายังเด็กตอนสูญเสียน้องสาวไป จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าในตอนนั้นนึกเสียใจหรือไม่ ความทรงจำนั้นเลือนรางเหลือเกิน สามปีที่เขาไม่ได้พบหนวนหน่วน เวลาเพียงเท่านี้แต่กลับเจือจางหลายสิ่งหลายอย่างไปได้มากมาย เขานึกถึงรูปลักษณ์ของน้องสาวไม่ค่อยออกนัก ดูเหมือนว่าความรักที่มีต่อเธอจะค่อย ๆ เลือนหายไปเช่นกัน
แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือเล็กของน้องสาว เป็นครั้งแรกที่กู้อันรู้สึกเกลียดทุกคนที่มีส่วนร่วมในการลักพาตัวเธอไป
“พี่…”
หนวนหน่วนกำมือของกู้อันแน่นก่อนจะลืมตาขึ้นมา ดวงตาเหลือบมองคนคุ้นเคยที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความงุนงง เด็กน้อยเรียกสติกลับมาได้ทีละนิด ท้ายสุดจึงเอ่ยเรียกคำว่า “พี่” ออกมาอย่างแผ่วเบา
เสียงร้องของน้องสาวทำให้กู้อันรู้สึกว่าตนต้องแสดงหน้าที่ความเป็นพี่ชายอย่างอธิบายไม่ได้ เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เขาอยากทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ จะได้ปกป้องน้องสาวตัวน้อยให้อยู่ภายใต้ปีกอันแข็งแกร่งอย่างปลอดภัย
เขาไม่อยากให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้ว
[1] ไมบัค เป็นรถยนต์สัญชาติเยอรมนี ถือว่าเป็นรถยนต์หรูหราขนาดใหญ่ราคาแพง ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน