ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 31 หนวนหน่วนโทรหาพี่สี่
บทที่ 31 หนวนหน่วนโทรหาพี่สี่
เมื่อได้ยินคำชมจากน้องสาว คนเป็นพี่ก็รู้สึกสุขใจมาก แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรตามเดิม
เหล่าผู้ใหญ่ที่เฝ้ามองอยู่ถึงกลับกลอกตา
แต่ถึงอย่างนั้น หนวนหน่วนตัวน้อยก็ยังไม่ลืมคนอื่น ๆ เธอตักอาหารไปวางไว้ในจานของทุกคนอย่างพิถีพิถัน
“คุณปู่กินให้มากกว่านี้อีกนิดนะคะ คุณพ่อกับคุณแม่ก็ด้วย”
คนตัวเล็กพยักหน้าลงน้อย ๆ ก่อนจะจับชามแล้วลงมือทานข้าวอย่างจริงจัง ทุกคนที่มองอยู่ต่างอยากอาหารมากกว่าเดิม
“หนวนหน่วน กินสิ”
กู้อันเอ่ยเสียงเบาหวิวขณะคีบผัก แววตาที่เป็นประกายของหนวนหน่วนอาจทำให้ผู้ที่พบเห็นเสียอาการได้ และความแปลกใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี้ก็ทำให้ตระกูลกู้ยินดีปรีดายิ่งนัก
หลังทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย หนวนหน่วนนั่งพักพิงเอนกายข้างคุณพ่อก่อนจะใช้โทรศัพท์โทรหาพี่สี่หรือกู้หมิงหลี่
กู้หมิงหลี่เล่นบาสเกตบอลอยู่กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน เขากำลังขยี้เรือนผมสีแดงปลาบของตน ต้องบอกว่าการย้อมสีผมเช่นนี้บ้าบิ่นมาก แม้ว่าอาจารย์จะบังคับให้ย้อมสีผมกลับ แต่มีหรือคนอย่างเขาจะยอมโดยดี หากโดนขัดใจ เขามักจะชอบโดดเรียน ใครในครอบครัวก็ห้ามไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องเมินเฉยสีผมเขาแทน
“ลูกพี่หมิง ฉันรับให้แล้ว!”
กู้หมิงหลี่ชู้ตบาสลงในแป้นบาส ความหล่อเหลาและท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่สง่างามของเขานั้นทำให้นักเรียนที่มาเข้าชมการแข่งขันรู้สึกเจ็บใจอยู่ไม่น้อย ส่วนเหล่านักเรียนหญิงนั้นนั่งกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่
เห็นได้ว่าเขาเป็นที่ชื่นชอบในโรงเรียนอยู่ไม่น้อย
“ใครวะ?”
เขาใช้นิ้วมือแคะหูเพื่อให้ได้ยินเสียงชัดเจนมากขึ้น ก่อนจะเดินเปื่อยออกนอกสนามไป
เด็กชายร่างอ้วนท้วมชำเลืองมองตัวอักษรที่อยู่บนหน้าจอแล้วพูดว่า “ลุงนายโทรมา”
กู้หมิงหลี่เดินตัวโซเซจากความเหนื่อยล้า ร่างแทบประทับลงบนพื้น
“ใครนะ?”
อู๋คว่างยื่นโทรศัพท์ออกไปให้ “ลุงแกไง! เอาไปดูสิ”
กู้หมิงหลี่เดินไปหยิบโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อดูว่าไม่ได้ตาฝาด ทำไมจู่ ๆ ลุงก็โทรมาล่ะ?
แต่แล้วเขาก็นึกถึงเจ้าเด็กหนวนหน่วนขึ้นมา ไม่รู้ว่ายัยตัวเล็กนั่นจะโทรมาหรือเปล่า
จิตใต้สำนึกกระซิบเสียงเบาว่าให้รับโทรศัพท์ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะได้ยินเสียงของลุง ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงนุ่มนวลของหนวนหน่วนที่ดังแว่วขึ้นมา
[พี่สี่…]
เสียงน้ำนมเรียกคำว่าพี่ชายสองครั้ง จนสามารถได้กลิ่นความหวานทะลักหน้าจอออกมา มุมปากรวมถึงคิ้วของเขาต่างยกขึ้นเล็กน้อย
“ก็สงสัยอยู่ว่าลุงจะโทรมาทำไม ที่แท้ก็เป็นเจ้าเด็กน้อยนี่เอง”
คราวนี้น้ำเสียงของกู้หมิงหลี่ร่าเริงขึ้นเช่นเดียวกับเหล่าวัยรุ่นคนอื่นแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงของกู้หมิงหลี่ หนวนหน่วนก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ นัยน์ตาของเธอสุกสกาวเป็นประกายขึ้นมาทันที
[หนวนหน่วนคิดถึงพี่สี่]
อารมณ์ของกู้หมิงหลี่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สูญเปล่า คิดถึงก็เลยโทรมาหาเหรอ?”
