ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 33 เอาอาหารเย็นไปให้พี่สี่
บทที่ 33 เอาอาหารเย็นไปให้พี่สี่
ถึงแม้ว่า… ขั้นตอนการทำนั้นจะยุ่งยาก แต่สุดท้ายก็ทำสำเร็จจนได้
ในบรรดาคนทั้งหมดที่ลงมือทำ เกี๊ยวของคุณหญิงกู้และหนวนหน่วนดูน่ากินที่สุด ตัวเกี๊ยวสีขาวนวล ไส้ห่อไว้กำลังดี ด้วยความพิถีพิถันของคุณหญิงกู้ พวกมันจึงถูกจัดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
“เอาล่ะ เกี๊ยวพวกนี้เก็บไว้ทานกันเองล่ะกัน ส่วนพวกนี้เอาไปให้หมิงหลี่ก่อน”
“โอเค~”
หนวนหน่วนขยันขันแข็งมาก เด็กน้อยตามติดแม่ตนราวกับเป็นหางติดตัวเพื่อไปดูเกี๊ยว หลังเกี๊ยวสีขาวถูกนำใส่หม้อก็รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนพ่อลูกสองหน่อกำลังจ้องมองผลงานของตนเองด้วยสายตารังเกียจและเหยียดหยาม
“พ่อ ทำไมทำได้น่าเกลียดกว่าผมอีก”
กู้หลินโม่ขมวดคิ้ว “ไร้สาระ แกน่ะสิน่าเกลียดกว่า!”
เขาได้ทีก็วิ่งห้าสิบก้าว หัวเราะเยาะคนที่วิ่งหนึ่งร้อยก้าว*[1] ใส่ลูกชาย
หลังจากเกี๊ยวสุกเรียบร้อย หนวนหน่วนกอดกล่องอาหารที่ห่อเรียบร้อยแล้วขึ้นไปนั่งบนรถพร้อมกับคุณพ่อและพี่ชาย
“คุณปู่ คุณแม่ บ๊ายบาย หนวนหน่วนจะรีบกลับค่ะ”
เด็กน้อยกล่าวอำลาอย่างแผ่วเบาก่อนจะจากไป ซึ่งทำให้คนฟังทั้งสองหัวเราะอย่างมีความสุข
“จะกลับแล้วโทรหาหม่าม๊าก่อนนะ”
“ค่ะ~”
ณ โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงกุ้ยจื่อ หลังจากคาบการศึกษาด้วยตนเองในตอนเย็น หลายคนก็รีบไปทานอาหารที่โรงอาหาร
กู้หมิงหลี่มองหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อไร้วี่แววสายเรียกเข้าก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ยัยเด็กน้อยนั่นลืมไปแล้วใช่ไหม
เขากดหาหมายเลขโทรศัพท์ของลุง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือจ่อปุ่มโทรออก ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ไม่ได้กดลงไปสักที
เขายังคงกลัวลุงของตนอยู่เล็กน้อย ถ้าเป็นลุงรับสายเขาคงอายจนอยากมุดดินหนี
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ!” กู้หมิงหลี่พึมพำออกมา
“เฮ้ ลูกพี่ กินข้าวเย็นยัง? ไปด้วยกันไหม?”
ถังเล่อวิ่งมาจากด้านหลัง พาดแขนลงบนไหล่ของกู้หมิงหลี่แล้วถามขึ้น
กู้หมิงหลี่เอาสองมือล้วงในกระเป๋า แววตาสาดไอดุดัน “ไม่ไป”
“ทำไมถึงไม่ไปล่ะ ปกติก็กินข้าวเย็นไม่ใช่เหรอ?”