[คุณพ่อบอกว่าเดี๋ยวจะเข้าไปหาพี่สี่ ได้หรือไม่ได้คะ?]
เสียงหวาน ๆ เล็ก ๆ ที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ถามขึ้นอย่างเกรงใจ ทำให้กู้หมิงหลี่นึกภาพใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นแต่ก็เกรงใจของญาติผู้น้อง และน้ำเสียงนี้ก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
เขาคลี่ยิ้มออกมา “ถ้าอยากมาก็มาเถอะ ใช่ว่าพี่จะห้ามความอยากของเธอได้ซะเมื่อไหร่”
เมื่อได้ยินว่าตนสามารถไปได้ เสียงของหนวนหน่วนก็ดีใจขึ้นมาราวกับได้ติดปีก
[ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูกับคุณพ่อจะไปหาพี่สี่นะคะ…]
ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงสายตาความไม่พอใจของใครบางคนส่งมา หนวนหน่วนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับกู้อันที่กำลังจ้องเธอเขม็ง
หนวนหน่วน “…”
ช่าง… ช่างน่ากลัวอะไรแบบนี้!
เธอเอียงศีรษะด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่อยากไปด้วยกันไหมคะ?”
กู้อันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใครจะสนใจอยากไปกับเธอล่ะ!”
จนถึงตอนนี้มองเธอผิดไปจริง ๆ น่าเสียดายที่เขาตักอาหารให้เธอมากมาย แล้วยังสอนให้เธออ่านเขียนอีก แบบนี้มันอกตัญญูชัด ๆ!
หนวนหน่วนมองคุณพ่อที่กำลังมองดูเขา “พี่จะไม่ไปจริงเหรอคะ?”
เห็นได้ชัดว่าอยากไปนี่นา
กู้อันบ่นกระปอดกระแปดไปมา เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ไม่อย่างนั้นเด็กน้อยคนนี้อาจเข้าใจผิดและคิดว่าเขาจะไม่ไปด้วยกัน
“เห็นแก่ว่าเธออุตส่าห์ชวนหรอกนะ ฉันก็เลยจะไปด้วย”
หนวนหน่วนเม้มริมฝีปากไม่ให้ยิ้ม แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับ “ถ้าอย่างนั้น คุณพ่อกับพี่ไปกับหนวนหน่วนเนอะ”
หลังจากพูดจบเธอก็มองไปอีกทาง “คุณปู่ คุณแม่ จะไปด้วยกันไหมคะ?”
คุณหญิงกู้ส่ายหัว “คืนนี้แม่มีนัดกับอาอี๋แล้ว”
ผู้เฒ่ากู้ก็ส่ายหัวปฏิเสธไม่ไปเช่นกัน “คนแก่เขาไม่ไปหาความสนุกที่โรงเรียนกันแล้วล่ะ”
หนวนหน่วนพยักหน้ารับ ก่อนจะคุยกับกู้หมิงหลี่ทางโทรศัพท์ต่อ
[หนวนหน่วน พ่อ แล้วก็พี่กู้อันจะไปหาพี่สี่ด้วยกันค่ะ]
กู้หมิงหลี่ได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย ในใจคิดว่าคงดีกว่านี้หากกู้อันไม่มาด้วย
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะรอนะ”
[พี่สี่ เดี๋ยวหนูจะเอาอาหารเย็นไปให้ หนูกับคุณพ่อคุณแม่ช่วยกันทำเกี๊ยวไว้]
กู้หมิงหลี่เลิกคิ้ว “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันรอฝากท้องมื้อเย็นกับเธอแล้วกันนะ”
น้ำเสียงราวกับน้ำนมอุ่น ๆ พร้อมกับการกระทำอันหวานชื่นตอบกลับมา [อื้ม พี่สี่ไม่ต้องกลัวอดหรอกค่ะ]
เสียงเล็ก ๆ ช่างหวานเจี๊ยบ กู้หมิงหลี่อาจไม่ทันสังเกตตัวเอง แต่ตอนนี้เขากลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมา เพื่อนของเขาเลยได้แต่มองด้วยความสงสัย
เมื่อวางสายโทรศัพท์ ร่างท้วมใหญ่ก็เดินเข้ามาตรงหน้า “ใครโทรมาน่ะ ดูสิ นายยิ้มจนคิ้วชนกันแล้ว”
สีหน้าชื่นใจเมื่อครู่ดูเบื่อหน่ายขึ้นมาในทันที กู้หมิงหลี่ใช้มือดันใบหน้าอ้วนท้วมนั่นออกไป
“หรือว่ามีแฟนแล้ว?”
บุคคลผู้มาเยือนจากอีกด้านหนึ่งเองก็ซุบซิบเพื่อถามข้อมูลด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กู้หมิงหลี่ยกขาเตะเพื่อนอย่างไม่เกรงใจ “อย่าเดาไปเรื่อย นี่น้องสาวฉัน”
หลังจากพูดถึงน้องสาว หน้าเขาก็เปี่ยมไปด้วยความสุข
เด็กชายรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งก็เดินมาส่งขวดน้ำให้กู้หมิงหลี่ เมื่อได้ยินคำพูดก่อนหน้าก็ถึงกับใช้นิ้วชี้ดันแว่นของตน
“หมายถึงน้องสาวที่พูดถึงในแชทกลุ่มวันนั้นใช่ไหม?”
ถังเล่อกระโดดเข้ามาร่วมวงอย่างร่าเริงหลังจากโดนเตะไป “เห้ย เรื่องจริงเหรอเนี่ย? นึกว่าท่านหมิงหลอกพวกเราซะอีก?”
กู้หมิงหลี่เงยหน้าขึ้นดื่มน้ำ ท่วงท่าการเคลื่อนไหวนั้นบ่งบอกถึงรสนิยมที่เก๋ไก๋และต้องมนต์สะกดอย่างอธิบายไม่ได้
เขาจ้องไปทางถังเล่อ “แล้วใครบอกนายว่าล้อเล่น? น้องสาวของฉันชื่อหนวนหน่วน ชื่อนี้น่ารักใช่ไหม”
“ให้ตาย…”
ถังเล่อใช้มือลูบขนแขนตนเอง “พี่ชาย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
กู้หมิงหลี่ยกขาเตะเพื่อนอีกรอบ “ที่พูดนี่จริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่ชื่อที่น่ารักด้วย แต่ทั้งน้ำเสียง ทั้งหน้าตา น้องสาวฉันก็ดีไปหมด”
ท่าทางที่ดูภาคภูมิใจเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังยกย่องตัวเองนั่นทำให้เพื่อนทั้งสามคนที่ยืนอยู่ข้างกู้หมิงหลี่รู้สึกประหลาดใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาเอ่ยปากชมพี่น้องของตนแบบนี้ ปกติแล้วเห็นมีแต่ดูหมิ่นผู้อื่น แต่นี่กลับเยินยออย่างนั้นหรือ? ประโยคเมื่อกี้ออกมาจากปากของกู้หมิงหลี่จริงหรือ?
อู๋คว่างผู้มีรูปร่างอ้วนท้วมยกมือเกาศีรษะด้วยความงุนงง “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวนายมีน้องสาวด้วย?”
กู้หมิงหลี่ “ไม่ใช่น้องสาวแท้ ๆ เป็นเด็กของบ้านลุงน่ะ”
ถังเล่อพูดขึ้น “เอ้า ดูท่าทางของนายเมื่อกี้สิ ภูมิใจมากจนฉันนึกว่าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ซะอีก”
อารมณ์ของกู้หมิงหลี่เริ่มไม่ดี “แล้วทำไมเธอถึงจะเป็นน้องสาวฉันไม่ได้ ลุงก็เป็นคนในตระกูลฉันไม่ใช่หรือไง?”