กู้หมิงหลี่ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก “วันนี้ไม่ปกติไง เดี๋ยวมีคนเอาอาหารมาให้ ฉันกลับหอก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ใช้ร่างสูง ๆ ของตนเดินจากไปอย่างว่องไว ว่องไวที่ว่าคือนั่งคร่อมราวบันไดแล้วไถลลงไป คิ้วและดวงตาดูตื่นเต้นชอบกล ใครที่มองตามเรือนผมสีแดงปลาบคงได้แต่คิดว่า แม้แต่ในตอนกลางคืนที่ไร้แสงสาดส่องก็ยังดูไม่สุภาพอยู่ดี
กู้หมิงหลี่เป็นคนหล่อเหลาแต่ก็ดูดุร้าย การย้อมผมสีแดงนี้ทำให้เขาดูเหมือนตัวละครที่เดินออกมาจากการ์ตูนมากกว่า ไม่ได้ทำให้ใบหน้าหม่นหมองลงแต่อย่างใด
ถังเล่อมองไปยังกู้หมิงหลี่ที่เดินจากไปอย่างกระฉับกระเฉง ก่อนจะยกมือเกาหัวด้วยความงุนงง “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”
ลู่สิงจื่อเดินมาจากทางด้านหลังอย่างไม่เร่งรีบ ท่าทางที่เย็นชาและความเป็นหนอนหนังสือของเขานั้นทำให้เข้ากับเพื่อนนอกกลุ่มไม่ค่อยได้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าผู้ชายคนนี้แสบไม่แพ้กู้หมิงหลี่เลย
“เย็นนี้น้องสาวจะเอาอาหารมาให้ เขาก็เลยไม่อยากไปโรงอาหารไงล่ะ”
ลู่สิงจื่อเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“อะไรนะ!!!”
ถังเล่อและอู๋คว่างยืนตกใจอยู่ด้วยกัน “น้องสาวของเขาจะนำอาหารมาให้เหรอ?”
ลู่สิงจื่อไม่พูดอะไรมาก เขาเดินไปข้างหน้าต่อ
ตอนนี้ทั้งสองคนจึงไม่ไปที่โรงอาหารเช่นกัน พวกเขามุ่งหน้าเดินตามกู้หมิงหลี่ไป
“พี่หมิง ทำไมไม่ตอบเลย! น้องสาวของพวกเราจะมาตอนไหนเหรอ? เธอทำอาหารอะไรมาให้?”
กู้หมิงหลี่ตะโกนกลับไป “ใครคือน้องสาวนายกัน? ไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด!”
หลังจากรีบกลับมาที่หอพัก เปิดประตูห้องไปก็พบว่าความเป็นระเบียบเรียบร้อยที่สุดในห้องคือโต๊ะทำงานของลู่สิงจื่อ นอกนั้นไม่ต่างอะไรจากที่นอนสุนัขเลย
กู้หมิงหลี่ “…”
เมื่อก่อนไม่เคยคาดคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้…
“รีบทำความสะอาดที่นอนพวกแกสองคนด้วย อย่าให้น้องสาวฉันมาเห็น!”
น้องสาวของเขาช่างอ่อนหวานนุ่มนวล หากมาพบเจอหอพักที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับราวกับกลิ่นรองเท้าเช่นนี้ หนวนหน่วนคงกลัวเป็นแน่
เมื่อทั้งสองรับรู้ว่าบุคคลที่จะมาเป็นเด็กหญิงตัวน้อยจึงรีบลงมือทำความสะอาด
ในขณะที่สามหน่อกำลังทำความสะอาดห้องพัก รถคันหรูได้เคลื่อนตัวเข้ามาจอดตรงหน้าประตูโรงเรียน และหลังจากที่ประตูรถเปิดออก เด็กหญิงตัวน้อยก็ก้าวขาลงมา
หนวนหน่วนใส่ถุงน่องสีขาว เท้าน้อย ๆ สวมรองเท้ารูปกระต่ายตัวน้อย ท่อนล่างเป็นกระโปรงสีชมพูอ่อน ประกอบกับผมฟูฟ่องและใบหน้าน่ารักน่ามองนั้นทำให้ผู้คนเหลียวมองอย่างช่วยไม่ได้
ไม่อยากจะพูดสักเท่าไหร่นะ แต่โดยรวมแล้วหนวนหน่วนเป็นคนที่สวยพอสมควร เพิ่งกลับมาบ้านแค่เพียงไม่กี่วัน สภาพผิวของเธอกลับดีขึ้นเรื่อย ๆ แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ราวกับลูกปัดเปื้อนฝุ่นที่ถูกเช็ด นานวันยิ่งเปล่งประกายแสงของตัวเองออกมาในที่สุด
“คุณพ่อเอามาให้หนวนหน่วนเถอะค่ะ”
หนวนหน่วนที่ลงจากรถแล้วยังไม่ได้ก้าวเดินต่อไป เธอหันหลังกลับพลางยื่นแขนออกไปเพื่อรับกล่องอาหารที่ทำมาให้พี่สี่
“ไปเถอะ พ่อถือให้”
หนวนหน่วนเด็กดีผงก เธอเดินตามคุณพ่อที่กำลังถือกล่องอาหารไป ก่อนจะเบิกตามองดูโรงเรียนที่พี่สี่เรียนอยู่อย่างอยากรู้อยากเห็น
“ใหญ่จัง”
เด็กน้อยแววตาเป็นประกาย เมื่อเข้าไปในโรงเรียนก็ตกใจมาก ทำไมโรงเรียนในเมืองใหญ่ถึงงดงามเช่นนี้?
กู้อันเดินอยู่ข้าง ๆ หนวนหน่วน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียด ๆ “โรงเรียนของฉันก็ใหญ่ เดี๋ยวก็เป็นโรงเรียนของเราด้วยนั่นแหละ”
คิ้วและดวงตาของหนวนหน่วนตวัดขึ้น เด็กน้อยตอบกลับด้วยท่าทีไร้เดียงสา “ถ้าอย่างนั้นพี่จะมาเรียนที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ?”
กู้อัน “ใช่… ใช่แล้ว”
หนวนหน่วนเม้มปาก ก่อนจะคลี่ยิ้ม เผยฟันขาวสวยให้เห็น “ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็จะเป็นโรงเรียนของพี่กับหนวนหน่วนใช่ไหมคะ?”
กู้อัน “….”
คะแนนสอบเข้าของโรงเรียนสูงไปหน่อย แต่ว่า… ในฐานะพี่ชาย เขาต้องไม่เสียหน้าต่อหน้าน้องสาว!
“ใช่! แต่ต้องตั้งใจเรียนหนักมากถึงจะเข้าได้!”
หนวนหน่วนพยักหน้าลงอย่างเชื่อฟัง “อื้ม หนวนหน่วนจะตั้งใจเรียน พี่ก็ต้องตั้งใจเรียนเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพี่จะช่วยสอนให้หนวนหน่วนได้ไหม?”
เธอทำตาโต ขับประกายเปล่งปลั่งยามจ้องไปที่กู้อัน
กู้อันสวมบทหยิ่งผยองขึ้นทันที “ฉันฉลาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าเธอขอฉันก็จะช่วยสอนให้”
หลังจากพูดจบ กู้หลินโม่ก็จ้องมองด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
เกรดไม่ดีแท้ ๆ ยังกล้าพูดอีก!
คนจำนวนไม่น้อยต่างเข้ามาหาพวกเขา
กู้หลินโม่จึงหันไปหาลูกสาว “หนวนหน่วน ให้พ่ออุ้มมา”
หนวนหน่วนส่ายหัว “หนวนหน่วนยังไม่เหนื่อยค่ะ”
เธอยังพอมีแรงเหลือเฟือ เพราะเคยทำงานอย่างหนักตอนอยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวซี และแม้ว่าขาของเธอจะสั้นมาก แต่ก็ขึ้นบันไดได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยใจ นั่นคือการที่คุณพ่อคิดว่าเธอเหนื่อยแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน กู้หลินโม่ก็อุ้มหนวนหน่วนขึ้นก่อนจะเดินไปด้วยกัน
[1] วิ่งห้าสิบก้าวหัวเราะเยาะคนที่วิ่งหนึ่งร้อยก้าว เป็นสำนวนแปลว่า หัวเราะคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็มีข้อบกพร่อง